"ทำไมคุณถึงฆ่าพี่ชายของตัวเอง" "วิญญาณเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่พี่เสือต้องจ่าย"

โกลาหลกลสั่งตาย - กลลวงที่ ๒๒ ตำแหน่งไหนก็เหมือนกัน โดย เมื่อยามรัตติกาล @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

สืบสวนสอบสวน,ชาย-ชาย,เลือดสาด,ดาร์ค,ไทย,สืบสวนสอบสวน,สยองขวัญ,ผี,วิญญาณ,ไสยศาสตร์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

โกลาหลกลสั่งตาย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

สืบสวนสอบสวน,ชาย-ชาย,เลือดสาด,ดาร์ค,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

สืบสวนสอบสวน,สยองขวัญ,ผี,วิญญาณ,ไสยศาสตร์

รายละเอียด

โกลาหลกลสั่งตาย โดย เมื่อยามรัตติกาล @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"ทำไมคุณถึงฆ่าพี่ชายของตัวเอง" "วิญญาณเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่พี่เสือต้องจ่าย"

ผู้แต่ง

เมื่อยามรัตติกาล

เรื่องย่อ

'สิง' เด็กหนุ่มผู้มีสัมผัสพิเศษที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดี ฆาตกรรมพี่ชาย ร่วมสายเลือด 

กับการถูกไล่ล่าจากวิญญาณ 'ผีมโนราห์' ที่ไม่มีที่มาที่ไป 

การเอาชีวิตรอดและการปกป้องแสงสว่างหนึ่งเดียวในชีวิตที่มืดบอดอย่าง 'อิน' จึงกลายเป็นภารกิจสำคัญ 

ควบคู่ไปกับการตามล่าหาความจริงอันดำมืดที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้มานานหลายปี

#โกลาหลกลสั่งตาย


 WARNING 

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง จากจินตนาการของผู้เขียน ตัวละคร เหตุการณ์ สถานที่ (บางสถานที่มีจริง) ไม่มีอยู่จริง ผู้เขียนไม่มีเจตนาล่วงละเมิดหรือจงใจให้เกิดความเสียหายต่อผู้ใด หรือ สิงใดก็ตาม 

นอกจากนั้นยังไม่มีเจตนาลบหลู่ บิดเบือนศาสนา พิธีกรรม ความเชื่อ หรือประเพณีใด ๆ ทั้งสิ้น 

อาจมีภาพหรือเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมในด้านพฤติกรรม ความรุนแรง และการใช้ภาษา ผู้อ่านที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรอ่านโดยใช้วิจารณญาณ 

ภายในงานเขียนมีการใช้ภาษาถิ่นใต้และผู้เขียนกังวลเรื่องการผันเสียงในภาษาท้องถิ่น จึงมีการใช้ภาษากลางในการอธิบายร่วมด้วย

นิยายเรื่องนี้เป็นนิยาย ชxช ใครหลงเข้ามาสามารถเปิดใจอ่านได้ แต่ถ้าไม่ไหวจริง ๆ สามารถกดออกไปสู่เนื้อหาที่ผู้อ่านต้องการได้เลย :)

 

TRIGGER WARNING

Abuse / Physical Abuse มีการใช้ความรุนแรงกับเหยื่อทางกาย

Abuse Relationship ความสัมพันธ์ที่มีการใช้ความรุนแรงทั้งการทำร้ายด้วยวาจาและการทำร้ายร่างกาย

Blood มีเลือด

Brutality การใช้ความรุนแรง, ทารุณ

Cutting ใช้ของมีคม

Corpse ศพ

Dead การตาย

Depiction of Death มีการบรรยายฉากการตาย

Dirty Talk มีการใช้คำพูดหยาบโลน

Drug Abuse การใช้ยาหรือสารเคมีแบบผิดวิธี

Ghost ภูตผี

Gore เนื้อหามีความโหดร้าย

Hallucinations มีอาการประสาทหลอน

Mental Abuse ใช้ความรุนแรงกดดันจนเกิดบาดแผลทางใจ

Mental Illness มีอาการป่วยทางจิต

Murder มีฉากฆ่าที่โหดร้าย

Sexual Harassment การล่วงละเมิดทางเพศ 

Psychopath โรคจิต ไม่มีความนึกคิดผิดชอบชั่วดีเหมือนคนปกติ

Violence มีการใช้ความรุนแรง 


 

Facebook : https://www.facebook.com/profile.php?id=61564472022894&amp%3Bref=embed_page

X : https://x.com/Writer_RTKDN

TikTok : https://www.tiktok.com/@writer_rtkdn

 

เงื่อนไขในการติดเหรียญ

ติดเหรียญ 5 เหรียญต่อ 1 ตอน

ตอนที่ 0-6 ฟรี!!! 

อ่านฟรีก่อนติดเหรียญ 7 วัน (นับตั้งแต่วันที่เผยแพร่)

ตอนพิเศษติดถาวร

(ตอนพิเศษ 6 ตอน 1 ตอนมีเฉพาะใน E-book เท่านั้น)

Publish Date

ตอนที่ 1-7 : 11/10/2024 - 16/10/2024

ตอนที่ 8-22 และ ตอนพิเศษ : ลงทุกวันจันทร์ / พุธ / ศุกร์

เปิดเรื่อง : 11/10/2024

ปิดเรื่อง : 0/0/2024

สารบัญ

โกลาหลกลสั่งตาย-- ปฐมบทกลลวง ,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑ ข้อแลกเปลี่ยนคือความตาย,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๒ เด็กในปกครอง,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๓ ตายศพสวย,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๔ บ้านใหม่หลังเดิม,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๕ เตือนก่อนตาย,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๖ ลางสังหรณ์,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๗ เครื่องรางมหานิยม,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๘ สีผึ้งมหาเสน่ห์,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๙ ตุ๊กตาคุณไสย,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑o สมบัติตกทอด,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑๑ นอกอาณาเขต,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑๒ จองเวรจองกรรม,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑๓ ตัวตายตัวแทน,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑๔ ฆาตกรรมต่อเนื่อง,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑๕ ผู้สมรู้ร่วมคิด,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑๖ กลับบ้านเรา …รออยู่,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑๗ โนราโรงครู,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑๘ ครูหมอโนรา,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๑๙ ความอัปยศ,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๒๐ แก้(ไข)แค้น,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๒๑ อดีตที่ควรฝังกลบ,โกลาหลกลสั่งตาย-กลลวงที่ ๒๒ ตำแหน่งไหนก็เหมือนกัน

เนื้อหา

กลลวงที่ ๒๒ ตำแหน่งไหนก็เหมือนกัน

ความหวังที่จะได้รู้ความจริงเรื่องการตายของพี่ชายริบหรี่ลงไปเมื่อรู้ว่าคนร้ายถูกตำรวจวิสามัญ จากการที่นนท์ยิงปะทะกับทีมเจ้าหน้าที่ ทำให้มีตำรวจหนึ่งนายได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้จึงมีเพียงเมฆและเรืองเดชที่อยู่ในการควบคุมของตำรวจ และเป็นความหวังเดียวของสิงที่จะได้รู้ว่าเสือตายได้ยังไง

สารวัตรปราปไม่สามารถอยู่เฝ้าคนป่วยได้นาน เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีใหญ่ และได้รับการเพ่งเล็งจากหลาย ๆ  ฝ่าย เขาจึงต้องกลับไปคลี่คลายเรื่องราวทุกอย่างและให้คำตอบกับสังคมถึงสาเหตุการตายของนักแสดงหนุ่ม รวมถึงเหยื่ออีกหลายสิบรายที่ผ่านมาในรอบหลายสิบปี

 

“ไอสิง” อินเรียกน้องเสียงแข็งพลางยืนกอดอกมองจ้องอย่างเอาเรื่อง หากไอเด็กหมายักษ์ไม่มีคำตอบให้เขาในวันนี้ ก็อย่าได้หวังว่าเขาจะพูดดีด้วย จะประชดมันทุกคำเอาแบบให้อยู่ไม่สุขกันไปเลย เรื่องสงครามประสาทอินถนัดอยู่แล้ว

สิงหันไปมองตามเสียงเรียก แต่พอเห็นสีหน้าของคนพี่ก็รีบหลบสายตาหนีอย่างร้อนรน ราวกับว่าชีวิตเขากำลังจะเจอปัญหาที่หนักกว่าการปราบผีเสียอีก “ครับ” เด็กหนุ่มตอบเสียงแผ่วอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ 

“หันมามองหน้ากู” อินพูดเน้นเสียงชัดถ้อยชัดคำ สายตามองจ้องเด็กหนุ่มอย่างไม่วางตา 

หมดทางให้ถอย มีเพียงต้องเผชิญหน้าความจริงที่น่ากลัวว่าการถูกมีดแทง สิงช้อนสายตามองอีกฝ่ายเรียกคะแนนสงสารพลางทำหน้าออดอ้อนให้ดูน่าสงสารที่สุดเท่าที่จะทำได้ “พี่อินยังโกรธสิงอยู่อีกเหรอครับ”

“มึงดูหน้ากูซิ แล้วตอบมาว่ากูหายรึยัง” อินพูดพลางชี้นิ้วไปที่หน้าของตัวเองเพื่อให้คนน้องดูด้วยตาเนื้อ ว่าใบหน้าถมึงทึง สายตาแข็งกร้าวแบบนี้ เขาหายโกรธแล้วหรือยัง

อินมองตาเขียวปั้ดขนาดนั้น คนป่วยที่ขยับหนีไปไหนไม่ได้ทำได้แค่ยิ้มเจื่อนแล้วก้มหน้ายอมรับกรรมต่อไป ถือวิสาสะกุมมือคนพี่เอาไว้หวังให้สัมผัสทางกายช่วยให้อินใจเย็นลง “ผมขอโทษครับที่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงแบบนั้น”

“มึงคิดว่ากูยังโกรธเรื่องนั้นอยู่อีกเหรอ” อินถามกลับหน้านิ่ง 

สิงมองตาคนพี่พลางกะพริบตาปริบ ๆ “แล้วไม่ใช่เหรอครับ”

อินถอนหายใจก่อนจะสะบัดมือออก “สิง ถ้ากูไม่สลบไป มึงคิดจะบอกกูตอนกูมีสติบ้างไหมว่ามึงรู้สึกยังไงกับกู” อินถามออกไปอย่างตรงไปตรงมา เขายังจำได้ดีในเช้ามืดถัดจากวันที่สิงทำพิธีโนราลงครู เขาได้ยินสิงร้องไห้เรียกหาซึ่งเขาได้ยินน้องพูดทุกคำรวมถึงคำบอกรักของมันด้วย เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงขยับตัวไม่ได้ราวกับมีพลังบางอย่างมากดเขาเอาไว้ 

คำถามนี้ไม่ใช่ว่าสิงไม่เคยถามตัวเอง แต่เขาถามตัวเองมานานกว่าสิบปีแล้วและคำตอบก็ยังเป็นเหมือนเดิมนั้นคือ...

“ไม่ครับ” 

“ทำไมวะ” อินถามกลับแบบไม่เว้นช่อง พลางมองน้องอย่างคาดคั้นเอาคำตอบ 

“…”

“สิง?”

“ผมไม่อยากเสียพี่อินไปครับ... ความรักของผมที่มีให้พี่มากว่าสิบปีมันไม่สำคัญเท่ากับการที่พี่อยู่กับผม ผมพอใจที่จะอยู่ข้าง ๆ พี่ในฐานะไหนก็ได้ ขอแค่ให้ผมได้อยู่ข้าง ๆ พี่ แค่นี้ผมก็พอใจแล้วครับ ผมยินดีที่จะรออยู่ตรงนี้เพราะผมอยากเป็นคนแรกที่พี่มองกลับมาแล้วยังเห็นผมยังอยู่ตรงนี้ข้างพี่เสมอ” 

อินมองจ้องตาสิงที่กำลังจ้องมองกลับมาด้วยสายตาแน่วแน่ในขณะที่พูด คำพูดที่ไม่ได้สละสลวยแต่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่น้องมีต่อเขามาตลอด 

“กูขอโทษนะที่กูไม่เคยรู้เลยว่ามึงรู้สึกยังไงกับกู” ความในใจของสิงทำให้อินรู้ว่าตัวเองโง่แค่ไหน ตลอดเวลามีของดีอยู่ใกล้ตัวแต่กลับไม่เห็นค่า พร่ำพูดย้ำคำว่า ‘พี่น้อง’ จนทำให้สิงเจ็บหลายต่อหลายครั้ง 

สิงส่ายหน้าพลางฝืนยกยิ้มตอบเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่ “อย่าพูดแบบนั้นซิครับ สิงต่างหากที่ผิด สิงขอโทษนะครับที่ทำให้พี่อึดอัด”

คนอารมณ์แปรปรวนฟังประโยคของคนป่วยแล้วไม่ค่อยเข้าหูเท่าไหร่ “กูตบปากคนป่วยได้ไหมวะ?! แม่ง! กูบอกตอนไหนว่ากูอึดอัด มึงนี้นะ?! ขยันเหลือเกิน ทำให้กูโมโหเนี่ย!” 

“ขอโทษครับ” สิงพูดเสียงเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน

“มึงเลิกขอโทษกู เลิกโทษตัวเอง เลิกคิดไปเองสักทีได้ไหมสิง กูจะบ้าตายกับมึง!”

“ขอโทษครับ”

“ไอสิง! กะ...” อินถอนหายใจเสียงหนัก เขาเพิ่งบอกมันไปหยก ๆ ว่าเลิกขอโทษ ไอคำคำนี้ใครก็ได้ช่วยเอาไปโยนทิ้งลงแม่น้ำหน่อยได้ไหม “กูชอบมึง มึงได้ยินไหม หรือต้องให้กูตะโกน มึงถึงจะเข้าใจ” อินพูดเน้นคำพลางจ้องมองตาของอีกฝ่ายเพื่อยืนยันว่าเขาจริงจังกับสิ่งที่พูดออกไป 

“…” 

“ที่มึงเงียบคือยังไง? กูต้องตะโกนบอกมึงงี้เหรอ?!”

“ชอบสิงแบบไหนเหรอครับ?” 

“...” มันจะชอบแบบไหนได้อีกว่ะ?! อินสบทในใจ

“พี่อินชอบสิงแบบพี่น้องหรือว่า...”

“กูชอบมึงแบบอยากเอากับมึงอะ พี่น้องเขาเอากันได้ไหม?!”

คำพูดตรงไปตรงมาติดลามกของอินทำให้ลมหายใจของสิงขาดห้วง มีเพียงก้อนเนื้อขนาดเท่ากำปั้นที่อยู่กลางอกเท่านั้นที่เต้นโครมครามราวกับแผ่นดินไหว ก่อนจะมีคลื่นสึนามิแห่งความเขินอายสาดซัดเข้ามา จนใบหน้าขาวซีดเห่อร้อนขึ้นสีลามไปจนถึงใบหูทั้งสองข้าง

“มึงอย่างเงียบได้ไหมไอสิง ช่วยพูดอะไรหน่อยดิวะ แม่งรู้สึกเหมือนสารภาพรักไปแล้วโดนปฏิเสธเลยไอห่า”

สิงเพิ่งเข้าใจวันนี้เองว่าคนถูกหวยรางวัลที่หนึ่งรู้สึกยังไง แค่คิดว่าเขาไม่ต้องแอบรักอีกฝ่ายอย่างที่เคยเป็นมาตลอดหลายปี เขาก็รู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่ต้องการอะไรอีกแล้วนอกจากคนตรงหน้า “ขอบคุณนะครับ ขอบคุณที่ชอบผมเหมือนที่ผมชอบพี่” สิงพูดพลางมองจ้องหน้าคนพี่ไปยิ้มไปอย่างคนบ้า ก่อนที่น้ำตาของลูกผู้ชายจะไหลซึมออกมาราวกับเด็กน้อยขี้แย 

อินส่งยิ้มหวานหยดไปให้น้องพลางยกมือเช็ดน้ำตาออกไปจากหน้ากลม “กูชอบมึงนะสิง มึงมั่นใจได้เลยว่ากูไม่ได้ชอบมึงแบบพี่น้อง กูอยากอยู่กับมึงไปตลอด อยากกอด อยากจูบ อยากเอากับมึงยันสว่างเลย เพราะฉะนั้นอย่าเอาตัวเองไปเสี่ยงแบบนั้นอีก กูไม่อยากเป็นหม้าย”

คำพูดหยาบโลนแบบนั้นอินสามารถพูดมันออกมาได้โดยที่ไม่แสดงความเขินอายออกมาสักนิด แต่คนฟังอย่างเขาอยากจะมุดดินหนีซะให้รู้แล้วรู้รอด “ไม่ทำแบบนั้นแล้วครับ ผมสัญญา”

“รอให้ไอสารวัตรปราปมันทำคดีเสร็จก่อนเหอะ กูจะฉีกอกเรียงตัวเลย แม่ง! กล้าดียังไงมารังแกคนของกู กูดูแลมากอย่างดี รินไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม เสือกมาแทงซะเป็นแผลใหญ่ ห่าเอ้ย!”

สิงฉีกยิ้มกว้างพลางมองคนพี่ที่ไม่รู้ว่าโมโหยังไงให้น่ารักขนาดนั้น “ขอบคุณนะครับพี่อิน ผมไม่เคยรู้สึกดีเท่านี้มาก่อนเลย”

“มึงรู้สึกดีที่โดนแทงเหรอ?” อินเลิกคิ้วถามแกมประชด

“ผมรู้สึกดีที่พี่เป็นห่วงผมต่างหากครับ” 

“ก่อนหน้านี้กูก็เป็นห่วงมึงป่ะ”

“แต่ตอนนี้พี่ห่วงผมในฐานะอื่น”

“หึ! ฐานะอะไรเหรอครับน้องชาย” อินยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจที่ได้โอกาสแกล้งเด็กหมายักษ์ เป็นอีกหนึ่งความสุขที่เขามักจะหาช่องทำตลอด 

สิงหุบยิ้มแทบไม่ทันพลางทำปากคว่ำ อินเห็นแล้วรู้สึกใจกระตุกวูบ “ทำไมเรียกน้องชายอีกแล้วละครับ” เด็กหมายักษ์พูดเสียงสั่นราวกับจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ 

“แล้วจะให้กูเรียกว่าอะไรละ แฟนเหรอ?” อินเอียงคอถามพลางทำตาใส

“…”

“ขอกูแล้วเหรอ?”

“…”

“…”

“…”

“โว้ย! ไอสิง! กูเปิดช่องให้ขนาดนี้แล้วมึงยังจะเงียบอีกเหรอ?! หัวจะปวด!” อินพูดด้วยท่าทางหงุดหงิดพลางยกมือขึ้นมาเกาหัวจนผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมด ใครจะไปคิดว่าการชอบเด็กหมายักษ์มันจะยากขนาดนี้ อยากจะย้อนเวลากลับไปตบหัวตัวเองสักทีสองทีที่ประคบประหงมมันมากเกินไปจนมันซื่อบื้อขนาดนี้

“ขอโทษครับ” สิงพูดด้วยท่าทางหมาหง่อย หางกับหูลู่ลงอย่างน่าสงสาร 

“โอยย ~ มึงต้องขอกูเป็นแฟน ไม่ใช่ขอโทษ กูจะบ้า!”

“เอ่อ...” ใบหน้าที่เห่อร้อนอยู่แล้วเห่อแดงมากขึ้นมากกว่าเดิม เมื่อต้องเอ่ยปากขอคนพี่เป็นแฟนขึ้นมาจริง ๆ ถึงกับพูดไม่ออก ราวกับมีอะไรจุกปากทั้ง ๆ ที่ในใจแทบอยากจะตะโกนออกมาให้ดังลั่นห้อง

“แม่ง! กูขอเองก็ได้วะ! กูชอบมึงไอสิง เป็นแฟนกันไหม? เอาไง เป็นไม่เป็น?”

“…”

“หนึ่ง”

“เป็นครับ!!!” 

“ก็แค่เนี้ย” อินยืนกอดอกมองคนป่วยที่มีแรงตะโกนเสียงดังลั่นห้องแต่ไม่มีแรงขอเขาเป็นแฟน 

อินพยายามทำหน้านิ่งเพื่อไม่ให้ไอเด็กหมายักษ์ได้ใจ แต่ความสุขที่มีมากเกินไปจนมันไหลล้นออกปาก กล้ามเนื้อมุมปากมันต่อต้านเผลอยกยิ้มขึ้นมาจนคนน้องฉีกยิ้มกว้างตาม “ยิ้มเหี้ยไร”

สิงยิ้มไม่หุบพลางมองคนพี่ที่ตอนนี้กลายเป็นคนรักด้วยสายตาหวานฉ่ำอย่างไม่วางตา “เขินแล้วแกล้งโมโหกลบเกลื่อนเหรอครับพี่อิน” 

“ได้เป็นแฟนกูหน่อยแล้วมึงเอาใหญ่นะไอสิง” อินชี้หน้าคาดโทษคนน้องอย่างไม่จริงจัง หัวใจสั่นไหวกับเด็กหนุ่มในเวอร์ชันใหม่ที่กล้าต่อปากต่อคำ...แบบนี้ก็เร้าใจไปอีกแบบ

สองคนพี่น้องที่ตอนนี้เขยิบความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดกันมากขึ้นจนไร้ช่องว่างระหว่างกลางกำลังพูดหยอกล้องและปรับตัวให้เข้ากับสถานะใหม่ พูดไปเขินไปจนจับใจความอะไรไม่ได้สักอย่าง 

“ว่าแต่พี่อินได้คุยกับพี่เจตบ้างไหมครับ” 

อินหน้าถอดสีทันทีเมื่อพูดถึงเจ้ากรรมนายเวรที่มาในรูปแบบผู้จัดการส่วนตัว “ยังอะ โทรมาจนสายกูไหม้ไปละ แต่กูไม่กล้ารับอะ ไหน ๆ มึงก็ตื่นแล้ว คุยกับพี่เจตให้กูหน่อยดิ” 

“พี่อินพูดเหมือนถ้าผมคุย พี่เจตจะไม่โกรธ”

“โกรธอยู่ดี แต่อาจจะน้อยหน่อย พี่เจตเอ็นดูมึงจะตาย เค้าไม่กล้าโกรธมึงนานหรอก เชื่อกู” อินพูดโน้มน้าวคนน้องเพื่อปัดปัญหาให้พ้นตัว หรืออย่างน้อยก็มีคนมาช่วยหารความผิดในครั้งนี้สักหน่อยก็ยังดี 

“งั้นโทรหาพี่เจตหน่อยดีไหมครับ”

อินพยักหน้ารับก่อนจะล้วงมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงด้วยมือที่สั่นเทาเล็กน้อยถึงปานกลาง แถมยังใช้เวลานานกว่าปกติในการหารายชื่อแล้วกดโทรออก ทั้ง ๆ ที่รายชื่อของเจตอยู่ในรายชื่อการโทรด่วน พอกดปุ่มโทรออกก็รีบโยนโทรศัพท์ไปให้คนน้องราวกับว่ามันร้อนจนถือไม่ได้

“สวัสดีครับพี่เจต”

[…] ปลายสายกดรับแล้วเงียบ เป็นสิ่งที่บอกให้อินรู้ว่าพวกเขาสองคนเตรียมตัวตายได้เลย ทั้ง ๆ ที่ในใจแอบหวังให้เจตแผดเสียงด่าเสียดีกว่าอย่างน้อยก็ยังเหลือทางรอดบ้าง 

“พี่เจตครับ” สิงเรียกปลายสายย้ำอีกรอบ 

[ว่า] เจตตอบเสียงเรียบ ส่งความเย็นยะเยือกมาตามสายจนคู่รักหมาด ๆ ต้องหันมาจ้องตากันโดยไม่ได้นัดหมาย 

“สิงขอโทษนะครับ พี่เจตหายโกรธสิงนะ” พุ่งตรงเข้าประเด็น ผิดก็ยอมรับผิด เป็นกลยุทธ์ที่สิงใช้เป็นประจำเมื่อเผลอไปทำให้คนอื่นโกรธหรือไม่พอใจ

[สารวัตรบอกพี่ว่าสิงโดนแทงเหรอ อาการเป็นยังไงบ้าง] เจตถามเสียงแข็ง 

“สิงไม่เป็นไรแล้วครับ ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะครับ”

[รู้ใช่ไหมว่าเรากับอินทำไม่ถูก] 

“รู้ครับ ขอโทษนะครับ พี่เจตอย่าโกรธสิงกับพี่อินเลยนะครับ”

[พี่ไม่ได้โกรธ พี่แค่เป็นห่วง เรารู้ไหมตอนที่สารวัตรบอกพี่ว่าเราอยู่สงขลา พี่เป็นห่วงพวกเรามากแค่ไหน โทรหาไออิน ไอเด็กบ้านั้นก็ไม่รับสาย ยิ่งพี่รู้ว่าเราถูกทำร้าย พี่นี่แทบจะบินไปสงขลาเดี๋ยวนั้นเลย]

“แล้วทำไมพี่ไม่มา” การพูดกวนส่วนล่างเป็นหนึ่งในสันดานที่ดาราหนุ่มแก้ไม่หาย ยิ่งกับคนที่สนิทแล้วมันยิ่งออกมาโดยอัตโนมัติแบบไม่ผ่านสมอง พอพูดไปแล้วเพิ่งมาคิดได้ว่าไม่ควรพูดก็รีบเม้มปากแน่น นึกก่นด่าตัวเองในใจกับความปากพล่อยแบบเสมอต้นเสมอปลาย

[ไออิน! ฉันยังไม่หายโกรธแกนะ ฉันรู้หรอกที่แกให้น้องคุยกับฉันเพราะแกไม่กล้าคุยเอง ยังจะมาพูดกวนฉันอีกเหรอ?!]

“ขอโทษ พี่ก็รู้อะว่าปากผมไม่ดี พี่ก็อย่าถือสาผมเลย” อินรีบแก้ตัวเป็นพัลวัน 

[แกกลับมาแกโดนดีแน่ไออิน ทำอะไรไม่บอกฉันเลย แถมยังโกหกว่าไปเที่ยวกับน้องอีก ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าพาน้องไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มันอันตราย แล้วเป็นไง? น้องโดนแทงแกพอใจรึยังห๊ะ?!] 

“จะไม่ให้ยุ่งก็ไม่ได้หรอกพี่เจต เรื่องพวกนี้เป็นปัญหาในครอบครัวไอสิง แต่เรื่องที่ไอสิงโดนแทงมันก็เป็นความผิดของอินเองแหละที่ไม่ได้ดูแลน้องให้ดี”

[แกรู้ว่าตัวเองผิดก็ดีแล้ว ส่วนเรื่องปัญหาครอบครัวของสิง ตอนนี้ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสารวัตรปราปไป แกดูแลน้องให้ดีก็แล้วกัน แล้วรีบกลับมา]

“ผมดูแลมันดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วเหอะ แต่ตอนนี้คงต้องดูแลให้ดีกว่าเดิม” ประโยคแรกพูดกับปลายสาย แต่ประโยคหลังพูดพลางเหลือบไปมองคนน้องด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ พลังทำลายล้างรุนแรงเกินไปจนคนน้องต้องรีบหลบสายตาพร้อมกับใบหน้าที่เห่อร้อนจนเห็นได้ชัด

[ดูแลดีกว่านี้ แกไม่จับน้องทำเมียไปเลยละ?!] 

“จับแล้ว แต่ไม่รู้ใครเป็นผัวใครเป็นเมีย” ดาราหนุ่มพราวเสน่ห์พูดพลางโน้มหน้าเข้าไปใกล้เด็กหนุ่มในระยะประชิด พร้อมกับใช้สายตาโลมเลียอีกฝ่ายจนคนถูกมองทำตัวไม่ถูก ยกมือขึ้นมาปิดบังใบหน้าเขินอายเอาไว้แทบไม่ทัน 

[ไออิน อย่ากวนให้มันมากนักนะ] เจตดุเด็กในสังกัดที่เอาแต่เล่นไม่เลิก 

“ผมพูดเรื่องจริงพี่ก็หาว่าผมกวน โถ่อะไรวะ”

[...แกหมายความว่าไง]

“ก็หมายความตามที่พูด ผมเพิ่งขอไอสิงเป็นแฟนเมื่อสิบนาทีก่อนที่จะโทรหาพี่นี่แหละ”

[ห๊ะ!!!] 

“ตกใจอะไรขนาดนั้นพี่”

[ไม่ตกใจก็บ้าแล้วไออิน กินใครไม่กิน ดันไปกินน้องไอเสือ ระวังมันจะมาหักคอแก]

“ไม่ต้องหรอกพี่ เดี๋ยวผมไปหามันในนรกเอง แต่ตอนนี้ขอผมกินน้องมันให้อิ่มท้องก่อนแล้วกัน” ความแพรวพราวของอินเกินความคาดหมายไปมาก รู้อยู่หรอกว่าอินไม่ธรรมดาแต่ไม่คิดว่าจะเป็นหนักขนาดนี้

[แกทำของใส่น้องเหรอ น้องมันถึงได้ยอมแก]

“แล้วพี่จะไม่ถามเรื่องผมกับไอสิงหน่อยเหรอ”

[ฉันตงิดใจอยู่แล้วแหละ แล้วก็ไม่ใช่ไม่อยากรู้ เรื่องชาวบ้านมันสนุกกว่าเรื่องของตัวเองอยู่แล้ว แต่คุยทางโทรศัพท์แล้วมันไม่ได้อรรถรส รอแกกลับมาเล่าให้ฟังต่อหน้าดีกว่า จะได้ซักฟอกให้ขาวไปเลยไง]

“จะเล่าให้หมดเปลือกเลย โอเคไหม”

[ดีมาก!]

“โอเค เดี๋ยวผมรีบกลับ ไว้เจอกันพี่” วางสายจากเจต อินก็ตวัดสายตาไปมองน้องด้วยสายตามีเลศนัย “ตกลงยังไง ใครเป็นผัวใครเป็นเมีย”

แทบจะแยกไม่ออกว่าลูกมะเขือเทศหรือใบหน้าของคนน้องอันไหนจะแดงกว่ากัน คำพูดตรงไปตรงมาแบบนี้คงมีแค่อินเท่านั้นที่ทำได้ เพิ่งเป็นแฟนกันแค่ไม่กี่นาทียังโดยแกล้งขนาดนี้ แล้วต่อไปเขาจะโดนแกล้งขนาดไหน

“ไหน ๆ ก็โดนผีแทงแล้วแผลนึง โดนกูแทงเพิ่มคงไม่เป็นไรหรอกเน๊อะ!”

“พี่อิน!”

“ทำไม หรือมึงจะแทงกู?!”

 

หลังจากที่หมออนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ อินก็พาน้องไปร่ำลาญาติผู้ใหญ่แล้วเดินทางกลับกรุงเทพฯ

อินรับหน้าที่ดูแลคนป่วยที่ยังไม่หายดี เรียกว่าก่อนเลื่อนสถานะดูแลดีอยู่แล้ว หลังจากใช้สถานะแฟนดูแลดียิ่งกว่า หน้าที่พ่อบ้านที่เคยทำก็ดูเหมือนจะไม่จำเป็นแล้วเหมือนกัน 

“มึงนั่งเลยไอสิง แผลยังไม่หายดี คิดจะทำนู่นทำนี่ นั่ง! กูทำเอง!” อินยกนิ้วชี้หน้าคาดโทษคนน้องที่กำลังจะลุกไปเอาน้ำมาเสิร์ฟให้กับแขกประจำอย่างเจตและแฟน

“ฉันพอจะรู้มาจากหมอรามบ้างแล้ว แต่ฉันอยากฟังจากปากพวกแกอีก ตกลงยังไงสิง ไอเสือมันจ้างวานฆ่าพ่อหมวดเมฆจริงเหรอ”

สิงส่ายหน้าตอบด้วยสีหน้าที่หม่นลงอย่างเห็นได้ชัด “ไม่รู้เหมือนกันครับพี่เจต สารวัตรปราปกำลังหาหลักฐานอยู่”

“แล้วมันเกิดอะไรขึ้น เล่ามาให้หมด”

“ปัญหาครอบครัวคาราคาซัง...” อินเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างออกรสออกชาติแถมใส่สีตีไข่เข้าไปเพิ่มให้ได้อรรถรส 

“อะไรมันจะขนาดนั้นวะพี่อิน” แฟนที่นั่งฟังอยู่เงียบ ๆ ถามแทรกขึ้นมา

“ปัญหาที่คนรุ่นก่อนสร้าง แต่ลูกหลานต้องมานั่งแก้” อินบ่นตามประสาแบบที่คนน้องไม่คิดถือสา 

“แล้วไอผีมโนราห์นั้นเหรอที่แกเจอ” เจตถามบ้าง

“อือ เกือบตาย ผีห่าไรวะพลังเยอะฉิบหาย”

“ผีทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอสิง” เจตหันไปถามผู้รู้ที่นั่งตัวติดกับเด็กในสังกัดจนแทบจะสิงร่างกันอยู่รอมร่อ 

“ถ้ามีคนคอยช่วยก็...ได้ครับ คนต้องกินเพื่อให้มีพลัง วิญญาณก็ไม่ต่างกันหรอกครับ แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าผีก็คือคนนะครับ”

“ก็จริง ผีมันจะหาของกินเองได้ยังไงถ้าคนไม่ช่วย เรื่องคดีช่างมันก่อน ตอนนี้ฉันอยากรู้เรื่องของแกกับน้อง เรื่องมันเป็นยังไงเล่ามา ฉันรอฟังอยู่”

“รอฟังหรือรอ...” อินพูดพลางทำหน้ายียวน ก่อนจะเว้นคำหลังเอาไว้แล้วเปลี่ยนเป็นการขยับปากให้อีกฝ่ายรู้แทน

“เออ รอเสือก รู้แล้วก็รีบ ๆ พูดมา” 

อินขำพรืดออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ แต่ไม่ทันจะได้เล่าอะไร แฟนก็พูดโพล่งขึ้นมาเสียก่อน “พี่อินกันสิงคบกันแล้วจริง ๆ เหรอ?!” ผู้ช่วยผู้จัดการร้องถามเสียงหลง 

“เอ้า! ฉันก็บอกแกไปแล้วนิไอแฟน”

“แฟนก็นึงว่าพี่พูดเล่นไงพี่เจต”

“เรื่องแบบนี้ใครจะไปพูดเล่นกันย่ะ!” เจตหันไปด่ารุ่นน้อง ก่อนจะหันมามองอินด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็นเต็มที “ยังไง ได้กันรึยัง?”

อินยิ้มร้ายราวกับหมาล่าเนื้อ “ เวอร์จิ้นน้องชายสุดรักสุดหวงของพี่ยังอยู่หน่าพี่เจต ไม่ต้องห่วงผมยังไม่ทำอะไรมัน”

“แล้วเมื่อไหร่จะทำ?” เจตถามใบหน้าเรียบเฉยราวกับมันเป็นคำถามทั่วไป แต่ไม่ใช่กับคนที่เป็นหัวข้อในการสนทนาที่ตอนนี้นั่งก้มหน้างุดด้วยความอายพลางซุกใบหน้ากับไหล่คนพี่

“ทำแน่ แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ ตกลงยังอยากฟังอยู่อีกไหม?” อินเหลือบไปมองคนน้องที่ซบหน้าอยู่บนไหล่ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ก่อนจะหันมาถามผู้จัดการส่วนตัวที่ตอนนี้ผันตัวมาเป็นคนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านด้วยใบหน้ายียวน

“ฟังซิไอบ้า เล่ามา!” เจตร้องท้วงกลัวเด็กในปกครองจะมุบมิบไม่ยอมเล่าความจริง 

“เอาจริง ๆ ผมก็ไม่มีอะไรจะเล่าหรอก ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชอบมันตอนไหน มารู้อีกทีตอนผีตายายไอสิงด่าผมนั่นแหละ”

“พี่อินเคยพูดกับตายายด้วยเหรอครับ” สิงที่นั่งตั้งใจฟังความรู้สึกของคนพี่ที่มีต่อตัวเองเงียบ ๆ ถึงกับเสียมารยาทถามแทรก 

“ก็วันที่มึงรับตายายนั่นแหละ มึงเข้าทรงนิ มึงคงไม่รู้สึกตัว แต่เขาเดินมาชี้หน้าด่ากูว่ากูว่าทำผิดผีบ้างละ อุบาทว์บ้างละ ถ้าเขาไม่ได้อยู่ในตัวมึง กูต่อยหน้าแม่งละ” สิงหน้าชาไม่คิดว่าอินจะโดนด่าแรงขนาดนั้นเพราะตอนที่เขารับครูหมอโนรา เป็นปกติที่เขาจะไม่รู้สึกตัวว่าตายายจะใช้ร่างกายของเขาพูดหรือทำอะไรกับใครบ้าง 

“แต่ก็ว่าไม่ได้ เพราะเขาทำให้กูรู้ตัวว่าจริง ๆ แล้วที่กูรู้สึกอยู่คือกูชอบมึง” อินพูดพลางมองตาแฟนหนุ่มหมาด ๆ ด้วยสายตาหวานหยด แถมด้วยการส่งจูบไปให้แบบที่คนน้องยิ้มจนแก้มปริ คนอื่นที่อยู่ในวงสนทนาอย่างเจตและแฟนที่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยถึงกับต้องเบือนหน้าหนีด้วยความรำคาญ “เขาบอกให้กูเลิกยุ่งกับมึงด้วยนะ”

“จริงเหรอครับ?”

“เออ! แต่เรื่องอะไรจะเลิก น่ารักขนาดนี้”

“พี่อิน!” สิงพูดเสียงดังแก้เขิน พลางส่งซิกด้วยการมองแขกสองคนให้คนพี่รู้ว่าพวกเขาไม่ได้อยู่กันแค่สองคน 

อินเหลือบไปมองเจตกับแฟนแล้วหันกลับมาแบะปากไหวไหล่ใส่คนน้องราวกับจะบอกว่า ‘แล้วไง’ สิงทำอะไรไม่ได้ ต้องปล่อยเลยตามเลยเอาที่คนพี่สบายใจ

“โอ๊ย! ยิ่งฟังยิ่งรำคาญ ไม่ต้องเล่าละ จะอ้วก!” ความอยากรู้อยากเห็นของเจตถูกรังสีความรักของคู่รักตรงหน้าบดปังไปจนหมด เขาทนฟังแทบไม่ไหวถึงกับต้องเบรกคนหลงหมาเด็กให้หยุดเล่า

“เอ้า! ฟังต่อก่อนดิพี่ ยังเล่าไม่จบเลย” อินหันไปพูดกวนผู้จัดการที่ตอนนี้ยกมือขึ้นมาปิดหูตัวเองทันควัน เมื่อได้ยินว่าเรื่องราวหวานเลี่ยนของคู่รักหมาด ๆ ยังไม่หมดและยังอยากจะเล่าเพิ่มอีก 

“พอ! พวกแกไปรักกันไกล ๆ ป่ะ”

“ไหนบอกอยากฟังไง แค่นี้ก็ไม่ไหวซะแล้ว อ่อนวะพี่”

“ไออิน แกช่วยดูตัวเองด้วย เดี๋ยวบอกรักเดี๋ยวส่งจูบ ฉันจะบ้า! ทำไม?! โสดมาสิบห้าปี พอได้มีแฟนเข้าหน่อยก็เห่อเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่งี้เหรอ?!”

“พี่ไม่เคยได้ยินเหรอพี่เจต มีเมียเด็กต้องหมั่นตรวจเช็กร่างกายอะ”

เจตกลอกตามองบนด้วยความรำคาญ อินเป็นเด็กคนแรกที่เขาดูแล และยังเป็นเด็กที่กวน(ตีน)ได้เสมอต้นเสมอปลาย นอกจากนั้นยังเป็นไม้เบื่อไม้เมาที่คอยเถียงกับเขามาตลอด “ค่ะ! แล้วนี่แน่ใจแล้วเหรอว่าแกจะเป็นผัว ฉันว่าน้องมันดูน่าจะเป็นผัวแกมากกว่านะ” 

“ตาพี่บอดเหรอพี่เจต ดูยังไงให้ผมเป็นเมียมัน”

“เอ้า! ก็น้องมันสูงกว่าแก”

“ห้าเซน!”

“ห้าเซนก็คือสูงกว่า”

“แต่ผมตัวใหญ่กว่ามันอีก พี่ดูกล้ามผมดิ ไหล่ผมงี้เท่าหัวเด็กเลยนะ” อินพูดพลางเบ่งกล้ามแขนโชว์ แถมเบี่ยงตัวให้ผู้จัดการดูหัวไหล่ของเขาให้ชัด ๆ 

เจตแบะปาก “หึ! เท่าหัวเด็กไปก็เท่านั้นแหละ เจอผีแกก็หลบหลังน้องอยู่ดี”

“พี่พูดเหมือนถ้าพี่เจอพี่ไม่หลบนั่นแหละ”

“แต่แกเป็นผัว แกควรปกป้องเมีย”

“หยุด! เมียก็ปกป้องผัวได้ ความรักมันลื่นไหล โอเคไหมพี่”

“เดี๋ยวนะพี่เจตพี่อิน เถียงกันอยู่สองคนทำไมไม่ถามน้องบ้างละ ว่าอยากเป็นผัวหรือเป็นเมีย” แฟนนั่งฟังคนแก่สองคนเถียงกันอยู่นานพูดแทรกขึ้น จุดประเด็นให้อินและเจตได้คิดว่าจริง ๆ แล้วคนที่มีสิทธิ์เลือกยังมีอีกหนึ่งคน ซึ่งคนนั้นนั่งหน้าแดงเถือกตั้งแต่ลำคอลามไปถึงใบหูกับประเด็นล่อแหลมที่เป็นหัวข้อการถกเถียง

อินหันขวับมาจ้องมองหน้าแฟนหนุ่ม “มึงจะเป็นเมียกูหรือจะให้กูเป็นผัวมึง”

สิงที่ยังเขินอยู่แต่พอมีสติฟังคนพี่พูดเลิกคิ้วถามอย่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าทั้งสองตัวเลือกมันต่างกันตรงไหน “นั้นดูไม่ใช่ตัวเลือกเลยนะครับพี่อิน”

“ก็กูมีให้มึงแค่นี้”

“ไออิน แกมัดมือชก” เจตพูดแทรกอย่างอดรำคาญไม่ได้ 

อินไม่ยี่หระเพราะเขามั่น(หน้า)ใจว่าคนน้องจะยอมเขาในทุก ๆ เรื่องที่เขาขอ “เอาไง มึงจะเป็นเมียกูหรือให้กูเป็นผัวมึง”

“ผมยังไงก็ได้ครับ แล้วแต่พี่อินเลย” 

อินหันไปยกยิ้ม พลางยักคิ้วให้ผู้จัดการร่างเล็กหมั่นใส่เล่น ๆ กับชัยชนะของตัวเอง เขาคิดไว้แล้วไม่มีผิดไอเด็กหมายักษ์ของเขาไม่มีทางขัดใจเขาแน่

“สิง! อย่าไปยอมมัน ยิ่งแกยอมมันแบบนี้มันยิ่งได้ใจ” เจตยังคงไม่ยอมแพ้ ศึกครั้งนี้ยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร

“พอเหอะพี่ ไม่ว่าพี่จะโน้มน้าวมันยังไง ก็ไม่ได้ผลหรอก” อินหันไปพูดกับเจต ก่อนจะหันไปกลับไปหาคนน้องแล้วยกแขนพาดคอ ดึงอีกฝ่ายที่อยู่ในวงแขนเข้ามาใกล้จนใบหน้าห่างกันไม่ถึงคืบ “ไอสิงมันเชื่อฟังผม ผมบอกให้มันไปขวามันไม่มีทางไปซ้ายหรอกใช่ไหม” อินเลิกคิ้วถามคนน้อง 

สิงพยักหน้าตอบ “ครับ”

“รำคาญ! กลับบ้านดีกว่าไอแฟน” 

 

ผู้จัดการและผู้ช่วยกลับไปพร้อมกับความพ่ายแพ้ นั้นทำอินก็เดินยิ้มเป็นบ้าเป็นหลังทั้งวัน กินอะไรก็อร่อยไปหมด ยิ่งได้กินอาหารที่คนน้องทำยิ่งอร่อย โลกมันกลายเป็นสีชมพูแบบไม่ต้องใส่ฟิลเตอร์ ไม่คิดว่าชายวัยสามสิบสามจะกลับไปมีความรักแบบปั๊ปปี้เลิฟเหมือนเด็กน้อยหัดรักอีกครั้ง

“สิง ทำไมมึงชอบกูวะ” จู่ ๆ อินก็ถามขึ้นแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยในขณะที่คนน้องกำลังก้มหน้าก้มตาล้างจานที่อยู่ในซิงค์ หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกินข้าวเย็นเสร็จไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน 

สิงหันหน้ากลับมามองอินที่นั่งเล่นอยู่ตรงเคาน์เตอร์ครัวก่อนจะหันกลับไปสนใจการงานตรงหน้าต่อ “เพราะพี่อินใจดีครับ”

“เอาดี ๆ ดิ๊! กูไม่ได้ใจดีกับมึงคนเดียวสักหน่อย ใคร ๆ ก็ใจดีกับมึงป่ะ มึงอยู่ใกล้ใครคนนั้นก็เอ็นดูมึงทุกคน” 

“แต่ไม่มีใครเข้าใจผมเหมือนที่พี่อินเข้าใจนิครับ”

“เรื่อง?”

“เรื่องที่ผมไม่เหมือนคนอื่นไงครับ แม้แต่พี่เสือยังไม่ยอมให้ผมพูดเรื่องนี้กับใครเลย แต่พี่อินไม่เคยเห็นผมเป็นตัวประหลาดเลยสักครั้ง”

อินนั่งฟังอยู่เงียบ ๆ ก็ยกยิ้มอย่างพอใจกับคำตอบของแฟนเด็ก “เอาจริง ๆ ตอนแรกที่กูได้ยินมึงพูดแบบนั้น ก็ไม่ใช่ว่ากูจะเชื่อว่ามึงได้ยินเสียงผีหรอก คนเหี้ยไรจะคุยกับผีได้แต่ตอนนั้นกูคิดแค่ว่ากูเป็นห่วงมึง เลยพยายามรับฟังทุกอย่างที่มึงพูด”

สิงรีบล้างฟองสบู่ออกจากจานใบสุดท้าย ก่อนจะขนจานมาวางไว้บนเคาน์เตอร์ครัวแทน เพื่อให้เขาได้มองหน้าคนพี่ได้ถนัดในขณะที่พวกเขากำลังคุยกัน

“ถ้ามึงยังจำได้ กูเคยทะเลาะกับไอเสือเรื่องนี้ด้วย เอาจริง ๆ กูก็เถียงกับมันเรื่องมึงบ่อย ๆ เพราะกูเห็นว่ามันค่อนข้างกดดันมึง กูเคยแนะนำให้มันพามึงไปปรึกษาจิตแพทย์เด็กแต่มันไม่ยอม บอกมึงไม่ได้เป็นอะไร กูก็เพิ่งเข้าใจไม่นานมานี้แหละว่ามึงไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ แค่เห็นผี!”

“ขอบคุณนะครับพี่อิน” 

“เป็นไปได้ไหมวะ ว่ากูจะชอบมึงตั้งแต่ตอนนั้น” 

“ไม่รู้ซิครับ”

“แต่มึงอะ แก่แดดตั้งแต่เด็กนะไอสิง ตอนนั้นสิบสามเองนะ ถ้ากูจำไม่ผิด”

“ขอโทษครับ”

“เช็ดจะเสร็จยังอะจาน กูเห็นมึงเช็ดมานานแล้วนะ”

“ใบสุดท้ายแล้วครับ”

“รีบ ๆ เลยกูอยากขึ้นไปนอนกอดมึงจะแย่แล้ว!”

เด็กหนุ่มชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะลงมือเช็ดจานใบสุดท้ายด้วยความเร็วแสง เก็บจานชามที่เช็ดแล้วเข้าตู้ พอหันกลับมาอีกทีก็เห็นว่าอินยืนชูมือรอเขาอยู่แล้ว จึงรีบเดินเข้าไปจับมือคนพี่แล้วเดินตามแรงดึงของอีกฝ่ายขึ้นไปบนห้องนอนอย่างว่าง่าย

“อาบน้ำด้วยกันไหม” อินหันไปถามแฟนเด็กหลังจากที่เดินจูงมืออีกฝ่ายเข้ามาในห้องแต่งตัว 

ดวงตาของเด็กหนุ่มเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกตะลึง พร้อมกับใบหน้าที่เห่อร้อนขึ้นกับภาพจินตนาการในหัว “เอ่อ...”

“ทำไม? กลัวกูจะทำอะไรมึงเหรอ”

สิงส่ายหน้าเป็นพัลวัน “ปะ...เปล่าครับ ผมแค่กลัวว่าจะทำให้พี่อินพอใจไม่ได้” สิงพูดเสียงตะกุกตะกักด้วยความเขินอาย เกิดมาไม่เคยแม้กระทั่งช่วยตัวเอง สกิลเรื่องเพศเป็นศูนย์ หากเขาทำอะไรเงอะ ๆ งะ ๆ กลัวว่าคนพี่จะหมดอารมณ์ แล้วเขาเองก็เคยได้ยินมาว่าเรื่องเซ็กส์เป็นเรื่องสำคัญของชีวิตคู่ ถ้าทำให้ร่างโปร่งพอใจไม่ได้ เด็กหนุ่มกลัวว่ามันจะกระทบกับความสัมพันธ์ของพวกเขา

“ทำไมมึงคิดว่ามึงจะทำให้กูพอใจไม่ได้ละ หึ?”

“ก็สิง...ไม่เคย”

อินพยายามกลั้นขำ กลัวว่าจะทำให้แฟนหนุ่มสูญเสียความมั่นใจ ไอเด็กหมายักษ์ของเขามันน่ารักเกินไปแล้ว “เดี๋ยวกูสอนมึงเอง แต่เรื่องที่พี่เจตพูด กูอยากถามมึงให้ชัดเจนอีกที กูว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ”

“เรื่องอะไรเหรอครับ” สิงเลิกคิ้วถามอย่างไม่เข้าใจตามคนพี่ไม่ทัน 

ใบหน้าไร้เดียงสาของแฟนเด็ก ทำให้หัวใจของคนแก่กว่าสั่นโครมคราม “มึงนี้นะ อ่อนต่อโลกไปไหมวะ หะ!” อินพูดพลางยกมึงขึ้นไปโยกหัวสิงเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู “ก็เรื่องตำแหน่งนั่นแหละ ที่กูมัดมือชกมึงให้เลือกว่ามึงจะเป็นเมียกูหรือให้กูเป็นผัวมึง ตอนนั้นกูแค่หยอกเล่น”

“ทำไมละครับ”

“กูไม่คิดจะมัดมือชกเหมือนอย่างที่พี่เจตว่าหรอก เรื่องพวกนี้มันสำคัญ ถ้ามึงทำแล้วไม่มีความสุข ฝืนไปมันก็อาจจะกระทบกับความสัมพันธ์ของเรา กูไม่อยากเลิกกับมึงแค่เพราะมึงไม่มีความสุขในการเป็นเมียกูหรอก กูอยากให้มึงอยู่กับกูไปจนแก่ตาย เพราะฉะนั้นเรื่องตำแหน่งมันสำคัญเข้าใจยัง” 

สิงพยักหน้าตอบ “แต่ที่บอกว่าสิงแล้วแต่พี่อิน สิงพูดจริง ๆ นะครับ สิงทำได้ทุกอย่าง ถ้ามันทำให้พี่อินมีความสุข”

“แค่นี้กูก็หลงมึงจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วไอสิง เพราะฉะนั้นเลิกหยอดกูก่อน แล้วตอบมาว่ามึงโอเคกับแบบไหน”

“แล้วพี่อินละครับ พี่อินชอบแบบไหนมากกว่ากัน”

อินไหวไหล่แล้วเอ่ยปากตอบด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อน “กูยังไงก็ได้ ก่อนกูเข้าวงการกูเคยลองแล้วทั้งสองแบบ” คำพูดของอินทำให้สิงรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา อิจฉาใครก็ตามที่ได้เป็นคนแรกของอินจนเผลอทำปากคว่ำโดยไม่รู้ตัว “เป็นไร หึงเหรอ?”

เด็กหนุ่มกลอกตาไปมาอย่างเขินอายเมื่อถูกคนรักจับได้ แต่ก็ยอมพยักหน้าตอบยอมรับความรู้สึกของตัวเอง เริ่มรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นเด็กนิสัยเสียไปซะแล้ว แค่ได้ครอบครองอินเข้าหน่อยก็เริ่มออกลายเห็นแก่ตัวไม่อยากแบ่งเขาให้ใครอีก

“มันเป็นเรื่องในอดีต กูกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว แต่ตอนนี้และต่อไป กูจะมีแค่มึง แค่มึงคนเดียวกูสัญญา”

“ครับ” 

“แล้วจะเอายังไง ลีลานะมึง กูปวดไปหมดแล้วเนี๊ย?!”

“พี่อินเจ็บตรงไหนเหรอครับ ให้สิงดูหน่อยได้ไหม?!” เด็กหนุ่มถามด้วยสีหน้าตื่น 

“มึงแน่ใจว่ามึงจะดู” คนพี่เลิกคิ้วถามด้วยสีหน้ามีเล่ห์นัย 

“ครับ” ไอเด็กหมายักษ์ตอบทันควัน โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอตอบรับคำขอของซาตานไปซะแล้ว 

“งั้นก็เข้าไปดูในห้องน้ำ”

หัวคิ้วมุ่นเข้าหากันเล็กน้อยอย่างคนอ่อนต่อโลก “ทำไมต้องเข้าไปดูในห้องน้ำด้วยครับ”

“โอย! ไอสิง กูปวดตรงนั้น มึงเห็นไหมนะ” อินแทบอยากจะเอาหัวโขกกำแพงซะให้รู้แล้วรู้รอด ใครจะไปคิดว่าการได้แฟนเด็กจะทำให้คนแก่อย่างเขาเสียอาการได้ขนาดนี้ อินมองหน้าคนน้องสลับกับการก้มมองกลางเป้าของตัวเองที่มันเริ่มตุงนูนเป็นเนินเล็ก ๆ เพื่อให้คนน้องรู้ว่าจริง ๆ แล้วเขาเจ็บปวดตรงไหนกันแน่ 

สิงมองตามที่คนพี่มองอยู่สองสามรอบ ถึงค่อยสังเกตเห็นว่าเป้ากางเกงของร่างโปร่งโป่งนูนออกมา เปลือกตาของสิงเบิกโตขึ้นพร้อม ๆ กับใบหน้าของเขาที่ค่อย ๆ เห่อร้อนขึ้นมาตามระดับความเขินอายที่พุงสูงขึ้น เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอหนึ่งอึกใหญ่แล้วค่อยเงยหน้าขึ้นมามองคนพี่ “พี่อินไหวไหมครับ” 

“มันจะไม่ไหวแล้ว เพราะฉะนั้นมึงตอบมา มึงเอาไง”

“เอ่อ ผมไม่รู้หรอกครับพี่อิน ผมไม่เคยทำแบบนั้นมาก่อน”

อินถอนหายใจเฮือกใหญ่ พยายามข่มอารมณ์เอาไว้จนใบหน้าแดงก่ำ พลางคิดว่าจะอธิบายให้เด็กน้อยของเขาเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้ยังไงในเวลาอันสั้น ก่อนที่เขาจะไม่ไหวเผลอขย้ำมันไปโดยที่มันไม่ยินดียินร้ายกับการถูกกระทำแบบนั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากทำมากที่สุด “เอางี้นะสิงเด็กดี ถ้ามึงเป็นเมีย มึงอาจจะเจ็บนิดหน่อย แต่กูจะสัญญาจะทำให้มึงมีความสุขจนจุกอกเลย แต่ถ้ามึงเป็นผัวกู มึงต้องเชื่อฟังที่กูพูดทุกอย่าง เพราะมึงไม่เคย ส่วนกูก็ไม่ได้ทำมาชาติกว่าแล้ว กูเองก็อาจจะเจ็บเหมือนกัน...”

“งั้นผมเป็นเมียก็ได้ครับ ผมไม่อยากให้พี่อินเจ็บ” อินยังพูดไม่ทันจบ ไอแฟนเด็กที่หวงเขาอย่างกับอะไรดีก็พูดโพล่งขึ้นมาเมื่อได้ยินว่าเขาจะเจ็บหากเขายอมเป็นเมียมัน

อินที่พยายามทำหน้านิ่งกดข่มอารมณ์คุกรุ่นเอาไวในใจ เผลอหลุดยิ้มออกมากับความเป็นห่วงในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของแฟนเด็ก เพราะแบบนี้เขาเลยเป็นห่วงมันมากกว่าใคร “มานี้มา” อินพูดพลางอ้าแขนทั้งสองข้างออกรับคนรักเข้ามาในอ้อมกอด เด็กหนุ่มไม่รีรอ รีบพุ่งตัวไปกอดคนพี่เอาไว้แน่น  “มึงฟังกูนะสิง กูรักมึง ต่อให้กูต้องเจ็บกูก็ยังรักมึง”

“สิงก็รักพี่อินนะครับ”

อินถอนหายใจอีกระลอกกับคำบอกรักของแฟนเด็ก มันทำเขาหนักใจไม่เบาเพราะรู้ว่าไอลูกหมามันเลือกไม่ได้ ถ้าให้สิงเป็นคนรุก และเขาต้องเจ็บเพราะต้องรับแรงปรารถนาของมัน ไอเด็กหมายักษ์ก็จะไม่ทำ แต่ถ้าให้มันเป็นคนรับแทน เขาก็ไม่มั่นใจว่ามันจะโอเค “งั้นให้อารมณ์พาไปก็แล้วกัน”

อินผละสิงออกจากอ้อมกอด จ้องมองตาของคนน้องอยู่ครู่นึก ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงคอเสื้อจนใบหน้าของมันเขยิบเข้ามาในระยะที่เขาสามารถกระทำการอุกอาจได้

ริมฝีปากนุ่มได้รูปของอินประกบเข้ากับริมฝีปากบางของคนน้องโดยที่ไม่ได้รุกล้ำเข้าไปภายใน เพียงแค่ใช้ริมฝีปากแตะกันมอบความรู้สึกหอมหวานแบบอ่อนโยน รอให้เด็กหนุ่มที่ยังยืนอึ้งกับเหตุการณ์ตรงหน้าได้ปรับตัว เมื่อผ่านไปครู่นึงอินถึงค่อยขยับงับริมฝีปากทั้งบนและล่างของสิงเบา ๆ พอให้รู้สึกวาบหวามในใจ ราวกับมีผีเสื้อนับร้อยตัวบินวนอยู่ในช่องท้อง ก่อนที่อินจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นไปประคองใบหน้าของแฟนหนุ่มอย่างอ่อนโยน ใช้แรงช่วยพลิกใบหน้าน้องไปมาตามจังหวะรับรสหวานฉ่ำที่เขามอบให้

เด็กหมายักษ์ที่เริ่มคุ้นชินกับจุมพิตที่ร่างโปร่งป้อนให้ด้วยอวัยวะเดียวกัน เริ่มตอบโต้ด้วยการใช้แขนแกร่งโอบรอบเอวคอดของคนพี่ ฝ่ามือนุ่มทั้งสองข้างลูบไล้ไปมาบนแผ่นหลังของคนรักผ่านเสื้อผ้าเนื้อนุ่ม แต่ดูเหมือนมันจะไม่เพียงพอสำหรับเด็กที่เลือดลมยังดีอยู่ เขาจึงถือวิสาสะล้วงเข้าไปใต้สาบเสื้อ เมื่อฝ่ามือนุ่มสัมผัสเข้ากับความอุ่นร้อนบนผิวเนียนนุ่ม เส้นความอดทนอดกลั้นของสิงก็ขาดผึง ฝ่ามือหนาสาลวนลูบไล้อย่างสะเปะสะปะไปทั่ว ยิ่งได้ยินเสียงอื้ออึงครวญครางในลำคอของคนรัก มันก็ยิ่งทำให้ด้านมืดในจิตใจของสิงเข้าควบคุมจิตใต้สำนึก จากที่ลูบไล้ไปมาก็เริ่มออกแรงบีบมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามแรงปรารถนา 

“อือ” อินส่งเสียงครางต่ำในลำคอเมื่อคนน้องพลิกกลับมาเป็นคนควบคุมเกมแทนเพราะเห็นว่าคนพี่เอาแต่งับริมฝีปากเขา ฝ่ามือของแฟนเด็กลูบไล้ไปมาบนแผ่นหลังดึงรั้งให้ร่างโปร่งเข้ามาประชิดจนไม่เหลือช่องว่าระหว่างกัน ก่อนที่ลิ้นร้อนจะค่อย ๆ รุกล้ำอาณาเขตที่เขาไม่เคยได้เข้าไปสำรวจ ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดไปทั่วทั้งโพรงปาก มอบรสจูบแสนหวานให้กับคนที่เป็นดั่งชีวิต 

อินผงะไปเล็กน้อยเมื่อหมาน้อยของเขากลายร่างเป็นเสือร้ายภายในชั่วพริบตาเดียว มันไม่ได้ทำให้เขากลัวแต่มันยิ่งทำให้เขารู้สึกดีมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ มือเรียวของอินค่อย ๆ เลื่อนไปโอบรอบลำคอของคนรักเอาไว้ ริมฝีปากเผยอกว้างขึ้นอีกเพื่อให้เขาตอบสนองความต้องการของคนรักได้อย่างเต็มที่ จุมพิตหวานฉ่ำที่ต่างคนต่างมอบให้อีกฝ่ายลากยาวไปหลายนาที สิงที่เด็กกว่าถึงสิบปีมีแรงมากกว่าอีกฝ่าย การจูบแลกลิ้นที่ยาวนานขนาดนี้จึงไม่คณามือเขาเท่าไหร่นัก แต่ไม่ใช่กับคนพี่ที่แก่กว่าเริ่มจะหายใจไม่ทัน อินใช้มือตบบ่าคนน้องเบา ๆ เพื่อให้อีกฝ่ายยอมผละออกไปก่อน 

สิงทำตามอย่างว่าง่าย ยอมปล่อยให้คนพี่เป็นอิสระผละริมฝีปากออกมาก่อน แต่ก็แอบก้มลงไปจุ๊บริมฝีปากของคนพี่เบา ๆ โดยที่ไม่ได้รุกล้ำเข้าไป วงแขนแกร่งของเขายังคงโอบรอบเอวคอดของคนพี่เอาไว้ เช่นเดียวกับวงแขนของร่างโปร่งที่ยังโอบรอบลำคอของแฟนเด็กเอาไว้อย่างไม่ยอมปล่อย

อินหอบหายใจเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองประสานกับสายตาของคนน้อง “ไหนมึงบอกมึงไม่เคยไงไอสิง มึงหลอกกูเหรอ” อินเชิดหน้าถามสิงราวกับจะหาเรื่องอีกฝ่าย แต่ในใจกลับรู้สึกดีกับรสจูบที่คนน้องมอบให้ และดูเหมือนเขาจะอยากได้มันมากกว่านั้นอีก...

“เปล่าครับ ผมแค่...” เสือร้ายกลับมาเป็นหมาเด็กอีกครั้งเมื่อคนพี่พูดแซว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่คิดที่จะปล่อยแขนที่โอบรอบเอวของคนรัก

“เก่งมาก” อินพูดพลางยกมือข้างนึงขึ้นไปลูบเส้นผมนุ่มของเด็กหนุ่ม เพียงแค่ได้ยินคำชมของอีกฝ่าย ร่างกายของสิงที่ยังไม่สงบดีก็ตื่นขึ้นมาอีก จนเด็กหนุ่มนิ่วหน้าด้วยความปวดหนึบตรงกลางกาย คนพี่เห็นแบบนั้นก็รีบก้มลงไปมองเป้ากางเกงของแฟนหนุ่มทันที อินหลุดขำในลำคอออกมากับขนาดความโหนกนูน “ไม่ไหวแล้วมั้ง กูว่า” พูดพลางช้อนสายตายั่วยวนขึ้นมามอง

“ขอโทษครับ”

“กูช่วยมึงได้นะ แต่มีข้อแลกเปลี่ยน”

“อะ...อะไรเหรอครับ” สิงตอบเสียงกระเส่า ใบหน้านิ่วคิ้วขมวดเล็กน้อยเพราะต้องพยายามกดข่มความปรารถนาเอาไว้

“อ้อนกูดิ ถ้ากูถูกใจ กูจะรีดให้จนหยดสุดท้ายเลย”

“จะให้สิงอ้อนยังไงละครับ” สิงถามพลางก้มหน้างุดจนคางชิดอกอย่างเขินอาย ใบหน้าที่เห่อแดงด้วยแรงปราณนาอยู่แล้ว ยิ่งเห่อร้อนขึ้นไปอีกเมื่อถูกคนพี่ต้อนจนจนมุม

“บอกรักกู อ้อนวอนขอให้กูช่วยมึงไง ทำเร็ว ๆ ของดีมันไม่ได้มีให้มึงตลอดนะเว้ย!” 

สิงเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง ความเขินอายพุ่งทะลุขีดจำกัดไปแล้ว เมื่อถูกคนพี่กระตุ้นด้วยการลดมือที่โอบรอบลำคอลงไปลูบไล้ส่วนโหนกนูนเบา ๆ ก่อนจะใช้ปลายนิ้วสะกิดมันจนสิงส่งเสียงครางต่ำในลำคอ “อือ” 

อินได้ใจยกยิ้มมุมปากอย่างคนเจ้าเล่ห์ ทั้ง ๆ ที่ส่วนล่างของตัวเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน “เอาไง จะพูดไม่พูด ไม่พูดกูไปอาบน้ำแล้วนะ” อินพูดจบก็ทำท่าจะผละออกจากอ้อมกอดของแฟนหนุ่ม 

ไฟราคะมันมีอานุภาพมากเกินไปจนสิงไม่สามารถต้านทานได้ เขาจึงออกแรงดึงคนพี่กลับมาในอ้อมกอดอีกครั้งจนแผ่นอกกระทบกันเล็กน้อย “สิงรักพี่อิน รักพี่จนทนไม่ไหวแล้วครับ พี่อินช่วยสิงหน่อยนะครับ” สิงยอมอ้อนตามที่อีกฝ่ายต้องการ พร่ำบอกรักด้วยเสียงสั่นเครือ ส่งสายตาเว้าวอนให้คนรักเห็นใจ 

“ช่วยอะไรเหรอ?” อินเลิกคิ้วถามพลางยกยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างคนเหนือกว่า

“พี่อิน ~ อย่างแกล้งกันซิครับ ช่วยสิงหน่อยนะครับ นะ” เด็กหมายักษ์ทำหน้ายู่ออดอ้อนเจ้าของด้วยหวังให้เขาใจดีกับมันหน่อย แต่หารู้ไม่ว่ายิ่งทำหน้าอ้อนแบบนี้อินเองก็อดทนต่อไปไม่ไหวแล้วเหมือนกัน

“โอ้ย! พอแล้วไอสิง กูแข็งหมดแล้วไอห่า จะให้กูช่วยก็ถอดเสื้อผ้า!”

“พี่อินถอดให้สิงหน่อยซิครับ” 

อินก้มมองท่าทางการยืนของคนรักก็หลุดขำออกมาอย่างอดสงสารไม่ได้ “กูถอดให้ก็ได้ แต่มึงเตรียมตัวไว้เลย เพราะกูจะทำยันสว่างเลยคอยดู!”

ยิ่งรู้จักยิ่งรู้สึกรักจนไม่รู้ว่าถ้าวันนึงเขาไม่มีสิงเขาจะอยู่ได้ไหม แต่อย่างน้อยวันนี้เขากับไอเด็กหมายักษ์นี้ใจตรงกันและได้อยู่ด้วยกันแล้ว เขาจะไม่ปล่อยมันให้เผชิญทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายด้วยตัวคนเดียวอีก เขาจะผูกมัดมันเอาไว้ให้อยู่ข้างกายตลอดไปไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม