สายชล วิญญาณบาปที่กำลังจะชดใช้กรรมหมดใกล้จะได้มาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว พร้อมกับเพื่อนสาวแสนน่ารักอีกสองคน แต่ด้วยเรื่องไม่คาดฝันบางอย่าง ที่ทำให้เกิดความปั่นป่วนในนรกภูมิจนถึงขั้นวอดวาย ภาษาบ้านๆ ก็เรียกกันว่า เรือ (Ship) หายกันไปเป็นแถบๆ ทำให้แทนที่เขาและเพื่อนสาวอีกสองคนจะได้ไปเกิดเป็นมนุษย์ กลับต้องไปเกิดเป็นปลาแซลมอนแทนซะอย่างนั้น อิหยังฟระเนี่ย!!! เรื่องราวครั้งนี้ ทำเอาปั่นป่วนวุ่นวายกันไปหมดทั้งสามโลก ทั้งเทพ ทั้งคนทั้งมนุษย์ ทั้งนกอินทรีย์ ยันหมีกริซลี่ วุ่นวายอีรุงตุงนังกันไปหมด เรื่องราวนี

เกิดใหม่ทั้งที ทำไมตรูกลายเป็นปลาแซลมอน - 4 เหตุปั่นป่วนที่นรกขุมที่สาม โดย เหมียวกุ่ย @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ตลก,แฟนตาซี,ผจญภัย,เกิดใหม่,ไทย,พล็อตสร้างกระแส,แฟนตาซี,ผจญภัย,ตลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เกิดใหม่ทั้งที ทำไมตรูกลายเป็นปลาแซลมอน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ตลก,แฟนตาซี,ผจญภัย,เกิดใหม่,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,แฟนตาซี,ผจญภัย,ตลก

รายละเอียด

เกิดใหม่ทั้งที ทำไมตรูกลายเป็นปลาแซลมอน โดย เหมียวกุ่ย @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

สายชล วิญญาณบาปที่กำลังจะชดใช้กรรมหมดใกล้จะได้มาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว พร้อมกับเพื่อนสาวแสนน่ารักอีกสองคน แต่ด้วยเรื่องไม่คาดฝันบางอย่าง ที่ทำให้เกิดความปั่นป่วนในนรกภูมิจนถึงขั้นวอดวาย ภาษาบ้านๆ ก็เรียกกันว่า เรือ (Ship) หายกันไปเป็นแถบๆ ทำให้แทนที่เขาและเพื่อนสาวอีกสองคนจะได้ไปเกิดเป็นมนุษย์ กลับต้องไปเกิดเป็นปลาแซลมอนแทนซะอย่างนั้น อิหยังฟระเนี่ย!!! เรื่องราวครั้งนี้ ทำเอาปั่นป่วนวุ่นวายกันไปหมดทั้งสามโลก ทั้งเทพ ทั้งคนทั้งมนุษย์ ทั้งนกอินทรีย์ ยันหมีกริซลี่ วุ่นวายอีรุงตุงนังกันไปหมด เรื่องราวนี

ผู้แต่ง

เหมียวกุ่ย

เรื่องย่อ

สายชล วิญญาณบาปที่กำลังจะชดใช้กรรมหมดใกล้จะได้มาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว พร้อมกับเพื่อนสาวแสนน่ารักอีกสองคน แต่ด้วยเรื่องไม่คาดฝันบางอย่าง ที่ทำให้เกิดความปั่นป่วนในนรกภูมิจนถึงขั้นวอดวาย ภาษาบ้านๆ ก็เรียกกันว่า เรือ (Ship) หายกันไปเป็นแถบๆ ทำให้แทนที่เขาและเพื่อนสาวอีกสองคนจะได้ไปเกิดเป็นมนุษย์ กลับต้องไปเกิดเป็นปลาแซลมอนแทนซะอย่างนั้น อิหยังฟระเนี่ย!!! เรื่องราวครั้งนี้ ทำเอาปั่นป่วนวุ่นวายกันไปหมดทั้งสามโลก ทั้งเทพ ทั้งคนทั้งมนุษย์ ทั้งนกอินทรีย์ ยันหมีกริซลี่ วุ่นวายอีรุงตุงนังกันไปหมด เรื่องราวนี้จะเป็นยังไง จะจบลงที่ตรงไหน ขอเชิญติดตามเรื่องราวแสนฮาเฮโบ๊ะบ๊ะเรื่องนี้กันได้เลยจ้า

สารบัญ

เกิดใหม่ทั้งที ทำไมตรูกลายเป็นปลาแซลมอน-1 นรกขุมที่ 3 ของเหล่าคนบาป,เกิดใหม่ทั้งที ทำไมตรูกลายเป็นปลาแซลมอน-2 แขกผู้มาเยือนจากอีกฟากฝั่งของพิภพยมโลก,เกิดใหม่ทั้งที ทำไมตรูกลายเป็นปลาแซลมอน-3 สามผู้ยิ่งใหญ่แห่งยมโลก,เกิดใหม่ทั้งที ทำไมตรูกลายเป็นปลาแซลมอน-4 เหตุปั่นป่วนที่นรกขุมที่สาม,เกิดใหม่ทั้งที ทำไมตรูกลายเป็นปลาแซลมอน-5 สู่การก่อกำเนิด,เกิดใหม่ทั้งที ทำไมตรูกลายเป็นปลาแซลมอน-6 ชีวิตที่มีหางและมีครีบ,เกิดใหม่ทั้งที ทำไมตรูกลายเป็นปลาแซลมอน-7 เกมส์เดิมพันชีวิต,เกิดใหม่ทั้งที ทำไมตรูกลายเป็นปลาแซลมอน-8 อินทรีย์ยักษ์สีทอง,เกิดใหม่ทั้งที ทำไมตรูกลายเป็นปลาแซลมอน-9 เหตุการณ์ที่พลิกผัน,เกิดใหม่ทั้งที ทำไมตรูกลายเป็นปลาแซลมอน-10 สัญญาใจของทั้งสามเทพ,เกิดใหม่ทั้งที ทำไมตรูกลายเป็นปลาแซลมอน-11 อุปสรรคครั้งใหญ่,เกิดใหม่ทั้งที ทำไมตรูกลายเป็นปลาแซลมอน-12 พลังมหัศจรรย์,เกิดใหม่ทั้งที ทำไมตรูกลายเป็นปลาแซลมอน-13 เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป

เนื้อหา

4 เหตุปั่นป่วนที่นรกขุมที่สาม

          ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ มีผมสยายยาวสวยงาม ดูท่าทางมีความสง่างาม ด้วยเรือนผมสีดำอมม่วงดูลึกลับ เขามีใบหน้าที่เรียบเฉย แต่ดวงตาทั้งคู่นั้นกับดูมีเสน่ห์อย่างลึกล้ำ และมีลักษณะของรัศมีของคนที่ดูทรงอำนาจเป็นอย่างยิ่ง เพียงแค่คนนี้ๆมองไปทางด้านไหนก็ทำให้เหล่า “ คนบาป“ และ “สัตว์นรก“ ทั้งหลายที่อยู่ในครรลองของสายตาของเขาล้วนแต่มีอาการเงียบสงบไปตามๆกัน ไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงขึ้นมาแม้แต่ซักนิดเลยทีเดียว แสดงให้เห็นถึงตบะบารมีที่เหนือชั้นยิ่งกว่ารูปร่างที่เห็นภายนอกมากมายยิ่งนัก ทั้งๆที่ชายหนุ่มคนนี้นั้นถ้ามองจากภายนอกแล้ว จะมีใบหน้าที่อ่อนเยาว์เป็นอย่างมาก ซึ่งถ้าให้กะประมาณอายุจากใบหน้าแล้ว อายุน่าจะอยู่ที่ประมาณ 20 กว่าปีเศษๆเท่านั้น ซึ่งทุกๆที่ๆชายหนุ่มผู้นี้ย่างกรายไปนั้น ก็จะมีไอของสิ่งที่คล้ายๆกับว่าจะเป็นหมอกลอยเลื่อนครอบคลุมอยู่ตลอดเวลา จนยากที่จะบรรยายความรู้สึกที่ได้สัมผัสได้ถูก ส่วนชายหนุ่มอีกสองคนที่เดินตามมาข้างหลังนั้น ก็ดูเป็นชายหนุ่มที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน และก็ไม่ได้มีลักษณะอะไรที่แตกต่างจากคนปกติมากนัก ยกเว้นการที่ส่วนหัวของผู้ชายทั้งสองคนนั้นมีส่วนที่คล้ายๆปีกของนกงอกออกมา แต่ก็ถูกเก็บพับเอาไว้ในลักษณะเรียบร้อยสุภาพอีกทั้งรัศมีแห่งบารมีภายในตัว ซึ่งแตกต่างจากมนุษย์ทั่วไปเป็นอย่างมาก ทำให้เพียงแค่ได้มองไปก็สัมผัสได้เลยถึงความ “ไม่ธรรมดา“ ของทั้งสามคนนี้ สมกับที่แต่ละคนเป็นถึงระดับ “เทพเจ้า“ ของ “พิภพยมโลก สาขาตะวันตก“ ซึ่งเมื่อ “สายชล“ ได้เห็นภาพของทั้งสามคนอย่างชัดเจนก็ได้แต่นึกขึ้นมาในใจอย่างชื่นชม

            “อื้อหือ...ทั้งสามคนนี้ช่างสง่างามจริงๆ สมกับเป็นถึงระดับเทพเจ้าของทางตะวันตกเขา ตั้งแต่เกิดมาเราก็ยังไม่เคยเห็นใครที่ได้มองเห็นแล้วรู้สึกทั้งความสง่างามและความน่าเกรงขามขนาดนี้เลยแฮะ“

            ซึ่งในเรื่องนี้ก็เป็นความรู้สึกที่ไม่ได้แตกต่างจากทั้งสองสาวเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามทั้งสองสาวเองต่างก็รู้สึกถึงความน่าเกรงขาม จนคล้ายๆจะเป็นความ “น่าสะพรึงกลัว“ที่ซ่อนเอาไว้อยู่ มากกว่าจะรู้สึกถึงความเสน่ห์หาแบบรักใคร่หรืออะไรในลักษณะนั้น ซึ่งนั่นก็น่าจะเป็นเพราะว่า“อำนาจบารมี“ ที่เทพทั้งสามองค์นั้นแผ่ออกมาจนรู้สึกได้ชัดเจนนั่นเอง 

“ทั้งหมด...ทำความเคารพ ท่าน “ฮาเดส“ , ท่าน “ฮิปนอส“ และ ท่าน “ทานาทอส“!!!“

             สิ้นเสียงการร้องตะโกนเพื่อให้มีการแสดงความเคารพจากตัวแทนยมฑูตผู้ควบคุมแถว เหล่า “คนบาป“ และ “ สัตว์นรก “ ทั้งหลายต่างก็ทำการยืนขึ้นและโค้งคำนับราวกับการทำความเคารพผู้นำประเทศซักประเทศหนึ่งเหมือนตอนมีชีวิตเป็นมนุษย์กันอยู่เลยทีเดียว ซึ่งทางด้านเทพ “ ฮาเดส “เองก็ได้ทำการยกมือขึ้นเป็นเชิงการทักทาย และก็ได้ทำสัญญาณให้เหล่าผู้ที่มาเฝ้าชมบารมีของตนทั้งหลายนั้น ได้นั่งลงให้เรียบร้อยตามปกติได้แล้ว จากนั้นท่าน “ยมบาล”  จึงได้เดินออกมาทำการกล่าวต้อนรับ “อาคันตุกะ“ ทั้งสามคนด้วยน้ำเสียงที่เป็นกันเอง 

            “Oh….Nice to meet you….ว่าแต่ว่าวันนี้เราพูดภาษาไทยกันนะครับ พูดไทยได้ใช่ไหมครับ ? 

ท่านพญายมฯฯแห่งพิภพยมโลกเขตเอเซีย กล่าวให้คำต้อนรับกับอาคันตุกะที่มาอย่างเป็นกันเอง

            “Oh...สบายมากครับ พวกเราทั้งสามเป็นถึงระดับเทพเจ้า มีอายุขัยมาแล้วหลายพันปีเรื่องภาษาเราสามารถพูด-ฟังได้หลายภาษาโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว จะภาษาไทย,จีน,ญี่ปุ่น พวกเราสื่อสารได้หมดแหล่ะครับ นักเขียนการ์ตูนญี่ปุ่นเขายังรู้เลยเรื่องนี้ เจอกันทีไรในการ์ตูนก็คุยภาษาญี่ปุ่นกันในเล่มตลอด...”

            “แล้วนี่นิยายไทย จะให้ตัวละครพูดภาษาอังกฤษกันยาวๆ ไอ้คนเขียนมันเขียนไม่ได้หรอกครับ ดังนั้นให้ตัวละครในเรื่องพูดภาษาไทยน่ะถูกแล้ว...พวกคนอ่านก็อย่าสงสัยกันให้มากนักเลยเน่อ...อ้าว... พูดมานอกเรื่องเสียตั้งเยอะ ไม่เกี่ยวๆ...ส่วนประเทศไทย พวกกระผมก็มาเที่ยวออกบ่อยจะตายครับ ผู้คนทางยุโรปก็มาเที่ยวที่นี่กันเยอะมากมายยกเว้นอีตอนที่มีโรคระบาดกันทั่วโลกอ่ะนะช่วงนั้นก็จะไม่ค่อยมีคนมา แต่ถ้าปกติคนยุโรปก็มาเที่ยวกันเยอะอยู่ ยิ่งช่วงหน้าหนาวนี่ก็มีบินมาเที่ยวหนีความหนาวกันเป็นเดือนๆ ซึ่งพวกเราพอมาทีไทยทีไร พวกเราก็ได้ทั้งงานกลับไปด้วยและก็ได้ท่องเที่ยวไปทั่วไทยอีก แค่ได้คิดว่าจะได้กินผัดกระเพราแบบไทยแท้ๆที่มีใบกระเพราผัด ไม่ใช่เอาหัวหอม เอาแครอทมาผัดแบบในยุโรปที่กุ๊กบางคนมันมั่วซั่ว ทำขึ้นมาได้ยังไงไม่รู้ ดูในโลกออนไลน์ยังปวดตับแทน มาได้กินผัดกระเพราอร่อยๆต้นตำรับจริงๆที่ประเทศนี้เพียงแค่นั้นก็ฟินสุดๆแล้วครับ แถมสถานที่ท่องเที่ยวหลายๆที่ก็สวยงามน่าท่องเที่ยวมาได้ไม่รู้เบื่อด้วยครับ“

               เทพฮิปนอสกล่าวขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี ในขณะที่เทพอีกสององค์เพียงแค่มีรอยยิ้มเล็กน้อยขึ้นมาอยู่ที่มุมปากเท่านั้น และยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย แต่ก็ยังพอจะแสดงให้เห็นว่ามีความเป็นมิตรอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน จากนั้น ชายที่มีรูปร่างสูงใหญ่อีกคนหนึ่งที่ยังไม่เคยได้เอ่ยปากพูดอะไรออกมานั้น ก็ได้เดินขึ้นมาอยู่ที่ต่อหน้า ท่านพญายมฯฯ แล้วก็ได้พูดขึ้นมาอย่างสุภาพว่า

            “ข้าฯ “ทานาทอส“ ขอเป็นตัวแทนกล่าวแสดงความขอบคุณ ในความร่วมมือกันของพิภพยมโลก ทั้งสองภูมิภาคแห่งนี้ ในการทำระบบ “คัดกรองและแยกแยะเหล่าคนบาป “ โดยเป็นการส่งผ่านข้อมูลระหว่างสองเครือข่ายเน็ตเวิร์คขุมนรกขนาดใหญ่ระดับทวีปที่ในขณะนี้สามารถเชื่อมต่อระบบเน็ตเวิร์คถึงกันได้ทั้งหมดอย่างสมบูรณ์แบบไม่เกิดข้อผิดพลาดหรือทำงานล่าช้าเหมือนกับในอดีตที่ผ่านมา”

            “ด้วยระบบเครือข่ายซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเชื่อมต่อกันเป็นอย่างดี โดยบุคลากรของนรกภูมิทั้งสองนรกภูมิใหญ่ แถมระบบทั้งหมดยังรองรับด้วยระบบ Cloud ในการเก็บข้อมูลต่างๆเข้าสู่เซิร์ฟเวอร์รวมอย่างมีประสิทธิภาพอย่างสมบูรณ์แบบ อีกทั้งการพัฒนารูปแบบในการทำงานเพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลในระบบ Network ต่างๆให้มีความปลอดภัยด้วย Firewall ที่มีประสิทธิภาพในการตรวจสอบแพ็คเกจต่างๆ และการเก็บข้อมูลต่างๆในระบบ Blockchain ที่ยอดเยี่ยมก็ดำเนินการไปได้ด้วยดีอย่างยิ่ง ต่อไปปัญหาการตามเหล่าวิญญาณร้ายที่หลบหนีการจับกุมของเหล่ายมทูตมาลงฑัณฑ์ หรือความผิดพลาดต่างๆ เช่น การไปเก็บวิญญาณที่ยังไม่ถึงที่ตายมาก่อนเวลาอันควรที่เกิดขึ้นในอดีต คงจะลดน้อยลงใกล้เคียงกับ การเป็น 0 เคสที่ผิดพลาด หรืออาจจะไม่เกิดเคสที่ผิดพลาดขึ้นอีกแล้วก็เป็นได้“

            “สายชล“ ที่ได้ยืนอยู่ด้านหน้าสุด ของแถวเมื่อได้ฟังดังนั้น จึงหันมาอธิบายให้สองสาวที่เขาได้มองดูหน้าแล้ว ทั้งสองคนนั้นน่าจะงงจัดๆ เพราะต่างคนก็ต่างหันหน้ามามองกันเองแล้วทำตาปริบๆ โดยที่ ทั้ง “แสงเดือน“ และ “แววดาว“ ก่อนที่จะสิ้นอายุขัย ก็ทำหน้างานเป็นแม่ค้าขายของเบ็ดเตล็ดทั่วไปกับแม่ครัวร้านอาหารไทย-อีสานแค่นั้นเอง เรื่องเกี่ยวกับอะไรจำพวกนี้ เมื่อพวกเธอได้ฟังเข้าไปนี่ ทำเอาหน้าของทั้งสองคนนี่กลายเป็นเครื่องหมายคำถาม ยืนเกาหัวกันแกรกๆ จนหนังหัวแทบหลุดกันเลยทีเดียว คนที่พอเข้าใจก็มีแต่ชายหนุ่มนี่แหล่ะที่เคยทำงานเกี่ยวกับเทคโนโลยีมาบ้าง ถึงแม้จะยังไม่ถึงขั้นได้เคยทำเทคโนโลยีระดับสูงขนาดนี้ เพราะเป็นแค่พนักงานระดับปฏิบัติการทั่วไป แต่ก็ยังดีที่เขายังพอจะรู้ในเรื่องพวกนี้อยู่บ้าง เขาก็เลยอธิบายให้ทั้งสองสาวได้ฟังให้พอเข้าใจขึ้นมาบ้าง โดยสรุปภาพรวมเอาแค่นิดเดียวก็พอ 

               โดยชายหนุ่มได้อธิบายไปประมาณว่า มันหมายถึงระบบการเก็บข้อมูลต่างๆที่ปลอดภัยและสมบูรณ์แบบได้รับการสร้างขึ้นมาเรียบร้อยแล้วด้วยความร่วมมือของหลายๆฝ่ายทั้งทาง “พิภพนรก“ และ “พิภพสวรรค์“นั่นเอง ซึ่งก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยทีเดียว   

“ฮ่าๆๆ...ที่สิ่งพวกนี้สำเร็จได้นั้นก็เป็นเพราะว่าพวกเราได้บุคลากรจากมนุษย์โลกที่เป็นผู้ชำนาญด้าน Network ในระดับสูงมากมายหลายคน ที่สิ้นอายุขัยเรียบร้อยแล้วตามธรรมชาติ ก็ได้เข้ามาร่วมงานด้วยกับพวกเราเป็นจำนวนมาก ซึ่งบางคนก็อยู่ที่สวรรค์  แต่บางคนก็มาลงมาใช้เวรใช้กรรมในนรก ซึ่งพวกนี้ก็มีประโยชน์ในการพัฒนาระบบของนรกภูมิของพวกเราเป็นอย่างมาก จนทุกอย่างแล้วเสร็จเรียบร้อยกันเป็นอย่างดีนั่นเอง...ฮ่าๆๆๆ“

    ท่านพยายมฯ ได้พูดพลาง แหงนหน้าหัวเราะลงลูกคอไปด้วยอย่างคนอารมณ์ดี ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้วทั้งท่านพญายมฯฯ และทางผู้มาเยือนจากฟากฝั่งนรกภูมิฝั่งตะวันตกจะมีศักดิ์ศรีและฐานะที่ใกล้เคียงกันแต่ก็เหมือนกับว่าลักษณะและบุคลิคท่าทางดูจะมีตวามแตกต่างกันเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

“มาๆ ท่าน “ฮาเดส“  และอีกทั้งสองท่าน ข้าขอเชิญพวกท่านมาแวะดื่มกาแฟอร่อยๆ ของทางเราก่อน ที่จะเริ่มมาทดลองใช้ระบบต่างๆของเรากันนะครับ  เชิญๆโต๊ะรับรองอยู่ทางนี้ครับ เชิญๆเลยท่าน“

    ว่าแล้วชายร่างยักษ์ผู้สูงศักดิ์แห่งพิภพยมโลกสาขาเอเซีย ก็ได้เชิญแขกผู้มีเกียรติจากอีกฟากฝั่งหนึ่งทั้งสามคน มานั่งจิบกาแฟ และกินของว่างกันอย่างสบายใจ เป็นอาหารมื้อพิเศษ และ พวกเหล่า “คนบาป“ และ “สัตว์นรก“ ทั้งหลายก็ได้นั่งลงตามสบายกับพื้น และ มีเหล่ายมฑูตผู้หญิงมาเดินแจกอาหารว่าง และ เครื่องดื่มนิดๆหน่อยๆให้ได้ทานกันด้วย นับว่าเป็นภาพบรรยากาศที่หาดูได้ยากจริงๆ ในนรกภูมิ ที่ว่ากันว่ามีแต่ความรุนแรง โหดร้าย และทารุณ แต่นั่นเป็นเรื่องในอดีตที่ผ่านมาหลายพันปีแล้ว ปัจจุบันในนรกภูมินั้นก็มีความผ่อนปรน และมีการลงโทษที่เบาลงกว่าแต่เดิมในสมัยก่อนพอสมควร ซึ่งทำให้ “นรกภูมิ“ ในปัจจุบันนั้นมีสภาพคล้ายๆกับคุกสำหรับลงโทษมนุษย์ในโลกบนพื้นพิภพมากขึ้นนั่นเอง

             และหลังจากที่ทั้งสี่คนได้พักผ่อนซักครู่แล้ว การเทสต์ระบบการทำงานระบบใหม่ของนรกภูมิทั้งสองฟากก็เริ่มขึ้น โดยกลุ่มคนที่ถูกได้รับการคัดเลือกให้มาทดลองระบบใหม่ นี่ก็คือกลุ่มของ “คนบาป“ ที่กำลังจะหลุดพ้นโทษหนักแล้ว มีแค่กรรมอีกเล็กๆน้อยๆ เท่านั้นที่พอได้ชดใช้หมดแล้ว ก็จะได้ไปเตรียมตัวไปเกิดใหม่ โดยทั้งสามคน ก็คือ สายชล , แววดาว และ แสงเดือน นั่นเอง และก็ยังมี “คนบาป“ อีกหลายคนเหมือนกันที่อยู่ในกระบวนการทดลองนี้ แล้วทั้งหมดก็ได้ถูกทางยมฑูตผู้ช่วยอำนวยความสะดวกในการทดลองทำการเชิญตัวขึ้นมายืนอยู่ต่อหน้า เทพเจ้าทั้งสามคน และรวมถึงกลุ่มของพวกพญายมฯด้วย โดยที่ทางด้านของเทพ “ฮาเดส“ ได้ถือเครื่องมืออย่างหนึ่งที่ดูมีลักษณะคล้ายกับเครื่องไอแพ็ดที่มีขนาดใหญ่พอสมควรซึ่งเครื่องมือนี้สามารถสร้างโมเดลสามมิติ และ มีข้อมูลต่างๆ ของเหล่า “ คนบาป “ ปรากฏขึ้นมาในรูปลักษณ์ที่ทันสมัย  เลยทีเดียวและมีแผนภูมิข้อมูลต่างๆ ให้ทางด้านของเทพ “ ฮาเดส “ เลือกเปิดดูเพื่อค้นหาข้อมูลได้อย่างสะดวกสบาย โดยการค้นหาข้อมูลต่างๆสามารถทำได้โดยการออกท่าทางกดเมนูสามมิติที่แสดงขึ้นมา ซึ่งจัดได้ว่าเป็นระบบปฏิบัติการที่มีการแสดงขึ้นมานี่ทันสมัยเหมือนในหนังไซไฟฯของฮอลลีวู๊ดกันเลยทีเดียว

            “อืมส์...สำหรับเจ้าหนุ่มนี่ จะว่าไปแล้วเจ้าเองก็ไม่ได้มีกรรมหนักอะไรมากมายนักนะเนี่ย เพียงแต่เผลอไปมีสัมพันธ์กับผู้หญิงที่มีครอบครัวแล้วโดยไม่รู้เรื่องเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องเศษกรรมต่างๆ ก็ไม่ได้มีอะไรมากตอนนี้ลงไปใช้กรรมอีกนิดๆหน่อยๆ ก็น่าจะหลุดพ้นไปเกิดใหม่แล้ว โดยรวมๆแล้ว เจ้าก็จัดเป็นคนที่ดีทีเดียว แต่เมื่อเคยทำผิดทำพลาด ก็ต้องยอมรับผิดนะเจ้าหนุ่มเอ๋ย...ซึ่งท่านยมฯเองก็ดูจะเห็นใจเจ้าเหมือนกัน ที่รู้ไม่เท่าทันในเล่ห์เหลี่ยมของเรื่องพิศวาส ข้าฯเห็นมีการลงรายละเอียดกำกับว่าให้เจ้าได้รับโทษแค่ 1 / 4 ของการรับโทษปกติเท่านั้นเอง  ไม่งั้นเจ้าจะติดอยู่ในนรกขุมที่ 3 นี่นานกว่านี้เยอะเลยทีเดียว ส่วนชีวิตใหม่ในภพหน้าของเจ้าก็จะไม่ได้ลำบากอะไร แม้ว่าจะมีชีวิตที่ไม่ร่ำรวยแต่ก็จะไม่ได้ถึงขั้นขัดสนเงินทองจนชีวิตลำบากอะไรมากเกินไปนัก“

               ทางเทพ “ฮาเดส“ ที่ขณะนี้ได้เดินมาอยู่ตรงหน้ามาพูดกับชายหนุ่มขึ้นมาอย่างผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีความเป็นกันเอง และมีความเมตตาไม่เหมือนภาพลักษณ์ที่เล่าขานกันต่อๆมาเหมือนกับว่าเป็นตัวร้ายที่ค่อนข้างหยาบกระด้างแบบที่ชายหนุ่มเคยได้ยินหรือได้ดูมาจากในหนังตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่เลย หลังจากนั้นทาง “เทพสูงสุดแห่งยมโลก“ ก็ได้เปิดดูข้อมูลต่างๆของหญิงสาวทั้งสองคนต่อเช่นกัน ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า

            “สำหรับผู้หญิงสองคนนี้ เคสก็คล้ายๆกับเจ้าหนุ่มนี้ทั้งคู่เลย เฮ้อ ปัจจุบันพวกมนุษย์นี่ก็หลอกกันเองเก่งดีนะเนี่ย แต่ทั้งสองคนนี้ก็มีความต่างกับเจ้าหนุ่มนี่นิดหน่อย สำหรับเจ้าคนที่ผมยาวนั้น ถึงใช้กรรมหนักในนรกขุมนี้ กับเศษกรรมนิดๆหน่อยๆหมดแล้ว แต่ด้วยที่ความที่บางช่วงของชีวิตฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมาเยอะเพื่อทำอาหารเลี้ยงชีพ ถึงแม้ช่วงเป็นผู้ใหญ่มาจนถึงบั้นปลายของชีวิตจะลดการฆ่าสัตว์ลงไปเยอะมากๆแล้วก็ตามเถอะนะ แต่เศษกรรมเหล่านี้จะทำให้เป็นคนที่ป่วยกระเสาะกระแสะไปเกือบ 20 ปี แต่จะมีผลบุญที่ได้สะสมมาในบั้นปลายของชีวิตในชาติที่แล้วมาช่วยเช่นกัน จนหลังจากอายุ 18 ปีไปแล้ว จะมีลิขิตที่แปลกประหลาดทำให้อาการเจ็บป่วยที่เคยมีหายไปได้ แต่ก็ต้องแลกกับอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ เรื่องนี้เป็นลิขิตของสวรรค์ ซึ่งข้าจะขอบอกเจ้าได้เพียงแค่นี้ ส่วนเธอคนที่ผมสั้นนี่ก็เช่นกัน หมดจากการชดใช้กรรมในนรกขุมนี้ และ เศษกรรมอีกเล็กๆน้อยๆแล้ว เจ้าก็จะได้ไปเกิดเป็นมนุษย์เช่นกัน แต่ด้วยผลกรรมจากที่ในอดีตชาติที่ผ่านมาที่ ตอนเด็กๆเจ้าชอบลักเงินผู้ใหญ่บ้าง ลักเงินเพื่อนๆวัยเดียวกันบ้าง และตอนวัยรุ่นก็แอบลักเงินของนายจ้าง ที่จ้างเจ้าทำงานอยู่เป็นพักๆ ซึ่งผลกรรมเหล่านี้นั้น ทำให้เจ้าจะต้องประสบความยากจนในชาติที่จะมาถึงนี้ ชนิดครอบครัวแทบจะไม่มีข้าวสารกรอกหม้อในบางมื้อ และต้องทนลำบากในหลายๆเรื่องไปร่วมสิบกว่าปีเช่นเดียวกัน ก่อนผลบุญจากการที่เจ้ากลับตัวเป็นคนดีในชาติที่ผ่านมา และได้มีการทำบุญและบริจาคทานเป็นอันมากเพื่ออุปถัมภ์ค้ำชูบวรพระพุทธศาสนาที่เป็นศาสนาที่เจ้านับถือในด้านต่างๆอย่างมากมายเหลือคณานับ...”

            “นอกจากนี้เจ้าเองก็ยังได้นั่งกรรมฐานและฝึกจิตอยู่เป็นนิจ จนกระทั่งวาระสุดท้ายของเจ้ามาถึงสิ่งเหล่านี้จะทำให้เจ้าได้รับผลบุญและกุศลเป็นอย่างมาก  ซึ่งในจุดนี้นั่นเองจะทำให้เจ้าได้มีชีวิตที่ดี มีฐานะดีขึ้นเป็นอย่างมากในภายหลังและพ้นจากความยากจนข้นแค้นแสนสาหัสมาเป็นผู้มั่งมีเงินทองเป็นอย่างมากได้ในที่สุด...อืมส์...ถ้าไม่นับเรื่องข้อผิดพลาดในเรื่องชู้สาวในช่วงหนึ่งของพวกเจ้าทั้งสามคนที่มีช่วงที่ทำผิดพลั้งไปโดยไม่ได้เจตนาอยากจะทำผิด ก็ถือว่าพวกเจ้าทั้งสามคนก็สมควรได้กลับไปเกิดเป็นมนุษย์กันเสียทีได้แล้ว...เอ๊ะ...“

ทางด้านของชายหนุ่มผู้ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งยมโลกของทางฝั่งตะวันตก อุทานขึ้นมาเบาๆ แบบคนที่สงสัยอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะหันหน้าไปทางท่านยมบาลฯ ซึ่งท่านยมบาลฯ ก็ได้รีบเดินเข้ามาหาทันทีเช่นกัน

“ท่านฮาเดส เป็นอะไรหรือท่าน ? มีอะไรที่ท่านสงสัยหรือเปล่าครับ ?“

            ท่านยมบาลสอบถามไปยังบุรุษที่มีศํกดิ์เป็นถึงเทพเจ้าอย่างกระตือลือร้น ซึ่ง บุรุษผู้นั้นก็ได้หันกลับมาตอบว่า

            “เราได้พิจารณาดูค่าในส่วนของความสัมพันธ์ของทั้งสามคนนี้แล้วมันสอดคล้องกันอย่างมาก และระบบมันแจ้งเตือนขึ้นมาว่าทั้งสามคนนี้สามารถเป็นเนื้อคู่กันได้  นอกจากนี้ยังพบพลังจิตวิญญาณซ่อนเร้นที่สูงมากทั้งสามคนเลย จัดว่าอยู่ในระดับ A กับ S เลยทีเดียว ซึ่งปกติแล้วเราไม่ค่อยเจอแบบนี้มากนัก นี่เราไม่ได้ดูค่าอะไรผิดไปใช่ไหม ? ถ้าไม่ได้มีอะไรผิดพลาดไป เราก็จะได้กดยอมรับไป

         ทางเทพ “ฮาเดส“ ได้พูดสอบถามขึ้นมา และเมื่อทางท่านยมบาลฯ ได้เข้ามาเช็ครายละเอียดต่างๆแล้วก็ไม่ได้พบอะไรที่ผิดปกติ จากนั้นทางเทพ “ฮาเดส“ จึงได้ทำการกดปุ่มอะไรบางอย่าง จากนั้นก็มีรัศมีของแสงที่ออกเป็นสีชมพูอ่อนๆมาอยู่ล้อมรอบร่างของทั้งสามคน โดยที่ทั้งสามคนก็ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองต่อไป 

            “นี่ถ้าทุกอย่างเลือกได้ถูกต้องแล้ว จากนั้นก็สามารถเลือกให้คนพวกนี้นั้นไปเกิดที่ไหนเลยก็ได้ซินะ...อื้อหือ ยอดเยี่ยมมาก เท่าที่ดูๆแล้ว เราสามารถเลือกให้ไปเกิดได้หลากหลายพื้นที่เลยทีเดียวทั้งในยุโรปและเอเซียเลย แสดงว่าหลังจากนี้ ถ้ามีพวก “ คนบาป “ สิ้นชีพลงที่ไหน ก็สามารถเก็บเอาวิญญาณมาดูแลจัดการได้ในทั้งสองภูมิภาค และก็สามารถส่งลงไปเกิดได้อย่างสะดวก เช่นกันซินะ...ส่วนจะให้ไปเกิดเป็นอะไรนั้น ก็สามารถเลือกได้หลากหลายเช่นกัน...จะให้ไปเกิดเป็นนกอินทรีย์...หรือกระทั่งให้ไปเป็นปลาแซลมอนก็มีให้เลือกไปเกิด...จะว่าไปแล้วก็น่าสนุกดีเหมือนกันนะ... ใหนข้าลองเลือกเล่นๆดูหน่อยซิ เห็นมีบอกในคู่มีอว่าในตอนที่เลือกเสร็จแล้วจะมีกราฟฟิคปรากฏขึ้นมาแสดงด้วย งั้นขอข้าฯลองเลือกเล่นๆดูละกัน อยากเห็นว่า ถ้าไม่ได้เลือกให้เกิดเป็นมนุษย์ แล้วมันจะแสดงกราฟฟิคยังไง...เจ้าสามคนคงไม่ถือสาข้านะ ขอข้าฯลองเทสต์ๆ การใช้งานดูซักหน่อย...จะได้เห็นภาพซักนิดหนึ่ง เอาเป็นปลาแซลมอนก็แล้วกันนะ ดูซิว่าในส่วนกราฟฟิคจะแสดงภาพออกมาเป็นอย่างไรบ้าง ?“

            ชายหนุ่มและหญิงสาวทั้งสองคนก็ได้แต่ยิ้มให้และหัวเราะแฮ่ะๆ...เมื่อคนระดับเทพฯของพิภพยมโลกนั้นพูดขอมา ก็ทำให้ไม่สามารถที่จะปฏิเสธอะไรได้  จากนั้นก็เหมือนจะมีภาพกราฟฟิคเป็นรูปปลาแซลมอนขึ้นมาอยู่บริเวณด้านบนหัวของพวกเขา พร้อมกับรัศมีของวงแหวนที่เหมือนกับการกำหนดเลือกเป้าหมายเป็นการเฉพาะเจาะจงเอาไว้ครอบคลุมพวกเขาทั้งสามคนไปจนทั่ว โดยทางเทพ “ ฮาเดส “ ก็ได้ทดลองกดปุ่มและลองใช้งานระบบต่างๆอยู่อย่างตั้งใจเลยทีเดียว

             ซึ่งในส่วนของกราฟิคก็สามารถทำออกมาได้เป็นรูปปลาแซลมอนได้ครบทุกชนิดเลยทีเดียว เรียกได้ว่าข้อมูลในระบบนั้นทำออกมาได้ละเอียดเอามากๆ พูดได้เลยว่ารายละเอียดในระบบที่ทำขึ้นมานี้นั้น สามารถรองรับความหลากหลายทางชีวภาพของสัตว์ต่างๆในโลกรวมทั้งเชื้อชาติของมนุษย์เผ่าพันธุ์ต่างๆ ที่จะทำให้ในการนำพาเหล่า “คนบาป“ และ “สัตว์นรก“ ทั้งหลายไปกำเนิดใหม่นั้นทำได้อย่างสะดวกสบาย

            และในขณะที่ทางเทพ “ฮาเดส“กำลังทดลองเทสต์ระบบเหล่านี้อย่างเพลิดเพลิน โดยมีการลองกำหนดนั่นกำหนดนี่ต่างๆนานา ให้กับเหล่า “คนบาป“ ไปมากมายหลายคนอย่างเพลิดเพลินเลยทีเดียว ไม่เพียงแต่กับทั้งชายหนุ่มและหญิงสาวทั้งสามคนนี้เพียงเท่านั้น แต่แล้วก็มียมฑูตตนหนึ่งได้ขออนุญาตเข้ามาในลานที่กำลังมีการทดลองระบบอยู่นั้น ก่อนที่ยมฑูตตนนั้นจะกล่าวขออนุญาตขึ้นมาต่อเหล่าคนสำคัญของพิภพนรกที่อยู่ตรงนั้นว่า

            “ท่านพญายมฯฯ , ท่านฮาเดส , ท่านฮิปนอส และ ท่านทานาทอส ข้าพเจ้าฯ ขออนุญาตแจ้งข่าวว่า เมื่อซักครู่เจ้าม้า “เปกาซัส“ เพิ่งนำเอกสารสำคัญอันหนึ่งจากทางท่าน “ซูส“ มาส่งให้ท่าน “ฮาเดส“ครับ !!!“

             ฉับพลันนั้นท่าทีของ เทพ “ฮาเดส“ ซึ่งแต่ก่อนนี้อยู่ในสภาพของบุรุษที่ดูมีความเยือกเย็นอารมณ์ดี และมีความเป็นสุภาพบุรุษอยู่ตลอดเวลานั้น ก็ถึงกับนิ่งงันไปชั่วขณะ พร้อมกับได้มีเสียงของชั้นบรรยากาศในบริเวณนั้นลั่นเปรี๊ยะขึ้นมาเป็นเหมือนกับกระแสไฟฟ้าช็อตขึ้นมาในห้วงอากาศภายในนรกขุมที่ 3 เลยทีเดียว และใบหน้าของท่านเทพ “ฮาเดส“ ก็มีอาการขาวซีดลง จนแทบจะออกสีเขียว ในลักษณะสีหน้าของคนที่เรียกได้ว่า “โกรธจนหน้าเขียว “นั่นแหล่ะ แต่ในภาพรวมแล้วก็ยังพยายามกลั้นความรู้สึกโกรธเอาไว้เป็นอย่างมากจนสังเกตเห็นได้เลยทีเดียว

““เปกาซัส“ !!! ซูส !!! ไอ้สองชื่อนี้ช่างสแลงหูข้ายิ่งนัก...!!!

            “เทพสูงสุดแห่งยมโลก“  พูดประโยคนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ จนเหมือนแทบจะคำรามเลยทีเดียว ส่วนเทพอีกสององค์ ผู้เป็นเหมือนมือซ้าย - มือขวา ก็มีทีท่าไม่พอใจเช่นกัน ทำเอาท่านพญายมฯฯเองนั้นถึงกับออกอาการหน้าเสียไปเหมือนกันก่อนที่จะระล่ำระลักสอบถามกับเทพผู้ยิ่งใหญ่แห่งพิภพยมโลกฝั่งตะวันตกโดยทันทีว่า

            “มันเกิดอะไรขึ้นหรือครับท่าน “ฮาเดส“ ปกติแล้ว ก็ไม่เคยเห็นท่านโกรธเคืองอะไรกับท่าน “ซูส“ ขนาดนี้เลยนี่ครับ...ปกติเวลาพูดถึงชื่อท่าน “ซูส“ แล้ว ท่านก็ไม่เคยมีปฏิกิริยาอะไรมากขนาดนี้เลย...เอ่อ...ขอโทษที่ข้าเสียมารยาท...แต่พี่น้องทะเลาะกันเรื่องอะไรหรือครับเนี่ย ?“

            ท่านยมบาลได้เอ่ยสอบถามกับทางเทพ “ฮาเดส“ กันแบบตรงๆ ด้วยเสียงที่ค่อนข้างเบา ยังไงเรื่องพวกนี้ก็เป็นเรื่องในครอบครัวของคนอื่นเขา ซึ่งก็ทำให้ทาง “ฮาเดส“ และเทพอีกสองคน ซึ่งก็ได้ถือ “เครื่องกำหนดชะตาชีวิต“ เอาไว้ในมือของตัวเอง แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะรับแขก ก่อนจะหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบเบาๆแล้ว ก็ถือแก้วกาแฟค้างเอาไว้ แล้วก็หันหน้ามาเอ่ยกับทางท่านพญายมฯด้วยเสียงอันเคร่งเครียดว่า   

“ก็เพราะไอ้เรื่องกาแฟนี่แหล่ะ...ที่ทำให้ข้านั้นโมโหถึงเพียงนี้ !!!“

            จากคำตอบที่ออกมาจากปากของเทพเจ้าแห่งยมโลกนั้น ทำเอา ท่านพญายมฯฯ เองถึงกับงงเป็นไก่ตาแตกเลยทีเดียว รวมทั้งบรรดา “คนบาป“ และ “สัตว์นรก“ ที่อยู่ในบริเวณนั้น ต่างก็หันมามองหน้ากันแบบงงๆ เช่นเดียวกัน ซึ่งพวกของ “สายชล“ ก็ไม่ได้แตกต่าง และครั้งนี้ชายหนุ่มก็อธิบายเรื่องราวให้สองสาวฟังไม่ได้ด้วยว่าเรื่องมันเป็นมายังไง เพราะดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวมากๆ ของเทพองค์นี้ ที่คนนอกคงยากที่จะเข้าไปล่วงรู้ได้จริงๆจากนั้นเทพสูงสุดแห่งยมโลกฝั่งตะวันตกแค่นเสียงพูดออกมาจนแทบเหมือนกับการคำรามลอดไรฟันออกมาเลยทีเดียว

            “วันก่อน เจ้า “ซูส“ มันเชิญข้าไปลองชิมกาแฟอันเลิศรสของมัน ที่มันบอกว่ามันได้ให้พวกชาวสวรรค์นั้นสร้างสรรค์ทำกาแฟชั้นยอดขึ้นมาได้ โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากการทำกาแฟรูปแบบหนึ่งของทางพิภพมนุษย์ในแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้  ไอ้ข้ารึก็นึกว่ามันคงเป็นกาแฟรสชาติใหม่ จากพวกต้นพันธุ์กาแฟใหม่ๆกระมัง ทีนี้เลยไปลองกินดู จริงๆมันก็รสชาติใช้ได้ แต่ที่มาของมันนั่นซิ ทำให้ข้านั้นกระอักกระอ่วนใจยิ่งนัก !!!“

              ท่านพญายมฯ จึงได้เข้าไปเอ่ยถามกับเทพสูงสุดแห่งยมโลกผู้นี้ในระยะใกล้ ด้วยเสียงกระซิบอย่างแผ่วเบาว่า...

“มันเป็นกาแฟแบบไหนหรือท่าน ?...“

       ทางเทพ “ฮาเดส“ จึงหันมาพูดกับพญายมฯ ด้วยเสียงที่ค่อนข้างดังจนแทบเหมือนจะคำรามว่า “มันให้เจ้าม้าเปกาซัสกับพวกม้าตัวอื่นที่เป็นเพื่อนของไอ้เปกาซัส กินเมล็ดกาแฟไปเยอะๆ แล้วก็ให้ ไอ้ม้าบ้าพวกนั้นมันขี้ออกมาเป็นเมล็ดกาแฟ  จากนั้นก็ให้พวกชาวสวรรค์เอาขี้ไปล้าง แล้วเอาเม็ดกาแฟมาคั่วให้ข้ากินนี่แหล่ะ...ดู๊ดู...มันทำกับข้าอย่างกับข้าเป็นตัวทดสอบเครื่องดื่มของพวกมันแน่ะ แล้วมันใช่เรื่องของเทพผู้ยิ่งใหญ่อย่างข้าไหม !!!  ที่ต้องมาลองกินกาแฟที่คั่วมาจากขี้ไอ้พวกสัตว์พวกนั้นอ่ะ !!! รู้ถึงไหน อายถึงนั่นกันหมดพอดี หนึ่งในเทพสูงสุดของโอลิมปัสอย่างข้าเนี่ยนะ ต้องมาเป็นหนูทดลองกินกาแฟขี้ม้าเปกาซัส มันใช่เรื่องไหม เนี่ย !!!“

            สิ้นเสียงพูดประโยคชุดนี้เข้า พื้นที่รอบๆข้างของศาลากลางใหญ่แห่งนรกขุมที่ 3 ถึงกับมีสายลมกรรโชก และมีเสีองสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วจนผู้คนและสัตว์นรกทั้งหลายที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวถึงกับตกใจกันอลหม่านกันเลยทีเดียว ส่วน สายชล กับ อีกสองสาวที่ฟังอยู่ด้านหน้า ใกล้กับที่เทพทั้งสามองค์ และท่านพญายมฯอยู่ด้วยนั้น ได้ยินเรื่องราวทั้งหมดอย่างชัดเจนเลยทีเดียว ซึ่งเมื่อชายหนุ่มฟังแล้วก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของเทพสูงสุดแห่งยมโลกท่านนี้อยู่เหมือนกัน เพราะเรื่องของรสนิยมในการกินนั้น เป็นเรื่องที่เราบังคับให้ชอบกันไม่ได้ อาหารบางอย่างจริงๆ ก็เอร็ดอร่อยแหล่ะ แต่หลายๆคนก็ไม่กล้ากิน อย่างเช่นพวกตัวหนอนทอดต่างๆ ตัวอ่อนแมลงต่อหรือ ด้วงสาคู ซึ่งก็เป็นอาหารที่เลิศรสสำหรับหลายๆคน แบบเอาเนื้อเสต็กมาแลกก็ไม่ยอม แต่สำหรับชายหนุ่มที่เป็นคนเกลียดหนอนแล้ว ถ้าเป็นตนเองใครมาบังคับให้กินก็ต้องมีต่อยกันไปข้างล่ะ เพราะสำหรับตัวเขานั้น เขากลัวหนอนชนิดต่างๆเป็นทีสุดเป็นต้น ดังนั้นจะไปกะเกณฑ์ให้ทุกๆคนนั้นชอบสิ่งที่คิดว่าจะเป็นเรื่องที่ดีนั้น บางทีก็ไม่ได้เสมอไป งานนี้ชายหนุ่มรู้สึกเห็นใจและคิดเข้าข้างทางของเทพ “ ฮาเดส “ อยู่เหมือนกัน ที่เขาว่ากันว่าด้านของทางมหาเทพ “ ซูส “ หรือ “ ซูส “ นี่แหล่ะที่เป็น “ ตัวตึงของสวรรค์ “ เป็นเทพเจ้าองค์หนึ่งที่ขยันสร้างเรื่อง สร้างราวจนชาวบ้านเขาปวดหัวมาตั้งแต่ในยุคสมัยที่เทพเจ้ายังเรืองอำนาจนี่ ก็เป็นคำกล่าวที่ไม่ได้เกินเลยความจริงไปเลยจริงๆ