"ทำไมคุณถึงฆ่าพี่ชายของตัวเอง" "วิญญาณเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่พี่เสือต้องจ่าย"

โกลาหลกลสั่งตาย - กลลวงที่ ๑๔ ฆาตกรรมต่อเนื่อง โดย เมื่อยามรัตติกาล @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

สืบสวนสอบสวน,ชาย-ชาย,เลือดสาด,ดาร์ค,ไทย,สืบสวนสอบสวน,สยองขวัญ,ผี,วิญญาณ,ไสยศาสตร์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

โกลาหลกลสั่งตาย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

สืบสวนสอบสวน,ชาย-ชาย,เลือดสาด,ดาร์ค,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

สืบสวนสอบสวน,สยองขวัญ,ผี,วิญญาณ,ไสยศาสตร์

รายละเอียด

โกลาหลกลสั่งตาย โดย เมื่อยามรัตติกาล @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"ทำไมคุณถึงฆ่าพี่ชายของตัวเอง" "วิญญาณเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่พี่เสือต้องจ่าย"

ผู้แต่ง

เมื่อยามรัตติกาล

เรื่องย่อ

'สิง' เด็กหนุ่มผู้มีสัมผัสพิเศษที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดี ฆาตกรรมพี่ชาย ร่วมสายเลือด 

กับการถูกไล่ล่าจากวิญญาณ 'ผีมโนราห์' ที่ไม่มีที่มาที่ไป 

การเอาชีวิตรอดและการปกป้องแสงสว่างหนึ่งเดียวในชีวิตที่มืดบอดอย่าง 'อิน' จึงกลายเป็นภารกิจสำคัญ 

ควบคู่ไปกับการตามล่าหาความจริงอันดำมืดที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้มานานหลายปี

#โกลาหลกลสั่งตาย


 WARNING 

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง จากจินตนาการของผู้เขียน ตัวละคร เหตุการณ์ สถานที่ (บางสถานที่มีจริง) ไม่มีอยู่จริง ผู้เขียนไม่มีเจตนาล่วงละเมิดหรือจงใจให้เกิดความเสียหายต่อผู้ใด หรือ สิงใดก็ตาม 

นอกจากนั้นยังไม่มีเจตนาลบหลู่ บิดเบือนศาสนา พิธีกรรม ความเชื่อ หรือประเพณีใด ๆ ทั้งสิ้น 

อาจมีภาพหรือเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมในด้านพฤติกรรม ความรุนแรง และการใช้ภาษา ผู้อ่านที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรอ่านโดยใช้วิจารณญาณ 

ภายในงานเขียนมีการใช้ภาษาถิ่นใต้และผู้เขียนกังวลเรื่องการผันเสียงในภาษาท้องถิ่น จึงมีการใช้ภาษากลางในการอธิบายร่วมด้วย

นิยายเรื่องนี้เป็นนิยาย ชxช ใครหลงเข้ามาสามารถเปิดใจอ่านได้ แต่ถ้าไม่ไหวจริง ๆ สามารถกดออกไปสู่เนื้อหาที่ผู้อ่านต้องการได้เลย :)

 

TRIGGER WARNING

Abuse / Physical Abuse มีการใช้ความรุนแรงกับเหยื่อทางกาย

Abuse Relationship ความสัมพันธ์ที่มีการใช้ความรุนแรงทั้งการทำร้ายด้วยวาจาและการทำร้ายร่างกาย

Blood มีเลือด

Brutality การใช้ความรุนแรง, ทารุณ

Cutting ใช้ของมีคม

Corpse ศพ

Dead การตาย

Depiction of Death มีการบรรยายฉากการตาย

Dirty Talk มีการใช้คำพูดหยาบโลน

Drug Abuse การใช้ยาหรือสารเคมีแบบผิดวิธี

Ghost ภูตผี

Gore เนื้อหามีความโหดร้าย

Hallucinations มีอาการประสาทหลอน

Mental Abuse ใช้ความรุนแรงกดดันจนเกิดบาดแผลทางใจ

Mental Illness มีอาการป่วยทางจิต

Murder มีฉากฆ่าที่โหดร้าย

Sexual Harassment การล่วงละเมิดทางเพศ 

Psychopath โรคจิต ไม่มีความนึกคิดผิดชอบชั่วดีเหมือนคนปกติ

Violence มีการใช้ความรุนแรง 


 

Facebook : https://www.facebook.com/profile.php?id=61564472022894&amp%3Bref=embed_page

X : https://x.com/Writer_RTKDN

TikTok : https://www.tiktok.com/@writer_rtkdn

 

เงื่อนไขในการติดเหรียญ

ติดเหรียญ 5 เหรียญต่อ 1 ตอน

ตอนที่ 0-6 ฟรี!!! 

อ่านฟรีก่อนติดเหรียญ 7 วัน (นับตั้งแต่วันที่เผยแพร่)

ตอนพิเศษติดถาวร

(ตอนพิเศษ 6 ตอน 1 ตอนมีเฉพาะใน E-book เท่านั้น)

Publish Date

ตอนที่ 1-7 : 11/10/2024 - 16/10/2024

ตอนที่ 8-22 และ ตอนพิเศษ : ลงทุกวันจันทร์ / พุธ / ศุกร์

เปิดเรื่อง : 11/10/2024

ปิดเรื่อง : 0/0/2024

สารบัญ

โกลาหลกลสั่งตาย-- ปฐมบทกลลวง ,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑ ข้อแลกเปลี่ยนคือความตาย,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๒ เด็กในปกครอง,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๓ ตายศพสวย,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๔ บ้านใหม่หลังเดิม,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๕ เตือนก่อนตาย,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๖ ลางสังหรณ์,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๗ เครื่องรางมหานิยม,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๘ สีผึ้งมหาเสน่ห์,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๙ ตุ๊กตาคุณไสย,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑o สมบัติตกทอด,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑๑ นอกอาณาเขต,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑๒ จองเวรจองกรรม,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑๓ ตัวตายตัวแทน,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑๔ ฆาตกรรมต่อเนื่อง,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑๕ ผู้สมรู้ร่วมคิด,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑๖ กลับบ้านเรา …รออยู่,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑๗ โนราโรงครู,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑๘ ครูหมอโนรา,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑๙ ความอัปยศ,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๒๐ แก้(ไข)แค้น,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๒๑ อดีตที่ควรฝังกลบ,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๒๒ ตำแหน่งไหนก็เหมือนกัน

เนื้อหา

กลลวงที่ ๑๔ ฆาตกรรมต่อเนื่อง

“ผี”

“อ๋อ ผี ~ นั่นแหละ?!มึงพูดว่าไงนะไอปราป” รามตะโกนลั่นบ้าน ดวงตาเบิกกว้างเท่าไข่ห่าน ตกใจเรื่องเพื่อนเจอผียิ่งกว่าเจอเอง คนทำงานกับศพย่อมต้องเคยเจอประสบการณ์ประหลาดมาบ้าง แต่คนที่หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่คิดจะเชื่องเรื่องนี้อย่างปราปกลับโดนดีเข้าให้

“เออ กูเจอผี” ปราปตอบหน้าเฉยซ้ำยังยัดข้าวเช้าเข้าปากแบบสบายใจ เหมือนเมื่อครู่แค่พูดเรื่องสัพเพเหระ

“อะไร? ยังไง? ตอนไหน?” หมอรามถามรัวจนลิ้นพัน พลางเอาแขนเท้ายันกับโต๊ะ โน้มตัวเข้ามาใกล้อย่างอยากรู้อยากเห็น

ขี้เสือกฉิบหาย!

“ทำวัตรเช้าเจอที่บ้านคุณเจเจนั่นแหละ”

“เมื่อวาน?!”

“อือ” ปราปถอนหายใจ พลางยกมือขึ้นนวดคลายปวดตุบ ๆ ตรงขมับทั้งสองข้าง “มึงว่ามันไม่บ้าไปหน่อยเหรอวะ หรือกูแค่หลอนไปเอง”

“มึงเล่ามาก่อน กูจะได้รู้ว่ามึงหลอนไม่หลอน”

อายก็อายแต่ไม่เล่าก็ไม่ได้ เพราะมีมันเป็นเพื่อนคนเดียวที่ให้คำปรึกษาได้ ปราปเริ่มเล่าประสบการณ์ไม่พึงประสงค์ หมอผ่าศพหน้ากวนนั่งฟังเขาอย่างตั้งใจเหมือนเก็บรายละเอียดไว้ล้อเลียนเขาทีหลัง

“เสียงกรี๊ด?กูไม่ได้ยินเหี้ยไรเลยนะ”

“กูรู้ ถ้ามึงได้ยิน มึงคงวิ่งมาแล้วแหละ”

“งั้นที่มึงข้อเท้าพลิก เพราะผีหลอก”

“อือ”

รามอมยิ้มกลั้นเสียงหัวเราะ ใบหน้าเกร็งราวกับปวดถ่ายหนัก

ปราปเห็นแล้วอดกลอกตามองบนไม่ได้ เตรียมใจมาแล้วตั้งแต่เริ่มเล่า แต่ไม่คิดว่ากมลสันดานของไอ้รามจะสุดทางแก้ เพื่อนรักนักทับถมที่แท้ทรู “มึงอยากหัวเราะมึงก็หัวเราะออกมา ไอสัส!” 

รามหัวเราะจนตัวโยน นั่งคุดคู้เกร็งท้องพลางชี้หน้าล้อเลียน “ฮ่า ๆ ไอเหี้ย!โคตรฮา”

“ไม่ขำ” ปราปพูดเสียงเรียบสีหน้าไร้อารมณ์ แต่สมองกลับคิดหาทางเอาคืน

“เออ ๆ ไม่ขำก็ไม่ขำ แล้วไอสิงไม่กลัวเลยเหรอวะ”

“มันบอกกูว่ามันก็กลัว แต่กูว่ามันคงเจอมาจนชินแล้ว”

“เชี้ย ~ สิงหรเด็กสัมผัสวิญญาณ”

“แล้วมึงคิดว่าไง กูหลอนไปเองป่ะ?”

“ถ้ามึงเห็นคนเดียวก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ไอสิงก็สัมผัสได้เหมือนมึง กูว่าไม่หลอนหรอกของจริง! ยินดีด้วยเพื่อน ในที่สุดมึงก็ได้เบิกเนตรเข้าสู่วงการมิติลี้ลับ” รามพูดพลางตบบ่าปราปแสร้งทำเป็นให้กำลังใจ

“ถ้ากูไม่ได้หลอน งั้นก็แปลว่านั้นไม่ใช่ครั้งแรกที่กูเห็น”

“เห้ย! ยังไง ๆ”

“เมื่อวันก่อนกูก็เจอ…” ปราปเผลอหลุดปาก จำต้องเล่าเรื่องน่าอาย แฉความฉิบหายวายป่วงของตัวเอง ถูกผีแหยมถึงถิ่นแถมยังถูกพระสงฆ์องเจ้าทักแปลก ๆ

“ไอปราป กูแนะนำให้มึงไปอาบน้ำมนต์”

“กูก็ตักบาตรไปแล้วไง”

“โถ่ ~ ทำดีหวังผล ไอ้ควาย!”

“เออเอาเหอะ! มึงนั่งอ่านรายงานไปพลาง ๆ กูขอไปงีบสักชั่วโมงสองชั่วโมง แล้วขึ้นไปปลุกกูด้วยนะ”

“มึงคิดว่ากูว่างมากนักเหรอไอปราป” 

“เรื่องของมึง แต่ช่วยงานกูก่อนงานมึงค่อยกลับไปเคลียร์”

รามยกนิ้วกลางเป็นการชมเพื่อนรักที่มีมารยาทโคตรทรามความเกรงใจเป็นศูนย์ ปราปยักไหล่พลางทำปากคว่ำอย่างไม่แยแส ก่อนเดินสะบัดตูดขึ้นไปนอนพักสายตา

 

อินพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเวลาสามวันเต็ม เนื่องจากแพทย์เจ้าของไข้ไม่สามารถวินิจฉัยอาการได้ เล่นเอาดาราหนุ่มโอดครวญที่ต้องหมกตัวอยู่แต่ในห้องแคบ ๆ เขาพูดจนปากเปียกปากแฉะ ชักแม่น้ำเป็นสิบสายกว่าหมอจะยอม

หาให้ตายก็หาไม่เจอหรอกถ้าไม่ใช่หมอผี!

งานศพของเสือมีกำหนดการชาปณกิจในวันพรุ่งนี้ แม้ว่าจะโดนผู้จัดการส่วนตัวบ่นจนหูชา แต่สุดท้ายอินก็ดื้อจนมายืนหน้าสลอนช่วยงานอยู่ในวัดจนได้

แขกทั้งในและนอกวงการแวะเวียนกันมาร่วมงานศพเป็นร้อย ๆ คน อินยืนรับแขกไปด้วยตอบคำถามเรื่องอาการป่วยของตัวเองไปด้วยจนเจ็บคอ ไหนจะต้องให้สัมภาษณ์จากข่าวที่โด่งจนกลายเป็นไวรัล ติดแฮชแท็ก #INNgetwellsoon ขึ้นเทรนอันดับหนึ่งในไทยไปหลายวัน

“พี่อินพักก่อนดีไหมครับ” สิงเดินถือแก้วน้ำมายื่นให้คนพี่

“ไม่เป็นไรกูไหว” อินตอบก่อนกระดกน้ำในแก้วลงคอแก้กระหาย

“รอยช้ำที่อกเป็นยังไงบ้างครับ”

“ยังเป็นรอยอยู่นิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวก็หาย”

“กลับไปเดี๋ยวสิงทายาให้นะครับ”

“อือ”

“พี่อินสวมนี้เอาไว้นะครับ” สิงยื่นสร้อยพระเส้นใหม่ส่งไปให้ “ผมไปขอท่านเจ้าอาวาสมาให้”

“เออโอเค ขอบใจ” อินรับสร้อยไปสวมเอง ก่อนหันไปรับแขกเหรื่อต่อ

สิงเดินเข้าไปช่วยแฟนจัดแจงของชำร่วยที่จะต้องแจกให้กับแขกในวันเผาศพ เด็กหนุ่มนั่งทำงานไปเงียบ ๆ ก่อนที่สายโทรเข้าของปราปจะดังเตือนขึ้นมา

“สวัสดีครับสารวัตร”

[งานศพเป็นไงบ้าง] 

“คนเยอะดีครับ”

[หาเวลาพักบ้างแล้วกัน... แล้วคุณอินละสบายดีไหม ฉันหมายถึง...วันนั้นมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า]

“ก็…นิดหน่อยครับ”

[ฟังจากเสียงแล้วไม่น่าจะนิด พรุ่งนี้วันเผาใช่ไหม เดี๋ยวฉันเข้าไป แล้วเราค่อยคุยกันเรื่องคดีหลังจากนั้น]

“ได้ครับ”

[โอเค ไว้เจอกัน]

 

เจตกับอินช่วยกันรับแขกเกือบห้าร้อยคนตลอดทั้งวัน เล่นเอาคนแก่บ่นปอดแปดในขณะทิ้งตัวลงบนโซฟาของประทานในงานพิธีศพ

“กลับกันไหม?” เจตหันไปถามอิน

“ก็ดีเหมือนกันพี่ เหนื่อยเหมือนโดนสูบวิญญาณ”

เจ้าภาพสี่คนสภาพไม่ต่างจากซอมบี้เดินทางกลับบ้าน เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมญาติคนตายถึงร้องไห้แค่วันเผา เพราะทั้งวันเอาแต่หัวหมุนจนไม่มีเวลาเสียใจ

อินขอเข้าไปอาบน้ำก่อน พ่อบ้านสิงไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า ตระเตรียมชุดทางการไว้สำหรับวันเผาสองชุด

“นี่กูเอามึงมาดูแล หรือให้มึงมาดูแลกูวะ ฮ่า ๆ” อินเดินเปลือยท่อนบนเห็นมัดกล้ามเป็นลอนสวย เนื้อตัวส่งกลิ่นหอมสดชื่นจากแชมพูแบรนด์โปรด เห็นสิงยืนเตรียมชุดอย่างขยันขันแข็งก็อดแซวไม่ได้

“พี่อินไปนอนรอก่อนนะครับ เดี๋ยวผมอาบน้ำเสร็จแล้วจะทายาให้”

“โอเค”

สิงเตรียมชุดเสร็จก็เดินเข้าไปทำธุระส่วนตัวบ้าง พอเดินออกมาก็ไม่ลืมที่จะหยิบถุงยาติดมือมาด้วย

อินกึ่งนั่งกึ่งนอนไถฟีดอัพเดตข่าวในช่วงที่เขาอยู่โรงพยาบาล ดาราหนุ่มอัธยาศัยดีลงมือพิมพ์ข้อความขอบคุณแฟนคลับ ก่อนโพสมันลงบนบัญชีโซเชียลมีเดียของตัวเอง

“ทำอะไรเหรอครับพี่อิน”

“ทำวัตรเช้าเอ็กซ์ตามประสาคนฮอท”

สิงระบายยิ้มรับความกวน แล้วค่อยนั่งลงข้างกายร่างโปร่ง “เลิกเสื้อขึ้นซิครับ”

อินละสายตาไปมองสิง นัยน์ตาคล้ายมีนัยอะไรบางอย่างพลางยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “มึงจะทำมิดีมิร้ายกูเหรอสิง”

“ผมจะทายาให้ครับ” สิงปฏิเสธทันควัน มือข้างนึงยกหลอดยาให้อินดูเป็นหลักฐานประกอบคำให้การ

อินหัวเราะร่วนจนน้ำหูน้ำตาไหล “เออ! กูแกล้งเล่น”

กระดุมเสื้อนอนผ้าซาตินถูกปลดทีละเม็ด โชว์เรือนร่างเย้ายวน ตัวยาถูกบีบออกจากหลอดป้ายไปบนรอยฟกช้ำอย่างแผ่วเบา

“มึงตาบอดจริงรึเปล่าวะไอสิง”

“ทำไมถามแบบนั้นละครับ”

“มึงรู้ได้ยังไงว่าแผลอยู่ตรงไหน?”

“สัญชาตญาณมั้งครับ”

“สัญชาตญาณมึงดีไปไอสิง มึงแกล้งตาบอดใช่ไหม ห่ะ?!”

“ผมจะแกล้งได้ยังไงตั้งหลายปีครับ”

“มึงอาจจะเป็นพวกต้มตุ๋นไง” อินพูดเป็นตุเป็นตะ คนฟังได้แต่ส่ายหน้าไปมา

“พี่อินพูดไปเรื่อยเก่งเหมือนกันน่ะครับ”

“เดี๋ยวนี้ปีกกล้าขาแข็งน่ะไอสิง” อินมองน้องตาขวาง ใบหน้ากลมดูน่ารักน่าเอ็นดูเป็นเพียงฉากหน้า แท้จริงแล้วเด็กหมายักษ์ของเขาร้ายกาจกว่าที่คิด

หมาป่าได้กลืนกินน้องชายแสนดีของเขาไปแล้ว

ยาทาเสร็จก็ต่อด้วยยากิน นอกจากจะรับบทเป็นพ่อบ้านแล้วยังเป็นพยาบาลได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง อินกินยาก่อนตื่นน้ำตามแล้วส่งกลับไปให้สิงเอาไปเก็บ

“ไอสิง”

“ครับพี่อิน”

“กูคิดว่าที่ตามึงเป็นแบบนี้เพราะผีตายาย ทำไมมึงถึงไม่รับเค้าวะ?”

“เพราะพี่เสือไม่ให้สิงรับครับ”

“แต่ตอนนี้ไอเสือมันตายไปแล้ว มึงไม่อยากกลับไปมองเห็นอีกครั้งเหรอ”

“พี่อินอยากให้สิงรับเหรอครับ”

“กูยังไงก็ได้แล้วแต่มึง แต่ไม่รับก็เหมือนรับแล้วป่ะ”

“ถ้าจะรับต้องทำพิธีโนราลงครูครับ”

“เอาไว้ค่อยว่ากันแล้วกัน กูไม่เชี่ยวเรื่องพิธีกรรมอะไรพวกนั้น ตอนนี้นอนก่อนพรุ่งนี้ต้องไปวัดแต่เช้า”

“ครับ” สิงวางยาไว้บนโต๊ะหัวเตียง ก่อนจะเดินไปนอนตรงที่ประจำที่ตอนนี้เขายึดเป็นพื้นที่ของตัวเองไปแล้ว “ฝันดีนะครับพี่อิน”

“ฝันดีมึง”

 

สิงตั้งนาฬิกาปลุกตั้งแต่ไก่โห่ เขาลุกไปอาบน้ำทำธุระส่วนตัวจนเสร็จ ค่อยเดินมาปลุกร่างโปร่งให้ลุกขึ้นเตรียมตัวไปวัด พ่อบ้านเผื่อเวลาให้คุณหนูได้ขอผัดผ่อน ก่อนที่เจ้าตัวจะยอมตื่นขึ้นมาตรงตามเวลาที่เขาคิดไว้

“พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นเลยไอสิง กูง่วง!” อินบ่นไปตลอดทางราวกับเด็กถูกขัดใจ 

“ขอโทษครับ แต่พี่เจตสั่งไว้”

“ไอพี่เจตมันจะรีบไปไหนวะ ตื่นก่อนพระอีกมั้ง”

“ทำวัตรเช้าตอนห้าโมงครับ นี้หกโมงแล้ว”

อินโผล่หัวมาถลึงตามองคนเถียงคำไม่ตกฟาก “มึงเป็นสารานุกรมเคลื่อนที่เหรอ”

“เรื่องแบบนี้ใคร ๆ ก็รู้รึเปล่าครับ”

“กูไม่รู้!”

อินตะโกนไล่หลังก่อนเข้าไปทำธุระส่วนตัวบ้าง พ่อบ้านจึงได้จังหวะเข้าไปเก็บของใช้จำเป็นลงกระเป๋า แล้วลงไปชงกาแฟแก้วโปรดที่อินต้องดื่มทุกเช้า

“กาแฟครับพี่อิน” สิงยกถ้วยกาแฟมาเสิร์ฟให้ถึงที่

อินกำลังสวมเสื้อตัวที่น้องเตรียมให้ ได้กลิ่นหอมคาแฟอีนก็หันมาฉีกยิ้มหน้าบาน “เด็กดี ขอบใจนะ” พอได้ของโปรด เรื่องที่งอนอยู่ถูกลืมไปหมดสิ้น อินรับแก้วมาถือแล้วยกเครื่องดื่มอุ่น ๆ ขึ้นจิบ

“พี่อินหิวไหมครับ เดี๋ยวสิงไปทำอะไรง่าย ๆ ให้กินก่อนไปวัด”

“มีมึงนี้ดีจังวะ รู้งี้กูไปขโมยมึงมาจากไอเสือตั้งนานละ”

“ไม่ต้องขโมยหรอกครับ แค่พี่อินบอกสิงก็ทำให้พี่อินทุกอย่างอยู่แล้วครับ”

ท่าทางเขินอายของสิงทำคงพี่แย้มยิ้มเจ้าเล่ห์ ในหัวคิดแผนสารพัดอย่างมากลั่นแกล้ง “น่ารักวะ มีมึงไม่ต้องมีเมียก็ได้”

อินคิดว่าคำพูดหยอกล้อจะทำให้สิงเขินม้วนตัวเป็นเกลียว แต่เปล่าเลย เพราะเจ้าตัวดีกลับทำปากคว่ำซะจนน่าสงสาร อินได้แต่สงสัยว่าจริง ๆ แล้วแผนพวกนี้เขาคิดขึ้นมาแกล้งน้องหรือตัวเองกันแน่

“สิงคงทำได้แค่ดูแลพี่อิน แต่คงทำหน้าที่ภรรยาให้พี่อินไม่ได้หรอกครับ”

“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงละวะ กูแทบไม่ต้องกระดิกตัวทำเหี้ยไรเองเลย”

“แต่ผมมีลูกให้พี่อินไม่ได้นะครับ”

อินเลิกคิ้วอย่างตกตะลึงกับความคิดของเด็กไม่ประสีประสา “ฮ่า ๆ ไอสิง มึงคิดมากไปป่ะ?!มึงเป็นผู้ชาย มึงท้องไม่ได้! แล้วอีกอย่าง มึงเป็นน้อง กูไม่จับมึงทำเมียหรอกโว้ย!”

คำพูดเย้าแหย่ธรรมดาสำหรับคนพูด แต่มันกลับบาดลึกไปถึงขั้วหัวใจคนฟัง “ครับ” สิงตอบเสียงอ่อนก่อนเดินคอตกออกไปจากห้องแต่งตัว

ผมรู้แล้วครับว่าเป็นได้แค่...พี่น้อง

‘เวร!’ อินเกาหัวแกรก ๆ มองตามหลังคนน้องด้วยนัยน์ตาว่างเปล่า “กูพูดอะไรผิดไปรึเปล่าวะ” คนแก่บ่นพึมพำกับตัวเอง

คนอื่นงอนได้อินไม่ง้อ แต่กับเด็กหมายักษ์ไม่ง้อไม่ได้!

กะจะเดินมาง้อมันสักหน่อย แต่เขากลับไม่เห็นแม้แต่เงา เดินไปหาที่ห้องนอนก็แล้ว ที่ครัวก็แล้ว แล้วมันไปอยู่ไหนของมัน?!

“มึงไปไหนมาวะสิง” อินเงยหน้าถามคนขี้งอนในขณะที่มันกำลังเดินลงบันไดมา

“สิงไปห้องพระมาครับพี่อิน”

“โอเค ว่าแต่มึงงอนอะไรกู”

สิงทำปากคว่ำพลางก้มหน้าจนคางชิดอก “เปล่าครับ”

“เปล่าพ่อง! กูดูออก”

“ไม่มีอะไรจริง ๆ ครับ”

งานเข้าแล้วไง ปกติง้อไม่ยากแต่รอบนี้ง้อไม่หาย คนมั่นหน้าอย่างอินจึงต้องขอเวลานอก “เออ เอาไว้กูค่อยง้อทีหลัง แต่ตอนนี้ไปวัดก่อนพี่เจตโทรตามแล้ว”

“ครับ”

 

ระหว่างทางอินพยายามเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามแต่ไอเด็กขี้งอนเอาแต่ถามคำตอบคำ จนคนพี่แทบจะจอดรถข้างทางแล้วง้างปากมันให้รู้แล้วรู้รอด พอมาถึงวัดมันก็ดันเปิดประตูเดินลงไปจากรถโดยที่ไม่รอเขาอีก

“สิง จะไปไหน” อินตะโกนดักทาง

“ไปที่ศาลาครับ” สิงหันมาตอบหน้านิ่ง

“ไปแดกข้าวกันก่อน วันนี้แขกน่าจะเยอะ ไม่มีเวลากินข้าวหรอก”

“ครับ”

ถึงจะตอบรับแต่กลับไม่ยอมก้าวมาเดินข้างเขา เอาแต่เดินตามเป็นผีเกาะหลังซะจนอินรำคาญ

“กูกะว่าจะง้อมึงหลังเสร็จงาน แต่กูไม่อยากรอละ มึงเป็นอะไร บอกกูมา” อินถามพลางยกมือจับไหล่กักเอาไว้ไม่ให้มันหนี

ขี้งอนเหมือนพี่ชายมันไม่มีผิด!

“…”

อยากจะหยิกปากให้หลุดติดมือ เงียบได้เงียบดีเงียบจนน่าหงุดหงิด “เป็นอะไร บอกกูได้ไหม” แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าขึ้นเสียงใส่ แพ้ราบคาบจนต้องถามเสียงอ่อนเสียงหวาน

“สิงไม่เป็นไรครับพี่อิน”

“สิง กูไม่ได้เพิ่งรู้จักมึงเมื่อวานนะ บอกกูมาเหอะว่ากูทำอะไรผิดกูจะได้ขอโทษถูก”

“พี่อินไม่ได้ทำอะไรผิดหรอกครับ สิงต่างหากที่ผิด” พูดพลางก้มหน้างุด

อินผละมือจากไหล่ไปเชยคางสิงให้เงยหน้าขึ้นมามองเขา “ไหน บอกกูดิ๊ว่ามึงผิดอะไร”

เด็กหนุ่มรู้สึกโกรธตัวเองที่ไม่สามารถแสดงออกได้เหมือนปราป ไม่ต่างอะไรกับคนขี้ขลาดที่เอาแต่หลบเลี่ยง “ผิด…ที่รู้สึกว่าไม่อยากให้พี่อินมีใครครับ”

“กู มีใครวะ?” อินเอียงคอถาม

“ตอนนี้ยังไงมี แต่…”

ในที่สุดก็รู้สักทีว่าไอเด็กหมายักษ์งอนอะไรเขา ขอบคุณความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติที่พระเจ้ามอบให้ “หึ นี้มึงหวงกู ไม่อยากให้กูมีเมียว่างั้นเหอะ”

สิงทำปากคว่ำ นัยน์ตากลมกลอกไปมาอย่างขัดเขิน พวงแก้มขาวเริ่มถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงระเรื่อดูน่ารักน่าเอ็นดู

“นึกว่าไอเสือจะเป็นโรคหวงน้องคนเดียว นี้มึงก็หวงพี่ชายเหมือนกันเหรอ”

“...”

อินยกมือขึ้นโยกหัวน้อง “กูไม่มีใครหรอก เอางี้! กูจะไม่มีใครจนกว่ามึงจะมีแฟน โอเคไหม?”

“สิงคงไม่มีแฟนหรอกครับ”

“ทำไม เพราะมึงตาบอดเหรอ”

สิงพยักหน้าตอบ “...”

“ตาบอดทำไมจะมีแฟนไม่ได้ หน้าตามึงดีกว่าไอเสืออีก”

“ไม่จริงหรอกครับ”

“จริงไม่จริงดูกระจกเอาก็รู้ แต่ถ้ามึงไม่อยากมีใคร งั้นกูไม่มีเป็นเพื่อนมึงแล้วกัน แล้วก็กรุณาเลี้ยงดูผู้เฒ่าคนนี้ด้วยน่ะครับ เพราะกูทำเชี่ยไรไม่เป็นเลย”

“ครับ ผมจะดูแลพี่อินเอง” สิงตอบรับเสียงใส่

“หายงอนแล้วเน๊อะ! งั้นไปแดกข้าวกัน” เมื่อทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติ อินจึงลากน้องไปหาอะไรกินรองท้องก่อนที่จะไม่มีเวลากิน

 

พิธีฌาปนกิจเริ่มต้นในช่วงสายของวันยาวไปจนถึงช่วงบ่าย จากนั้นญาติและคนใกล้ชิดเข้ามาทำการขอขมาศพที่ถูกเคลื่อนย้ายมาที่หน้าเมรุ

เจ้าอาวาสให้ทุกคนตั้งแถวเพื่อแห่โลงศพรอบเมรุ ท่านเดินนำหน้าสุดตามด้วยอินถือกระถางธูป สิงกอดรูปถ่ายพี่ชายเดินตามหลัง

เมื่อเดินวนจนครบสามรอบ เจ้าหน้าที่จึงนำศพขึ้นตั้งบนเมรุอีกครั้ง สิงรับหน้าที่อ่านประวัติของเสือ จบแล้วค่อยให้แขกทุกคนวางดอกไม้จันทน์

แขกทยอยกลับเหลือเพียงญาติและคนใกล้ชิดอยู่รอนำศพเข้าเตาเผา

สัปเหร่อเปิดฝาโลงให้ญาติได้กล่าวลาเป็นครั้งสุดท้าย ฝาโลงแง้มออกจนเห็นใบหน้าขาวซีดของเสือ เจตที่เซื่องซึมมาตั้งแต่ทำพิธีปล่อยโฮจนคนฟังสงสารจับใจ หมอรามก้าวเข้ามาเดินช้อนหลังช่วยปลอบ

มือเรียวยื่นเข้าไปสัมผัสใบหน้าพี่ชายเป็นครั้งสุดท้าย น้ำตาไหลอาบแก้มนุ่มอย่างไม่ขาดสายแต่ไร้ซึ่งเสียงสะอื้น ความรู้สึกอบอุ่นในขณะอยู่ในอ้อมกอดพี่ชายกลับมาฉายชัดในห้วงความคิดของสิง

 

เด็กวัยห้าขวบยืนรอรับพี่ชายกลับมาจากงานกะดึกหน้าบ้านสังกะสีในชุมชนแออัด

“พี่เสือ!” เด็กน้อยเรียกพี่ชายเสียงเจื้อยแจ้วพลางวิ่งเข้าสู่อ้อมกอดพี่ชายที่ย่อตัวอ้าแขนรอรับ

เสือฉีกยิ้มกว้างภายใต้ความอิดโรยจากการทำงานอย่างหนักตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น “ทำไมยังไม่นอนอีก ดึกแล้วพรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียน” เสือพูดพลางอุ้มน้องเข้าบ้าน

“พี่เสือเหนื่อยไหม กินน้ำไหมสิงไปเอาให้” ยังไม่ทันได้รับคำตอบเด็กที่สูงเกินร้อยมาไม่กี่เซนก็ดีดดิ้นจนหลุดออกจากอ้อมกอด รีบวิ่งไปรินน้ำใส่แก้วพลาสติกให้พี่ชายดื่ม

“ขอบคุณครับ” 

เด็กน้อยฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันหน้าครบทุกซี่ เสืออดไม่ได้ต้องโน้มตัวลงมาฝังจมูกลงบนแก้มนุ่มหยุ่น

“พี่รักสิงนะ รู้ใช้ไหม?”

“อื้อ! สิงก็รักพี่เสือที่สุดในโลกเลย!”

 

“พี่เสือ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่พี่ทำเพื่อสิง หลับให้สบายนะครับ ผมสัญญาว่าจะดูแลตัวเองให้ดี...” และผมจะหาพี่ให้เจอ ไม่ว่าพี่จะอยู่ที่ไหนก็ตาม

สิงพูดพลางใช้ท้องนิ้วโป้งเกลี่ยผิวหน้าซีดของเสือ ประโยคหลังทำสัญญาใจกับพี่ชายให้ได้ยินกันแค่สองคน

อินก้มมองเพื่อนสนิทด้วยสีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ เหมือนไม่รู้สึกอะไรกับการตายของเสือ แต่แท้ที่จริงแล้วจิตใจของเขาห่อเหี่ยวเกินกว่าจะเยียวยาได้ภายในระยะสั้น คงจะมีเพียงการตามล่าหาความจริงเท่านั้นที่จะปลดปล่อยเขาจากความทุกข์ระทมนี้ได้

‘มึงมันเพื่อนเหี้ย! ปล่อยให้น้องมึงอยู่คนเดียวได้ไงวะ ไหนบอกห่วงมันนักห่วงมันหนาไง มึงไม่ต้องไปไหนเลยน่ะ รอกูลากคอคนที่ทำแบบนี้กับมึงมารับกรรมก่อน แล้วหลังจากนั้นกูจะดูแลน้องมึงให้เอง กูสัญญา’

อินพูดขู่เสือในใจก่อนเดินไปดึงตัวสิงออกมาเพื่อให้สัปเหร่อตอกตะปูปิดฝาโลงแล้วดันมันเข้าไปในเตาเผา

คนใกล้ชิดยืนดูไฟที่โหมกระหน่ำแผดเผาร่างไร้วิญญาณของเสือให้กลางเป็นเถ้าธุลี ในเวลาเดียวกันเปลวไฟนั้นก็เหมือนจะลุกโชนขึ้นภายในใจของสิงและอิน กับคำสัญญาที่จะตามล่าหาตัวคนร้ายให้เจอ 

อินหันมาเห็นพี่ชายคนสนิทยืนร้องไห้จนหมดมาดผู้จัดการดาราชื่อดัง เขาอดที่จะเดินไปกอดปลอบอีกฝ่ายไม่ได้

“ทำไมเสือมันไปไวนักวะอิน” 

“ให้ไอเสือมันพักเถอะพี่”

“มันกล้าทิ้งกู ทิ้งมึง ทิ้งน้องมันไปได้ไงวะ”

“...”

 

ความโศกเศร้าคลายลงไปบ้างแล้ว เมื่อได้รับการปลอบ

โยนจากคนรอบข้าง แต่ความจริงยังไม่กระจ่าง เจตจึงยังไม่สามารถทำใจยอมรับได้

“ตกลงแล้ว ไอเสือมันฆ่าตัวตายเหรอครับสารวัตร” เจตหันไปถามสารวัตรปราป

ราวกับน้ำท่วมปาก ไม่รู้จะอธิบายรายละเอียดในคดีให้ผู้จัดการส่วนตัวของเสือฟังยังไง แม้เจตจะมีสิทธิ์ที่จะได้รู้ว่านักแสดงในสังกัดเสียชีวิตได้ยังไง แต่จะให้พูดเรื่องผีสางก็ดูจะไม่เหมาะสม ยิ่งตอนนี้เขาสวมชุดตำรวจเต็มยศก็ยิ่งไม่ควรพูด

“ยังสรุปไม่ได้หรอกพี่ หลักฐานมันยังไม่ชัดเจน มันต้องใช้เวลา” อินรีบยื่นมือเข้าช่วยเมื่อเห็นว่าปราปทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“แล้วที่สิงไปช่วยงานสารวัตรละ ไม่ได้อะไรเลยเหรอ”

“ยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบครับคุณเจต ถ้าผลออกแล้วทางเราจะแจ้งให้ทราบโดยเร็วที่สุดคับ” หมอรามตอบ

“ขอบคุณครับ” 

“พรุ่งนี้ต้องมาเก็บอัฐิใช่ไหมพี่” อินถามแทรก

“อือ”

“งั้นพี่จะไปนอนบ้านอินไหม พรุ่งนี้จะได้มาด้วยกัน”

“นั้นซิครับ พี่เจตไม่ควรอยู่คนเดียวนะครับ” สิงพูดเสริม

“พี่ไม่เป็นไรหรอก อยู่ได้”

“ไปนอนกับอินเหอะพี่เจต แฟนด้วยไปด้วยกัน”

“เอางั้นก็ได้ แต่ฉันขอไปเอาของที่บ้านก่อนแล้วกัน แล้วเดี๋ยวตามไป” เจตถูกคะยั้นคะยอจึงยอมใจอ่อน เข้าใจดีว่าอินเป็นห่วง ก่อนหน้านี้อยู่คนเดียวได้เพราะมีงานสุมหัว แต่หลังจากนี้เขาเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าจะอยู่ได้ เพราะงานทุกอย่างถูกกระจายไปให้ผู้ช่วยดูแลชั่วคราว

“โอเคพี่”

 

งานศพจบลงไปด้วยความร่วมมือจากหลาย ๆ ฝ่าย เจตและแฟนแยกไปเอาของใช้ส่วนตัวเพื่อมานอนรวมกันที่บ้านของอิน ส่วนสารวัตรปราปและหมอรามขับรถตามอินกลับบ้าน หลังจากที่ตกลงกันว่าจะไปคุยรายละเอียดเรื่องคดีกันที่บ้านของเขา

เจ้าของบ้านรับหน้าที่พีอาร์เชิญแขกข้าบ้าน ส่วนพ่อบ้านจำเป็นรีบเดินไปหยิบน้ำและของว่างให้กับทุกคนสำหรับบทสนทนาที่คาดว่าน่าจะกินเวลาหลายชั่วโมง

“อาการป่วยของคุณอินเป็นยังไงบ้างครับ ผมยุ่ง ๆ เรื่องคดีเลยไม่ได้ติดต่อไปเลย” ปราปถามไถ่อาการเจ้าของบ้านก่อนเริ่มคุยเรื่องเครียด

“ผมไม่เป็นไรหรอกครับ หายห่วง”

“ครับ งั้นเรามาเริ่มคุยกันเรื่องคดีเลยไหมครับ?”

“ดีเหมือนกันครับ ผมอยากรู้อยู่พอดีว่าพวกคุณเจอหลักฐานที่บ้านเจเจรึเปล่า” อินเริ่มเปิดประเด็นก่อน

“เจอครับ ตอนนี้อยู่ที่แล็บไอราม”

“มันคืออะไรเหรอครับ”

“สีผึ้ง กับ ตุ๊กตาคุณไสย”

“เหมือนกับของไอ้เสือ”

“ครับ ผลแล็บเพิ่งออกมาเมื่อเช้า น้ำเหลืองจากศพเป็นส่วนผสมหนึ่งในสีผึ้ง ส่วนตุ๊กตาเป็นไม้ชนิดเดียวกันทั้งสามตัว” หมอรามพูดเสริม

“คนพวกนี้เล่นเหี้ยอะไรกันอยู่ว่ะ” อินสบท เขารู้สึกเหมือนกำลังกลายเป็นหมากในเกมหลอนประสาทของใครคนนึงอยู่

“ของพวกนี้เกี่ยวข้องกับผีมโนราห์ตนนั้นใช่ไหม” ปราปถามสิงด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่อินกลับเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจคล้ายว่าหูของเขาจะเพี้ยนไป

นี้กูพลาดอะไรไปป่ะ?!

“ใช้ครับสารวัตร”

“เดี๋ยวนะครับ” อินพูดแทรกพลางชูมือขึ้นหยุดบทสนทนาที่เขาไม่เข้าใจ “ผีมโนราห์อะไรคับ แล้วสารวัตรรู้เรื่องนี้ได้ยังไง”

นายตำรวจหนุ่มยิ้มหน้าเจื่อน “ผมโดนผีหลอกครับ”

“หือ!” นัยน์ตาอินแทบจะถลนออกจากเบ้า

ปราปกลอกตาไปมาอย่างเลิกลัก พลางยกมือขึ้นเกาท้ายทอย ออกตัวแรงว่าไม่เชื่อเรื่องผีแต่กลับโดนผีหลอก...น่าขายหน้าสุด ๆ

รามเหลือบมองเพื่อนแล้วอดขำไม่ได้ แต่ต้องกลั้นเสียงเอาไว้ ไม่อยากเสียมารยาทต่อหน้าเจ้าของบ้าน “ที่สน.หนึ่งครั้ง ที่บ้านคุณเจเจอีกหนึ่ง รวมเป็นสองครับ” รามสาธยายความวายป่วงของเพื่อนให้อินฟังอย่างออกรสออกชาติ

ปราปมองหน้าเพื่อนด้วยหางตาอย่างฆาตโทษ ราวกับกำลังจะบอกว่าไม่ต้อง…เสือก!

“ที่สน. ด้วยเหรอครับ” สิงถามย้ำ เพราะจำได้ว่าปราปไม่เคยบอกเขาเรื่องนี้

ปราปพยักหน้า “ตอนแรกฉันก็ไม่แน่ใจ แต่พอได้เจอมันที่บ้านคุณเจเจอีกครั้ง ก็เลยมั่นใจว่าใช้แน่ ๆ”

“ผมคิดว่าเธอน่าจะมาเตือนสารวัตรนะครับ”

“เตือนฉัน?เรื่องอะไร?”

“เตือนว่าอย่ามายุ่งเรื่องของมันไง” รามแกล้งพูดประชดเพื่อนอย่างสนุกปาก

“มันต่างหาก ที่อย่ามายุ่งเรื่องคดีของกู ผีก็อยู่ส่วนผี จะมายุ่งเรื่องคนทำไม”

อินหลุดขำพรืดออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อได้ยินคนที่พยายามรักษาภาพลักษณ์สุภาพบุรุษสีกากีหลุดมาด ออกปากด่าผีซะเสียหมา

“นี้คือตัวตนจริง ๆ ของสารวัตรซินะครับ” อินพูดพลางกลั้นขำ มองหน้าคนที่ปกติมักจะพูดจาและวางตัวดีต่อหน้าเขาเสมอ

“เอ่อ…ขอโทษครับ”

“ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ เป็นตัวเองก็ดีแล้ว”

“เรามาคุยกันเรื่องคดีต่อดีกว่าไหมครับ” หมอรามพูดแทรกเพื่อดึงให้บทสนทนากลับเข้าร่องเข้ารอย

“แล้วนอกจากเรื่องหลักฐานจากทั้งสามคดีแล้ว มีข้อมูลเรื่องอื่นอีกไหมครับ” อินถามต่อ

“ตอนนี้ผมสันนิษฐานว่าทั้งสามคดี เป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่องครับ”

“เพราะของไสยดำนั้นนะเหรอครับ”

“ไม่ใช่แค่นั้นหรอกครับคุณอิน เพราะนอกจากหลักฐานแล้ว ยังมีสาเหตุ เวลาการเสียชีวิต และประวัติบางอย่างของเหยื่อที่คล้ายกัน ทั้งสามคนเสียชีวิตด้วยสารพิษชนิดเดียวกัน เวลาตายก็อยู่ในช่วงเวลาประมาณห้าทุ่มถึงเที่ยงคืน นอกจากนั้นทั้งสามคนยังมีประวัติเข้ารับการรักษาโรคทางจิตเหมือนกันด้วย”

“สามคนนั้นเป็นโรคอะไรเหรอครับ?”

“คุณเสือเป็นโรคเครียด คุณเพรียวเป็นโรคซึมเศร้า และคุณเจเจเป็นโรคหลงตัวเองครับ”

“แล้วกล้องวงจรปิดจับภาพอะไรได้บ้างไหมครับ?”

“นั้นก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่แปลกครับ กล้องวงจรปิดบริเวณชั้นล่างจับภาพอะไรไม่ได้เลย กล้องวงจรปิดนอกบ้านก็เหมือนกัน”

“ทำไมถึงจับภาพอะไรไม่ได้เลยละครับ” สิงที่นั่งฟังอยู่เงียบ ๆ เอ่ยถามบ้าง

“เหมือนมีคนจงใจเอาอะไรมาบังไว้ เดี๋ยวเอาตัวอย่างไฟล์ภาพให้ดู” ปราปพูดกับสิง ก่อนจะหันไปเปิดไฟล์วิดีโอในแล็ปท็อปให้อินดู

กล้องวงจรปิดในวันเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณสี่ทุ่มยังคงจับภาพทุกอย่างได้เป็นปกติ แต่หลังจากนั้นในช่วงเวลาห้าทุ่มตรงกลับมีเงาดำเงานึงบดบังมุมกล้องเอาไว้ พร้อมกับเสียงที่จู่ ๆ ก็กลายเป็นเสียงซ่าคล้ายคลื่นวิทยุที่จูนไม่ติด

แต่สำหรับสิงแล้วเสียงนั้นมันฟังดูโหยหวนมากกว่านั้น...

“สัมภเวสีครับ” สิงพูดเสียงเรียบ

“มึงหมายความว่าไงสิง” อินหันไปถามน้อง

“เสียงพวกนั้น คือเสียงของสัมภเวสีที่ถูกเลี้ยงไว้ใช้งาน ผมคิดว่าคนที่เลี้ยงพวกมันไว้คือฆาตกร”

“งั้นเราต้องหามันให้เจอ” รามพูดบ้าง

“ถ้าหาง่ายเหมือนที่มึงว่าก็ดีดิไอราม มึงก็เห็นภาพกล้องวงจรปิดบ้านคุณเพรียวกับเจเจแล้ว จับภาพเหี้ยไรไม่ได้เลย เป็นเหมือนกันหมด”

“ภาพกล้องหน้ารถมึงหาครบยัง”

“หาให้ครบคงยาก แต่รถที่ผ่านบ้านของทั้งสามคนบ่อย ๆ ก็หามาครบแล้ว เป็นเหมือนกันหมด”

“ประวัติการโทรของไอเสือละครับ ถ้าไอหมอผีนั้นมาถึงบ้านได้ ก็แสดงว่าพวกมันต้องติดต่อกัน” อินถามแทรก

“ไม่พบเบอร์ต้องสงสัยครับ ผมคิดว่าเสือและคนอื่น ๆ น่าจะใช้เบอร์ที่ไม่ได้ลงทะเบียนติดต่อกับฆาตกร”

“ไอสิง ตอนที่มันมาที่บ้าน มึงได้กลิ่นหรือได้ยินอะไรบ้างไหมวะ” อินหันมาถามน้อง

“ผมไม่ได้ยินอะไรเลยครับพี่อิน”

“ผมลองเช็กย้อนหลังพบว่าก่อนหน้านี้เคยเกิดเหตุแบบนี้มาแล้วครั้งนึงครับ เมื่อประมาณสามเดือนก่อน เหตุเกิดวันเดียวกันกับวันที่คุณเสือเสียชีวิต นั้นคือวันพุธ”

“แล้วคุณเจเจกับคุณเพรียวละครับสารวัตร” สิงถามพลางภาวนาให้คำตอบไม่เป็นอย่างที่เขาคิด

“เหมือนกัน เมื่อสามเดือนก่อนที่บ้านคุณเพรียววันพฤหัส บ้านคุณเจเจวันศุกร์”

“พี่เสือเกิดวันพุธครับ”

ปราปพลันคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จากคำพูดของสิง “คุณเพรียวเกิดวันพฤหัส ส่วนเจเจเกิดวันศุกร์” ปราปพูดจบก็หันกลับไปหยิบแฟ้มคดีออกมาดูอย่างรีบร้อน

“ทำไมต้องเป็นวันพวกนี้วะ” รามถามแทรก

“มันเป็นวันไหว้ครูหมอโนราครับ คนใต้จะไหว้กันในช่วงเดือนสาม เดือนหก แล้วก็เดือนเก้า ไหว้กันแค่สามวัน ตั้งแต่วันพุธถึงวันศุกร์”

“ช่วงห้าทุ่มถึงเที่ยงคืนเหรอ” ปราปถาม

“ไม่ใช่ครับ ทำพิธีต่อเนื่องสามวันสองคืน ทำติดต่อกันทุกหนึ่ง สาม หรือ ห้าปีครับ”

“เดี๋ยวนะ ฉันขอเช็กอะไรแป๊บนึง” ปราปเหมือนจะนึกอะไรออก เขายื่นมือไปดึงแล็ปท็อปกลับมาแล้วกดเปิดไฟล์คดีเก่า ๆ ที่เขารวบรวมมาได้ในช่วยหลายวันที่ผ่านมา

“เดี๋ยวไอปราป มึงเปิดไฟล์คดีเรียงกันหน่อย”

ปราปหันมามองก่อนหันกลับไปทำตามที่เพื่อนว่า เปิดไฟล์หลายคดีเรียงกันบนหน้าจอให้เพื่อนดู “มึงคิดเหมือนกูไหมไอราม” พูดจบก็หันไปมองหน้าเพื่อนอีกรอบ

รามพยักหน้าตอบ “อือ”

ปราปหันไปพูดกับคนให้เบาะแส “ที่สิงบอกว่าฆาตกรอาจจะเคยฆ่าใครมาก่อนฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องจริง ฉันลองไปค้นดูในฐานข้อมูลพบคดีที่คล้ายกับสามคดีนี้อยู่ เหยื่อทุกรายเกิดและตายในวันเกิดของตัวเอง คือวันพุธ พฤหัส และศุกร์ คดีที่หาข้อมูลมาได้ทั้งหมดเกิดในช่วงเดือนมิถุนา”

“สิงบอกว่าจัดสามเดือนในหนึ่งปีใช้ไหม ทำไมฆาตกรถึงเลือกที่จะฆ่าช่วงเดือนหกละ?” รามถาม

“จัดแค่หนึ่งเดือนในหนึ่ง สาม หรือ ห้าปีครับ ขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่ว่าจะจัดเดือนไหน”

“งั้นพื้นที่ไหนที่จะจัดในเดือนมิถุนาบ้าง สิงพอจะรู้ไหม?” ปราปถามบ้าง

“ไม่ทราบครับ เพราะนอกจากแต่ละพื้นที่จะต่างกันแล้ว ความเชื่อและธรรมเนียมปฏิบัติของแต่ละบ้านก็จะแตกต่างกันด้วย”

“แล้วทำไมมันต้องฆ่าในช่วงเวลานั้นวะสิง” อินหันไปถามน้อง

“สิงคิดว่ามันคือการบูชายัญครับ”

“ให้ไอผีมโนราห์ตัวนั้นอะนะ?!”

“ครับ”

อินถอนหายใจอย่างหัวเสีย เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดในระหว่างที่เขาอยู่โรงพยาบาล “แล้วสาเหตุการตายของคดีพวกนั้นละครับสารวัตร”

“เหยื่อเสียชีวิตจากการโดนสารพิษ ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ สถานที่เกิดเหตุคือบ้านของผู้ตาย คดีพวกนี้จึงถูกสันนิษฐานว่าเป็นการฆ่าตัวตายครับ”

“แต่ข้อมูลแค่นั้นเพียงพอที่จะบอกได้เหรอครับว่าเป็นฆาตกรคนเดียวกัน” อินถาม

“ไม่ได้หรอกครับ แต่เหยื่อทุกรายมีอะไรที่คล้ายกัน เหยื่อส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกี่ยวกับการค้าขายและการบริการนอกจากนั้นในบ้านของเหยื่อทุกรายยังมีการบูชาเครื่องรางของขลังด้วย”

“แล้วของขลังพวกนั้นมีที่มาเหมือนกับของของไอเสือเหรอครับ”

“คดีที่มีอายุความสิบปีขึ้นไปคงบอกไม่ได้ครับ แต่คดีที่เพิ่งเกิดไม่เกินห้าปี หลักฐานของขลังพวกนั้นถูกห่อด้วยผ้ายันต์สีแดงเหมือนกับสามคดีนี้”

“พอจะพิสูจน์ได้ไหมครับ ว่าผ้ายันต์พวกนั้นมีที่มาเหมือนกัน”

“ผมส่งคำร้องขอเบิกหลักฐานในคดีเก่า ๆ ไปแล้ว คงได้รับการอนุมัติเร็ว ๆ นี้ ถ้าได้เรื่องยังไงผมจะแจ้งให้คุณอินทราบนะครับ”

“ขอบคุณครับ”

“สิง ภูมิลำเนาเดิมของสิงอยู่ที่สงขลาใช่ไหม?”

“ใช้ครับสารวัตร”

“คดีเก่าที่สุดที่ฉันหามาได้ตอนนี้เกิดขึ้นที่สงขลา และคดีส่วนใหญ่ก็เกิดที่จังหวัดทางภาคใต้” ปราปลอบสังเกตอากัปกิริยาของสิง แต่อีกฝ่ายดูไม่ตื่นตกใจกับข้อมูลที่เขาบอกเลยสักนิด “ดูสิงไม่ตกใจเลยนะ”

“ของอวิชชาพวกนั้นมีต้นกำเนิดมาจากทางใต้ จะเกิดในจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งก็ไม่แปลกหรอกครับ”

“คดีที่เก่าที่สุดที่ฉันหามาได้ตอนนี้คือเมื่อสิบแปดปีก่อน ที่อำเภอสิงหนคร”

“สิบแปดปีก่อน?ไม่ใช่ตอนที่มึงกับไอเสือขึ้นมากรุงเทพครั้งแรกเหรอ” อินหันไปพูดกับสิง

“ใช้ครับ”

“มึงบอกว่ามึงได้กลิ่นจากตัวไอเสือ ก่อนที่มันจะเจอกูใช่ไหม”

“ครับ”

“ถ้างั้นก็ประมาณสิบปีแล้ว คดีช่วงสิบปีก่อนเกิดขึ้นที่ไหนครับสารวัตร” อินบ่นกับตัวเอง ก่อนหันไปถามนายตำรวจเจ้าของคดี

“ถ้าผมจำไม่ผิด คดีเมื่อสิบปีก่อนยังเกิดที่ภาคใต้ครับ” ปราปพูดพลางก้มหาข้อมูล “คดีเมื่อสิบปีก่อนเกิดที่ภูเก็ต ผู้ตายเป็นพ่อค้า หญิงขายบริการ แล้วก็พีอาร์ร้านเหล้าครับ”

“แล้วกลิ่นเหี้ยนั้นมาอยู่บนตัวไอเสือได้ไงวะ ที่แปลกเข้าไปอีกคือมันรอห่าไรตั้งสิบปีกว่าจะฆ่าไอเสือ”

“มันจะเป็นไปได้ไหมครับ ว่าคนร้ายไม่ได้มีแค่คนเดียว” สิงถามคำถามที่ทำเอาทุกคนคิดหนักไปตาม ๆ กัน

“นั้นดิ ไม่มีอะไรบ่งบอกเลยนะเว้ย ว่ามันทำคนเดียว” หมอรามพูดเสริม

“จะมีกี่คนก็เหอะ จะไปหามันได้ที่ไหนก่อนไหม หลักฐานที่จะใช้ระบุตัวตนของมันยังไม่มีเลย” ปราปพูดประชด

“ก็จริง กล้องวงจรปิดก็เสือกจับภาพห่าอะไรไม่ได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลายนิ้วมือหรือดีเอ็นเอ แม่งฆ่ามากี่คนวะถึงช่ำชองได้ขนาดนี้” รามบ่นให้ทุกคนได้ยิน

“แต่มันมีส่วนที่ต่างกันอยู่นิ เมื่อวานมึงบอกกูเองไอราม”

“มึงหมายถึงสารพิษที่ทำให้ตายเหรอ”

“เออ เมื่อวานกูถามมึงว่าทำไมถึงต่างกัน มันอาจเกิดจากการเปลี่ยนตัวฆาตกรก็ได้นะ”

“ก็เป็นไปได้”

“พิษต่างกันยังไงเหรอครับ” สิงถามแทรก

“คดีเก่า พิษที่พบในร่างกายของผู้ตายมาจากสมุนไพร ส่วนใหญ่แล้วเกิดจากเห็ดมีพิษ ส่วนคดีใหม่ช่วงสี่ห้าปีที่ผ่านมา พบดีเอ็นเอของคางคก ปลาปักเป้า รวมถึงสารหนู” หมอรามตอบ

“ยาสั่งที่สิงเคยพูดมันทำมาจากของพวกนี้เหรอ?” ปราปถามเมื่อนึกถึงบทสนทนาที่เคยคุยกันตรงระเบียงห้องผู้ป่วยใน

“เรื่องส่วนประกอบผมไม่รู้หรอกครับ แต่ยาสั่งมีสองแบบ คือแบบที่ทำจากสมุนไพรแล้วก็สัตว์มีพิษ”

“ถ้างั้นฆาตกรคนแรกเริ่มฆ่าเหยื่อด้วยยาสั่งสมุนไพร ส่วนคนที่สองฆ่าด้วยยาสั่งจากสัตว์มีพิษ สารพิษที่ทำให้เหยื่อตายเลยเปลี่ยนไป” รามแสดงความเห็น

“คงต้องเริ่มสืบจากคดีแรกที่มันเปลี่ยนวิธีการฆ่า มันน่าจะมีร่องรอยอะไรเหลืออยู่บ้าง ปกติแล้วฆาตกรมักจะทิ้งร่องรอยในการฆ่าครั้งแรกเสมอ” ปราปเสนอวิธี

“คดีเพิ่งเกิดเมื่อสี่ปีก่อน หลักฐานน่าจะยังอยู่”

“งั้นมึงมาช่วยกู” ปราหันไปพูดแกมบังคับเพื่อน

“กูเป็นหมอนิติเวช ไม่ใช่ตำรวจ มึงไม่ไปใช้ไอเมฆวะ” หมอรามร้องท้วง สองสามวันมานี้เขามัวแต่คลุกตัวอยู่กับปราปถูกเพื่อนบังคับให้ช่วยดูคดีเก่า ๆ ด้วยกันจนไม่มีเวลาไปดูคดีอื่น

“กูใช้ให้มันไปทำอย่างอื่น มึงนั่นแหละที่ต้องช่วยกู ทำงานให้คุ้มภาษีหน่อยได้ป่ะ?!”

“โอ้โห่! ไอปราป มึงต่อยกับกูเลยไหมพูดแบบนี้” หมอรามแสร้งพับแขนเสื้อขึ้น เตรียมลงสังเวียนกับเพื่อนรักสักยกสองยก

“ทำไมเลือดร้อนจังเลยครับหมอราม” เสียงเล็กของผู้จัดการดาราดังมาจากทางหน้าบ้าน ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเข้ามาพร้อมกับผู้ช่วยคนสนิท

“คุณเจต! เป็นยังไงบ้างครับ” หมอหนุ่มฉีกยิ้มกว้างอย่างไม่เก็บอาการ ก่อนจะเดินรับสัมภาระในมือคนตัวเล็กมาถือเอาไว้เอง “ผมช่วยครับ”

“ขอบคุณครับ” แก้มขาวของเจตเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอากาศหรือเพราะการออกตัวแรงของคนตรงหน้า

“อะแฮม!” นายตำรวจหนุ่มกระแอมเสียงดัง คนเจ้าชู้หันมามองค้อนที่ถูกขัดเวลาพลอดรัก

“นี้คุยกันเรื่องคดีอยู่เหรอครับ” เจตที่สังเกตเห็นตั้งแต่หน้าบ้านเอ่ยถามเจ้าของคดี

“ใช้ครับ พอดีผมมีข้อมูลอยากถามเพิ่มเติมจากคุณอินแล้วก็สิง”

“อ๋อ งั้นอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนไหมครับ”

“ได้ครับ!” หมอรามตอบรับคำเชิญอย่างทันท่วงทีพลางยิ้มหน้าบานจนออกนอกหน้า ถ้ามีหางเหมือนหมาตอนนี้มันคงกระดิกไปมาอย่างเริงร่า

“มึงถามกูยัง” ปราปเลิกคิ้วถามเพื่อน

“ทีมึงจะใช้งานกู ยังไม่ถามกูเลย”

ปราปกลอกตามองบนโดยไม่พูดเย้าแหย่เพื่อนอีก

“สิงจะทำหรือจะสั่ง” เจตถามเด็กหนุ่มที่รับหน้าที่เป็นพ่อบ้านประจำของบ้านหลังนี้

“มีวัตถุดิบอยู่ครับพี่เจต เดี๋ยวผมทำเองก็ได้”

“โอเค เดี๋ยวพี่ลงมาช่วย รอแป๊บนึงนะ เอาของไปเก็บก่อน”

“ครับ”

เจตทำท่าจะเดินขึ้นไปเก็บของบนห้องนอนแขก แต่ไม่ทันจะได้ก้าวขึ้นบันได คำถามของสารวัตรปราปกลับดึงความสนใจของเขาเอาไว้เสียก่อน

“สิงบอกผมว่าเกิดเรื่องขึ้นที่โรงพยาบาล พอจะเล่าให้ฟังได้ไหมครับคุณอิน”

“เกิดอะไร ทำไมพี่ไม่เห็นรู้เรื่องเลยอิน”