สายชล วิญญาณบาปที่กำลังจะชดใช้กรรมหมดใกล้จะได้มาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว พร้อมกับเพื่อนสาวแสนน่ารักอีกสองคน แต่ด้วยเรื่องไม่คาดฝันบางอย่าง ที่ทำให้เกิดความปั่นป่วนในนรกภูมิจนถึงขั้นวอดวาย ภาษาบ้านๆ ก็เรียกกันว่า เรือ (Ship) หายกันไปเป็นแถบๆ ทำให้แทนที่เขาและเพื่อนสาวอีกสองคนจะได้ไปเกิดเป็นมนุษย์ กลับต้องไปเกิดเป็นปลาแซลมอนแทนซะอย่างนั้น อิหยังฟระเนี่ย!!! เรื่องราวครั้งนี้ ทำเอาปั่นป่วนวุ่นวายกันไปหมดทั้งสามโลก ทั้งเทพ ทั้งคนทั้งมนุษย์ ทั้งนกอินทรีย์ ยันหมีกริซลี่ วุ่นวายอีรุงตุงนังกันไปหมด เรื่องราวนี
ตลก,แฟนตาซี,ผจญภัย,เกิดใหม่,ไทย,พล็อตสร้างกระแส,แฟนตาซี,ผจญภัย,ตลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เกิดใหม่ทั้งที ทำไมตรูกลายเป็นปลาแซลมอนสายชล วิญญาณบาปที่กำลังจะชดใช้กรรมหมดใกล้จะได้มาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว พร้อมกับเพื่อนสาวแสนน่ารักอีกสองคน แต่ด้วยเรื่องไม่คาดฝันบางอย่าง ที่ทำให้เกิดความปั่นป่วนในนรกภูมิจนถึงขั้นวอดวาย ภาษาบ้านๆ ก็เรียกกันว่า เรือ (Ship) หายกันไปเป็นแถบๆ ทำให้แทนที่เขาและเพื่อนสาวอีกสองคนจะได้ไปเกิดเป็นมนุษย์ กลับต้องไปเกิดเป็นปลาแซลมอนแทนซะอย่างนั้น อิหยังฟระเนี่ย!!! เรื่องราวครั้งนี้ ทำเอาปั่นป่วนวุ่นวายกันไปหมดทั้งสามโลก ทั้งเทพ ทั้งคนทั้งมนุษย์ ทั้งนกอินทรีย์ ยันหมีกริซลี่ วุ่นวายอีรุงตุงนังกันไปหมด เรื่องราวนี
สายชล วิญญาณบาปที่กำลังจะชดใช้กรรมหมดใกล้จะได้มาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว พร้อมกับเพื่อนสาวแสนน่ารักอีกสองคน แต่ด้วยเรื่องไม่คาดฝันบางอย่าง ที่ทำให้เกิดความปั่นป่วนในนรกภูมิจนถึงขั้นวอดวาย ภาษาบ้านๆ ก็เรียกกันว่า เรือ (Ship) หายกันไปเป็นแถบๆ ทำให้แทนที่เขาและเพื่อนสาวอีกสองคนจะได้ไปเกิดเป็นมนุษย์ กลับต้องไปเกิดเป็นปลาแซลมอนแทนซะอย่างนั้น อิหยังฟระเนี่ย!!! เรื่องราวครั้งนี้ ทำเอาปั่นป่วนวุ่นวายกันไปหมดทั้งสามโลก ทั้งเทพ ทั้งคนทั้งมนุษย์ ทั้งนกอินทรีย์ ยันหมีกริซลี่ วุ่นวายอีรุงตุงนังกันไปหมด เรื่องราวนี้จะเป็นยังไง จะจบลงที่ตรงไหน ขอเชิญติดตามเรื่องราวแสนฮาเฮโบ๊ะบ๊ะเรื่องนี้กันได้เลยจ้า
เสียงพูดคุยกันต่างๆนานาดังขึ้นมาในหมู่ของเหล่าบรรดา “คนบาป“ ที่มาออกันอยู่ด้านหน้าบริเวณศาลาต้อนรับ “แขกผู้มาเยือน“ จากพิภพยมโลกด้านอื่น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นเหล่า “คนบาป“ ที่ได้มาร่วมชุมนุมต้อนรับ “แขกผู้มาเยือน“ ในครั้งนี้นั้น จะเป็น “คนบาป“ ที่กำลังจะได้หลุดพ้นโทษของตนเอง หรือไม่ก็เป็นพวกคนที่เตรียมตัวสำหรับการไปรับโทษสถานเบาอีกเพียงเล็กน้อยในนรกบางขุมเท่านั้น และอีกหลายๆคนก็กำลังเตรียมตัวเพื่อจะรอการไปกำเนิดใหม่ หรือกระทั่งคนที่เตรียมจะได้ไปขึ้นสวรรค์รับจากได้ชดใช้โทษไปแล้วก็ยังมี เพราะว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็นเลยว่ามนุษย์ที่ลงนรก ก็คือคนที่ชั่วช้าเป็นอย่างมากอย่างเดียวเสมอไป ที่บางคนอาจจะต้องลงมายังนรกนั้น ก็เป็นเพราะว่าอาจจะมีเรื่องที่เคยทำผิดทำพลาดไปบ้าง นั่นเอง ( อย่างพวกของ “สายชล” ของเรานี่แหล่ะ ) แต่ถ้าเคยทำเรื่องดีๆเช่นกัน พวกเขาหลังจากได้รับการลงโทษทัณฑ์เรียบร้อยแล้ว ก็สามารถที่จะไปยังภพภูมิต่างๆที่ดีได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นโลกมนุษย์หรือว่าสรวงสวรรค์ ก็สามารถจะเป็นไปได้ทั้งนั้น ความดีก็เป็นเรื่องของความดี ความชั่วหรือการทำผิดต่างๆก็เป็นเรื่องของความชั่วความไม่ดีที่ไม่สามารถชดใช้แทนกันได้ เป็นเรื่องที่แยกจากกันโดยสิ้นเชิง ส่วนใหนที่คนๆนั้นทำดีก็ย่อมจะได้รับผลดีในภายหลัง แต่ส่วนไหนทำบาปทำเรื่องไม่ดีไป ก็ต้องมาชดใช้ผลกรรมซึ่งก็ว่ากันไปตามสิ่งที่แต่ละคนได้ทำลงไปนั่นเอง เป็นเรื่องของปัจเจกบุคคลที่ไม่สามารถชดใช้โทษ หรือว่ารับผลบุญต่างๆแทนกันได้อย่างเด็ดขาด
เสียงฮือฮาพูดคุยต่างๆของเหล่าผู้คนในที่นั้น เริ่มที่จะสงบเงียบเสียงลง เมื่อมีการปรากฏกายของคนกลุ่มหนึ่งที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ในชุดการแต่งกายที่ดูเท่ห์ทันสมัยในสไตล์สากลเลยทีเดียว โดยเป็นชุดสูทอย่างหรูหราสง่างาม อย่างไรก็ตามเอกลักษณ์บางอย่างที่ใครๆต่างก็รู้ว่า กลุ่มคนที่เข้ามาในที่นี้เป็นใครนั่นก็คือเครื่องประดับและชฏาต่างๆที่มีการสวมใส่เอาไว้บนศีรษะอย่างสวยงาม จึงเป็นภาพที่ดูแปลกตาอยู่พอสมควร
และคนกลุ่มนี้นั้นก็เป็นผู้ใดไปไม่ได้ นั่นก็คือ ผู้ที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของพิภพนรกสาขาเอเซีย อย่าง ท่านพยายมราช และ สองเจ้าหน้าที่ระดับสูงผู้เป็นเสมือนผู้ช่วยในระดับ มือซ้าย-มือขวา หรือ เลขานุการของท่านพญายมราชทั้งสองท่านก็คือ ท่านสุวรรณ - สุวานนั่นเอง
ซึ่งชุดสูทที่ทันสมัยที่ทั้งสามคนได้ใส่มานี้ ได้รับการดีไซน์และตัดเย็บมาจากเหล่าแฟชั่นนิสต์ชื่อดังหลายคนที่ได้ลงมาชดใช้กรรมในนรกเช่นเดียวกัน ซึ่งก็ได้รับกรรมกันไปตามปกติเหมือนเหล่า “ คนบาป“ ตนอื่นๆ แต่ในช่วงที่ว่างเว้นจากการลงฑํณฑ์และได้พักผ่อน ทางนรกภูมินั้นก็ได้มีเจ้าหน้าที่ หรือ ยมฑูตต่างๆ มาขอศึกษาหาความรู้ในด้านแฟชั่นและด้านศิลปะด้วยเหมือนกัน
โดยแลกกับการที่ผู้ที่มีความสามารถด้านศิลปะเหล่านี้จะได้ “เบี้ยหัวกระโหลก“ มาใช้จ่ายเพิ่มเติมในนรก หรือไม่ก็ได้ลดโทษที่เป็น “ลหุโทษ“ ลงนิดหน่อยทำให้พ้นโทษได้เร็วขึ้นเป็นต้น นัยว่า นรกในปัจจุบันนั้นก็ต้องมีการพัฒนาให้ทันสมัยในทุกๆด้าน ไม่ให้ต่างจากพิภพมนุษย์บนโลกเบื้องบนมากจนเกินไปนั่นเอง รวมทั้งเทคโนโลยีต่างๆในนรกด้วย ก็ได้บรรดาเหล่า “คนบาป“ ที่เคยเป็นนักวิชาการในด้านต่างๆ ที่ก็มีการแวะเวียนมาลงนรกกันบ้างเป็นเรื่องปกติ ธรรมชาติ เพราะว่าด้วยความเป็น “มนุษย์“ ของคนเรานั้น มันก็ยากเหลือเกินที่จะหาใครซักคนที่บริสุทธิ์ผุดผ่องเที่ยงแท้ไปเสียทุกอย่าง ส่วนใหญ่มนุษย์เรานั้นก็ต้องมีการทำผิดหรือทำพลาดหรือเผลอทำเรื่องไม่ดีกันบ้างเป็นเรื่องปกติ
เพราะเหตุนี้ นรกในอดีตหรือปัจจุบันนั้น ก็เลยคราคร่ำไปด้วยผู้คนมากมายมาตลอด ส่วนใน“สวรรค์“ นั้น เป็นที่ๆแสนสวยงามก็จริง แต่ก็ดูเงียบเหงาและก็มีคนขึ้นไปอยู่น้อยเต็มทน แถมขึ้นไปอยู่ได้ไม่นาน แป๊บเดียวก็ลงไปเกิดเป็นมนุษย์กันหมดแล้ว ส่วนที่ขึ้นไปอยู่นานๆ ชีวิตนั้นก็ออกจะมีแนวทางการปฏิบัติเดิมๆ เรียบๆ เน้นความสบายใจ สมถะ นั่งชมทุ่งหญ้า ชมธรรมชาติ หรืออะไรไปตามเรื่องตามราว ไม่มีอะไรที่หวือหวาเป็นพิเศษไปอยู่แบบนั้นนั่นแหล่ะ นานๆทีก็จะมีปาร์ตี้ฉลองกันบ้างพอสังเขป จะไถมือถือที่ซื้อจากร้านค้าในสวรรค์ ดูนั่นดูนี่ช่องสัญญาณบนสวรรค์ก็มีแต่เรื่องของ “ธรรมมะ“ และเรื่องของการทำความดีล้วนๆ
ไอ้ที่จะไปดูอะไร “เจ๋งๆ“ แบบในโลกมนุษย์นั้นลืมไปได้เลย เพราะการควบคุมสื่อต่างๆบนสวรรค์นั้น กระทำผ่าน “Single Gateway“ ของระบบ “Network สวรรค์“ เท่านั้น เพื่อให้สื่อต่างๆในสวรรค์นั้นมีแต่เรื่องของ “ธรรมมะ“ และการทำความดีเป็นหลักเพื่อหนุนเสริมการบรรลุมรรคผลนิพพานในอนาคตล้วนๆนั่นเอง หรือถ้าจะหาความสุขในการเสพรสอาหาร ส่วนใหญ่ก็เป็นอาหารทิพย์แค่มองเห็น หรือได้กินนิดๆหน่อยๆ ก็แทบจะอิ่มทิพย์ไปพักใหญ่แล้ว ซึ่งชาวสวรรค์นั้นก็อยู่แบบนั้นกันไป จนกว่าจะหมดบุญที่เก็บสะสมเอาไว้ แล้วก็จะเตรียมลงไปเกิดเป็นมนุษย์ต่อไป
สิ่งเหล่านี้ก็เกิดขึ้นวนเวียนอยู่แบบนี้นั่นแล เป็นดั่งวัฏจักรของเหล่าสัตว์โลกที่ยังวนเวียนอยู่ในการเกิดแก่เจ็บตายไปเรื่อยๆ หลายชาติ หลายภพ จนกว่าจะบำเพ็ญบารมีไปได้จนถึงความเป็นผู้ “หลุดพ้นจากสังสารวัฏ“ นั่นแหล่ะ ถึงจะไม่ต้องกลับไปเวียนว่ายตายเกิดอีก แต่ก็หาผู้ที่ปฏิบัติเช่นนั้นได้ “น้อยยิ่งกว่าน้อย“ เสียอีก
จากนั้นท่านผู้เป็นใหญ่ในยมโลกฝั่งเอเซียทั้งสามคน ก็ได้เดินมาอยู่เบื้องหน้าของเหล่า “คนบาป“ และ “สัตว์นรก“ ทั้งหลายด้วยมาดที่สง่างาม ดูภูมิฐาน และน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสายตาของท่านยมบาลนั้น มีความเข้มแข็ง ดุดัน น่าเกรงขามเป็นยิ่งนัก เพียงแค่สายตาที่ปรายไปมองเฉยๆ เหล่า “คนบาป“ต่างก็กลัวกันหัวหดแล้ว อย่างไรก็ตาม ในแววตาที่แข็งกร้าวคู่นั้น ก็ยังแอบแฝงความอ่อนโยนอยู่ภายในดวงตาของชายร่างใหญ่ผู้นี้อยู่เหมือนกัน และตอนนี้ท่านยมบาลฯได้กวาดสายตาไปทั่วๆ มองไปยังร่างมากมายของเหล่า “คนบาป “ ทั้งหลายที่มายืนชุมนุมกันอยู่อย่างพร้อมเพรียง ที่หน้าศาลาว่าการของนรกภูมิสาขาเอเซียแห่งนี้ ก่อนที่ชายร่างใหญ่จะค่อยๆ วาดฝ่ามือขึ้นมาช้าๆ จนทำให้เหล่า “คนบาป“ ทั้งหลายที่ได้เห็นอากัปกริยาเพียงเท่านั้นเองถึงกับคิดกังวลไปต่างๆนานา จนยืนนิ่งเงียบกันไปหมดทั้งบริเวณศาลาว่าการฯกันเลยทีเดียว ทั้งหมดทุกตน ชนิดที่เรียกได้ว่า เหงื่อกาฬแตก หายใจติดๆขัดๆ จนแทบจะหยุดหายใจกันไปเลยทีเดียว ก่อนที่ท่านยมบาล ฯ จะพูดขึ้นมาช้าๆเสียงดังฟังชัดให้ทุกคนในที่แห่งนั้นได้ยินถ้วนหน้ากันว่า...
“หากพวกเรากำลังสบาย...จงปรบมือพลัน...ป๊าบๆๆ...หากพวกเรากำลังสบาย...จงปรบมือพลัน...ป๊าบๆๆๆ หากพวกเรากำลังมีสุข หมดเรื่องทุกข์ใดๆทุกสิ่ง ปีนต้นงิ้วไปหมดแล้วนั่น...จงปรบมือพลัน...ป๊าบๆๆๆ...“
โดยงานนี้ท่านพยายมฯที่ตัวเองนอกจากจะตบมือ และเต้นตามเสียงร้องเพลงไปอย่างเป็นจังหวะจะโคนต่อหน้าเหล่า “คนบาป“ แล้ว ทางด้านเลขาฯ อย่าง สุวรรณ - สุวาน ต่างก็ช่วยเป็นแบ็คอัพแดนเซอร์ให้ด้วย โดยการช่วยส่ายสะโพกโยกย้ายไปมาเบาๆ งานนี้เหล่า “คนบาป“และ “สัตว์นรก“ ทั้งหลายก็เลยช่วยกันร้องเพลง และ เต้นๆไปด้วยเหมือนกัน ใครมีมือก็ตบมือ ใครมีปีก หรือมี กีบเท้า มีพังพืดอะไรก็ช่วยๆกันตบๆกันไปตามสภาพของตนเองจนเกิดเป็นเสียงดังไปทั่วขุมนรกขุมที่ 3 แห่งนี้เลยทีเดียว ดูๆไปแล้วก็น่ารักเสียไม่มีกันเลยทีเดียว
“เอาล่ะนะ...ทุกๆคน...พวกเราก็ได้ทักทายกันตามธรรมเนียมแล้ว วันนี้ทางเราจะมีการต้อนรับท่าน “อาคันตุกะ“ ผู้ยิ่งใหญ่ที่เดินทางมาไกลจาก “พิภพยมโลกแห่งทวีปยุโรป“ ขอให้พวกเจ้าทั้งหลายจงเป็นเจ้าของบ้านที่ดี ทำตัวให้อยู่ในระเบียบ อย่าทำเสียงดังวุ่นวาย ให้เสียมารยาทอันดีงามของเจ้าบ้านที่ดี ขอให้อยู่ในความสงบ และให้ความร่วมมือกับทีมงานยมฑูตของนรกขุมที่ 3 ในการเป็นเจ้าบ้านที่ดี ซึ่งถ้างานต้อนรับต่างๆนั้นออกมาดี ข้าฯ จะมีของรางวัลเป็น “เบี้ยหัวกระโหลก“ เข้าบัญชีรายรับของพวกเจ้าที่กำลังจะพ้นโทษแล้วเป็นบำเหน็จให้ถ้วนทั่วทุกตน และข้าก็จะลดโทษที่เป็นลหุโทษเพิ่มเติมให้อีกเล็กน้อยตามที่ข้าเห็นสมควรด้วย ขอให้พวกเจ้าทั้งหลายให้ความร่วมมือกันอย่างเต็มที่ด้วย อย่าได้ทำเสียมารยาทอันพึงกระทำในการเป็นเจ้าบ้านเป็นอันขาด“
หลังจากที่ท่านพญายมฯฯได้พูดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เกิดเสียงเฮฮาอื้ออึงอย่างคนที่ดีใจกันถ้วนหน้าในกลุ่มของ “คนบาป“ และ “สัตว์นรก“ แห่งนรกขุมที่ 3 กันเลยทีเดียว ทุกตนต่างก็เตรียมตัวทำการยืนต้อนรับ “อาคันตุกะ“ ที่กำลังมาเยือนกันอย่างคึกคักและเป็นระเบียบ
“ตื่นเต้นจังเลยแฮะ...จะมีใครที่กำลังจะมาที่นี่กันแน่นะเนี่ย ?“
“สายชล“แอบกระซิบถามกับทาง “ แววดาว“ และ “แสงเดือน“ เกี่ยวกับเรื่องของบุคคลสำคัญที่กำลังจะมาเยี่ยมเยือนยังนรกขุมที่ 3 แห่งนี้ ว่าจะเป็นใครกันแน่นะ...ซึ่งสองสาวเองนั้นก็ดูจะยังไม่แน่ใจเหมือนกันได้แต่บุ้ยใบ้ให้รอคอยกันไปก่อน อีกซักพักก็น่าจะได้เห็นหน้าเห็นตากันแล้วล่ะว่าเป็นผู้ใดที่จะมาเยี่ยมเยือนยังนรกขุมที่ 3 แห่งนี้
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นขึ้นมาในนรกขุมที่ 3 ก่อนที่ทุกๆตนจะเริ่มสังเกตเห็นว่า มีสิ่งที่เหมือนกับเป็นห้วงมิติเวลากำลังขยายแผ่ขึ้นมาในอีกด้านหนึ่งของศาลากลางของขุมนรกขุมที่ 3 แห่งนี้ ส่งเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นอย่างน่ากลัวเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังเหมือนมีลมพายุอ่อนๆ พัดขึ้นมาในพื้นที่แห่งนี้ จนบรรดา “สัตว์นรก“ หลายตนถึงกับยืนไม่อยู่เลยทีเดียว จากนั้นก็มีหมอกควันที่เหมือนเป็นไอพลังงานมหาศาลลอยละล่องไปทั่วเลยทีเดียว ก่อนที่ซักพักไอหมอกควันเหล่านั้นจะปกคลุมไปทั่วขุมนรกขุมที่ 3 นี้เลยทีเดียว
“อื้อหือ...นี่มันอะไรกันเนี่ย...บรรยากาศในนี้ทำไมมันเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้กันนี่….คนที่มาที่แห่งนี้เป็นใครกันแน่...ถึงได้มีพลังถึงขนาดนี้ !!!“
ชายหนุ่มถึงกับรำพึงขึ้นมาพร้อมกับเอียงตัวไปบังลมแรงๆที่เกิดขึ้นมา ซึ่งจากการที่เกิดลมที่แรงขึ้นนี้ก็มีทั้งฝุ่นและสิ่งของบางอย่างปลิวมาหาด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้สองสาวที่บัดนี้ก็ลืมตัวไปชั่วขณะต่างก็เข้ามาเกาะด้านหลังของชายหนุ่มเพื่อหลบฝุ่นควันและของต่างๆที่ปลิวมากันอย่างวุ่นวายพอดูเลยทีเดียว จากนั้นที่มิติที่เหมือนเปิดออกมาชั่วขณะนั้น ก็มีร่างดำทะมึนของชายที่มีรูปร่างสูงใหญ่ถึงสามคน ที่ยังมองไม่เห็นชัดเจนว่าหน้าตาของกลุ่มคนที่ปรากฏกายขึ้นมานั้น จะมีรูปร่างหน้าตาที่ชัดเจนเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตามหลังจากได้เห็นภาพของกลุ่มคนดังกล่าวแล้ว ทางท่านพญายมฯ ที่ดูจะมีพลังในการต่อต้านกระแสลมอันรุนแรงจากประตูมิติที่เกิดขึ้นชั่วขณะนี้ได้นั้น ก็ได้เดินไปทางด้านหน้าของประตูมิติอันนี้ ก่อนที่จะผายมือออกไปทางด้านหน้า เหมือนกับการแสดงอาการต้อนรับเมื่อได้พบอาคันตุกะคนสำคัญ ก่อนที่จะกล่าวคำต้อนรับขึ้นมาอย่างช้าๆ เสียงดังฟังชัด จนบรรดาเหล่า “ คนบาป“ และ “สัตว์นรก“ ทั้งหลายได้ยินประโยคต้อนรับนั้นอย่างชัดเจนว่า...
“ทางนรกขุมที่ 3 ของพิภพยมโลกแห่งเอเซีย ขอให้การต้อนรับและยินดีอย่างยิ่ง สำหรับการมาเยือนของท่านผู้ทรงอำนาจอย่างยิ่งและเป็นใหญ่ในพิภพยมโลกแห่งฟากฝั่งยุโรป ข้าฯ ขอกล่าวคำต้อนรับท่าน “ฮาเดส“ , ท่าน “ฮิปนอส“ และ ท่าน “ทานาทอส“ ด้วยความเต็มใจอย่างยิ่ง !!!“
ชายหนุ่มกับหญิงสาวทั้งสองคนถึงกับตะลึงจังงังกันเลยทีเดียว เมื่อได้ยินชื่อของบุคคลสามคนที่ได้มาปรากฏกายที่พิภพยมโลกแห่งเอเซียแห่งนี้ นามอันกระเดื่องเลื่องลือของทั้งสามคนนี้ คือผู้ยิ่งใหญ่ระดับเทพในตำนานของทางยุโรปเลยทีเดียว แล้วจะเกิดเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นต่อจากนี้ไปล่ะเนี่ย ?