เจติยา สาวผู้โชคร้ายมาตลอดชีวิต จนวันที่ไฟฟ้าดูดตายได้รู้ว่า ตอนเกิด สวรรค์ลืมเอาปุ่มโชดดีใส่มาด้วย การเกิดใหม่ในชีวิตอีก25ปีครั้งนี้ มันต้องมีแต่โชคดีเท่านั้น.. แต่!ทำไมดันมาเกิดยุคสงครามโลก อ๊ากกก!
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,รัก,รักแฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เกิดใหม่อีกที ไปเป็นภรรยาผู้โชคดีในยุคสงครามโลกเจติยา สาวผู้โชคร้ายมาตลอดชีวิต จนวันที่ไฟฟ้าดูดตายได้รู้ว่า ตอนเกิด สวรรค์ลืมเอาปุ่มโชดดีใส่มาด้วย การเกิดใหม่ในชีวิตอีก25ปีครั้งนี้ มันต้องมีแต่โชคดีเท่านั้น.. แต่!ทำไมดันมาเกิดยุคสงครามโลก อ๊ากกก!
เกิดใหม่อีกที ไปเป็นภรรยาผู้โชคดี ในยุคสงครามโลก
เจติยา เป็นหญิงสาวที่เรียกได้ว่าโชคร้ายที่สุดในโลก ตั้งแต่เกิดมา หล่อนก็ต้องประสบพบเจอแต่สิ่งที่โชคร้ายแบบสุดขั้ว
จวบจนอายุ 25ปีเต็ม วันเกิดของเธอ เพื่อนสนิทคนเดียวที่จะมางานวันเกิด ก็ประสบอุบัติเหตุขาเจ็บ มาร่วมงานไม่ได้
โชคร้ายซ้ำซ้อน แมวที่ห้องก็ดันหนีตามผู้ชายไปอีก เธอปลงกับชีวิต หอบตะกร้าผ้าลงมาเพื่อมาซักผ้า
แต่โชคร้ายครั้งสุดท้ายก็มาถึง เธอโดนไฟดูดตาย คาเครื่องซักผ้า!!!!!
นายบัญชีที่มารับตัวหล่อนแจ้งว่า ตอนเจติยาจะลงมาเกิด ระบบของสามโลกล่ม เลยทำให้ปุ่มโชคดีที่ต้องส่งมาคู่กับปุ่มโชคร้ายพัง
โดยไม่มีใครรู้!!
เจติยาประท้วงและอยากขอทนาย เพื่อฟ้องสวรรค์ นายบัญชีจึงมีตัวเลือกให้หล่อนว่าอยากเกิดใหม่ไหม จะทบอายุให้อีก25ปี แต่หล่อนไม่มีสิทธิ์เลือกร่างของมนุษย์ได้ เพราะต้องใช้บัตรทองในการสุ่มชิงโชค เจติยาตกลง เพราะต่อจากนี้ชีวิตของเธอจะมีแต่ปุ่มที่โชคดีเท่านั้น
แต่พอได้มาเกิดจริง หล่อนดันย้อนเวลากลับมาช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง มาอยู่ในร่างครูสาวหุ่นอวบระยะสุดท้าย
แถมยังเป็นคุณแม่ลูกหนึ่ง และเป็นเมียนายทหารที่โคตรหล่ออีกด้วย ย๊ากกกกกกกกกกกก!!!
หอบลูกวิ่งหลบระเบิดแปป!!!
คำเตือน นิยายเรื่องนี้เกิิดจากจินตนาการของผู้แต่งล้วนๆ
อาจมีข้อมูลประวัติศาสตร์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่2 ของไทยอยู่บ้าง
แต่ไม่ขอพาดพิงถึงชืิ่อคนและสถานที่ต่างๆใดๆทั้งสิ้น
คำเตือน 1.1 มันกาวและไร้ซึ่งความสมจริงในบางจุด ขอให้ผู้อ่านเสพเพื่อความบันเทิงเท่านั้นเกิดใหม่อีกที ไปเป็นภรรยาผู้โชคดี ในยุคสงครามโลก
ความมืดและบรรยากาศรอบบริเวณ ทำให้ เจติยา รู้สึกหนาวสะท้านเข้าไปถึงข้างใน เบื้องหน้าของหล่อนไม่มีอะไรเลย นอกจากความเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตา หล่อนเห็นใครบางคน ยืนอยู่เบื้องหน้า ไม่ไกลจากหล่อนมากนัก เมื่อเดินเข้าไปใกล้ คนที่หันมา ก็คือ ลำดวน
“ลำดวน” เจติยาเอ่ยแทบเป็นเสียงกระซิบ
ดวงตาเศร้าสร้อย เหมือนคนหมดหวังในชีวิต สะท้อนออกมาให้ เจติยา รับรู้ได้
“เธอ...เป็นยังไงบ้าง” เจติยา มองดูร่างนั้นอย่างเต็มตา นี่ซินะ ที่เขาเรียกกันว่า วิญญาณ ลำดวนยังไม่ไปไหนอย่างนั้นหรือ..
“ฉันเศร้าเหลือเกินเจติยา ฉันต้องจากไป ทั้งที่คนรักของฉันกลับมาหาฉันไม่ทัน” ลำดวนเริ่มร้องไห้สะอื้น เสียงหล่อนโหยหวนกังวาน ทำเอาเจติยา ขนลุกยันต้นคอ
“คุณเทพปกรณ์เองก็เสียใจมากที่คุณจากไป เขารักคุณมากนะคะ” เจติยากัดฟันพูดออกไป อยากให้วิญญาณของลำดวน ได้รับรู้ในข้อนี้บ้าง
ลำดวนหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น
“คุณพี่เทพเขาแค่ทำตามคำสั่งของพ่อแม่ ให้แต่งงานกับฉัน เขาไม่ได้รักฉันแม้แต่น้อย เขารู้ดีว่าฉันมีคนรักอยู่แล้ว และหัวใจของฉัน ไม่สามารถมอบให้เขาได้อีก”
“ไม่ใช่นะคะ เขารักคุณมากจริงๆ คุณสัมผัสสิ่งนี้ไม่ได้เลยหรือไง”
วิญญาณลำดวนมองพิจารณาเจติยา ก่อนจะฝืนยิ้มออกมา
“เธอคงเริ่มรักเขาแล้วซินะ...”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะคะ” เจติยารีบปฏิเสธ
“ฉันมีเรื่องหนึ่ง ที่อยากจะขอร้องเธอ ถือซะว่าเป็นการตอบแทนที่ฉันยกร่างของฉันให้เธอได้ไหม”
เจติยาไม่ตอบ เพราะไม่รู้ว่า วิญญาณลำดวนต้องการอะไร
“ได้โปรดเจติยา... ช่วยกันต์ด้วยนะ ช่วยเขาให้พ้นจากสิ่งเลวร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเขา”
“ฉันจะช่วยยังไง แล้วเหตุเลวร้ายอะไรที่จะเกิดกับเขา” หล่อนถามกลับไป
“เธอเป็นคนเดียวที่ช่วยเขาได้ สัญญาซิ เจติยา” ลำดวนบีบแขนทั้งสองข้างของเจติยา ใบหน้าของหล่อน เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ ดวงตาค่อยๆ แดงก่ำน่ากลัว
“ตอบฉันมาซิ ว่าเธอจะช่วยกันต์ให้พ้นจากเหตุการณ์เลวร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น ตอบออกมาซิ” เสียงของลำดวลยิ่งฟังยิ่งเริ่มทำให้เจติยา ปวดร้าวเข้าไปในแก้วหู มันคล้ายกับเป็นการทวงบุญคุณ เมื่อลำดวนมอบร่างให้กับหล่อนแล้ว เจติยา ก็ต้องตอบแทน
“สัญญา สัญญา” เจติยาเอ่ยขอไปที พยายามดึงตัวให้ออกมาจากลำดวน ซึ่งกำลังแปรสภาพเป็นสิ่งที่สยดสยอง แม้จะหันหน้าหนี แต่ภาพนั้นก็ยังชัดเจน
หญิงสาวสะดุ้งพรวดลุกขึ้นมาจากเตียงนอน แสงอ่อนๆ ของพระอาทิตย์ลอดหน้าต่างที่มีผ้าม่าน ลายลูกไม้ถักสีขาวบนหัวนอนเข้ามาด้านใน
ดอกกุหลาบสีขาว ปักไว้ในแจกันใหม่ๆ ทำให้จิตใจที่ขวัญเตลิดหายของเจติยา ชุ่มชื้นขึ้นมาได้
หญิงสาวหยิบแจกันขึ้นมาดู กุหลาบขาวแข่งขันกันอวดโฉม
เทพปกรณ์ ไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว เขาไปทำงานตั้งแต่เช้ามืด แต่ไม่วายหากุหลาบขาวมาใส่แจกันให้เจ้าหล่อนอย่างสวยงาม
‘นี่น่ะหรือลำดวน... คนที่เธอบอกว่าเขาไม่ได้รักเธอ เขาแต่งงานเพราะพ่อกับแม่สั่ง ถ้าไม่มีกันต์ ลำดวนคงมีดวงตาสว่างมากพอที่จะเห็นความรักผู้ชายคนนี้ได้ชัดเจนขึ้น’
ว่าแต่...เรื่องเลวร้ายอะไรที่จะเกิดขึ้น กับคนรักเก่าของลำดวนกันนะ ถึงขนาดมาเข้าฝันข่มขู่กันขนาดนี้ มันต้องเป็นเรื่องใหญ่มากแน่ๆ
หญิงสาวจัดการชำระร่างกายเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็ลงมาชั้นสอง เห็นคนครัวสองสามคนยกสำรับอาหารหลากหลาย หอมกรุ่นจนรู้สึกหิวขึ้นมานิดๆ ตอนแรกหล่อนตั้งใจว่า จะตื่นมาวิ่งออกกำลังกายแต่เช้า แต่กลายเป็นว่า นอนอุตุ จนเกือบจะเจ็ดโมงเช้าอยู่แล้ว
“คุณลำดวน ไปใส่บาตรไหมคะ พระจะมาแล้ว” เสียงกระถินเรียกหล่อนอยู่หน้าบ้าน
หญิงสาวเดินตามเด็กรับใช้ออกไปด้านหน้าบ้าน เห็นเจ้าก้านและคุณนายโสพิศ กำลังช่วยกันจัดของวางที่โต๊ะสีขาวลายฉลุ ส่วนแม่ปั้นออกไปยืนชะเง้อมองหาว่าพระท่านเดินมาใกล้ถึงรึยัง
“อ้าว แม่ลำดวน มาใส่บาตรด้วยกันซิ” คุณนายโสพิศเรียกลูกสะใภ้
เธอเองก็อยากจะทำบุญอยู่พอดี เผื่อว่า ดวงวิญญาณของลำดวนตัวจริง จะได้รับส่วนกุศลนี้บ้าง ไม่ต้องมาหลอกมาหลอนกันอีก
“ถ้าหากว่า...เราจะทำบุญให้คนตาย เขาจะได้รับทันทีเลยไหมคะ” หล่อนเอ่ยถามคุณนายโสพิศ
แม่สามีเงยหน้ามามองลูกสะใภ้
“คนตายที่ไหนมาเข้าฝันละ หรือว่าเป็นคุณพ่อของหล่อน” คุณนายโสพิศเอ่ยถามเหมือนจะรู้ใจหล่อน
“ค่ะ...” เธอตอบได้คำเดียวเท่านั้น เพราะจะบอกได้อย่างไรกันละ ว่าคนที่มาเข้าฝันคือผีลำดวน งง กันตาแตกแน่
คุณนายโสพิศถอนใจ นึกสงสารลำดวนไม่น้อย ตั้งแต่พ่อของหล่อนจากไป ที่พึ่งก็ไม่มี แม่เลี้ยงกับน้องชายก็เอาสมบัติที่ตัวจะได้ไปหมด ถึงจะทิ้งบ้านเก่าไว้ให้ก็เถอะ ลำดวนยังโชคดีที่ได้แต่งงานเข้ามาในตระกูล ไม่อย่างนั้น หล่อนคงต้องสิ้นไร้ไม้ต่อไร้คนดูแลเป็นแน่
“ได้ทันทีรึเปล่าไม่รู้หรอกนะ แต่ในเมื่อเราทำบุญไปแล้ว เรามีเจตนาที่ดี มีจิตเมตตาที่จะให้ แบ่งปันออกไป ยังไงซะ คุณพ่อของเธอต้องได้รับกระแสบุญที่ดีนี้อย่างแน่นอน”
พระสงฆ์ในผ้าจีวรสีแก่นขนุนเข้ม เดินมาหยุดยืน ให้คนในบ้านได้ใส่บาตร หล่อนรู้สึกได้ว่า บารมีของท่านแผ่กระจายไปรอบบริเวณ เป็นพระสงฆ์ที่น่าเลื่อมใสที่สุดเท่าที่หล่อนเคยได้เห็นมา
“โยม... คนเราทุกคนย่อมมีกรรมเป็นของตัวเอง ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคตได้หรอก ปล่อยวาง รัก โลภ โกรธ หลง เอาไว้ตรงนี้เถิด อย่าได้สร้างกรรมต่อไปอีกเลย แล้วภายหน้าก็จะได้ไปอยู่ในภพภูมิที่ดี สมหวังในสิ่งที่รักที่พอใจไม่ผิดหวังเหมือนในชาตินี้” ท่านเอ่ยกับลำดวน ตัวจริงที่ยืนอยู่ด้านหลังของ เจติยา
หล่อนรู้สึกเสียวสันหลังวูบ ขนลุกถึงกลางหัว คนในบ้าน คิดว่าท่านให้พร สั่งสอนโดยทั่วไป มีเพียงเจติยาในร่างของลำดวนเท่านั้น ที่เข้าใจว่าท่านสื่อถึงใคร
เมื่อใส่บาตรเสร็จแล้ว ทุกคนก็ได้ไปนั่งกินข้าวเช้ากัน วันนี้มีข้าวต้มกุ้ง ของโปรดของเจ้าก้าน เจติยา กินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย ฝีมืออาหารของคนโบราณ มันแตกต่างจากโลกอนาคตมากเหลือเกิน ความไม่เร่งรีบ มีเวลาที่จะประดิดประดอยทุกสิ่ง แม้แต่อาหารก็ทำออกมาได้ละเอียดลออ สวยงามจนแทบไม่อยากกินให้เสียของ
“คุณลำดวนโชคดีนะคะ ที่วันนี้หลวงพ่อคง ท่านมาบิณฑบาตด้วย แถมพูดคุยด้วยอีกต่างหาก ปกติแล้วพระเคร่งแบบนั้น ยากที่จะเข้าถึง” แม่ปั้นเอ่ยขึ้นมา
“ทำไมยากที่จะเข้าถึง”
“ก็ปกติ ท่านจะธุดงค์แต่ในป่าและถ้ำโน่น ไม่ค่อยมีใครได้พบ วันนี้เป็นบุญของเธอแท้ๆ เลยแม่ลำดวน” คุณนายโสพิศพูดเสริมขึ้น
“อย่างนั้นหรือคะ” หญิงสาวครุ่นคิด พระท่านคงอยากจะมาเตือน ดวงวิญญาณของลำดวนตัวจริง ไม่ให้มาก่อกวนมนุษย์มากกว่า
“กินเยอะๆ เลยนะ ไม่พอก็เติมอีก” คุณนายโสพิศเอ่ยกับลูกสะใภ้ วันนี้มาแปลก ทำไมไม่ค่อยตึงใส่หล่อนแล้ว ต้องมีอะไรผิดแปลกไปอย่างแน่นอน
หญิงสาวส่ายหน้าเมื่อแม่ปั้นจะเติมข้าวต้มให้
“อ้าวอิ่มแล้วหรือไง เป็นเพราะกินน้ำเข้าไปเยอะ ทำให้อิ่มไว”แม่สามีเอ่ยเสียงตำหนิ
เจติยาในร่างลำดวน ดื่มน้ำหมดไปสามแก้วแล้ว
“ตอนนี้กำลังลดน้ำหนักอยู่ค่ะ ดื่มน้ำเยอะๆ ก่อนอาหารช่วยได้” หล่อนตอบ
“ได้ยังไง แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว เกิดร่างกายซูบลงไปจะมีหลานให้ฉันได้ยังไง” คุณนายโสพิศว่าเสียงดังลั่น
หญิงสาวที่กำลังดื่มน้ำอยู่ น้ำเกือบพุ่งออกจากปาก
“ทำไมละ ก็เมื่อวานแม่ปั้นมาบอกว่าเธอสองคนดีกันแล้ว แถมเมื่อวานพ่อเทพยังไม่ถูกไล่ออกไปนอนห้องลูกอีกต่างหาก ฉันเตรียมรอรับหลาน ได้ทั้งชายทั้งหญิงเลยนะแม่ลำดวน” คุณนายโสพิศยิ้มแป้นฝันไปไกลถึงไหนต่อไหน ว่าได้อุ้มหลายตัวเล็กชายหญิงในมือ
“คุณนายคะ มีคนมาพบคุณลำดวนค่ะ” คนรับใช้สาวเดินมาบอกกับเจ้านายภายในห้องรับประทานอาหาร
“อิ่มพอดีเลยค่ะ นั้นดิฉันขอตัวไปพบแขกก่อนนะคะ” เจติยาในร่างลำดวน รีบปลีกตัวออกมาจากแม่สามีโดยไว
'คนสมัยก่อนชอบคิดว่า ผู้หญิงที่สวยมีอันจะกินและพร้อมเป็นแม่คน คือผู้หญิงที่น้ำหนักตัวเยอะ ช่างแตกต่างจากยุคปัจจุบันอย่างมาก'
ว่าแต่...ใครที่มาหาเรานะ
หญิงสาวเดินลัดไปยังห้องรับแขก มีใครบางคนยืนคอยอยู่
ร่างบางที่เป็นแขกอยู่ในชุดกระโปรงสีแดงขาวสดใส โพกผมด้วยผ้าลายดอกเข้ากับชุด เมื่อหันหน้ามา ใบหน้าก็ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางน้อยๆ ดูธรรมชาติ เข้ากับผมที่ดัดเป็นลอน
เธอสวย เหมือนกับคนที่หลุดออกมาจากนิตยสาร
“ที่ร๊ากกกกก” เมื่อทางนั้นหันมาพบหล่อน ก็กุลีกุจอเข้ามากอดมาหอมพัลวัน
เจติยา เห็นภาพซ้อนขึ้นมา ว่าลำดวน และผู้หญิงคนนี้ เป็นเพื่อนสนิทกันมา ตั้งแต่อายุยังน้อย
“มณี” ชื่อของเพื่อนหลุดออกมาจากปากลำดวน
“เธอจำฉันได้ด้วย... เมื่อวานฉันเพิ่งกลับมาถึงพระนคร แวะไปหาหมอสร ที่โรงพยาบาล ทำไมหมอสร ถึงบอกว่าเธอความจำเสื่อมขั้นรุนแรงนะ บ้าจริง!!” มณีจับหน้าลำดวนหันซ้ายหันขวา พิจารณาอย่างถี่ถ้วน พบว่าเพื่อนของเธอสวยขึ้นถนัดตา ไม่เห็นตายซากเหมือนปีที่แล้ว ก่อนที่มณีจะเดินทางไปปีนัง
เจติยาคิดแล้ว ทั้งหมอสร นายแพทย์ที่ตรวจโรคทางประสาทให้เธอ และมณี รวมถึงกันต์ มีความสัมพันธ์เป็นเพื่อนกันทั้งหมด
“ฉันจำได้แค่บางส่วน”
“แค่นั้นก็ดีถมไปแล้ว นี่ลำดวน เธอรู้ไหมว่าฉันร้องไห้จนตาอักเสบ ตอนที่รู้ข่าวว่าเธอตาย ฉันรีบเดินทางจากปีนังเพื่อจะกลับมาหาเธอ แต่พอไม่ทันไร หมอสรก็โทรเลขมาบอกว่า เธอฟื้นจากความตายขึ้นมาอีกแล้ว มันเป็นเรื่องปาฎิหารย์ของจริงเลย”
เจติยา ในร่างของลำดวน ได้แต่ยิ้มเจื่อน หล่อนไม่รู้อะไรมากมายเกี่ยวกับเพื่อนของเธอเลย รู้เพียงว่าเป็นแค่เพื่อนสนิทเท่านั้น ชั่วโมงเต็มๆ กับการที่เธอต้องนั่งฟังมณี เล่าเรื่องที่หล่อนไปทำงานที่ปีนัง โดยไม่ได้ออกความคิดเห็นอะไร มณีหอบเอาเสื้อผ้าสีฉูดฉาดทันสมัย มาให้ลำดวนได้ลอง ซึ่งหล่อนใช้ให้กระถินและแม่ปั้นหอบเอาถุงเสื้อผ้า ขึ้นไปบนห้องของลำดวน โดยมีเจตนาจะอยู่กับลำดวนสองคน โดยไม่มีใครมาสอดรู้คอยนั่งฟัง
เมื่อประตูปิดลง มณี ดึงร่างของลำดวนมานั่ง ก่อนจะจ้องตาเพื่อนอยู่ครู่ใหญ่
“กันต์ กลับมาแล้วนะ” มณีลดเสียงให้เบาที่สุด ดวงตาแน่วแน่จริงจัง
เจติยาในร่างลำดวน เบิกตากว้าง เพราะอย่างนี้นี่เอง ผีลำดวน ถึงรีบมาเข้าฝันหล่อน
“หรอ” หญิงสาวไม่รู้จะตอบอะไรจริงๆ
“ห๋าาา!!!! พระเจ้าช่วยลูกด้วย เธอตอบแค่ว่า หรอ... เป็นอย่างที่หมอสร พูดจริงๆ เธอความจำเสื่อมขั้นรุนแรง เพื่อน.... น่าเวทนาเหลือเกิน” มณีทำท่าเหมือนจะร้องไห้ ดึงร่างเพื่อนมากอดแน่น ส่วนเจติยา ตาปริบๆ ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำยังไงต่อไป
“ตอนนี้ เขาอยู่ที่บ้านของเธอ อยู่กับครูบุญเรือง”
บ้านของลำดวนอย่างนั้นหรอ... บ้านที่ปล่อยให้เพื่อนครูเช่า
"เมื่อคืน ทันทีที่กันต์กลับถึงพระนคร เขาเพิ่งช่วยนายทหารฝรั่ง ออกมาจากแคมป์คุมขังเชลยของไอ้พวกยุ่น ตอนนี้แอบอยู่ที่บ้านของเธอ พวกนั้นไม่มีทางรู้แน่ ทางฝั่งโน้นจะอำนวยความสะดวก เรื่องที่เธอกับกันต์ จะเดินทางไปใช้ชีวิตใหม่ที่อังกฤษ ทหารคนนั้นเป็นลูกชายของนายพลอังกฤษ เธอจะได้สมหวังแล้วนะลำดวน...” มณีร่ายยาว ดวงตาสุกใส ดีใจไปกับเพื่อน
แต่เจติยาใจหายวาบ ช่วยเชลยออกมาจากพวกทหารญี่ปุ่นตอนนี้ โทษถึงตายเลยนะ แล้วยังมาอยู่บ้านเก่าของลำดวน ซึ่งเป็นภรรยาของนายทหารของไทย
ฉิบหายของแท้!!!
“ไป เราไปหากันต์เถอะ ไปเตรียมวางแผนเดินทางออกนอกประเทศ”
มณีลากแขนลำดวนให้ลุกขึ้น
หญิงสาวสะบัดมือออกอย่างแรง จนมณีหน้าเสีย
“ฉัน ยังไม่อยากไป”
“ลำดวนเธอเป็นอะไรไป กันต์เขาเสี่ยงตาย เพื่อมารับเธอนะ” มณีเอ่ย ลอบมองใบหน้าลำดวน ซึ่งตอนนี้ หล่อนมองไม่เห็นถึงความดีใจใดๆ ที่จะได้พบกันต์เลย
“ฉัน...”
เจติยา นึกถึงคำขอร้องของ ผีลำดวน ที่ให้ช่วยเหลือกันต์ เป็นครั้งสุดท้าย เธอจะได้ไปสู่สุคติ แต่เรื่องนี้มันใหญ่มาก เธอไม่อยากทำให้ครอบครัวของเทพปกรณ์เดือดร้อน หล่อนจะทำอย่างไรดี ในเมื่อสัญญากับผีลำดวนเอาไว้แล้วด้วย
“เอาละ เราเสียเวลาไม่ได้แล้ว” มณีเดินจูงมือเพื่อนออกมาจากห้องนอน เดินก้าวยาวลงจากบ้าน แทบจะวิ่ง
ยกมือไหว้คุณนายโสพิศโดยไม่ได้หยุดยืนมอง
“นั่นจะเร่งร้อนไปไหนกันลูก” แม่สามี มองตามสาวทั้งสอง ยกมือรับไหว้แม่มณีแทบไม่ทัน
“ไปช็อปปิ้งค่ะ” เพื่อนสาวของลำดวนยิ้มหวานให้คุณนายโสพิศ
ก่อนจะจูงลำดวน ให้ขึ้นรถของเธอ สีของมันฉูดฉาด พอกับสีชุดของมณี แต่ไม่ทันที่รถจะออก เสียงแตรจากด้านหลังก็ดังขึ้น เมื่อลำดวนหันไปก็พบว่า เป็นรถของเทพปกรณ์
ร่างสูงในเครื่องแบบเต็มยศ ก้าวลงมา ก่อนจะเดินมาเคาะกระจกฝั่งลำดวน
“จะไปไหนกัน”
มณีเพื่อนของหล่อน วางสีหน้าได้เรียบเฉย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ลำดวนหน้าซีดอย่างกับไก่ต้ม ไขกระจกรถ ไม่กล้าสบตาสามี
“สวัสดีค่ะคุณเทพ ดิฉันเพิ่งกลับมาจากปีนัง คิดถึงลำดวนเหลือเกิน ดิฉันกำลังจะขอยืมตัวเพื่อน ไปช่วยเลือกของที่ตลาด แล้วก็ไปกินข้าวกินขนมตามประสาเพื่อนเก่าหน่อย คุณเทพคงไม่ว่าอะไรหรอกนะคะ” มณียื่นหน้าไปบอกสามีเพื่อนอย่างแช่มชื่น ไม่เหลือเค้ารอยของพิรุธใดๆให้เห็นในดวงหน้านั้นเลย เจติยาในร่างลำดวน อยากมอบโล่การแสดงให้เพื่อนของหล่อนจริงๆ
“ตอนนี้ทุกพื้นที่อันตรายมาก ผมคิดว่าคุณสองคนไม่ควรออกไปเที่ยว ถ้าหากว่าจะไปซื้อของจำเป็นผมจะขับรถไปให้” เทพปกรณ์เอ่ย ลอบมองใบหน้าของภรรยา ที่มีพิรุธเต็มๆ แล้วรู้ได้เลยว่า เขาไม่สามารถปล่อยให้หล่อนไปกับเพื่อนได้
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ดิฉันดูแลลำดวนได้” มณีเอ่ยพลางยิ้มสดใส ส่งสัญญาณให้เพื่อนไขกระจกขึ้น เธอจะได้รีบออกรถ
เทพปกรณ์เอามือขวางหน้าต่างกระจก ก่อนจะดึงประตูออก คว้าแขนลำดวนออกจากรถ
“ให้ผมไปส่งเถอะนะครับ ผมเป็นห่วงภรรยาของผม” เทพปกรณ์เอ่ย โอบภรรยาไว้ข้างตัว
มณีมองหน้าเพื่อน ในใจร้อนรนบอกไม่ถูก ถ้าเป็นเมื่อก่อน เทพปกรณ์ไม่เคยมีบทบาทอะไร ที่จะห้ามลำดวนได้เลย แต่ทำไมตอนนี้ เพื่อนของเธอถึงปล่อยให้เขา โอบกอดใกล้ชิดขนาดนั้น หรือว่าตอนนี้ ใจของลำดวนได้อ่อนลงให้เทพปกรณ์แล้ว
แล้วจะทำอย่างไรละทีนี้ ถ้ากันต์เจอเทพปกรณ์อีกครั้งมีหวังฆ่ากันตายแน่!!