เจติยา สาวผู้โชคร้ายมาตลอดชีวิต จนวันที่ไฟฟ้าดูดตายได้รู้ว่า ตอนเกิด สวรรค์ลืมเอาปุ่มโชดดีใส่มาด้วย การเกิดใหม่ในชีวิตอีก25ปีครั้งนี้ มันต้องมีแต่โชคดีเท่านั้น.. แต่!ทำไมดันมาเกิดยุคสงครามโลก อ๊ากกก!
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,รัก,รักแฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เกิดใหม่อีกที ไปเป็นภรรยาผู้โชคดีในยุคสงครามโลกเจติยา สาวผู้โชคร้ายมาตลอดชีวิต จนวันที่ไฟฟ้าดูดตายได้รู้ว่า ตอนเกิด สวรรค์ลืมเอาปุ่มโชดดีใส่มาด้วย การเกิดใหม่ในชีวิตอีก25ปีครั้งนี้ มันต้องมีแต่โชคดีเท่านั้น.. แต่!ทำไมดันมาเกิดยุคสงครามโลก อ๊ากกก!
เกิดใหม่อีกที ไปเป็นภรรยาผู้โชคดี ในยุคสงครามโลก
เจติยา เป็นหญิงสาวที่เรียกได้ว่าโชคร้ายที่สุดในโลก ตั้งแต่เกิดมา หล่อนก็ต้องประสบพบเจอแต่สิ่งที่โชคร้ายแบบสุดขั้ว
จวบจนอายุ 25ปีเต็ม วันเกิดของเธอ เพื่อนสนิทคนเดียวที่จะมางานวันเกิด ก็ประสบอุบัติเหตุขาเจ็บ มาร่วมงานไม่ได้
โชคร้ายซ้ำซ้อน แมวที่ห้องก็ดันหนีตามผู้ชายไปอีก เธอปลงกับชีวิต หอบตะกร้าผ้าลงมาเพื่อมาซักผ้า
แต่โชคร้ายครั้งสุดท้ายก็มาถึง เธอโดนไฟดูดตาย คาเครื่องซักผ้า!!!!!
นายบัญชีที่มารับตัวหล่อนแจ้งว่า ตอนเจติยาจะลงมาเกิด ระบบของสามโลกล่ม เลยทำให้ปุ่มโชคดีที่ต้องส่งมาคู่กับปุ่มโชคร้ายพัง
โดยไม่มีใครรู้!!
เจติยาประท้วงและอยากขอทนาย เพื่อฟ้องสวรรค์ นายบัญชีจึงมีตัวเลือกให้หล่อนว่าอยากเกิดใหม่ไหม จะทบอายุให้อีก25ปี แต่หล่อนไม่มีสิทธิ์เลือกร่างของมนุษย์ได้ เพราะต้องใช้บัตรทองในการสุ่มชิงโชค เจติยาตกลง เพราะต่อจากนี้ชีวิตของเธอจะมีแต่ปุ่มที่โชคดีเท่านั้น
แต่พอได้มาเกิดจริง หล่อนดันย้อนเวลากลับมาช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง มาอยู่ในร่างครูสาวหุ่นอวบระยะสุดท้าย
แถมยังเป็นคุณแม่ลูกหนึ่ง และเป็นเมียนายทหารที่โคตรหล่ออีกด้วย ย๊ากกกกกกกกกกกก!!!
หอบลูกวิ่งหลบระเบิดแปป!!!
คำเตือน นิยายเรื่องนี้เกิิดจากจินตนาการของผู้แต่งล้วนๆ
อาจมีข้อมูลประวัติศาสตร์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่2 ของไทยอยู่บ้าง
แต่ไม่ขอพาดพิงถึงชืิ่อคนและสถานที่ต่างๆใดๆทั้งสิ้น
คำเตือน 1.1 มันกาวและไร้ซึ่งความสมจริงในบางจุด ขอให้ผู้อ่านเสพเพื่อความบันเทิงเท่านั้นเกิดใหม่อีกที ไปเป็นภรรยาผู้โชคดี ในยุคสงครามโลก
บรรยากาศในรถ ไม่ได้อึดอัดอย่างที่ลำดวนคาดการณ์ไว้ เพราะมณีเพื่อนของหล่อนคุยจ้อไม่หยุด ถามทางนั้นที ทางนี้ที ไม่มีโอกาสให้ทั้งสามีและภรรยา ได้เว้นช่องว่างหยุดพักตอบคำถามของหล่อนได้เลย
เทพปกรณ์อาสาขับรถพาไปตลาด เขาอ้างว่าเป็นห่วงลำดวนและมณี เพราะสถานการณ์บ้านเมืองในตอนนี้
การเดินทางออกไปข้างนอก โดยเฉพาะเป็นผู้หญิงแค่สองคน ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ
“นั่งรถนายทหารครั้งแรกนี่ ก็โก้ดีเหมือนกันนะคะ” มณีเอ่ยขึ้น เธอไม่ได้หมายถึงยี่ห้อหรือลักษณะรถ แต่บอกถึงเธอและเพื่อนจะได้นั่งชูคอในรถ ผ่านพวกกลุ่มทหารไทยและญี่ปุ่น โดยไม่ได้ต้องหยุดตรวจใดๆ
เพราะเมื่อพวกนั้นเห็นว่า คนขับรถคือเทพปกรณ์ ก็ต่างทำความเคารพเป็นระยะ
ลำดวน อาสาไปนั่งด้านหลัง ให้มณีนั่งข้างๆกับคนขับ เพราะหล่อนรู้สึกไม่ค่อยดี กับเรื่องที่เธอและเพื่อน กำลังจะทำ
หญิงสาวรู้สึกเหมือนหล่อนกำลังหักหลังเทพปกรณ์ และครอบครัวที่ให้ความรักความเมตตาต่อลำดวนมาตลอด
ชายหนุ่มหันมองกระจกหลังเป็นระยะ แม้ว่าเขาจะต้องตอบคำถาม มณีเป็นระยะ แต่สมาธิทั้งหมดของเขาก็ครุ่นคิดไปถึงภรรยาของตัวเอง ที่นั่งหน้าเครียดอยู่ด้านหลัง เขาอยากจะล่วงรู้เข้าไปถึงความคิดของลำดวน ว่าตอนนี้หล่อนกำลังจะทำอะไรกันแน่
“จอดตรงนี้ก็ได้ค่ะ” มณีเอ่ย ชี้มือไปริมถนนหน้าร้านขายขนมปัง น้ำชาเล็กๆ
คนขายกุลีกุจอรีบมาต้อนรับ และเชิญทั้งสามเข้าไปด้านในร้าน
“นี่ร้านเพื่อนของมณีเองค่ะ เชิญคุณเทพกับลำดวนนั่งกันก่อน เดี๋ยวมณีมานะคะ” หญิงสาวเดินลิ่ว สะบัดกระโปรงอย่างคล่องแคล่ว จนลำดวนแอบอมยิ้มไม่ได้ ถ้าเป็นในยุคอนาคต มณีก็คงเป็นสาวมั่นคนหนึ่ง ที่มองแล้วไม่น่าเบื่อ สดใสและสบายตา
“เพื่อนของหล่อนเหมือนแหม่มมากกว่าผู้หญิงไทย” เทพปกรณ์เอ่ยขึ้นกับภรรยา เขาเคยเจอมณีแค่ครั้งเดียว
มณีมางานแต่งของเขาและลำดวน ไม่นานก็เดินทางไปต่างประเทศกับพ่อของเธอ กลับมาไทยบ้างแต่ก็ต้องไปปีนังตลอด
“คุณพี่คงรู้จักแหม่มมาเยอะซินะคะ” ลำดวนเอ่ยแซว หล่อนได้ยินมาว่าเทพปกรณ์จบการทหารมาจากเมืองนอก คงได้เจอฝรั่งสวยๆ มาไม่น้อย
ชายหนุ่ม จ้องหน้าภรรยา ไม่รู้ว่าหล่อนประชดหรือหึง
“เจอมาเยอะมากทีเดียว แต่ยังไงสำหรับพี่ ก็ไม่สวยเท่าหญิงไทยที่พระนครอยู่คนหนึ่ง ตอนเด็กขี้แย ร้องไห้ขี้มูกโป่งน่าเกลียดพิลึก แต่พอโตขึ้นมา สวยจนพี่แทบจำไม่ได้”
เจติยาในร่างลำดวน จู่ๆ ก็หงุดหงิดขึ้นมา ทำไมจะต้องมาเล่าเรื่องผู้หญิงอะไรนั่นด้วย
“ใครล่ะคะ เพ็ญนภาหรือ” หญิงสาวค้อนขวับ หันไปทางอื่น
เทพปกรณ์ยิ้มมุมปาก คิดถึงตอนเด็กๆ นายแพทย์เปี่ยมเพิ่งย้ายลงมาโรงพยาบาลที่พระนคร และเดินทางมาเยี่ยมเพื่อนรักที่บ้าน
‘พ่อของลำดวน’
เขาได้เห็นว่า เด็กผู้หญิงกำลังโดนแกล้ง จากน้องชาย จนหล่อนเกือบจะจมน้ำตาย
เทพปกรณ์ช่วยชีวิตหล่อนขึ้นมาได้ แต่เด็กชายที่แกล้ง ก็ไม่ได้โดนลงโทษใดๆ เพราะเป็นลูกรักของคุณพ่อและแม่เลี้ยงของลำดวน
ตอนนั้น เทพปกรณ์อายุสิบสามปี เขากำลังจะเตรียมตัวเดินทางไปเรียนต่อที่เยอรมัน ไปอยู่ปู่แท้ๆที่เป็นคนเยอรมัน ตามคำสั่งของนายแพทย์เปี่ยมพ่อของเขา ตอนนั้นลำดวน อายุได้แปดขวบเท่านั้น
“ถ้าหากว่าเราโดนรังแก เราก็ต้องสู้รู้ไหม” เขาบอกกับเด็กหญิง ที่พยายามปาดน้ำตาบนใบหน้า
“ฉันจะไปสู้ได้อย่างไร แม่ของฉันตายไปแล้ว ไม่มีใครปกป้องลำดวนได้อีก” หล่อนระบายความอัดอั้นให้เขาฟัง
"คุณพ่อของเธออย่างไรเล่า" เด็กชายแนะนำ
"คุณพ่อท่านไม่มีเวลาสำหรับลำดวนหรอกค่ะ"
เทพปกรณ์ลูบหัวเด็กหญิงอย่างเอ็นดู ความจริงเขาเคยมีน้องสาว แต่ฉวีวรรณ น้องสาวของเขา ก็อายุสั้นเหลือเกิน
หล่อนจากไปด้วยโรคร้ายตั้งแต่ยังเล็กนัก
เมื่อได้เจอลำดวล เทพปกรณ์จึงรู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก
“ถ้าพี่กลับมาจากเรียนทหาร พี่ก็จะมียศ มีศักดิ์ หล่อนก็อ้างชื่อพี่ได้เลย จะไม่มีใครรังแกหล่อนอีก” เด็กชายเอ่ยอย่างภูมิใจ เพราะหากเขาสำเร็จการศึกษามาได้ เมื่อกลับมาเขาก็จะมีอนาคตที่ดี แบบที่พ่อของเขาได้บอกเอาไว้ หากว่าไม่อยากเป็นหมอตามรอยของพ่อ ก็ต้องไปเรียนทหารตามแบบฉบับลูกผู้ชาย
"อ้างว่าอย่างไรคะ บอกว่ามีพี่ชายเป็นทหารหรือ ใครจะเชื่อ!!!" เด็กสาวไร้เดียงสาถาม
"อ้างว่า คู่รักของเธอเป็นทหารก็ได้"
เด็กหญิงเอียงคออย่างสงสัย
“คู่รัก...อย่างนั้น ถ้าพี่กลับมา พี่จะมาแต่งงานกับฉันหรือคะ”
เด็กชายหัวเราะ จนเห็นลักยิ้มน้อยๆ
“ถ้าเธอรอพี่ได้ พี่ก็สัญญา ว่าจะกลับมาแต่งงานกับเธอ” เทพปกรณ์เอ่ยยิ้มให้ลำดวน
“มาแล้วค่า” มณีลากเสียงยาว ทำให้เทพปกรณ์หลุดออกจากภวังค์ความทรงจำที่แสนสวยงาม เพื่อนของลำดวน ยกชาหอมกรุ่น กับขนมปังย่างเตาถ่านมาวางบนโต๊ะ
เจติยา ในร่างลำดวนตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้น ขนมธรรมดาที่แสนพิเศษ น่ากินมากๆ
“หน้าร้านไม่ได้เปิดหรอกนะ แต่ว่าเปิดขายเฉพาะคนที่สนิท” มณียิ้มร่า ทำท่ากระซิบบอกเทพปกรณ์
เพราะตั้งแต่มีสงคราม ทั้งร้านค้าต่างๆ ก็โดนควบคุมโดยกฎหมาย ทั้งในเวลาเปิดและปิด เพื่อความปลอดภัย
“อ่อ!!! ลืมซอสสังขยา ลำดวนเธอไปยกให้มาให้หน่อยซิ” มณีเอ่ย ส่งสัญญาณให้เพื่อนลุกไปด้านหลังครัว
“พี่ไปยกให้เอง” เทพปกรณ์ทำท่าจะลุก แต่มณีรีบยกมือห้าม เอาตัวขวางไว้ เพื่อให้ลำดวนเดินเข้าไปคนเดียว
“คุณเทพนั่งรอตรงนี้ก่อนนะคะ มณีมีเรื่องอยากถามสักสองสามเรื่อง เกี่ยวกับกฎหมายการเปิดร้าน”
ลำดวนเดินเข้ามาด้านใน เธอผลักประตูเข้าไป ความสลัวของร้านทำให้หล่อนคิดถึงหนังสยองขวัญสมัยก่อน บรรยากาศดูแปลกๆ
หญิงสาวมองไปที่โต๊ะครัวขนาดใหญ่ พบว่า ซอสสังขยา ที่เพื่อนใช้ให้หล่อนมาเอา ก็ตั้งอยู่
มันไม่ได้ใหญ่มากจนเพื่อนของเธอหยิบออกไปไม่ได้
หรือว่า... นี่จะเป็นแผนการอะไรของมณี
ที่โต๊ะอาหารมีแจกันดอกกุหลาบสีขาวตั้งอยู่ ลำดวนหยิบมันขึ้นมาดูดอกหนึ่ง คิดถึงเทพปกรณ์ขึ้นมา กุหลาบขาวเป็นดอกไม้ที่ลำดวนตัวจริงชอบอย่างที่สุด และเทพปกรณ์ก็พยายามหามันมาให้ภรรยาของเขาเสมอ หญิงสาวไม่ทันตั้งตัว!!
ร่างหนึ่งก็เคลื่อนมาใกล้อย่างเงียบเชียบที่สุด
เมื่อลำดวนเงยหน้าขึ้นก็พบว่า ตรงหน้าคือใครบางคนที่หน้าตาคุ้นเคยเหลือเกิน
หัวใจของลำดวนเต้นแรงจนเหมือนจะระเบิดออกมาข้างนอก ภาพหลายร้อยหลายพันตัดสลับไปมา ภายในเวลาไม่กี่วินาทีที่ได้สบตากับเขา
“กันต์” เสียงนั้นหลุดออกจากปากของลำดวนโดยอัตโนมัติ
ร่างสูงตรงหน้า อยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด ใส่หมวกสีน้ำตาลเข้มปิดลงมาบังใบหน้า เหมือนกำลังซ่อนตัวจากใครอยู่
เขาก้าวเข้ามารวบหล่อนไว้ในอกอย่างคิดถึงสุดหัวใจ
เจติยาในร่างลำดวน ตัวแข็งเหมือนกับถูกสาป นี่น่ะหรือ กันต์ ผู้ชายคนที่เป็นรักแท้ของลำดวน
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ฟังกันต์นะ เรามีเวลาไม่กี่วันต้องลงเรือเดินทางออกจากประเทศ เธอจะเอาเจ้าก้านไปด้วยก็ได้ เราไม่รังเกียจลูกชายของเธอเลย วันอาทิตย์ขอให้เธอไปเจอเราที่เดิม ที่เราเคยนัดกันไว้ เวลาเที่ยงคืน”
เจติยา รวบรวมสติ ยังไงร่างนี้ก็เป็นของเธอแล้ว ความทรงจำต่างๆ ควรจะหายไปกับลำดวนตัวจริงสิ!!
หญิงสาวดันร่างนั้นจน กันต์ ผงะเกือบล้ม
“ฉันไม่ไป”
“ลำดวน” กันต์เรียกชื่อหญิงสาวตรงหน้า เหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง
“ฉันไม่ใช่ลำดวนของคุณ ลำดวนตายไปแล้ว” เจติยาพูด เสียงแข็งจริงจัง
กันต์เอื้อมมาจับแขนลำดวนอย่างตกใจ
“ลำดวน ใจเย็นๆ กันต์รู้ ว่าเธอกำลังป่วย ถ้าลำดวนจำกันต์ได้ คงรู้ว่ากันต์ก็ไม่ได้คิดร้าย ได้โปรด...อย่าเพิ่งพูดตัดเยื่อใยกันต์แบบนั้นเลย”
ดวงตาเข้ม มองจ้องเข้าไปในดวงตาของหญิงสาวอย่างวิงวอน มือเขายังคงพยายามจับหญิงสาวอันเป็นที่รักตรงหน้า แต่หล่อนก็สะบัดตัวออก
ถ้าหากว่าเธอตะโกนนิดเดียว เทพปกรณ์คงได้ยิน และเข้ามาช่วยหล่อนได้ แต่ถ้าทำอย่างนั้น กันต์ ต้องโดนจับ และอาจโดนสืบสวนไปถึงขบวนการใต้ดินได้ เจติยา หลับตาแน่น นึกถึงลำดวนตัวจริง
‘ฉันต้องทำยังไง’
“ลำดวน!!! ได้รึยัง สังขยา” เสียงมณีตะโกนจากข้างนอกเข้ามา
“ฉันต้องไปแล้ว” หล่อนหันไปบอกคนรักเก่าของเจ้าของร่างเดิม
“ลำดวน” กันต์เรียกชื่อหล่อนอย่างเจ็บมอง มองตามร่างของหล่อนหายลับไป เหมือนโลกของเขาทั้งใบกำลังถล่มพังลงมา
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับลำดวน...
หญิงสาว รีบเดินกึ่งวิ่งออกมา มือหล่อนยังกำดอกกุหลาบขาวในมือแน่น
“ฉันกลับก่อนนะ พอดีมีธุระ” เมื่อออกมาด้านนอก ลำดวนรีบบอกกับมณี
เพื่อนสาวเห็นท่าไม่ดี รีบพยักหน้ารับ อย่างรู้กัน...
“กลับก่อนเถอะ”
เทพปกรณ์มองสีหน้าลำดวน และมองดอกกุหลาบในมือของหล่อน ก่อนจะมองเข้าไปที่ด้านหลังร้าน
นายทหารลุกขึ้นกระชับปืนที่ชายพก ทำท่าจะเดินบุกเข้าไป แต่ลำดวนรีบคว้ามือสามีไว้
“กลับบ้านกันเถอะค่ะ” มือน้อยกำข้อมือเขาไว้แน่น รั้งให้เขาออกมาจากที่นั่น
เทพปกรณ์รู้สึกเจ็บในหัวใจอีกครั้ง
'ลำดวนกำลังปกป้องมัน!!!'
เขากัดกรามแน่นจนเห็นขึ้นเป็นสันบนใบหน้า ก่อนจะเดินออกจากที่ร้านอย่างหงุดหงิดในใจ
เจติยา ในร่างลำดวน เหลือเชื่อกับมณีเพื่อนของเธอเหลือเกิน รู้ทั้งรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเกิดผิดแผนขึ้นมาแม้แต่นิดเดียว ไม่ใครก็ใครต้องตายไปข้างหนึ่งแน่!!
ลำดวนพยายามชวนเทพปกรณ์คุยบนรถ แต่เขาก็ไม่ยอมปริปากพูดกับหล่อนแม้แต่คำเดียว เธอจึงไม่คุยกับเขาตอบบ้าง
'เรื่องอะไรจะมาโกรธหล่อนละ หล่อนรู้อะไรกับเขาที่ไหน'
มณี เพื่อนของลำดวนตัวจริงโน่น ที่เป็นตัวตั้งตัวตีในแผนครั้งนี้
หญิงสาวมองกุหลาบขาวในมือ ที่ถือติดมาด้วย หล่อนคงตกใจ จนกำมันไว้แน่นจนถึงตอนนี้ ก่อนจะยกมันขึ้นมาดู
เทพปกรณ์หมุนกระจกรถลง ก่อนจะกระชากกุหลาบในมือหล่อนคว้างออกไปด้านนอก
“คุณพี่!!!” หล่อนเรียกชื่อเขาเสียงดังลั่น
“อยากพบกับมันมาก จนปล่อยให้มันกล้ามาเหยียบจมูกพี่ขนาดนี้ ตกลงจะไปกับมันวันไหนละ” เขาตะคอกหล่อน
“วันอาทิตย์นี้” ลำดวลตะคอกกลับ อย่างเหลืออด เป็นครั้งแรกที่เจติยาในร่างลำดวลก็มีน้ำโหกับเขาขึ้นมาเหมือนกัน ทำไมจะต้องโมโหไม่คิดจะฟังเหตุผลบ้างเลย เหมือนกับว่าเขาคิดตัดสินหล่อนไปแล้ว ว่าหล่อนต้องทำผิดคิดร้ายกับเขาขนาดหนัก
“อ้อ...ไปดีเถอะนะแม่คุณ” เขาเอ่ย แค่นยิ้มออกมาอย่างหัวเสีย
“ค่ะ” หล่อนตอบกลับเขาทันควัน กอดอกแน่น หันหน้าออกนอกกระจก
รถแล่นเข้ามาจอดเทียบภายในบ้านอย่างไว ก่อนจะเบรกจนคนในรถหัวแทบทิ่ม
หล่อนทำท่าจะเดินออกจากรถ แต่เขาคว้าข้อมือหล่อนไว้แน่น
“ไม่ต้องให้เพื่อนเธอมาเหยียบที่นี่อีกนะ” เขาเอ่ย ไม่รู้จะพาลอะไร จึงพูดไปถึง มณี เพื่อนหล่อนที่เป็นแม่สื่อแม่ชักให้ได้ไปเจอกับคนรักเก่าของหล่อน
“เธอไม่มาหรอกค่ะ เดี๋ยวก็เดินทางไปด้วยกัน คงไม่ต้องมีธุระอะไรที่บ้านนี้อีก”
ชายหนุ่มมองหน้าภรรยาอย่างเหลืออด จับแก้มหล่อนทั้งสองข้างก่อนจะประกบจูบที่ปากแดงระเรื่อนั้นอย่างแรง
เจติยา รู้สึกเหมือนวิญญาณหลุดลอยออกจากร่าง ไออุ่นบวกกับความร้อนจากปากของเขา ทำให้หล่อนเหมือนกับหมดแรงฉับพลัน
มือเล็กทุบไปที่เขา แต่ไม่เป็นผลใดๆ ต่อจะให้ทุบแรงแค่ไหน มันก็เหมือนกับไม่ได้ทำให้เขาสะทกสะท้าน
ไม่นาน เขาก็เหมือนกับรู้สึกตัวขึ้นมา ความโกรธของเทพปกรณ์ เหมือนจะมลายหายสิ้นไป เมื่อได้มองใบหน้าที่แดงก่ำของหญิงสาว ความรู้สึกอันล้นเอ่อจากดวงตาหวานคู่นั้น ทำให้เขาสัมผัสได้ ว่าหล่อนมีใจให้กับเขา ไม่เหมือนกับดวงตาอันแข็งกร้าวเหมือนเมื่อก่อน...