เจติยา สาวผู้โชคร้ายมาตลอดชีวิต จนวันที่ไฟฟ้าดูดตายได้รู้ว่า ตอนเกิด สวรรค์ลืมเอาปุ่มโชดดีใส่มาด้วย การเกิดใหม่ในชีวิตอีก25ปีครั้งนี้ มันต้องมีแต่โชคดีเท่านั้น.. แต่!ทำไมดันมาเกิดยุคสงครามโลก อ๊ากกก!
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,รัก,รักแฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เกิดใหม่อีกที ไปเป็นภรรยาผู้โชคดีในยุคสงครามโลกเจติยา สาวผู้โชคร้ายมาตลอดชีวิต จนวันที่ไฟฟ้าดูดตายได้รู้ว่า ตอนเกิด สวรรค์ลืมเอาปุ่มโชดดีใส่มาด้วย การเกิดใหม่ในชีวิตอีก25ปีครั้งนี้ มันต้องมีแต่โชคดีเท่านั้น.. แต่!ทำไมดันมาเกิดยุคสงครามโลก อ๊ากกก!
เกิดใหม่อีกที ไปเป็นภรรยาผู้โชคดี ในยุคสงครามโลก
เจติยา เป็นหญิงสาวที่เรียกได้ว่าโชคร้ายที่สุดในโลก ตั้งแต่เกิดมา หล่อนก็ต้องประสบพบเจอแต่สิ่งที่โชคร้ายแบบสุดขั้ว
จวบจนอายุ 25ปีเต็ม วันเกิดของเธอ เพื่อนสนิทคนเดียวที่จะมางานวันเกิด ก็ประสบอุบัติเหตุขาเจ็บ มาร่วมงานไม่ได้
โชคร้ายซ้ำซ้อน แมวที่ห้องก็ดันหนีตามผู้ชายไปอีก เธอปลงกับชีวิต หอบตะกร้าผ้าลงมาเพื่อมาซักผ้า
แต่โชคร้ายครั้งสุดท้ายก็มาถึง เธอโดนไฟดูดตาย คาเครื่องซักผ้า!!!!!
นายบัญชีที่มารับตัวหล่อนแจ้งว่า ตอนเจติยาจะลงมาเกิด ระบบของสามโลกล่ม เลยทำให้ปุ่มโชคดีที่ต้องส่งมาคู่กับปุ่มโชคร้ายพัง
โดยไม่มีใครรู้!!
เจติยาประท้วงและอยากขอทนาย เพื่อฟ้องสวรรค์ นายบัญชีจึงมีตัวเลือกให้หล่อนว่าอยากเกิดใหม่ไหม จะทบอายุให้อีก25ปี แต่หล่อนไม่มีสิทธิ์เลือกร่างของมนุษย์ได้ เพราะต้องใช้บัตรทองในการสุ่มชิงโชค เจติยาตกลง เพราะต่อจากนี้ชีวิตของเธอจะมีแต่ปุ่มที่โชคดีเท่านั้น
แต่พอได้มาเกิดจริง หล่อนดันย้อนเวลากลับมาช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง มาอยู่ในร่างครูสาวหุ่นอวบระยะสุดท้าย
แถมยังเป็นคุณแม่ลูกหนึ่ง และเป็นเมียนายทหารที่โคตรหล่ออีกด้วย ย๊ากกกกกกกกกกกก!!!
หอบลูกวิ่งหลบระเบิดแปป!!!
คำเตือน นิยายเรื่องนี้เกิิดจากจินตนาการของผู้แต่งล้วนๆ
อาจมีข้อมูลประวัติศาสตร์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่2 ของไทยอยู่บ้าง
แต่ไม่ขอพาดพิงถึงชืิ่อคนและสถานที่ต่างๆใดๆทั้งสิ้น
คำเตือน 1.1 มันกาวและไร้ซึ่งความสมจริงในบางจุด ขอให้ผู้อ่านเสพเพื่อความบันเทิงเท่านั้นเกิดใหม่อีกที ไปเป็นภรรยาผู้โชคดี ในยุคสงครามโลก
เมี่ยงรู
“ถึงบ้านแล้ว... พี่ต้องกลับไปที่กรมก่อน จะมาทานข้าวเย็นด้วยนะ” เทพปกรณ์เอ่ยบอกภรรยา
ตั้งแต่นั่งรถตลอดทางมา ทั้งสองก็เงียบมาตลอดทาง เพราะเหตุการณ์ที่เจอมา ทำเอาขวัญหนีดีฝ่อ ไหนจะเป็นตอนที่นั่งกอดกันตัวกลม อย่างกับความฝันอันแสนหวาน หล่อนไม่อยากให้เวลาล่วงเลยผ่านไปเลยแม้แต่นิด เวลาที่หล่อนได้อยู่กับเขา มันช่างเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำ เพียงแต่บางอย่าง มันคอยสะกิดเตือนใจเจติยา ตลอดว่า เขาไม่ได้รักที่เป็นเจติยา เขารัก ลำดวล ภรรยาของเขา
ลำดวนยังคงถือขนมของเจ้าก้านไว้ในมือ ถ้าหากว่าหล่อนไม่มีพรโชคดี แล้ววิ่งออกไปแบบนั้นโดยไม่ฟังคำเตือนของเทพปกรณ์ บางทีหล่อนอาจจะโดนระเบิดตายไปแล้ว โชคร้ายที่หล่อนเจอในชาติก่อนนั้น อาจจะมาจากตัวหล่อนเองด้วยก็ได้...
“อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมคะ” เป็นคำถามใหม่ ที่ทำให้ชายหนุ่มชะงักไปเล็กน้อย
“อะไรก็ได้ที่เธอทำ” เขาตอบ ทำเป็นไม่ใส่ใจนัก แต่ก็เป็นคำตอบที่ทำเอาเจติยาในร่างของลำดวล ใจสั่นขึ้นมาได้
‘มาม่าดีไหมคุณพี่’ หล่อนนึกถามเขาในใจ เมนูสุดโปรดจากคนยากไร้ในชาติที่แล้ว หล่อนรู้ไปถึงองศาความร้อนในการต้มเส้นให้อร่อย และการจัดวางเครื่องต่างๆ ให้เข้ากับรสชาติของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแต่ละยี่ห้อ เรียกได้ว่า เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านมาม่าเลยก็ว่าได้
“แต่ไม่ต้องทำให้เหนื่อยหรอกนะ แม่ครัวในบ้านทำอะไรพี่ก็กินได้ วันนี้เธอเจอเรื่องที่แย่มามากแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ” เทพปกรณ์หมายความอย่างนั้นจริงๆ เขาไม่อยากให้ภรรยาต้องเหนื่อยมาทำอาหารเพื่อรอตัวเองอีก
หญิงสาวอยากจะตอบว่า
วันนี้ที่เจอ ไม่ใช่เรื่องที่แย่เลย การได้อยู่กับคุณมันดีมากต่างหาก แต่...จะพูดยังไงให้ดูไม่เป็นคนคลั่งรักดีละ...
“เมี่ยงโรลไหมคะ” หล่อนนึกขึ้นมาได้ ว่าตัวเองต้องเริ่มดูแลสุขภาพตัวเองแล้ว
“เมี่ยงโรลหรือ” เทพปกรณ์ถามย้ำ เลิกคิ้วอย่างสงสัย
“คุณพี่คงไม่เคยทาน อย่างนั้นเจอกันตอนเย็นนะคะ เก็บไว้เซอร์ไพรส์”
เทพปกรณ์ยิ้มอย่างที่ไม่เคยยิ้มมาก่อน ให้เจ้าหล่อน
หญิงสาวเดินตัวปลิวออกมาจากรถ ความรู้สึกเหมือนแทบจะลอยได้ อย่างนี้รึเปล่าที่เขาเรียกกันว่า อยู่ในห้วงแห่งความรัก โดยไม่รู้เลยว่า จดหมายสีขาวที่ถูกพับไว้อย่างลวกๆ ตกออกมาจากกระเป๋าของตัวเอง
เทพปกรณ์หยิบขึ้นมาดู ตอนแรกคิดว่าอาจจะเป็นใบเสร็จของร้านค้า แต่เมื่อพิจารณาให้ดีแล้ว มันคือซองจดหมาย เขาคลี่มันออก ก่อนจะเจอลายมือที่ถูกเขียนไว้อย่างบรรจง ตาเรียวยาวไล่อ่านทุกตัวอักษร คิ้วคมขมวดเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว...
คุณนายโสพิศ เดินเข้าออกครัว ชะโงกดูลูกสะใภ้อย่าง งง งัน ตั้งแต่กลับมาจากไปหาหมอ ก็บอกว่าจะทำอาหารให้พ่อเทพกิน คนเป็นแม่กลัวว่า ลูกตัวเองจะถูกวางยาให้ท้องเดินเสียก่อน ตั้งแต่แต่งเป็นสะใภ้มา ลำดวนเคยเดินเฉียดครัวซะเมื่อไหร่ มาตอนนี้หล่อนได้คนรับใช้ใหม่ชื่อกระถิน ดูเหมือนจะเข้าขากันดี พี่เลี้ยงคอยจับโน่นจับนี่ให้ หัวเราะกันดังลั่นออกไปถึงห้องโถง
แม่ปั้นเดินเข้ามารายงาน ว่าเมนูวันนี้ คุณลำดวลเดินดุ่มๆ เข้าไปที่สวนครัวหลังบ้าน ไปเด็ดผักต่างๆ มาเต็มตะกร้าด้วยตัวเอง
เจ้าก้านลูกชายก็คอยช่วยเก็บ ให้ชื่อเมนูว่า
“เมี่ยงรู”
“อะไรนะแม่ปั้น ชื่ออะไรนะ” คุณนายโสพิศเอามือทาบอก อย่างตกใจ
“อิฉันได้ยินนางกระถิน มันว่า คุณลำดวนเธอจะทำ เมี่ยงรู เจ้าค่ะ”
“เมนูบ้าอะไรกัน เกิดมาฉันไม่เคยได้ยิน ไอ้คำว่าเมี่ยงก็พอเข้าใจ แต่ทำไมต้องมีรู”
ไม่นานนัก เมนูเมี่ยงรูก็ออกมาให้คนในบ้านได้เห็นหน้าเห็นตา
“มันคือเมี่ยงโรลค่ะ ออกเสียงว่าโรล” ลำดวลเอ่ยขึ้นชี้นิ้วไปที่อาหารบนโต๊ะ ผักต่างๆ ถูกห่อด้วยแป้งแผ่นบางที่ทำจากแป้งมันนึ่งกับจานให้แผ่เป็นแผ่น ใส่ผักและเนื้อสัตว์ เช่นเนื้อปลาทู และเนื้อไก่รวนสามเกลอ
“อ่อ ภาษาพวกฝาหรั่งนี้เอง มันคล้ายกับอาหารชาววัง เพียงแต่น้ำจิ้มไม่เหมือนกัน” คุณนายโสพิศโล่งอก นั่งมองอาหารอย่างสนใจ
แม่ลำดวนตั้งแต่แต่งงานมากับพ่อเทพ ก็ไม่เคยได้เข้าครัวทำอาหารเลยแม้แต่ครั้งเดียว ครั้งนี้นับว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาด หน้าตาอาหารสวยงาม แต่รสชาติไม่รู้ว่าจะกินได้รึเปล่า
“ผมลองทานแล้วครับคุณย่า อร่อยสุดๆ” เด็กชายเอ่ยยกนิ้วตามแบบที่คุณแม่ลำดวนคนใหม่ได้สอนไว้ สร้างความน่าหมั่นไส้ให้คนเป็นย่า อยากจะหยิกเหลือเกิน
“ระวังปวดท้อง ต้องไปหาหมอนะคะคุณก้าน” แม่ปั้น สาวใช้ประจำตัวของคุณนายโสพิศ ออกความเห็น หัวเราะคิกคัก แต่เมื่อหันมาเจอหน้าคุณนายโสพิศ ที่ทำตาดุใส่ ก็รีบเอามือตีปากตัวเองเบาๆ
“คุณแม่ลองทานซิคะ” ลำดวนเหมือนรู้ใจ เอ่ยชวนแม่สามี ให้ลิ้มรสอาหารฝีมือตัวเอง
“ฉันจะไม่ท้องเดินแน่นะ” คุณนายโสพิศเอ่ยถามขึ้นทีเล่นทีจริงก่อนจะใช้ส้อมจิ้มเมี่ยงชิ้นหนึ่งมาใส่จานรอง จิ้มน้ำจิ้มสีเขียวในถ้วย ก่อนจะกลั้นใจเอาเข้าปาก ปรากฏว่า ทั้งเปรี้ยวหวานเค็มตัดกันลงตัว แถมยังมีกลิ่นผักสมุนไพรชูรสให้ยิ่งอร่อย เธอยิ้มอย่างพอใจ
ไม่ทันได้ชมเชยลูกสะใภ้ นายแพทย์เปี่ยมก็กลับมาจากโรงพยาบาลพอดี พร้อมกับลูกชายของเขา เทพปกรณ์เดินตามหลังคุณพ่อมาติดๆ
เขายกมือไหว้คุณแม่ เหลือบมามองดูลำดวนนิดหนึ่ง
“พ่อลูก ทำไมกลับมาพร้อมกันได้”
“พอดีพ่อเทพเขาย้อนกลับไปที่โรงพยาบาล เพื่อพาเจ้ากรมไปคุยกับฉัน เรื่องโรครักษายากของลูกสาวของเขา
“ลูกสาวเจ้ากรมวานิชหรือคะ” คุณนายโสพิศถามอย่างสงสัย
นายแพทย์เปี่ยม ส่งกระเป๋าให้แม่ปั้น ก่อนจะลากเก้าอี้เพื่อนั่งลงที่โต๊ะอาหาร เทพปกรณ์นั่งลงข้างๆ
ลำดวนสังเกตว่าสีหน้าของเทพปกรณ์เปลี่ยนไปจากที่เห็นเมื่อเที่ยงนี้ เขาไม่มองหน้าหล่อนแม้แต่นิด แกล้งทำเป็นหลบตาหล่อน น่าอึดอัดที่สุด เป็นอะไรของเขานะ...
“ใช่แล้วละ แต่เป็นลูกคนสุดท้องของเมียคนที่สามนะ” นายแพทย์เปี่ยมตอบภรรยา
คุณนายโสพิศพยักหน้า พอจะนึกออก เพราะความเรียบร้อยและหน้าตาที่งดงามนั้น ใครเห็นก็เอ็นดู หล่อนยังเคยอยากจะสู่ขอให้กับลูกชายตัวเองเมื่อห้าปีที่แล้ว แต่ติดที่ว่า พ่อเทพตกลงปลงใจว่าจะเลือกลำดวนให้แต่งงานด้วยเสียก่อน
“หนูผกากรอง” คุณนายโสพิศเอ่ยขึ้นเมื่อนึกชื่อที่ติดอยู่ที่ปากออก
“อ้าว นี่อาหารอะไร ดูแปลกตา” นายแพทย์เปี่ยม เปลี่ยนเรื่อง เมื่อล้างมือจากอ่างที่คนรับใช้ถือมาให้แล้ว ก็เช็ดมือให้แห้ง ขยับตัว พลางมองอาหารตรงหน้า
ส่วนเทพปกรณ์ทำไปมองผ่านๆ ไม่แม้แต่จะเหลือบมองอาหารแม้แต่น้อย
เจติยาในร่างลำดวน แอบรู้สึกน้อยใจ อุตส่าห์ตั้งใจทำ หวังว่าเขาจะรู้สึกเซอร์ไพรส์ แต่ไม่เลย ทำหน้าซังกะตาย เป็นอะไรของเขานะ
“เมี่ยงโรลค่ะ” หล่อนตอบพ่อสามี
นายแพทย์เปี่ยมใช้ส้อมจิ้มอาหารมาพิจารณาดู ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างใจดี
“อาหารมีประโยชน์”
“ดีต่อร่างกายมากค่ะ” หล่อนเอ่ยหันไปยิ้มให้กับสามี แต่เขากับไม่ได้ยิ้มกับหล่อนแม้แต่น้อย แถมยังทำหน้าแบบคนเบื่อโลกเต็มที
พลัน!!! เจติยาในร่างลำดวน ก็รู้สึกสังหรณ์แปลกๆ มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ ทำไมจู่ๆ เทพปกรณ์ถึงกลับไปที่โรงพยาบาล หรือว่า เขาจะไปเจอจดหมายที่กันต์ เขียนมาถึงลำดวน แต่ไม่มีทาง เพราะหล่อนเก็บไว้กับตัวอย่างดี
‘แต่...’ หญิงสาวล้วงมือหาจดหมายในกระโปรงของหล่อน ปรากฏว่า ว่างเปล่า
คราวนี้ เทพปกรณ์เงยหน้าขึ้นมาสบตากับหล่อนพอดี เหมือนสายตาของเขาจะบอกให้หล่อนรู้ว่า
‘เอ็งซวยแล้ว ซวยแน่ๆ’
“เอ่อออ เดี๋ยวดิฉันไปเอาน้ำส้มคั้นให้นะคะ คุณพ่อและคุณพี่จะได้ดื่มกัน กลับมาเหนื่อยๆ”
“เรียกกระถินไปหยิบมาก็ได้” คุณนายโสพิศเอ่ย มองท่าทางลุกลี้ลุกลนของลูกสะใภ้อย่างขัดใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้เอง”
หล่อนรีบผละตัวออกมา ก่อนจะเดินดุ่มๆ เข้าไปหลังครัวทันที ค้นหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอจดหมายเจ้ากรรมนั้นเลย
“หานี่อยู่หรือ” เสียงหนึ่งดังขึ้น
ร่างสูงยืนพิงขอบประตูห้องครัว พร้อมกับบางอย่างในมือที่หล่อนพยายามหาอยู่
‘จดหมายจากกันต์ ถึงลำดวนไปอยู่ในมือเขาได้ยังไง’