"ทำไมคุณถึงฆ่าพี่ชายของตัวเอง" "วิญญาณเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่พี่เสือต้องจ่าย"
สืบสวนสอบสวน,ชาย-ชาย,เลือดสาด,ดาร์ค,ไทย,สืบสวนสอบสวน,สยองขวัญ,ผี,วิญญาณ,ไสยศาสตร์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
โกลาหลกลสั่งตาย"ทำไมคุณถึงฆ่าพี่ชายของตัวเอง" "วิญญาณเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่พี่เสือต้องจ่าย"
'สิง' เด็กหนุ่มผู้มีสัมผัสพิเศษที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดี ฆาตกรรมพี่ชาย ร่วมสายเลือด
กับการถูกไล่ล่าจากวิญญาณ 'ผีมโนราห์' ที่ไม่มีที่มาที่ไป
การเอาชีวิตรอดและการปกป้องแสงสว่างหนึ่งเดียวในชีวิตที่มืดบอดอย่าง 'อิน' จึงกลายเป็นภารกิจสำคัญ
ควบคู่ไปกับการตามล่าหาความจริงอันดำมืดที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้มานานหลายปี
#โกลาหลกลสั่งตาย
WARNING
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง จากจินตนาการของผู้เขียน ตัวละคร เหตุการณ์ สถานที่ (บางสถานที่มีจริง) ไม่มีอยู่จริง ผู้เขียนไม่มีเจตนาล่วงละเมิดหรือจงใจให้เกิดความเสียหายต่อผู้ใด หรือ สิงใดก็ตาม
นอกจากนั้นยังไม่มีเจตนาลบหลู่ บิดเบือนศาสนา พิธีกรรม ความเชื่อ หรือประเพณีใด ๆ ทั้งสิ้น
อาจมีภาพหรือเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมในด้านพฤติกรรม ความรุนแรง และการใช้ภาษา ผู้อ่านที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรอ่านโดยใช้วิจารณญาณ
ภายในงานเขียนมีการใช้ภาษาถิ่นใต้และผู้เขียนกังวลเรื่องการผันเสียงในภาษาท้องถิ่น จึงมีการใช้ภาษากลางในการอธิบายร่วมด้วย
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยาย ชxช ใครหลงเข้ามาสามารถเปิดใจอ่านได้ แต่ถ้าไม่ไหวจริง ๆ สามารถกดออกไปสู่เนื้อหาที่ผู้อ่านต้องการได้เลย :)
TRIGGER WARNING
Abuse / Physical Abuse มีการใช้ความรุนแรงกับเหยื่อทางกาย
Abuse Relationship ความสัมพันธ์ที่มีการใช้ความรุนแรงทั้งการทำร้ายด้วยวาจาและการทำร้ายร่างกาย
Blood มีเลือด
Brutality การใช้ความรุนแรง, ทารุณ
Cutting ใช้ของมีคม
Corpse ศพ
Dead การตาย
Depiction of Death มีการบรรยายฉากการตาย
Dirty Talk มีการใช้คำพูดหยาบโลน
Drug Abuse การใช้ยาหรือสารเคมีแบบผิดวิธี
Ghost ภูตผี
Gore เนื้อหามีความโหดร้าย
Hallucinations มีอาการประสาทหลอน
Mental Abuse ใช้ความรุนแรงกดดันจนเกิดบาดแผลทางใจ
Mental Illness มีอาการป่วยทางจิต
Murder มีฉากฆ่าที่โหดร้าย
Sexual Harassment การล่วงละเมิดทางเพศ
Psychopath โรคจิต ไม่มีความนึกคิดผิดชอบชั่วดีเหมือนคนปกติ
Violence มีการใช้ความรุนแรง
Facebook : https://www.facebook.com/profile.php?id=61564472022894&%3Bref=embed_page
X : https://x.com/Writer_RTKDN
TikTok : https://www.tiktok.com/@writer_rtkdn
เงื่อนไขในการติดเหรียญ
ติดเหรียญ 5 เหรียญต่อ 1 ตอน
ตอนที่ 0-6 ฟรี!!!
อ่านฟรีก่อนติดเหรียญ 7 วัน (นับตั้งแต่วันที่เผยแพร่)
ตอนพิเศษติดถาวร
(ตอนพิเศษ 6 ตอน 1 ตอนมีเฉพาะใน E-book เท่านั้น)
Publish Date
ตอนที่ 1-7 : 11/10/2024 - 16/10/2024
ตอนที่ 8-22 และ ตอนพิเศษ : ลงทุกวันจันทร์ / พุธ / ศุกร์
เปิดเรื่อง : 11/10/2024
ปิดเรื่อง : 0/0/2024
“พะ...พี่เมฆ”
นายตำรวจหนุ่มเดินเข้ามาในโรงพิธีด้วยสีหน้าเรียบเฉย นัยน์ตาเหลือบมามองเด็กหนุ่มทางหางตาด้วยแววตาที่ไม่สามารถอ่านความคิดของอีกฝ่ายได้ เมฆเมินเสียงเรียกแล้วเดินไปนั่งข้าง ๆ เรืองเดช เขายื่นมือไปหยิบไม้ขึ้นมาตีกลองทับผสานกับจังหวะของปี่นอก
วิญญาณผีนางมโนราห์ก้าวออกมาจากหลังเพิงพักด้วยท่าทางการร่ายรำ เธอเดินวนรอบเด็กหนุ่มพลางจ้องมองเขาด้วยแววตาอาฆาตแค้น บทสิบสองถูกแสดงออกมาด้วยท่าทางที่อ่อนช้อย ก่อนที่ตอนท้ายเธอจะเปลี่ยนมาร่ายรำประกอบบทไกรทอง คลอไปกับการขับร้องบทเจรจา
การแสดงยังคงดำเนินไปเรื่อย ๆ ในขณะที่สิงนั่งอยู่ตรงกลางวงก็พยายามตั้งสติประมวลผลภาพตรงหน้า ตอนนี้เขาเข้าใจดีแล้วว่าตัวเองถูกเมฆหลอกมาตั้งแต่แรก และในตอนนี้สิ่งที่ขวัญทำคือการร่ายรำบทไกรทอง ถ้าหาเข้าใจไม่ผิดเขาก็คือชาละวันที่เธอต้องปลิดชีพ
สิงกลืนน้ำลายเหนียวลงคออย่างยากลำบาก ความกลัวเริ่มกัดกินจิตใจของเขาไปทีละเล็กละน้อย ก้อนเนื้อกลางอกสั่นไหวรุนแรงเมื่อรับรู้ว่าชีวิตกำลังจะถึงจุดจบในไม่ช้า
ความกลัวกลายเป็นลมเย็นยะเยือกที่พัดผ่านตัวเขาตั้งแต่สันหลังลามไปส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย “ทวดขวัญ”
เสียงเรียกของเด็กหนุ่มทำให้วิญญาณอาฆาตที่กำลังร่ายรำอยู่หยุดชะงักไป ริมฝีปากที่เคยแสยะยิ้มหุบลงทันควัน นัยน์ตาที่ขาวโพลนแปลเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานฉายแววความโกรธจัด
“หุบปาก!!!”
เสียงเล็กแหลมตะโกนลั่น ปลายปลอกนิ้วชี้หน้าสิง มือขาวซีดสั่นไหวจนมองเห็นได้ชัด นัยน์ตาสีแดงฉายแววโกรธกำลังสั่นไหวไม่ต่างกัน ราวกับเธอกำลังลังเลและสับสน ภาพชายที่เธอเคยหลงรักจนหมดหัวใจฉายทับกับใบหน้าของเด็กหนุ่มราวกับเป็นคนคนเดียวกัน
“ทวดขวัญหยุดเถอะนะครับ”
“ตอนที่มึงทำอุบาทว์อัปรีย์กับกู ทำไม่มึงไม่หยุด!!!”
ในสายตาของเธอ เด็กหนุ่มตรงหน้าคือใครอีกคนที่อยู่ในความทรงจำที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต เขาคนนั้นคือ ‘ภพ’ ชายที่เธอเคยรักจนหมดหัวใจ และเป็นคนคนเดียวกันกับคนที่กระทำย่ำยีศักดิ์ศรีของเธอราวกับมันไร้ค่า
“ผมขอโทษ”
สิงเหมือนคนโง่ที่กำลังพูดให้วิญญาณอาฆาตปล่อยวาง ทั้ง ๆ ที่ชีวิตของตัวเองอยู่ในกำมือของเธอ แต่หากจะให้เขาทำร้ายดวงจิตของเธอ ก็เป็นสิ่งไม่ควรเมื่อเทียบกับสิ่งที่ขวัญต้องเจอ
ในขณะที่สิงคิดว่าคำพูดของเขาเป็นแค่ลมปาก แต่มันกลับทำให้น้ำสีดำทะมึนไหลออกมาอาบแก้มขาว
“หุบปาก!!!”
เสียงตวาดลั่นก้องไปทั่วผืนนาก่อนที่จะมีมือเย็นเฉียบยื่นออกมาปิดปากสิงจากทางด้านหลัง ริมฝีปากของเด็กหนุ่มถูกพันธนาการทำให้ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก แต่ไม่รู้อะไรดลใจทำให้สิงหันไปมองเจ้าของฝ่ามือที่ยืนช้อนหลังเขาอยู่
พี่เสือ...
สิงเรียกชื่อพี่ชายในใจ พลางมองจ้องหน้าคมคายด้วยความคิดถึง น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลอาบแก้มขาวที่ตอนนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลน ใบหน้าของเสือยังหล่อเหล่าอย่างที่เป็นมาตลอดสมฉายาราชาพยัคฆ์แห่งวงการบันเทิง ริมฝีปากบางรับกับใบหน้าที่บัดนี้กลายเป็นสีขาวซีด ดวงตากลมโตไม่ผิดจากคนน้องแต่มีความดุดันมากกว่า เพียงแต่ตอนนี้กลับเรียบเฉยไร้ความรู้สึกคล้ายถูกควบคุม
เสียงดนตรีบรรเลงดึงความสนใจของสิงไปจากพี่ชาย การร่ายรำเคล้าบทขับร้องไกรทองล่าชาละวันดำเนินต่อด้วยฝีมือของขวัญ ก่อนจะเปลี่ยนไปแสดงบทคล้องหงส์จากเรื่องพระสุธน-มโนราห์ ในระหว่างที่การแสดงดำเนินไป จู่ ๆ ร่างของสิงก็ถูกดึงขึ้นไปเกือบชิดคานหลังคาด้วยผ้าขาวม้าผืนยาวที่คล้องอยู่บนลำคอ
“อึก...อ๊อก...” แรงรัดทำให้สิงดิ้นทุรนทุราย มือทั้งสองข้างพยายามดึงเชือกที่พันรอบคอให้คลายออก ริมฝีปากอ้ากว้างพยายามควานหาอากาศเพื่อยื้อชีวิต แต่ไม่ว่าจะออกแรงดึงเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล เมื่อวิญญาณร่างสีดำทะมึนไม่ยอมลดแรงดึงจากปลายเชือกอีกด้าน
วิญญาณตายโหงผิวกายไหม้เกรียมเป็นตัวเดียวกันกับที่เขาเจอที่บ้านของเพรียว ใบหน้าของมันบิดเบี้ยวห้อยย้อยจากการเผาไหม้อย่างหนักจนจำเค้าโครงเดิมแทบไม่ได้ นัยน์ตามองตรงไร้ความรู้สึกราวกับโดนควบคุมไม่ต่างจากเสือ
ทวดภพ...
เสียงเรียกของหลานในไส้ทำให้วิญญาณร่างสีดำทะมึนเผลอผ่อนแรงดึง ร่างของสิงจึงร่วงหล่นลงมากระแทกพื้นอย่างแรง เด็กหนุ่มไอจนตัวโยนพลางหอบหายใจถี่รัว
“ทะ...ทวดขวัญ ปล่อยวางเรื่องทุกอย่างเถอะนะครับ ผมขอโทษสำหรับเรื่องทุกอย่างแทนทวดภพ อโหสิกรรมให้กันนะครับ” สิงรีบใช้ช่วงเวลาที่ทุกอย่างหยุดนิ่ง พูดเตือนสติอีกฝ่ายให้หยุดทำเวรทำกรรม
“หึ ๆ” ขวัญเค่นเสียงหัวเราะเย้อหยันในลำคอ ก่อนที่ร่างของเธอจะหายไปจากสายตาของสิง แล้วไปโผล่ที่ด้านหลังวิญญาณร่างไหม้เกรียม “ให้กูอภัยให้มัน กับสิ่งที่มันทำกับกูไว้เหรอ ฆ่ามันอีกรอบยังง่ายกว่า” พูดจบเธอก็เอื้อมมือไปบีบคอของทวดภพยกร่างสูงใหญ่ลอยขึ้นเหนือพื้น
“ฆ่ามันให้ตาย แล้วมึงก่าหยุดเสีย!”
เสียงแหบพร่าของชายชราดังก้องกังวานไปทั่วโรงพิธี ก่อนที่ในอีกเสี้ยววินาทีต่อมา วิญญาณผีตายายจะค่อย ๆ ปรากฏให้เห็น ชายแก่ใช้ร่างกายคุดคู้ยืนบังสิงเอาไว้ราวกับกำลังปกป้องลูกหลานเอาไว้ไม่ให้ใครมาทำร้ายได้
“ฆ่ามันให้ตายซ้ำแล้วซ้ำล่าว เอาเท่าเท่มึงพอใจ” [ฆ่ามันให้ตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เอาเท่าที่มึงพอใจ]
“หึ กูทำแน่ แล้วกูก็จะฆ่าเหลนมันให้ตายตามมันไปด้วย” วิญญาณทวดขวัญพูดต่อปากต่อคำ พลางออกแรงบีบมากขึ้นเรื่อย ๆ จนวิญญาณของทวดภพดิ้นอย่างทุรนทุรายสภาพน่าสังเวช
“คนเอินไปทำไอไหร่มึง ไซร่มึงต้องฆ่ามันกัน” [คนอื่นไปทำอะไรมึง ทำไมมึงต้องฆ่าพวกมันด้วย]
“มันทำอะไรไว้กับกู กูจะคืนสนองให้มันเป็นร้อยเท่าพันเท่า มันกล้าดียังไง ฆ่ากูให้ตายแล้วไปแต่งงานมีความสุข ถ้ากูไม่ได้ก็ไม่มีใครหน้าไหนได้! พวกมันทั้งโคตรต้องตายด้วยฝีมือกู” ทวดขวัญพูดพลางหันไปมองเหยื่อในเงื้อมมือ มีเพียงความตายเท่านั้นที่เธอให้เขาเพื่อตอบแทนความรักและความเจ็บปวดที่ได้รับมาจากในอดีต
ร่างของทวดภพดิ้นทุรนทุรายอยู่ไม่นานก็แน่นิ่งไปคามือ แต่เพียงไม่ถึงเสี้ยววินาทีต่อมา เปลือกตาไหม้กลับเบิกโตขึ้นมาราวกับวิญญาณกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
นี้อาจหมายถึงการฆ่าซ้ำแล้วซ้ำเล่าตามที่ตายายว่า ตายแล้วตายอีกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ความทุกข์ทรมานของวิญญาณที่ต้องเผชิญเรื่องนั้นยากที่จะเข้าใจ แต่ไม่ว่าจะตายสักกี่ครั้งก็ดูเหมือนวิญญาณทวดขวัญจะยังไม่พอใจ ความแค้นไม่มีทีท่าว่าจะลดลงไปเลย
“พันฮั่นมึงก่ามาฆ่ามัน เพราะถัดจากมันก่าหาม้ายใครให้มึงฆ่าแล้ว กูอีแลว่าต่อไปมึงอีเอาความแค้นของมึงไปลงที่ใครเหล้ย” [ถ้าอย่างงั้นมึงก็ฆ่ามัน เพราะถัดจากมันก็ไม่มีใครแล้ว กูจะดูว่าต่อไปมึงจะเอาความแค้นของมึงไปลงที่ใครอีก] หากพูดด้วยดี ๆ ไม่รู้เรื่อง ก็คงต้องพูดกับด้วยภาษาของคนขาดสติเหมือนกันอีกฝ่ายอาจจะเข้าใจได้มากกว่า
“มึงอย่ามาลองดีกับกู” วิญญาณทวดขวัญผละมือออกจากผิวไหม้เกรียม ก่อนที่เธอจะหายไปแล้วมาปรากฏตัวตรงหน้าวิญญาณผีตายายในระยะประชิด
ไม่มีความกลัวเกรงในสายตาของชายชรา มุมปากตกยกสูงขึ้นเผยให้เห็นรอยยิ้มแสยะ “ถ้ากูลองดีกับมึง มึงม้ายด้ายมายืนโย่ตรงนี้หรอก กูโย่มานานหว้ามึง มึงคิดว่ากูอีปล่อยให้มึงฆ่าลูกหลายกูไปเรื่อย ๆ โดยเท่กูไม่ทำไอไหร่เลยเหอะ เท่มึงฆ่าพวกมันด้าย เพราะกูม้ายทำไอไหร่ต่างหาก ส่วนไอเด็กเปรตนี้ ถ้ามึงอีฆ่า ก่าฆ่าเลย! กูม้ายห้าม แล้วกูอีแลน้ำหน้ามึงว่าถ้ามันตายแล้ว มึงอีปลดปล่อยความแค้นแล้วไปเกิดใหม่ได้ม้าย” [ถ้ากูลองดีกับมึง มึงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้หรอก กูอยู่มานานกว่ามึง มึงคิดว่ากูจะปล่อยให้มึงฆ่าลูกหลานกูไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่ทำอะไรเลยเหรอ ที่มึงฆ่าพวกมันได้เพราะกูไม่ทำอะไรเลยต่างหาก ส่วนไอเด็กเปรตนี้ ถ้ามึงจะฆ่าก็ฆ่าเลย! แล้วกูจะดูน้ำหน้ามึงว่าถ้ามันตายแล้ว มึงจะปลดปล่อยความแค้นแล้วไปเกิดใหม่ได้ไหม]
วิญญาณชายชราพร่ำสอนลูกหลานด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน เขาเป็นวิญญาณบรรพบุรุษที่อยู่กับตระกูลโนราห์มาไม่รู้กี่รุ่นต่อกี่รุ่น พลังวิญญาณที่ได้มาจากลูกหลานที่รับครูหมอโนราก็มากมาย แต่เขากลับยืนดูวิญญาณอาฆาตของขวัญเข่นฆ่าคนในตระกูลโดยไม่ทำอะไร เพราะคิดว่ากรรมของใครคนนั้นก็ต้องรับผิดชอบเอาเอง
“กูจะเกิดหรือไม่เกิดกูไม่รู้ แต่ไอเด็กนี้ต้องตาย”
บัวใต้ตมยังไงก็ไม่มีทางโผล่พ้นน้ำ หากสอนแล้วไม่รับฟังก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้เปลืองน้ำลายอีก ผีตายายยอมก้าวถอยออกไป ทำให้สิงเผชิญหน้ากับผีมโนราห์ด้วยตัวเอง เนื้อตัวที่สั่นเทาอยู่แล้วสั่นมากกว่าเดิม ถึงแม้จะเตรียมใจมาตายแล้วแต่เมื่อชีวิตต้องเผชิญหน้ากับมันจริง ๆ ความกลัวและความเศร้าโศกเสียใจก็เข้ามาโอบล้อมร่างกายของเด็กหนุ่ม
การกระทำที่คาดไม่ถึงของผีตายายทำให้วิญญาณอาฆาตผงะไปชั่วครู่ ความจริงที่ว่าผีตายายมีพลังมากกว่านั้นไม่ใช่เรื่องที่เกินจริง การสิงสถิตอยู่ในตระกูลมโนราห์ที่สร้างคุณงามความดีมากมายจากลูกหลานคณะโนราห์สุพจน์ วิญญาณที่เต็มไปด้วยกรรมดีย่อมมีพลังอำนาจมากกว่ากรรมชั่วที่เกิดจากแรงอาฆาตนั้นเป็นสัจธรรมของโลกนี้อยู่แล้ว ก่อนหน้าที่สิงจะยอมรับครูหมอโนรา ขวัญอาจจะสู้ได้แต่ตอนนี้เธอเป็นรองอยู่มาก ดังนั้นการฆ่าลูกหลานคนสุดท้ายในสายตระกูลของภพเป็นเรื่องยากถ้าผีตายายไม่ยอมถอยให้
เมฆที่คอยนั่งสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ เห็นท่าไม่ดี รีบลุกขึ้นยืนแล้วชี้ปลายกระบอกปืนตรงไปที่สิง นัยน์ตาที่เคยดูเป็นมิตร ตอนนี่มันถูกแทนทีด้วยความเคียดแค้น
“พี่เมฆ...ทะ ทำไม”
“หึ จะตายอยู่แล้วยังอยากรู้อีกเหรอว่าทำไม กลัวตายตาไม่หลับเหรอน้องชาย” เมฆนั่งชันเข่าลงตรงหน้าเด็กหนุ่ม พลางยกปลายกระบอกปืนเข้าประชิดขมับ
“พี่เป็นลูกชายของตาเรืองเดชเหรอครับ”
“ฉลาดเหมือนเดิมเลยนะสิง เป็นไงรู้แล้วดีใจไหมที่เราเป็นญาติกัน” เมฆถามพลางฉีกยิ้มกว้างแต่ดวงตากลับไม่ยิ้มตาม
ลำคอของสิงแห้งผากเมื่อคิดว่านายตำรวจที่ใจดีกับเขาตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน คนที่คอยช่วยเหลือในทุก ๆ เรื่องที่เขาร้องขอ กลับเป็นคนที่คิดจะฆ่าเขาให้ตาย และยิ่งเจ็บปวดมากกว่าเดิมเมื่อรู้ว่าเมฆมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของพี่ชายมาโดยตลอด “พี่ฆ่าพี่เสือ...” สิงถามย้ำ
เมฆแสยะยิ้มก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดัง “กูเป็นคนสั่งให้ไอนนท์ทำเอง ขอโทษทีนะสิงแต่พี่มึงสมควรตาย!!!”
“พี่เสือไปทำอะไรพี่ พี่ถึงได้ฆ่าเค้าแบบนั้น!” เมื่อความโกรธมีมากกว่าความกลัวจึงทำให้สิงกล้าขึ้นเสียงใส่คนตรงหน้า
“เสือมันสมกับเป็นนักแสดงแถวหน้าจริง ๆ แสดงโคตรเก่ง แต่ใครจะรู้ว่าพระเอกชื่อดังเป็นแค่ฉากหน้า เพราะจริง ๆ แล้วมันคือคนร้ายที่คิดจะฆ่าพ่อกู! โชคดีที่พ่อกูไม่ตาย แต่ก็ไม่ต่างอะไรกับตายทั้งเป็นหรอก”
“พี่หมายความว่ายังไง”
“เพราะมึงตาบอดเหรอสิง ถึงไม่รู้ว่าพี่มึงจ้างวานฆ่าพ่อกู! มันส่งคนมาฆ่าพ่อกู แล้วทำให้ดูเหมือนอุบัติเหตุเมาแล้วขับ จนพ่อกูต้องกลายเป็นคนพิการ! กูฆ่ามันก็ถูกแล้ว จริงไหม?!”
ดวงตาของเด็กหนุ่มเบิกกว้างไปพร้อม ๆ กับการรับรู้เรื่องราวเบื้องหลังการตายของพี่ชาย เขาไม่รู้ว่าคำพูดของเมฆเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน แต่พี่เสือที่สิงรู้จักนั้นไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้แน่นอน “พี่เสือจะทำแบบนั้นไปทำไม”
“ก็มันแค้นที่พ่อกูฆ่าพ่อกับแม่มันไง เสแสร้งทำตัวเป็นคนดีจนน่ารำคาญ มึงเองก็เลิกทำตัวเป็นคนดีได้แล้วสิง กูบอกให้เอาบุญนะ ว่าตากูเป็นคนฆ่าปู่มึง พ่อกูฆ่าพ่อกับแม่มึง ส่วนกูก็ฆ่าพี่ชายมึง และกำลังจะฆ่ามึงให้ตายตามไปอีกคน ครอบครัวสุขสันต์ดีวะ ฮ่า ๆ”
สิงแทบจะหมดสติไปเดี๋ยวนั้นเมื่อได้รับรู้ความจริงของเรื่องราวทั้งหมดภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ความบาดหมางในครอบครัวมันมีมากมายเกินกว่าที่เขาเข้าใจมันเสียอีก นี้เขาอวดดีเกินไปรึเปล่าที่คิดจะแก้ไขเรื่องราวความแค้นทั้งหมด
“อย่าเพิ่งตายซิ กูยังเล่าไม่จบเลยนะ แค่นี้มึงก็จะไม่ไหวแล้วเหรอสิง” เมฆใช้ปลายกระบอกปืนช้อนใบหน้าของสิงเอาไว้ ก่อนที่ฝ่ามืออีกข้างจะตบลงบนแก้มขาวไม่หนักไม่เบาจนขึ้นสี “เห้ย! ตื่นก่อนไอน้องชายพี่ยังเล่าไม่จบเลย มึงรู้ไหมสิง ว่าเรื่องเหี้ย ๆ พวกนี้มันเกิดขึ้นมาได้ไง” เมฆเลิกคิ้ว เว้นช่วงไปครู่นึงเพื่อมองจ้องหน้าคนน้องก่อนจะเอ่ยปากเล่าต่อ “เพราะเทียดมึงไง! ลูกชายสร้างความฉิบหายไม่พอยังมารังควานปู่กูอีก ตามตอแยไม่เลิก จนสุดท้ายก็พรากแม่พรากลูก พ่อกูต้องกลายเป็นเด็กไม่มีแม่ ส่วนมันก็กลายเป็นพ่อเหี้ยที่บีบลูกสาวจนต้องฆ่าตัวตาย เป็นไงครอบครัวมึงนี้ประเสริฐสุด ๆ ไปเลยไหมสิง”
น้ำตาลูกผู้ชายหลั่งรินด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ ความลับอันดำมืดที่ถูกเก็บมาเนิ่นนานถูกเปิดเผยออกมาจนหมดเปลือก สิงแทบไม่เชื่อหูตัวเองเลยว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ครอบครัวของเขาพยายามซุกซ่อนมันเอาไว้ใต้พรมมาตลอด ถึงกระนั้นเขาก็ยังมีความหวังอยู่เล็ก ๆ ว่าเรื่องทุกอย่างอาจเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่เมื่อเขาได้มองสบตากับวิญญาณผีตายายและอีกฝ่ายกลับเลือกที่จะหลบสายตาของเขา นั้นทำให้ทุกอย่างกระจ่างแจ้ง
“ผมขอโทษ” สิงพูดเสียงสะอื้นด้วยน้ำตานองหน้า
“กูรับคำขอโทษเป็นวิญญาณของมึงเท่านั้นไอน้องชาย”
เมฆพูดจบก็ลุกขึ้นยืนก้มมองเหยื่อที่อยู่เบื้องล่างอย่างพิจารณา กระชับปลายนิ้วมือเข้ากับกระบอกปืน ปลายนิ้วชี้วางขนาบข้างลำกล้องก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนสอดเข้าไปในไกปืนช้า ๆ แบบไม่รีบร้อน เพราะรู้ว่ายังไงลูกไก่ในกำมือก็ไปไหนไม่รอด
ปัง!!!
เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด หมู่มวลนกที่หลับใหลอยู่ก็พลันตื่นตกใจรีบกระพือปีกหนีตามสัญชาตญาณ เลือดจำนวนมากสาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนไปทั่วโรงพิธี ดวงตาที่ปิดสนิทด้วยความกลัวค่อย ๆ ลืมขึ้นมา ก่อนจะเห็นชายร่างกำยำสวมชุดสีกากีเต็มยศกำลังเดินถือปืนตรงเข้ามาในโรงพิธี พร้อมกับชายร่างสูงโปร่ง ใบหน้าคุ้นตาเดินตามมาข้างหลัง
“วางอาวุธลงซะไอเมฆ!” ปลายกระบอกปืนพกชนิดเดียวกันชี้ตรงไปยังหมวดเมฆ ที่ตอนนี้มีเลือดไหลอาบแขนจากบาดแผลฉกรรจ์ที่ถูกยิงตรงหัวไหล่ ใบหน้าฉายแววความกลัวเกรงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เจ้าตัวจะปรับสีหน้าให้กลับมาเรียบเฉยอีกครั้ง
เมฆเปลี่ยนมาถือปืนด้วยมืออีกข้าง ชี้ตรงมายังเด็กหนุ่ม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองหัวหน้าคนสนิทด้วยสีหน้ายียวน “สวัสดีครับสารวัตร”
“กูบอกให้ทิ้งปืน! มึงไม่รอดแล้วเมฆ ตำรวจล้อมที่นี่ไว้หมดแล้ว”
เมฆยกยิ้มพลางเอียงคอมองอีกฝ่าย “ผมก็ไม่คิดว่าจะรอดอยู่แล้วนิครับสารวัตร” ฆาตกรในคราบตำรวจพูดอย่างไม่ยี่หระและไม่คิดจะล้มเลิกแผน เขารู้ดีว่าการที่ถูกตำรวจล้อมจับไว้แบบนี้หนทางรอดมีน้อย แต่ถ้าหากความแค้นในใจถูกชำระไปได้ ต่อให้ต้องตายเขาก็ไม่คิดถอย
เมฆละสายตาจากหัวหน้าก้มลงไปมองเหยื่อเพื่อลั่นไกปืนอีกครั้ง แต่จู่ ๆ ลมห่าใหญ่พัดมาจากทั่วทุกทิศทาง ทำให้แสงสว่างจากเทียนไขหลายสิบเล่มดับลงไปในคราเดียว
เมื่อแสงไฟกลับมาติดอีกครั้ง เมฆจึงรีบก้มลงไปมองเล็งเหยื่อผ่านปลายลำกล้องปืนแต่บนพื้นกลับไร้เงาของสิง ก่อนจะเห็นว่าเด็กหนุ่มอยู่ในเงื้อมมือของผีมโนราห์
ร่างของสิงลอยเต่งอยู่ในอากาศอีกครั้งด้วยน้ำมือของขวัญ ผ้าขาวม้าผืนยาวพันรอบลำคอ แรงรัดทำให้เขาหายใจไม่ออกพลางดิ้นพล่านอย่างทุรนทุราย
“สิง!!!”
อินร้องเรียกชื่อน้อง ทำท่าจะพุ่งตัวออกไปช่วยอย่างไม่คิดชีวิตแต่ถูกปราปดึงตัวเอาไว้เสียก่อน
“มันเป็นของกู!”
สิ้นเสียงประกาศกร้าว วิญญาณอาฆาตก็ลงมือปักมีดคมลงบนเนื้อหนังของเด็กหนุ่มอย่างไม่ปรานีเพื่อจบพิธีแทงจระเข้ที่เธอได้เริ่มเอาไว้ เลือดข้นไหลทะลักออกมาจากปากแผลกว้าง ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่างภายในชั่วพริบตาก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนเป็นความชา
ขวัญชักมีดออกพลางระเบิดหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ความแค้นในใจของเธอถูกชำระล้างด้วยเลือดของทายาทคนสุดท้ายของชายผู้ชั่วช้าสามานย์ และนั้นทำให้ฟางเส้นสุดท้ายของผีตายายขาดผึง ร่างของชายชราพุ่งทะยานเข้าไปหาวิญญาณของขวัญก่อนที่ดวงวิญญาณทั้งสองดวงจะหายวับไปกับตา
“ฮ่า ๆ” เมฆระเบิดหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งเมื่อเห็นว่าแผนการของเขาสำเร็จลุล่วง
นายตำรวจหลายนายกรูกันเข้าไปจับกุมตัวของเขาและเรื่องเดชเอาไว้ ส่วนนนท์แอบวิ่งหนีออกไปในช่วงชุลมุน ปราปจึงออกคำสั่งให้ตำรวจกลุ่มนึงตามไป
อินที่ดิ้นจนหลุดจากการเกาะกุมของปราปรีบพุ่งตัวไปหาคนน้องที่นอนจมกองเลือด “ไอสิง! ตื่นขึ้นมา ไอสิง! ไอน้องเหี้ย! กูไม่ยอมให้มึงตายตามพี่มึงไป มึงต้องอยู่กับกู ฮือ ๆ” อินเขย่าตัวคนน้องแรงเพื่อเรียกสติให้เขาตื่นขึ้นมา
“พี่อินฟื้นแล้วเหรอครับ” เปลือกตายังคงหลับอยู่ แต่ริมฝีปากกลับเผยอขึ้นพูดด้วยแรงเฮือกสุดท้าย
“ไอสิง! ไอสิง! ลืมตาขึ้นมาก่อน อย่าหลับนะเว้ย! ถ้ามึงหลับ มึงกลับไปเป็นน้องกูเหมือนเดิมเลย!” ร่างโปร่งเรียกคนในอ้อมกอดอย่างร้อนรนก่อนจะพ่นค่ำขู่ที่น้องไม่ได้ยิน
“ไอสิง!!!”
“ไหนหมอบอกมันพ้นขีดอันตรายแล้วไง ทำไมยังไม่ตื่นอีก นี่มันหลายวันแล้วนะ!” อินเดินวนไปวนมาอยู่ข้างเตียงพร่ำบ่นปอดแปดด้วยความร้อนใจที่เด็กหนุ่มในปกครองยังนอนไม่ได้สติสักที
“เพิ่งออกจากห้องผ่าตัดเมื่อวานเองนะครับคุณอิน” นายตำรวจหนุ่มนั่งมองอีกฝ่ายเดินไปเดินมาจนเวียนหัว พูดขัดอย่างนึกรำคาญใจที่เห็นร่างโปร่งเป็นห่วงคู่แข่งทางความรักจนออกนอกหน้า รู้ทั้งรู้ว่าแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มแต่ก็แอบหงุดหงิดไม่ได้
อินเชิดหน้ามองปราปด้วยท่าทางหาเรื่อง สายตาบ่งบอกชัดเจนว่าไม่สบอารมณ์ “คุณไม่ต้องพูดเลยสารวัตร ผมยังไม่ได้เอาเรื่องคุณเลยนะที่คุณให้สิงไปเป็นเหยื่อล่อ! ถ้าน้องผม...”
“พี่อิน”
บ่นยังไม่ทันจบประโยคดี เสียงแหบแห้งของคนเจ็บเอ่ยเรียกเขาก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน เปลือกตาที่เคยปิดสนิทเริ่มเบิกขึ้นทีละเล็กละน้อย ใบหน้าซีดเซียวจากการเสียเลือดมากเริ่มมีสีระเรื่อแต่งแต้มขึ้นมาบ้างแล้ว
“ไอสิง!” อินรีบก้าวเข้าไปหาน้องด้วยความเป็นห่วง อยากจะยื่นแขนไปโอบกอดซะให้หายคิดถึง แต่ทำไม่ได้เพราะกลัวว่าจะไปกระทบกระเทือนบาดแผลบนหน้าท้อง จึงทำได้แค่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้แล้วส่งยิ้มให้อีกฝ่ายแทน “เป็นไงบ้างวะ เจ็บตรงไหนไหม ให้กูเรียกหมอไหม”
เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าคมคายของอิน เขาก็รู้สึกเหมือนได้รับยาวิเศษ ลืมความเจ็บปวดไปจนหมด ราวกับหายจากอาการทุกอย่างเป็นปลิดทิ้ง ริมฝีปากคลี่ยิ้มให้อีกฝ่ายเท่าที่จะมีแรง “ผมขอน้ำหน่อยได้ไหมครับ”
“ได้ ๆ แป๊บนะมึง” อินรีบเดินอ้อมไปอีกฝั่งของเตียง เพื่อรินน้ำให้น้องดับกระหาย หลอดพลาสติกถูกยื่นมาจ่อที่ริมฝีปากของคนป่วยเพื่อให้ดื่มได้อย่างสะดวก
“ขอบคุณครับ” สิงจ้องมองหน้าคนพี่ด้วยความคิดถึง หลายวันมานี้พวกเขาตัวติดกันเป็นตังเมก็จริง แต่อินกลับนอนไม่ได้สติ การที่เขากลับมาได้ยินเสียงของคนตรงหน้าอีกครั้ง มุมปากทั้งสองข้างจึงไม่ยอมหุบยิ้ม
“เป็นไงบ้าง โอเครึเปล่า” สารวัตรปราปยืนจ้องสองคนพี่น้องจู๋จี๋กันอยู่นานสองนานพูดแทรก
“ผมไม่เป็นไรครับ”
“ไม่เป็นไรก็เหี้ยละ ถูกแทงจนทะลุไปถึงเครื่องใน” อินพูดกระแทกเสียง ก่อนจะตวัดสายตาขึ้นมามองคนที่เป็นต้นเหตุทำให้เด็กน้อยของเขาต้องนอนบาดเจ็บเจียนตายอยู่แบบนี้
ปราปกลอกตาไปมาอย่างไม่ยี่หระ แอบรู้สึกผิดอยู่เหมือนกันที่ใช้เด็กหนุ่มเป็นเหยื่อล่อ แต่ก็ถือว่าเจ๊า ๆ กันไปเพราะตอนนี้เขาอกหักแล้วหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ แบบที่ไม่เหลือช่องให้คิดเข้าข้างตัวเองได้อีก
“ผมไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ครับพี่อิน อย่าโกรธเลยนะครับ” สิงพยายามพูดเสียงอ่อนเพื่อให้อินคลายอารมณ์ขุ่นเคือง เพิ่งเห็นรอยยิ้มไปไม่ถึงหนึ่งนาทีอีกฝ่ายก็ทำหน้ามุ่ยซะแล้ว
“ไม่ต้องมาอ้อนเลยไอสิง มึงก็เหมือนกัน กูยังไม่เคลียร์เลยนะที่มึงเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงแบบนั้น” ตอนนี้คนโกรธกำลังพาลใส่ทุกคนแบบเรียงตัว บัญชีหนังหมาจดเอาไว้ทุกอย่างและกำลังตามเช็กบิลชนิดที่ว่าเก็บทุกเม็ดไม่มีเหลือรอด
สิงทำหน้ามุ่ยทันทีที่ถูกชี้หน้าคาดโทษ พลางหลบตาด้วยความรู้สึกผิดอย่างคนมีชนักติดหลัง “ขอโทษครับ” ยอมรับผิดแต่โดยดีเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเขาตอนนี้ จากประสบการณ์ที่อยู่กับอินมานานหลายปีบอกเขาว่าอย่าปริปากพูดอะไรออกมาตอนนี้เสียจะดีกว่า
“แต่ตอนนั้นคุณอินนอนไม่ได้สติอยู่นิครับ แล้วอีกอย่าง เรื่องมันก็มาถึงจุดนั้นแล้ว ถ้าเราไม่รีบฉวยโอกาส เมฆกับพรรคพวกอาจจะหลุดมือไปก็ได้นะครับ” สารวัตรหนุ่มพยายามอธิบายเหตุผลให้อีกฝ่ายฟังเข้าใจ
แล้วคิดว่าคนอารมณ์ร้อนอย่างอินจะเข้าใจไหม?! บอกเลยว่า...
“คุณกลัวคนร้ายจะหลุดมือไป แต่คุณก็เกือบทำให้น้องผมหลุดมือไปด้วยเหมือนกัน!” อินเถียงกลับทันควัน ไม่ว่าจะยกแม่น้ำทั้งห้า หก เจ็ด แปด สาย อารมณ์ของเขาตอนนี้ก็ยังไม่พร้อมรับฟัง
สิงรู้นิสัยของคนพี่ดี จึงเหลือบไปมองสารวัตรหนุ่มพลางส่ายหน้าบอกให้อีกฝ่ายหยุดคิดที่จะใช้หลักเหตุผลกับคนพี่ตอนนี้ เพราะมันไม่ได้ผล มีเพียงการก้มหัวยอมรับความผิดแล้วพูดขอโทษเป็นสิบเป็นร้อยครั้งจนกว่าอินจะใจเย็นลงเท่านั้น
ปราปเห็นภาษากายของสิงก็พยักหน้าตอบเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นบุญหรือเป็นกรรมที่อินไม่ลงเอยกับเขา ไม่เช่นนั้นพวกเขาทั้งสองคนคงเป็นคู่รักที่กัดกันสามเวลาหลังอาหารแน่ ๆ ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เขายอมลงให้อีกฝ่ายได้ยังไง หรือเพราะอินไม่เคยแสดงนิสัยแบบนี้มาก่อนก็ไม่รู้
สิงกุมมืออินเอาไว้ก่อนช้อนสายตามองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกผิด “ผมขอโทษนะครับพี่อิน อย่าโกรธสิงเลยนะครับ”
อินถอนหายใจออกมายาวเหยียด ไม่ใช่เพราะเขาโกรธน้องแต่เขาโกรธตัวเองมากกว่า พอได้ยินเสียงออดอ้อนของมันทีไรเขาก็ใจอ่อนให้มันทุกที...มึงใจง่ายไปไหมไอ้อิน! “ไหนมึงบอกกูมาดิ ว่าตอนนั้นมึงคิดอะไรอยู่ถึงยอมเอาตัวเองเป็นเหยื่อล่อ”
สิงยิ้มเจื่อนพลางคิดถึงความโง่เขลาของตัวเอง “ผมไม่ได้อยากเป็นเหยื่อล่อหรอกครับพี่อิน ผมแค่ไม่คิดว่าเรื่องมันจะใหญ่โตขนาดนี้ ผมคิดน้อยไปหน่อย”
“มึงเพิ่งรู้เหรอ!” อินพูดประชดคนน้องระบายอารมณ์คุกรุ่นในใจ
ความรู้สึกผิดที่เด็กหนุ่มแบกรับเอาไว้มากมายเหลือเกิน แต่ก็ยังคิดจะแบกต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าคนพี่จะให้อภัย เพียงแต่ว่าเขามีสิ่งนึงที่ยังไม่เข้าใจ “พี่อินรู้ได้ยังไงว่าสารวัตรใช้ผมเป็นเหยื่อล่อ สารวัตรเป็นคนบอกพี่อินเหรอครับ” สิงพูดพลางหันไปมองนายตำรวจหนุ่มที่ตอนนี้ส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวัน
“เค้าไม่ได้บอก กูได้ยินของกูเอง” อินตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ได้ยิน ได้ยังไงครับ” สิงเอียงคอถาม
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์รุ่นปู่ดังขึ้นในระหว่างที่กำลังรอลิฟต์ เจ้าของเครื่องจึงล้วงมือลงไปหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกง เห็นรายชื่อสายโทรเข้าจึงกดรับสายอย่างไม่รีรอ
“สวัสดีครับสารวัตร”
[สิงอยู่ไหน ฉันอยู่หน้าโรงพยาบาล]
“ครับ?!” สิงอุทานเสียงหลงจนคนอื่นที่ยืนรอลิฟต์อยู่ด้วยหันมามองเป็นตาเดียว เด็กหนุ่มต้องก้มหัวขอโทษทุกคนก่อนจะปลีกตัวออกมายืนคุยโทรศัพท์ “สารวัตรอยู่ที่ไหนนะครับ”
[โรงพยาบาล คุณอินอยู่ห้องไหน เดี๋ยวฉันขึ้นไป]
“เอ่อ...ผมอยู่ที่หน้าลิฟต์ครับ เดี๋ยวผมออกไปรับสารวัตรรออยู่ที่หน้าประชาสัมพันธ์ก็ได้ครับ”
[โอเคได้ งั้นแค่นี้นะ]
หลังจากสายถูกตัดไป สิงก็รีบเดินไปรับปราปตามจุดนัดพบ เดินมาใกล้ก็เห็นชายผิวเข้มไว้หนวดไว้เคราสวยงามในชุดลำลองดูแปลกตายืนรออยู่แล้ว
“สวัสดีครับสารวัตร มาได้ยังไงครับ”
ดวงตาของปราปเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่าดวงตาของเด็กหนุ่มกลับมาเป็นปกติแล้ว เกิดคำถามในใจมากมายอยากจะถามกับคนตรงหน้า แต่เลือกที่จะเงียบปากและปรับสีหน้าให้เป็นปกติแทน
“ถามอะไรแปลก ๆ ก็บินมาซิ”
คิ้วเด็กหนุ่มกระตุกเล็กน้อย พร้อมกับรอยยิ้มแห้งรับมุกฝืดของอีกฝ่าย “ผมหมายถึงลมอะไรหอบสารวัตรมาไกลถึงนี้ต่างหากครับ”
“ก็สิงบอกฉันว่าคุณอินนอนไม่ได้สติมาหลายวัน” สารวัตรหนุ่มตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ ราวกับว่าการนั่งเครื่องมาไกลถึงเมืองใต้เพียงเพราะอยากมาดูอาการของอินเท่านั้น
สิงยกยิ้มบางพลางรู้สึกคันยุบยิบในใจกับการทุ่มทุนของปราป ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะชอบอินมากขนาดนี้ “ครับ” คำตอบห้วน ๆ ที่สิงทำโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะพลิกตัวผายมือให้อีกฝ่ายเดิน
สิงเดินนำแขกมาจนถึงห้องพักผู้ป่วย เมื่อบานประตูถูกเปิดออก ปราปก็รีบพุ่งตัวเข้าไปดูอาการของคนที่นอนหลับไม่ได้สติทันที
“เมฆมาคุยอะไรกับสิงที่นี่”
“สารวัตรรู้ได้ยังไงครับ”
“ฉันเห็นมันที่ลานจอดรถ ตกลงว่าไง คุยอะไรกัน” ปราปตอบคำถามก่อนจะถามคำถามต่ออย่างไม่รีรอ
“ผมขอให้พี่เมฆตามหาที่อยู่ของคุณตาให้ครับ เย็นนี้พี่เมฆจะมารับผมไปที่นั่นครับ”
สีหน้าจริงจังของปราปดูเคร่งเครียดขึ้นไปอีก คิ้วหนาขมวดเข้าหากันจนไร้ช่องว่าง ส้นเท้าข้างนึงกระดกขึ้นลงถี่รัวจนทำให้ส้นรองเท้ากระทบพื้นเกิดเสียงดังกึก ๆ อย่างคนคิดไม่ตก
จังหวะกระทืบเท้าหยุดลงพร้อมกับเสียงถอนหายใจหนัก ปราปเงยหน้าขึ้นมามองคู่สนทนา ก่อนจะเอ่ยปากพูดบางสิ่งที่ทำให้คนฟังนั่งนิ่งแข็งเป็นหิน “ฉันรู้ตัวผู้ต้องสงสัยในคดีของพี่ชายสิงแล้ว แต่ฉันยังไม่มั่นใจและฉันอยากให้สิงช่วย มันอาจจะเสี่ยงไปหน่อย แต่มันอาจจะช่วยให้เราชี้ตัวคนร้ายได้”
“ผู้ต้องสงสัยคือใครเหรอครับ” สิงเลิกคิ้วถามเสียงเรียบ แต่ก้อนเนื้อตรงอกกลับเต้นโครมครามราวกับแผ่นดินไหว
“เรื่องนั้นฉันยังไม่มั่นใจ ฉันถึงต้องให้สิงช่วย”
“ผมต้องทำยังไงบ้างครับ”
“เครื่องติดตามยังอยู่ที่เดิมรึเปล่า?”
“ครับ ยังอยู่ที่เดิม” พูดจบก็ล้วงโทรศัพท์ส่งไปให้สารวัตรปราป
ปราปรับโทรศัพท์มาเปิดฝาหลังออกดูว่าเครื่องติดตามที่คนร้ายใส่เอาไว้ยังทำงานดีอยู่ไหม เมื่อเห็นว่ายังทำงานดีอยู่จึงหยิบเครื่องติดตามอันใหม่ของตัวเองติดลงไปข้าง ๆ กัน
“อย่าให้โทรศัพท์ห่างตัวเด็ดขาดเข้าใจไหม” ปราปจ้องตาเด็กหนุ่มพลางพูดกำชับให้สิงทำตาม “เย็นนี้สิงก็ไปกับเมฆ ส่วนฉันกับทีมตำรวจจะคอยตามสัญญาณจีพีเอสของสิงไป ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นให้รีบวิ่งหนีแล้วโทรหาฉัน อย่าบุ่มบ่ามทำอะไรเอง เข้าใจไหม”
“ตาเรืองเดชคือคนร้ายเหรอครับ” สิงถามตามสิ่งที่วิเคราะห์ได้จากคำพูดของอีกฝ่าย เพราะที่ที่เขากำลังจะไปกับเมฆเย็นนี้คือบ้านของตาเรืองเดช แล้วถ้าจะมีอะไรเกิดขึ้นตามที่ปราปเตือน คนที่จะทำแบบนั้นได้คงมีแค่ลูกชายของทวดหาญ คนที่มีความแค้นกับบ้านของเขาและอาจจะเป็นคนที่คอยให้ความช่วยเหลือทวดขวัญ
“ฉันยังไม่แน่ใจ แต่คิดว่าใช่ เอาเป็นว่าทำตามที่ฉันบอกก็พอ เข้าใจไหม”
“ครับ”
“มึงอาจจะคิดว่ากูหลับ แต่จริง ๆ กูตื่น กูแค่ลืมตาไม่ได้ ขยับตัวก็ไม่ได้ ตายายแรงเยอะฉิบหาย!” คำตอบของอินทำให้ทุกอย่างหยุดนิ่ง ทั้งสิงและปราปถึงกับอ้าปากหวอด้วยความตกตะลึง โดยเฉพาะคนน้องที่พร่ำพูดพร่ำบ่นอะไรต่อมิอะไรให้คนพี่ฟังมาตลอดหลายวัน
อินใช้ปลายนิ้วดันปลายคางคนน้องให้ปากที่อ้ากว้างอยู่ปิดกลับไปตามเดิม “ทำไม มึงคิดว่ากูหลับไม่ได้สติเลยจะพูดอะไรกับกูก็ได้งั้นเหรอไอสิง เสียใจด้วยนะแต่กูได้ยินทุกคำที่มึงบอกกูนั่นแหละ”
“ถ้างั้น วันนั้นคุณอินก็ได้ยินเรื่องที่ผมคุยกับสิง” ปราปพูดแทรก
อินเงยหน้าขึ้นมายกยิ้มยียวนให้ร่างสูงตรงหน้า “ครับ สารวัตรปราป ได้ยินทุกคำเลยครับ”
ปราปยกยิ้มแห้ง “ผมขอโทษครับ แต่มันจวนตัวจริง ๆ”
“จวนตัวยังไง อธิบายให้ผมฟังหน่อยได้ไหมครับ”
“วันที่คุณอินโทรหาผมเรื่องคดีที่สิงหนคร ตอนนั้นผมกำลังรวบรวมข้อมูลจากสภ. ท้องที่ในคดีที่ผมหามาได้ รายละเอียดเรื่องนั่งผมไม่ได้บอกเมฆเพราะผมสั่งให้มันรับผิดชอบเรื่องกล้องวงจรปิดทั้งหมด รวมถึงคอนโดที่ผมตามจากเส้นทางการเงินของคุณเสือ พวกเราแยกกันทำงานเลยยังไม่มีเวลาบอกมัน แต่เมื่อวันก่อนสิงโทรมาหาผมเรื่องเครื่องติดตามแล้วก็เรื่องที่เจอไอเมฆที่นี่ ผมเลยเอะใจขึ้นมา แต่ยังไม่มั่นใจเลยต้องให้...สิงช่วย”
“แค่เรื่องที่สิงบอกมันไม่น่าจะทำให้คุณสงสัยหมวดเมฆได้นะครับ” อินพูดแทรก
“ก็ยังไม่ปักใจเชื่อหรอกครับ แต่ดีที่ได้ภาพกล้องหน้ารถมาจากพลเมืองดี เลยทำให้สืบสาวเรื่องราวได้ พอดีวันที่เกิดเหตุเขาได้เข้าไปส่งผู้โดยสารในหมู่บ้านของคุณเสือ ช่วงเวลาประมาณสามทุ่มเศษ แต่ต้องวนรถกลับไปอีกรอบเพราะลูกค้าทำของสำคัญตกไว้บนรถ เห็นว่าควานหากันอยู่นานกว่าจะเจอของ ภาพกล้องหน้ารถเลยถ่ายติดภาพชายคนนึงกำลังขับรถเข้าไปในซอยบ้านของคุณเสือ เรายืนยันกับบ้านหลังอื่นแล้วว่าพวกเขาไม่รู้จักกับชายคนนั้น เราจึงสันนิษฐานว่าเค้าคนนั้นน่าจะขับรถไปที่บ้านของคุณอิน”
“ไอผู้ชายที่คุณว่าคือเมฆเหรอ”
ปราปส่ายหน้า “ไม่ใช่ครับเค้าคือนนท์ ลูกศิษย์ของเรืองเดช”
คำตอบของปราปทำให้สิงเข้าใจเรื่องราวทุกอย่าง นนท์ เพื่อนสนิทของเสือในวัยเด็ก ก่อนที่พวกเขาจะย้ายไปอยู่ที่กรุงเทพฯ
แต่นนท์เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ได้ยังไง ทำไมนนท์ถึงกลายมาเป็นลูกศิษย์ของเรืองเดชแล้วก่อคดีแบบนี้ได้... สิงคงต้องขอให้ปราปช่วยถามนนท์เรื่องนี้
“แล้วเรื่องเครื่องติดตามตัวไอสิงล่ะครับ”
“อย่างที่คุณอินคิดนั่นแหละครับ นอกจากเจ้าหน้าที่ที่ดูแลหลักฐานแล้วก็มีเมฆที่เข้าใกล้โทรศัพท์ของสิงมากที่สุด วันที่เรากุมตัวสิงมาจากสถานที่เกิดเหตุ เมฆไม่ได้นำหลักฐานไปส่งในทันทีแต่นำไปส่งในวันถัดไป เป็นความผิดผมเองที่ปล่อยปละละเลยเรื่องนี้”
“อย่าโทษตัวเองเลยสารวัตร เค้าเป็นลูกน้องคนสนิทของคุณนิ แต่ที่ผมอยากรู้คือทำไมคุณไม่บอกสิงไปว่าผู้ต้องสงสัยคือเมฆ”
“นั่นแหละครับที่บอกว่าเป็นความผิดของผมเอง ในใจลึก ๆ ผมก็ยังหวังว่ามันจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพราะผมหาหลักฐานเรื่องความสัมพันธ์พ่อลูกของเมฆกับเรืองเดชไม่ได้ ในทะเบียนราษฎรบอกว่าเมฆเป็นเด็กกำพร้า”
“คงเป็นแผนของพวกเค้า ความแค้นของครอบครัวนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดเมื่อวันสองวันสักหน่อย มันเกิดมาตั้งแต่ไอสิงยังไม่เกิดด้วยซ้ำ”
“เรื่องนั้นคงต้องรอสิงฟื้นตัวแล้วไปให้ปากคำที่สน. ส่วนตอนนี้คงต้องขอตัวก่อน ผมน่าจะใช้เวลาสอบสวนสองพ่อลูกนั้นอีกนาน”
“แล้วพี่นนท์ละครับ” สิงที่นอนเงียบฟังผู้ใหญ่พูดอยู่นานเอ่ยปากถามบ้าน เพราะได้ยินแค่ว่าปราปจะไปสอบปากคำเมฆและเรืองเดชแต่ไม่เห็นพูดถึงคนร้ายอีกคนที่เป็นคนลงมือฆ่าพี่ชายของเขา
“โดนตำรวจวิสามัญ”