"ทำไมคุณถึงฆ่าพี่ชายของตัวเอง" "วิญญาณเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่พี่เสือต้องจ่าย"
สืบสวนสอบสวน,ชาย-ชาย,เลือดสาด,ดาร์ค,ไทย,สืบสวนสอบสวน,สยองขวัญ,ผี,วิญญาณ,ไสยศาสตร์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
โกลาหลกลสั่งตาย"ทำไมคุณถึงฆ่าพี่ชายของตัวเอง" "วิญญาณเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่พี่เสือต้องจ่าย"
'สิง' เด็กหนุ่มผู้มีสัมผัสพิเศษที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดี ฆาตกรรมพี่ชาย ร่วมสายเลือด
กับการถูกไล่ล่าจากวิญญาณ 'ผีมโนราห์' ที่ไม่มีที่มาที่ไป
การเอาชีวิตรอดและการปกป้องแสงสว่างหนึ่งเดียวในชีวิตที่มืดบอดอย่าง 'อิน' จึงกลายเป็นภารกิจสำคัญ
ควบคู่ไปกับการตามล่าหาความจริงอันดำมืดที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้มานานหลายปี
#โกลาหลกลสั่งตาย
WARNING
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง จากจินตนาการของผู้เขียน ตัวละคร เหตุการณ์ สถานที่ (บางสถานที่มีจริง) ไม่มีอยู่จริง ผู้เขียนไม่มีเจตนาล่วงละเมิดหรือจงใจให้เกิดความเสียหายต่อผู้ใด หรือ สิงใดก็ตาม
นอกจากนั้นยังไม่มีเจตนาลบหลู่ บิดเบือนศาสนา พิธีกรรม ความเชื่อ หรือประเพณีใด ๆ ทั้งสิ้น
อาจมีภาพหรือเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมในด้านพฤติกรรม ความรุนแรง และการใช้ภาษา ผู้อ่านที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรอ่านโดยใช้วิจารณญาณ
ภายในงานเขียนมีการใช้ภาษาถิ่นใต้และผู้เขียนกังวลเรื่องการผันเสียงในภาษาท้องถิ่น จึงมีการใช้ภาษากลางในการอธิบายร่วมด้วย
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยาย ชxช ใครหลงเข้ามาสามารถเปิดใจอ่านได้ แต่ถ้าไม่ไหวจริง ๆ สามารถกดออกไปสู่เนื้อหาที่ผู้อ่านต้องการได้เลย :)
TRIGGER WARNING
Abuse / Physical Abuse มีการใช้ความรุนแรงกับเหยื่อทางกาย
Abuse Relationship ความสัมพันธ์ที่มีการใช้ความรุนแรงทั้งการทำร้ายด้วยวาจาและการทำร้ายร่างกาย
Blood มีเลือด
Brutality การใช้ความรุนแรง, ทารุณ
Cutting ใช้ของมีคม
Corpse ศพ
Dead การตาย
Depiction of Death มีการบรรยายฉากการตาย
Dirty Talk มีการใช้คำพูดหยาบโลน
Drug Abuse การใช้ยาหรือสารเคมีแบบผิดวิธี
Ghost ภูตผี
Gore เนื้อหามีความโหดร้าย
Hallucinations มีอาการประสาทหลอน
Mental Abuse ใช้ความรุนแรงกดดันจนเกิดบาดแผลทางใจ
Mental Illness มีอาการป่วยทางจิต
Murder มีฉากฆ่าที่โหดร้าย
Sexual Harassment การล่วงละเมิดทางเพศ
Psychopath โรคจิต ไม่มีความนึกคิดผิดชอบชั่วดีเหมือนคนปกติ
Violence มีการใช้ความรุนแรง
Facebook : https://www.facebook.com/profile.php?id=61564472022894&%3Bref=embed_page
X : https://x.com/Writer_RTKDN
TikTok : https://www.tiktok.com/@writer_rtkdn
เงื่อนไขในการติดเหรียญ
ติดเหรียญ 5 เหรียญต่อ 1 ตอน
ตอนที่ 0-6 ฟรี!!!
อ่านฟรีก่อนติดเหรียญ 7 วัน (นับตั้งแต่วันที่เผยแพร่)
ตอนพิเศษติดถาวร
(ตอนพิเศษ 6 ตอน 1 ตอนมีเฉพาะใน E-book เท่านั้น)
Publish Date
ตอนที่ 1-7 : 11/10/2024 - 16/10/2024
ตอนที่ 8-22 และ ตอนพิเศษ : ลงทุกวันจันทร์ / พุธ / ศุกร์
เปิดเรื่อง : 11/10/2024
ปิดเรื่อง : 0/0/2024
“ไม่ได้ขู่ครับ แค่เป็นห่วง”
เจตถูกเย้าแหย่ซึ่ง ๆ หน้าถึงกับไปไม่เป็น หัวใจคนตัวเล็กเต้นระรัว พวกแก้มแดงก่ำและร้อนผ่าวอย่างไร้สาเหตุ คนขี้แกล้งเห็นภาพน่ามองแล้วอดไม่ได้ที่จะใจเหลว
คนนอกที่ต้องอยู่เป็นสักขีพยานได้แต่นั่งมองตาปริบ ๆ คล้ายทำตัวไม่ถูก สารวัตรใหญ่เกิดอาการอิจฉาตาร้อน ทั้ง ๆ ที่เขาทำให้พวกมันสองคนได้เจอกัน แต่ไหงมีแค่เขาคนเดียวที่อกหัก
สิงนั่งอยู่ข้างคนป่วย ฟังบทสนทนาของผู้ใหญ่แบบตามไม่ค่อยทัน ลุกขึ้นจัดแจงเสื้อผ้าให้อินแต่กลับไร้เงาสร้อยพระบนลำคอระหง “พี่เจตครับ สร้อยพระที่พี่อินสวมหายไปไหนเหรอครับ?”
เกมจ้องตาถูกสิงทำลายหมดสิ้น เจตจำต้องละความสนใจจากคนเจ้าชู้มาหาน้องแทน “วะ...ว่าไงนะสิง”
“สร้อยพระครับ มันไม่อยู่บนคอพี่อิน มันหายไปไหนครับ?” สิงถามด้วยใบหน้าฉายแววกังวล
“อาจจะอยู่ในกระเป๋าสัมภาระที่ทีมงานเอามาให้ ตอนถ่ายทำอินมันคงถอดออก เดี๋ยวพี่ไปดูให้” เจตเดินไปคุ้ยกระเป๋าสัมภาระของอินควานหาสร้อยพระที่สิงถามถึง
กลิ่นของผีมโนราห์ยังคงชัดเจนอยู่บนเรือนร่างของอิน จนสิงอดเป็นห่วงไม่ได้ สาเหตุอาจมาจากการที่อินไม่ได้สวมสร้อยพระ ทำให้เธอเข้าใกล้อินจนเกิดเรื่อง สิงแทบไม่อยากจะคิดถึงตอนก่อนที่อินจะหมดสติ
“เส้นนี้ใช่ไหมสิง” เจตเดินถือสร้อยก่อนยื่นมันไปให้เจ้าของ
สิงรับสร้อยมาพลางใช้นิ้วลูบคลำ “ใช้ครับ ขอบคุณนะครับพี่เจต” เขายกมือไหว้บริกรรมคาถาแล้วค่อยโน้มตัวลงไปสวมสร้อยกลับไปที่เดิม
หากแต่สิ่งที่เขาคิดไม่เป็นดั่งหวัง เพราะขนาดสวมสร้อยพระแล้วกลิ่นนั้นก็ยังอยู่บนตัว สิงจึงไม่คิดจะห่างจากคนพี่เกินสองก้าวหากไม่จำเป็น ด้วยกลัวว่าอินจะเกิดอันตรายถ้าไม่ได้อยู่ในสายตาของเขา
“พี่เจตครับ คืนนี้ผมขออยู่เฝ้าพี่อินนะครับ”
“ไหวเหรอสิง เพิ่งไปช่วยงานสารวัตรมาไม่ใช่เหรอ กลับไปพักผ่อนดีกว่าไหม”
“ไม่เป็นไรครับ สิงจะอยู่เฝ้าพี่อินเอง”
เจตไม่ห้ามต่อเพราะห้ามไปสิงก็ดึงดันที่จะอยู่ สู้คอยดูแลอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ ดีกว่า “โอเค ถ้าสิงไม่ไหวโทรหาพี่นะ”
“ครับ”
สายตานักสืบประสบการณ์มากกว่าสิบปีอ่านออกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ดีเกิดขึ้นกับอินแน่นอน แต่คงเป็นเรื่องที่เกินความสามารถที่เขาจะช่วยได้
“กลับกันเถอะ คุณอินจะได้พักผ่อน” ปราปพูดแทรกบทสนทนาน้ำลายเหนียวของกลุ่มคนตรงหน้า ที่คุยเมาท์กันอย่างออกรสออกชาติ
“งั้นกลับพร้อมกันเลยไหมครับคุณเจต” รามหันไปส่งสายตาหวานเชิญชวนแมวหยิ่งที่เขาหมายปอง
“เอ่อ... เอางั้นก็ได้ครับ แฟนไปเก็บของ” เจตตอบคนขี้หลี ก่อนหันไปสั่งงานผู้ช่วย
แฟนจัดการเก็บของทุกอย่าง เหลือเอาไว้เพียงแค่ของจำเป็น แล้วค่อยเดินกลับมาสมทบกับคนที่จะกลับพร้อมกัน
“พวกพี่ไปก่อนนะสิง สิงอยู่ได้ใช่ไหม?” เจตถาม
“ได้ครับพี่เจต ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
“ถ้ามีอะไรก็โทรหาพี่นะสิง” แฟนพูดกับเด็กหนุ่มบ้าง
“ครับพี่แฟน”
สิงยอมผละจากอินชั่วคราว เพื่อออกไปส่งแขกหน้าประตูที่ยังอยู่รัศมีสายตา
“ถ้ามีเรื่องอะไรก็โทรมา ฝากคุณอินด้วย”
“ครับสารวัตร”
ห้องพักวีไอพีกลับมาสู่ความสงบอีกครั้ง สิงเดินสำรวจบริเวณรอบห้องพลางบริกรรมคาถาบางอย่างไปด้วย ก่อนจะเดินหายเข้าไปทำธุระส่วนตัว
สายน้ำอุ่นจากฝักบัวติดผนังไหลอาบร่างกายเปลือยเปล่า ชำระล้างคราบเหงื่อไคลและความเหนื่อยล้าที่เจอมาทั้งวันหายลงท่อระบายน้ำไป เหลือเพียงความกังวลสุดท้ายที่ยังนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง
สิงออกจากห้องน้ำพร้อมกับผมเผ้าเปียกชุ่ม ผ้าขนหนูที่พาดอยู่บนบ่าถูกยกขึ้นมายีหัวพลางเดินไปนั่งพักบนโซฟาที่จะใช้ซุกหัวนอนในคืนนี้ เมื่อผมแห้งดีแล้วถึงค่อยเดินไปบอกฝันดีอย่างที่ทำทุกคืน ก่อนจะกลับมาล้มตัวลงนอนพักเอาแรง
“สิงหร”
“สิงหร!”
“สิงหร!!!”
สิงสะดุ้งตื่นจากการเรียกขานของใครบางคนที่เขาคุ้นเคย เปลือกตาเบิกโพลงขึ้นเมื่อรับรู้ได้ถึงกลิ่นเหม็นเน่าที่รุนแรงกว่าเดิมลอยคละคลุ้งไปทั่วห้อง
“หึ”
ริมฝีปากสีดำทะมึนแสยะยิ้มหลังจากที่เห็นเด็กหนุ่มตื่นขึ้นมา ปลายเท้าสีขาวซีดเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นผงสีดำและคราบเลือดกำลังก้าวเดินออกมาจากมุมห้อง
ลูกปัดหลากสีถูกร้อยเรียงจนกลายเป็นชุดนางรำ ประดับประดาอยู่บนเรือนร่างไร้วิญญาณกระทบกันไปมาจนเกิดเสียงตามจังหวะการก้าวเดิน พร้อมกับเสียงหวีดหวิวชวนขนลุกดังมาจากลมที่ลอดผ่านเข้ามาทางช่องประตูหน้าต่าง
การมาของเธอทำให้อากาศภายในห้องเหมือนติดลบ ขนอ่อนทั่วร่างสิงลุกชัน ความกลัวแผ่ซ่านไปทั่วแผ่นหลังก่อนจะลามไปยังปลายประสาททั่วร่าง แข่งขาหดเกร็งจนร่างกายไม่สามารถขยับเขยื้อนได้คล้ายถูกแช่แข็ง
ปลายเท้าผิวซีดราวกับหนังจิ้งจกก้าวเดินเข้าไปใกล้เตียงผู้ป่วย สัญชาตญาณสั่งการให้สิงพุ่งตัวไปปกป้องอินโดยที่เขาไม่รู้ตัว ราวกับว่ามันทำไปเองโดยอัตโนมัติ แต่การขยับเพียงหนึ่งก้าวเรียกสายตาดุดันของวิญญาณตนนั้นให้หันมาจ้องเขม็งเขาแบบตาไม่กะพริบคล้ายมนต์สะกดให้ร่างกายอยู่ภายใต้การควบคุมของเธอ
“อื้อ! อึก” ยิ่งเธอก้าวเข้าใกล้อินมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้หัวใจของสิงยิ่งเจ็บมากขึ้นเท่านั้น
สัพเพ สัตตา สุขิตา โหนตุ นิททุกขา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
เสียงระฆังดังก้องเป็นระลอก ให้ความรู้สึกเย็นสบายราวกับสายธารน้ำไหลชุ่มโชกหัวใจที่เริ่มห่อเหี่ยวของเด็กหนุ่ม เสียงทุ้มนุ่มลึกบริกรรมคาถาบทแผ่เมตตาส่งผลบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวร
บทสวดดูเหมือนจะทำให้เธอไขว้เขวไปจากการควบคุมร่างสิง นั้นทำให้เด็กหนุ่มได้จังหวะเร่งฝีเท้าเข้าไปใกล้คนพี่
“หยุด!!!”
ปลายนิ้วเรียวสวมปลอกเล็บสีทองเหลืองเปื้อนเลือดยกขึ้นชี้หน้าสิง ดวงตาสีขาวแปลเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานจ้องมองเขาด้วยความโกรธแค้น
“ยังไม่ถึงเวลาของมึง”
ข้อเท้าของสิงถูกตรึงไว้กับพื้นด้วยมือชุ่มเลือดหลายคู่ที่โผล่ออกมาจากพื้น มือลูบคลำไปตามน่องเรียว ปลายเล็บยาวจิกเกร็งลงบนเนื้อขาวจนเกิดแผล สร้างความเจ็บปวดให้กับเด็กหนุ่มสัมผัสพิเศษแต่นั่นยังไม่เท่ากับความห่วงหาอาทรที่เขามีต่อคนตรงหน้า สิงพยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการ แต่ยิ่งดิ้นปลายเล็บยิ่งฝังลึกลงไปบนผิวจนเลือดไหลซึมออกมาเป็นทางยาว
สายตาอาฆาตหลุบต่ำลงไปมองใบหน้าซีดเซียวของเหยื่อที่เป็นเป้าหมายตัวจริง ปลายปลอกเล็บกรีดกรายไปตามกรอบหน้าแผ่วเบาคล้ายหยอกล้อ แต่กลับสร้างความเจ็บแสบให้กับเจ้าของร่างที่นอนไม่ได้สติจนต้องส่งเสียงอื้ออึงในลำคอ
“พี่อิน!”
สิงพยายามดิ้นแรงเพื่อให้ตัวเองเป็นอิสระ เมื่อเห็นว่าผีร้ายตนนั้นเข้าถึงตัวคนที่เขาหวงแหนมากที่สุดในชีวิต
“ฮี่ ฮี่ ฮี่”
เสียงหัวเราะหวีดแหลมบาดหูดังระงมไปทั่วห้องอย่างบ้าคลั่ง
กึก กึก กึก
ผีตายโหงสองตน นัยน์ตากลวงโบ๋ ผิวสีดำจากการถูกเผาไหม้จนเกรียม รอยแตกตามผิวหนังมีน้ำเหลืองไหลย้อย ผมเผ้าบนหนังศีรษะเหลืออยู่หร็อมแหร็ม นอกจากนั้นยังมีวิญญาณที่ร่างกายขึ้นอืดเปียกชุ่มไปทั่วทั้งตัวกำลังห้อยหัวอยู่บนเพดานมุ่งหน้าตรงเข้ามาสิงเพื่อนพันธนาการยึดเขาไว้กับพื้นไม่ให้ขยับเขยื้อน
“วันนี้กูจะเอามันไปก่อน”
ผีมโนราห์หายขึ้นไปยืนทับบนตัวอินในชั่วพริบตา ใบหน้าก้มมองคนที่อยู่เบื้องล่างกำลังหมดลมหายใจด้วยแรงกดทับมหาศาลจากพลังของเธอ
ตึง ตึง ตึง
ฝ่าเท้าทั้งสองข้างกระทืบลงอย่างแรงบนอกแกร่ง สร้างความเจ็บปวดรวดร้าวให้กับเจ้าของร่างจนกระอักเลือด
“ไม่! อย่ายุ่งกับเขา!!”
สิงตะโกนลั่นห้องด้วยความเดือดดาล ฝ่ามือกำแน่นจนเส้นเอ็นปูด เขากัดฟันกรอดพร้อม ๆ กับเส้นความอดทนที่ขาดผึง เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีถูกขุดออกมาใช้เพื่อให้หลุดรอดจากเงื้อมมือของสิ่งไม่มีชีวิตจากนรกภูมิ
“อ๊าก!”
เด็กหนุ่มดิ้นพล่านอย่างไร้สติ มือปัดป่ายอย่างไร้ทิศทาง ทำให้ผีตายโหงกระเด็นกระดอนไปทั่วห้อง แต่จนแล้วจนรอด เขาก็ยังไม่สามารถหลุดพ้นไปได้ เพราะจำนวนของผีเหล่านั้นมีมากเกินกว่าที่เขาจะสู้ไหว
“ไอเด็กเปรต! ตั้งสติ!”
เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยตะโกนดังมาจากนอกอาคาร เรียกสติสิงให้กลับมาอยู่กับตัว เขาจึงใช้แรงทั้งหมดที่มีดึงแขนออกจากการเกาะกุมแล้วยกมือขึ้นพนมไว้กลางอก
ตะ มตฺถํ ปะกา เสนโต สตํธา อะหะ อิเม อะวิตะ อฺ อะมิ มะสะ นะโม
นะโมพุทธายะ นะโมพุทธายะ นโมพุทธายะ
พฺทโธ ธํมโม สํงโฆ ทะสะ ปุนะ มาโรกาสํง นะมะ พะทะ
เสียงบทสวดคละเคล้าไปพร้อมกับบทสวดแผ่เมตตาจากอีกฟากฝั่ง นอกจากจะแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรและภูตผีปีศาจแล้ว ยังแผ่กระแสความอบอุ่นมาให้กับสิงราวกับมันสามารถเพิ่มพลังวิญญาณให้กับเขาได้
ฝ่ามือเหล่าผีตายโหงและวิญญาณรับใช้ผละออกไป คล้ายกับว่าร่างกายของสิงร้อนผ่าวดังไฟนรกโลกันตร์จนไม่สามารถยึดเกาะได้อีกต่อไป
ผีมโนราห์กรีดร้องลั่นเมื่อต้องพบเจอกับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ ก่อนวิญญาณสลายได้พูดประโยคทิ้งท้ายเอาไว้ว่า… “กูจะกลับมาเอามันไปอยู่ด้วย”
เมื่อสถานการณ์กลับมาเป็นปกติสิงก็รีบพุ่งตัวเข้าไปหาคนที่เขาสุดรักสุดหวง ฝ่ามือลูบคลำไปทั่วตัว ควานหาร่องรอยบาดแผลที่ไม่ควรเกิดขึ้น ก่อนที่มืออีกข้างจะยื่นไปกดปุ่มฉุกเฉิน
“พยาบาลหน้าเคาน์เตอร์ค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ?” เสียงพยาบาลสาวดังมาตามสาย
“ช่วยเข้ามาดูอาการพี่อินหน่อยได้ไหมครับ?”
“ได้ค่ะ สักครู่นะคะ”
หลังจากสายตัดไปเพียงไม่ถึงหนึ่งนาที พยาบาลเวรก็เดินเข้ามาพร้อมกับรถเข็นอุปกรณ์ ดวงตาของเธอเบิกโตขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ามีคราบเลือดอยู่บริเวณริมฝีปากของอิน เธอทำการวัดความดันเพื่อดูอาการเบื้องต้น ก่อนจะขอตัวออกไปเรียกแพทย์เวร
เรสซิเด้นท์วิ่งตัวปลิวเข้ามาในห้อง รีบลงมือตรวจร่างกายของดาราหนุ่ม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาซักประวัติจากคนเฝ้าไข้
“คนไข้ไอเป็นเลือดได้ยังไงครับ?”
“...” สิงไม่รู้จะตอบคำถามหมอยังไง เพราะหากพูดความจริงออกไป เขาคงได้เป็นผู้ป่วยจิตเวชในโรงพยาบาลนี้อีกคน “เอ่อ… ไม่ทราบครับ จู่ ๆ พี่อินก็ไอเป็นเลือด”
คำตอบไม่ค่อยน่าฟังสักเท่าไหร่สำหรับแพทย์ปีหก “ก่อนหน้านี้คนไข้ฟื้นขึ้นมารึยังครับ”
สิงส่ายหน้า “ยังครับ”
สีหน้าของพยาบาลสาวและนายแพทย์หนุ่มแทบไม่ต่างกัน เพราะนี้ก็กินเวลานานหลายชั่วโมงแล้วตั้งแต่ที่อินถูกย้ายจากห้องฉุกเฉินมาพักที่หอผู้ป่วยใน “เป็นไปได้เหรอครับ ผมขอชาร์จของคนไข้หน่อยได้ไหมครับ” แพทย์เวรถามสิงด้วยความแปลกใจ ก่อนจะหันไปขอแฟ้มประวัติจากพยาบาล
สายตาถูกกวาดไปทั่วประวัติการรักษา เขาอ่านซ้ำไปมาอยู่สองสามรอบ แล้วค่อยส่งแฟ้มโลหะคืนกลับไป
“ผมขอตรวจคนไข้อีกรอบนะครับ” นิ้วมือเรียวยื่นไปปลดเชือกผูกเสื้อ เผยให้เห็นรอยแดงเป็นจ้ำขนาดใหญ่สองรอย “ในชาร์จไม่มีรอยพวกนี้ระบุไว้ มันเกิดขึ้นได้ยังไงครับ”
“มะ ไม่ทราบเหมือนกันครับ”
หมอหนุ่มถอนหายใจแรง ก่อนจะหันกลับมาประจันหน้ากับเด็กหนุ่มที่ทำท่าทางมีพิรุธ “ถ้าคุณไม่ตอบ ผมคงต้องเรียกตำรวจนะครับ”
“ผมไม่ทราบจริง ๆ ครับ แต่ผมไม่ได้ทำร้ายพี่อินนะครับ”
ดวงตาตี๋ตามแบบคนเชื้อสายจีนมองจ้องหน้าสิงอย่างจับผิด “ผมขอเครื่องอัลตร้าซาวด์หน่อยครับ” เมื่อไม่ได้คำตอบที่ต้องการ ก็ละความสนใจไปที่นางพยาบาลผู้ช่วยแทน
“ค่ะหมอ” พยาบาลเดินออกไปเข็นเครื่องอัลตร้าซาวด์เข้ามาในห้อง เจลใสถูกบีบลงบนแผงอกกว้าง หมอหนุ่มถึงค่อยเริ่มลงมือตรวจภายใน เครื่องมือทาบทับตามรอยแดงแต่กลับไม่พบความผิดปกติอะไร
“ภายในไม่ได้รับความเสียหายอะไรจากการตรวจเบื้องต้น พรุ่งนี้เช้าคนไข้จำเป็นต้องเอกซเรย์เพิ่มนะครับ”
“ได้ครับ”
“ผมรบกวนลงตารางนัดให้ด้วยนะครับ” หมอเวรหันไปพูดกับพยาบาล
“ได้คะคุณหมอ”
“ขอบคุณครับ ส่วนเรื่องที่คนไข้ยังไม่ฟื้น ผมคิดว่าอาจเกิดจากอาการหลับลึก เนื่องจากความเหนื่อยล้าของร่างกาย ยังไงผมจะแจ้งให้อาจารย์หมอทราบอีกครั้งตอนที่มาตรวจคนไข้ในวันพรุ่งนี้นะครับ”
“ครับคุณหมอ ขอบคุณครับ”
หมอหนุ่มรับไหว้แล้วเดินออกไปพร้อมกับพยาบาล ปล่อยให้ผู้ป่วยและญาติได้พักผ่อน
สิงเลื่อนเก้าอี้มาวางไว้ใกล้กับเตียงผู้ป่วย เขานั่งลงพลางหยิบมือเรียวมากุมเอาไว้ ท้องนิ้วลูบไล่ไปบนหลังมือ จากนั้นน้ำตาก็เริ่มไหลอย่างห้ามไม่อยู่
“พี่อิน อึก สิงขอโทษ ฮือ ๆ”
น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลอาบแก้ม หัวใจรู้สึกหนักอึ้งไปด้วยความกลัวและความรู้สึกผิด
สิงไม่สามารถปกป้องพี่อินได้…
สิงกลัวว่าจะเสียพี่อินไป…
เด็กหนุ่มฟุบหน้าลงข้างกายร่างโปร่ง ร้องไห้สะอื้นอยู่นาน ร่างกายที่ผ่านศึกหนักมาก็เริ่มประท้วง พลันทำให้เปลือกตารู้สึกหนักอึ้ง ก่อนที่สติจะค่อย ๆ เลือนหายไป
“สิง”
แรงเขย่าเพียงเล็กน้อย ช่วยดึงเด็กหนุ่มให้ตื่นจากความฝัน เมื่อเขาได้สติและประมวลผลได้ว่าเสียงเรียกเมื่อครู่คือเสียงของใคร ก็รีบเด้งตัวพรวดพราดขึ้นมาด้วยความตกใจ
“พี่อิน! พี่อินตื่นแล้วเหรอครับ” ฝ่ามือนุ่มลูบไล่ไปทั่วช่วงบนของคนพี่ด้วยความกระวนกระวายใจ
“โอ๊ย!” อินร้องเสียงหลงเมื่อฝ่ามือของสิงกดลงบนแผงอกจนรู้สึกเจ็บแปล๊บ
“พี่อินเจ็บตรงไหนครับ!” สิงถามพลางทำท่าทางกระต่ายตื่นตูม
“ตรงอก แต่ตอนนี้มึงช่วยหยิบน้ำให้กูก่อนได้ไหม?”
“พี่อินรอแป๊ปนึงนะครับ” สิงรีบกุลีกุจอหันไปรินน้ำใส่แก้ว เสียบหลอดพร้อมป้อนให้อินดื่ม “พี่อินเจ็บมากไหมครับ?”
“ก็เจ็บอยู่ น่าจะได้มาตอนที่กูล้ม”
เด็กหนุ่มหันไปเก็บแก้วน้ำ ก่อนหันมาถามเรื่องที่เกิดขึ้นกับอินในช่วงที่เขาไม่ได้อยู่ด้วย “พี่อิน เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”
อินหลุบตาลงต่ำ เลือดฝาดบนใบหน้าเริ่มจางหายไปเมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน “กูไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนวะ เกิดมากูไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้เลย”
“พี่อินเจอเธอใช่ไหมครับ”
“มึงพูดแบบนี้ แสดงว่ามึงรู้แล้วเหรอ ว่ากูเจอใคร”
สิงพยักหน้าราวกับจำยอมที่จะต้องตอบความจริง
อินถอนหายใจยาวเหยียด ความเครียดที่สุมในอกบั่นทอนเวลาชีวิตเขาไปหลายปี “มันเกี่ยวข้องกับการตายของไอเสือใช่ไหม?”
“คงเป็นอย่างนั้นครับ”
“แล้วคดีคุณเพรียวกับไอเด็กเจเจนั้นละ”
“ผมเจอเธอที่บ้านของพวกเค้าครับ”
“ไอเชี้ยเอ้ย! มึงพูดแบบนี้หมายความว่ามันอยากฆ่ากูเหมือนกันใช่ไหม”
ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนยังฉายชัดในความทรงจำของสิง แต่เขาลังเลที่จะเล่าให้อินฟังเพราะไม่อยากให้ตื่นกลัวและเป็นกังวล แต่สิงคงลืมไปว่าพวกเขาสนิทสนมกันมาเป็นสิบปี ไม่ว่าสิงจะแสดงอากัปกิริยาอย่างไร อินก็ล้วนแล้วแต่อ่านมันออกทั้งสิ้น “มึงมีอะไรปิดปังกู ไอสิง” อินถามเสียงแข็ง
สิงไม่กล้าแม้แต่จะสบตาคนพี่ นั่งอ้ำอึ้งอยู่ครู่นึงก็ต้องจำยอมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้อินฟังจนหมดเปลือก
“ทำไมมันถึงอยากได้กูวะ”
“ผมไม่ทราบครับ”
“ว่าแต่สร้อยที่มึงให้กูอยู่ไหนอะ”
สิงตอบด้วยหน้าถอดสี “สิงเก็บเอาไว้แล้วครับ”
“ทำไมไม่ใส่ให้กูวะ” สิงล้วงสร้อยออกมาจากกระเป๋ากางเกงให้อินดู “เชี้ย! แตกเลยเหรอวะ?!”
สร้อยพระที่สิงเคยให้อินสวมเอาไว้ เกิดรอยร้าวตั้งแต่กรอบด้านนอกลามไปจนถึงพระเครื่องที่อยู่ด้านใน รอยแตกลากยาวพาดผ่านลำคอ ทำให้เศียรถูกแยกออกจากลำตัว
“ไอสิง นี้ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ แล้วนะเว้ย”
“สิงขอโทษครับพี่อิน” สิงตอบเสียงเอื่อย ใจห่อเหี่ยวด้วยความรู้สึกผิด
“มึงจะขอโทษกูเพื่อ มึงเป็นคนส่งผีพวกนั้นมาทำร้ายกูเหรอ”
สิงส่ายหน้าทั้ง ๆ ที่ยังก้มหน้างุด
“มันไม่ใช่ความผิดของมึง ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่มึงจะมาขอโทษ หรือ มารู้สึกผิด พวกเราต้องช่วยกันหาทางออก”
“พี่อินคิดว่าพวกเราควรทำยังไงครับ”
“มึงกับกูไม่ใช่จอมขมังเวทย์ที่จะได้ปราปไอผีตัวนั้นได้ เพราะฉะนั้นต้องหาคนที่สามารถทำได้”
“แต่สิงไม่รู้จักใครที่จะสามารถช่วยเราได้เลยนะครับพี่อิน”
“กูก็ไม่รู้ แต่หลวงพ่ออาจจะช่วยได้”
“หลวงพ่อทศเหรอครับ”
“อือ”
“เมื่อคืน ผมได้ยินเสียงคล้ายหลวงพ่อทศด้วยครับ”
“ห๊ะ?!มึงได้ยินเสียงพ่อกู เอ้ย! หลวงพ่อเนี่ยนะ ตอนไหนวะ” อินร้องเสียงหลง
“ครับ ท่านปลุกให้ผมตื่นมาช่วยพี่”
“นี้กูเลี้ยงต้อยเด็กพลังพิเศษเหรอ?!” อินพูดติดตลกตามนิสัย
มุมปากสิงอมยิ้มนิด ๆ โดยไม่รู้ตัว “นี้ผมกลายเป็นเด็กเลี้ยงของพี่อินแล้วเหรอครับ”
“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงละวะ ส่งเสียให้อยู่สบาย ไม่ต้องกระดิกนิ้วทำเชี้ยอะไร ขาดก็แต่เรื่องบนเตียง”
ใบหน้าเริ่มขึ้นสีเมื่อคนพี่พูดเรื่องลามก ความรู้สึกที่มีอยู่เต็มอกทำให้จินตนาการจากคำพูดติดตลกเกิดเป็นภาพชัดขึ้นในหัวของคนไม่ประสีประสา
“มึงเขินเหี้ยไรไอสิง ทำเหมือนไม่เคยไปได้”
“...” สิงเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง สายตากลอกไปมาอย่างเลิกลัก
“อย่าบอกกูนะ ว่าช่วยตัวเองมึงก็ยังไม่เคยอะ” อินถามเสียงหลง อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองกับท่าทางเขินอายของเด็กการดูแล
“...”
อินกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะยื่นมือไปแตะบ่าคนน้องเบา ๆ คล้ายสงสาร “ไม่เป็นไร ค่อย ๆ เรียนรู้กันไป มึงยังเด็ก”
“ทำไมถึงเลยมาคุยเรื่องนี้ได้ละครับพี่อิน” สิงถามเสียงตะกุกตะกัก
“ไม่พูดแล้วก็ได้ เอาไว้กูหายดีแล้วเราค่อยไปหาหลวงพ่อด้วยกัน ระหว่างนี้มึงก็สวดมนต์ของมึงไปก่อนแล้วกัน”
“ช่วงนี้พี่อินต้องอยู่ใกล้ ๆ สิงนะครับ อย่าไปไหนมาไหนคนเดียวอีก”
“กูก็อยู่กับมึงตลอด จะมีก็แค่เมื่อวานนี้แหละที่กูไปทำงานคนเดียว”
“พี่เจตบอกว่าจะพักคิวงานพี่อินไปก่อน งั้นจนกว่าเราจะคลี่คลายสถานการณ์ได้ พี่อินอย่าเพิ่งรับงานได้ไหมครับ”
“อีกนานแค่ไหนวะกว่าจะคลี่คลายได้ ถ้านานมากกูอาจจะไม่มีเงินมาเลี้ยงมึงนะโว้ย ไอสิง”
“ผมมีเงินเก็บอยู่ พี่อินไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
อินพยายามกลั้นยิ้มก่อนจะหลุดขำพรืดออกมา “ฮ่า ๆ คือมึงจะเลี้ยงกูว่างั้น”
สิงกัดปากล่างด้วยความขัดเขิน “ผมไม่มีเงินเยอะขนาดนั้นหรอกครับ”
“หึ แล้วบอกจะเลี้ยงกู ช่างเถอะ แค่มึงคนเดียวกูเลี้ยงไหวอยู่แล้ว”
สถานการณ์เริ่มผ่อนคลายลงเมื่ออินเปลี่ยนเรื่องคุย นิสัยไม่ชอบคิดอะไรเยอะ นับเป็นเสน่ห์อย่างนึงที่ทำให้คนรอบข้างสบายใจที่จะอยู่กับเขา รวมถึงสิงที่สบายใจและเริ่มขลุกตัวอยู่กับอิน รู้ตัวอีกทีก็ปันใจให้เขาไปหมดแล้ว
ช่วงสายของวัน พยาบาลพาตัวอินไปห้องเอกซเรย์ตามที่หมอเวรได้นัดไว้ ก่อนที่หมอเจ้าของไข้จะเข้ามาเยี่ยมหลังจากผลออก
“จากผลเอกซเรย์ไม่มีบาดแผลตรงไหน มีเพียงรอยฟกช้ำบริเวณผิวหนังเท่านั้น เรสซิเดนท์บอกว่าเมื่อคืนคุณอินไอเป็นเลือด ไม่ทราบว่าตอนนี้รู้สึกยังไงบ้างครับ”
“ไม่เป็นไรแล้วครับ แค่เจ็บตรงรอยช้ำ”
“จากผลก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเหมือนกันครับ ส่วนจิตแพทย์จะเข้ามาช่วงบ่ายนะครับคุณอิน”
“จิตแพทย์เหรอครับ?” อินเลิกคิ้วถามอย่างไม่เข้าใจ
“ใช้ครับ คุณอินมีความเครียดสะสม อาจเป็นสาเหตุให้หมดสติในครั้งนี้ ผมจึงแนะนำให้เข้ารับการรักษาจากจิตแพทย์”
อินนั่งฟังพลางยิ้มแห้ง เพราะจริง ๆ แล้วที่เขาเป็นลมล้มพับไปเป็นเพราะผีมโนราห์ตนนั้นต่างหาก
ทีสะสมน่าจะเป็นผีมากกว่าความเครียด
“ถ้าอย่างนั้นหมอขอตัวก่อนนะครับ”
สิงเดินไปส่งหมอเจ้าของไข้ที่หน้าห้อง ก่อนจะเดินกลับมานั่งยิ้มหน้าบานพลางกระดิกหางให้เจ้าของอย่างร่าเริง ที่ได้ยินว่าคนพี่ไม่ได้เป็นอะไรมาก
“ยิ้มอะไร”
สิงยกยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงสวยเต็มปาก “ก็สิงดีใจนิครับ ที่พี่อินไม่เป็นอะไรมาก”
“กูก็ไม่เป็นอะไรมากอยู่แล้วป่ะ”
“ว่าแต่ พี่อินหิวไหมครับ กินข้าวเช้ากันเลยไหม”
“หิว เอามาป้อนหน่อยดิ”
สิงเดินยิ้มกว้างไปหยิบถาดอาหารมาวางไว้บนโต๊ะ ตระเตรียมวางช้อนและกระดาษเช็ดปากเอาไว้ให้เสร็จสรรพ เพื่อให้อินหยิบใช้ง่าย ๆ ไม่คิดว่าร่างโปร่งจะให้เขาป้อนจริงอย่างที่ปากว่า แต่อินกลับไม่ยอมหยิบช้อนตักอาหารสักที เอาแต่จ้องมองหน้าเขาสลับกับมองชามข้าวต้ม ก่อนจะส่งเสียงอ้าออกมาเพื่อให้สิงทำหน้าที่ของตัวเอง
อินอ้าปากรับข้าวต้มที่สิงป้อนอย่างสบายใจ ในมือถือสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่พิมพ์ข้อความยุกยิก ๆ โต้ตอบไปมากับผู้จัดการส่วนตัวที่ตอนนี้ยังคงวุ่นวายกับการต้อนรับแขกอยู่ที่วัด
“วันนี้พี่เจตจะให้แฟนมันมาเฝ้ากูที่นี่”
“ไม่ได้นะครับ!” สิงตอบเสียงดังลั่นห้องจนคนฟังสะดุ้งโหยง
“เออ กูรู้แล้วว่าห้ามอยู่ห่างมึง” อินแกล้งพูดประชดเด็กหนุ่มด้วยความเอ็นดู พักหลังมานี้เขารู้สึกว่าสิงคนใหม่แอบดื้อเงียบไม่เบา และมันทำให้หัวใจเขาเต้นไม่ค่อยเป็นจังหวะเท่าไหร่
สิงพยักหน้าถี่รัวพร้อมกับรอยยิ้มสดใส จนอินเผลอยกยิ้มตามอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่พอได้สติก็รีบเม้มปากแน่น แล้วเบือนหน้าหนีไม่ให้สายตาเห็นภาพน่ารัก ๆ ตรงหน้า
น่ารักเกินปุยมุ้ย?!
“ตอนค่ำ ๆ พี่เจตกับแฟนจะมา กูใช้ให้เขาเอาเสื้อผ้ามาให้มึงเปลี่ยนด้วย”
“ขอบคุณครับพี่อิน”
“ป้อนข้าวกูต่อได้แล้ว หิว!”
“ครับ”
เป็นครั้งแรกในรอบเดือนที่ปราปกลับไปนอนบ้าน ที่ตอนนี้เริ่มมีฝุ่นเขรอะเกาะหนาเป็นนิ้ว แต่เพียงเท่านี้ไม่ได้สร้างความระคายเคืองให้ผิวของเขาเลยแม้แต่น้อย แถมยังไม่สนใจที่จะทำความสะอาดมันอีกด้วย วันทั้งวันเอาแต่ขลุกตัวอยู่ในห้องทำงาน พยายามหาข้อมูลคดีอื่น ๆ ที่คล้ายกับคดีทั้งสามจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน
“ฮัลโหล ไอราม”
[โทรมาแต่เช้าแบบนี้ มึงยังไม่นอนใช่ไหม]
“เออหน่า กูจะส่งรายงานคดีไปให้ มึงช่วยกูดูหน่อยว่ามันเหมือนกับคดีที่พวกเรากำลังทำอยู่รึเปล่า”
[มึงไปนอนก่อนไหมไอปราป เดี๋ยวก็น็อกไปเหมือนเหมือนคุณอินขวัญใจมึงหรอก]
“เออ เดี๋ยวกูไปนอนหลังจากที่ส่งอีเมลให้มึง ช่วยกูดูหน่อย”
[มึงพูดเหมือนสามคดีนี้มีคนร้ายคนเดียวกัน มึงไปได้หลักฐานอะไรมา]
“กูไม่มีเหี้ยไรแบบนั้นหรอก หลักฐานที่กูมีกูก็ส่งให้มึงตรวจแล้วไง”
[ถ้างั้นทำไมมึงถึงหาคดีอื่นที่คล้ายกับสามคดีนี้]
“เอาจริง ๆ นะไอราม กูไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันกับมึงได้เลยว่าทำไม แต่มันมีสิ่งที่ทำให้กูมั่นใจ ว่ามันเคยมีคดีที่คล้าย ๆ กันเกิดขึ้นมาก่อน เพราะฉะนั้นมึงต้องช่วยกู”
[คดีที่เกิดคล้าย ๆ กัน?นี้มึงกำลังจะพูดว่าคดีพวกนี้คือ คดีฆาตกรรมต่อเนื่อง เหรอ?!]
ปราปถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเค้นเสียงตอบ “เออ”
[งั้นมึงรอกูอยู่ที่บ้านเลย สิบนาทีถึง]
พูดจบปลายสายก็ตัดสายไปทันที ปราปจึงต้องนั่งแหกขี้ตาตื่นรอเพื่อนสนิทมาช่วยทำงาน
ปี๊น ปี๊น ปี๊น!
รอไม่ถึงสิบนาที เสียงบีบแตรกวนประสาทจากเพื่อนสนิทก็ดังขึ้นที่หน้าบ้าน เขาจึงต้องรีบเดินออกไปเปิดประตูรั้วให้เพื่อนนำรถเข้ามาจอด
เสียงเครื่องยนต์ดับลงพร้อมกับร่างสูงโปร่งที่ผลักประตูออกมาจากรถสปอร์ตสัญชาติญี่ปุ่นถูกปรับแต่งจนสวยงาม ในมือหิ้วถุงพลาสติกหลายใบลงมาพร้อมกัน
“กูรู้มึงยังไม่ได้แดกอะไร กินไปคุยงานไปแล้วกัน”
“เออ”
สองสีเพื่อนรักเดินเข้ามาในบ้าน หมอรามแยกไปหาจานชามมาใส่อาหารเช้าที่แบกมาด้วย เขาเทอาหารใส่จาน แล้วค่อยยกออกมาวางไว้ตรงหน้าเพื่อนที่กำลังจ้องมองรายงานคดีอย่างไม่วางตา
“แดกก่อนไหม”
ปราปละสายตาขึ้นมามองหน้าเพื่อน เขาเลื่อนแล็ปท็อปไปตรงหน้ารามแล้วค่อยหยิบอาหารเช้าเข้าปาก ตามด้วยเครื่องดื่มร้อน ๆ ที่ซื้อมาด้วยกัน
“คดีพวกนี้เกิดขึ้นที่ต่างจังหวัด แถมเกิดมานานแล้วด้วย ผลชันสูตรก็มีรายละเอียดไม่มาก มีคดีอื่นอีกไหม”
“ล่าสุดที่หาได้ตอนนี้คือเมื่อห้าปีก่อน ไฟล์ที่กูเขียนว่าห้าปีนั้นแหละ หาดู”
หมอรามทำตามที่เพื่อนว่า เขากวาดสายตาอ่านไฟล์รายงานคดี ก่อนที่คิ้วเข้มจะย่นเข้าหากันอย่างประหลาดใจ เมื่อได้อ่านรายละเอียดในรายงานผลการชันสูตร
ปราปที่ลอบมองเพื่อนอยู่ เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของอีกฝ่ายก็รู้ได้ทันทีว่ามันเจอเข้ากับข้อมูลอะไรบางอย่างที่น่าสนใจเข้าให้แล้ว “มีอะไรวะ”
“สาเหตุการตายคล้ายกันเลยวะ”
“ยังไง”
“ไม่มีร่องรอยการต่อสู้หรือการถูกทำร้ายร่างกาย สาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตเกิดจากอาหารที่กินเข้าไปมีการปนเปื้อนสารพิษ”
“พิษอะไร”
“จากรายงานที่มี พิษเกิดจากสมุนไพรที่มีพิษหลายตัวรวมกัน”
“แล้วขี้ผึ้งที่ปาก มีป่ะ?”
“เรื่องนั้นไม่มีหรอก ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะถูกบันทึกไว้นะเว้ย ขี้ผึ้งทาปากก็ไม่ได้ดูเกี่ยวกับสาเหตุการตายด้วย”
“แล้วแบบนี้จะมั่นใจได้ไงวะ ว่ามันเกิดจากฆาตกรคนเดียวกัน”
“สถานที่พบศพกับสาเหตุการตายคล้ายกัน ต่อให้ยืนยันได้ไม่เต็มปาก แต่กูว่ามันก็น่าจะพออ้างอิงได้”
“ก็คงทำได้แค่นั้น”
“งั้นมึงดูคดีอื่นให้กูด้วย”
“ก่อนกูจะดูคดีอื่น มึงตอบกูมาก่อน ว่าอะไรทำให้มึงมั่นใจว่ามันเป็นการฆาตกรรมต่อเนื่อง”
ปราปถอดถอนใจเมื่อได้ยินคำถามของเพื่อน ไม่ใช่ว่าไม่มีคำตอบแต่ไม่รู้จะตอบยังไงให้ฟังขึ้นมากกว่า รามขึ้นชื่อว่าเป็นหมอที่คลุกคลีอยู่กับวิทยาศาสตร์และหลักเหตุผล การที่จะบอกว่ามันเป็นเพราะวิญญาณ รามคงได้หัวเราะเยาะเขาจนท้องแข็ง
“ไม่ทราบว่าเพื่อนรักจะบอกกูกี่โมงครับ” หมอรามประชด
“กูพูดไปแล้ว มึงจะเชื่อกูเหรอ”
“มึงก็พูดมาก่อนซิโว้ย”
“ผี”