'เอ็ม' ชายหนุ่มสิ้นหวังกับชีวิตที่เป็นอยู่ได้เกิดใหม่ในร่างของลูกชายเศรษฐีชื่อดังที่ชีวิตเพอร์เฟ็คทุกอย่าง แต่ทว่านั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางที่เต็มไปด้วยอันตรายเพื่อเรียนรู้ความหมายของการมีชีวิต

เกิดใหม่เป็นคนที่อยากจะเป็น ( The Reincarnated at Path of Wants) - [ 0 ] วินาทีก่อนสิ้นลม โดย Tumbleweed @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ดราม่า,เกิดใหม่,อาชญากรรม,สะท้อนปัญหาสังคม,แฟนตาซี,เกิดใหม่ในร่างคนอื่น,เกิดใหม่ ,แอคชั่น,ระทึกขวัญ,สะท้อนสังคม,อาชญากรรม,แฟนตาซี,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เกิดใหม่เป็นคนที่อยากจะเป็น ( The Reincarnated at Path of Wants)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,เกิดใหม่,อาชญากรรม,สะท้อนปัญหาสังคม,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

เกิดใหม่ในร่างคนอื่น,เกิดใหม่ ,แอคชั่น,ระทึกขวัญ,สะท้อนสังคม,อาชญากรรม,แฟนตาซี,ดราม่า

รายละเอียด

'เอ็ม' ชายหนุ่มสิ้นหวังกับชีวิตที่เป็นอยู่ได้เกิดใหม่ในร่างของลูกชายเศรษฐีชื่อดังที่ชีวิตเพอร์เฟ็คทุกอย่าง แต่ทว่านั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางที่เต็มไปด้วยอันตรายเพื่อเรียนรู้ความหมายของการมีชีวิต

ผู้แต่ง

Tumbleweed

เรื่องย่อ


Rate 20+

นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อสะท้อนสังคมและแง่คิดแบบตรงไปตรงมา เนื้อเรื่อง องค์กร ตัวละครภายในเรื่องล้วนถูกสร้างขึ้นจากจินตนาการ อาจมีความรุนแรง เพศ อบายมุข การใช้ภาษาไม่เหมาะสมและการกระทำไม่เหมาะสม ทางไรต์เตอร์ไม่ได้มีเจตนาสนับสนุนความรุนแรงหรือการกระทำผิดต่อหลักศีลธรรม แต่ต้องการนำเสนอความจริงของโลกสีเทาใบนี้ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


'เอ็ม' เป็นหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดปีที่ชีวิตไม่มีอะไรโดดเด่นเข้าขั้นไร้ตัวตน

ไม่มีงาน ไม่มีเงิน ไม่มีอนาคต ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง

ในทางกลับกันเขาได้ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายที่เขารู้จักกำลังประสบความสำเร็จในเส้นทางของตน ยิ่งตอกย้ำความกดดันให้ตัวเขารู้สึกไร้ค่า

เขาใช้ชีวิตไปวันๆ โดยไม่รู้เลยว่าความหมายแท้จริงของชีวิตคืออะไร แม้แต่เป้าหมายที่ควรมีก็หายไปนานแล้ว

วันหนึ่งเขาประสบอุบัติเหตุสาหัส ในขณะที่เขากำลังจะจากโลกนี้ไปก็ได้มีชายปริศนายื่นข้อเสนอที่จะให้เขากลับมามีชีวิตอีกครั้งในแบบที่ตัวเองปราถนาจะเป็นมาตลอด

เขาได้รับข้อเสนอและเกิดใหม่ในร่างของลูกชายนักธุรกิจชื่อดังที่ชีวิตสามารถใช้คำว่านอนบนกองเงินกองทองได้อย่างเต็มปาก ทุกสิ่งที่ชีวิตเขาไม่เคยมีก็ได้มากองรวมอยู่ตรงหน้าเพียงเอื้อมมือ

แต่ทว่า...

บางอย่างถูกซุกซ่อนเบื้องหลังฉากหน้าชีวิตแสนเพอร์เฟ็คกลับมีความลับมืดดำซ่อนอยู่ เขาต้องเอาชีวิตรอดจากสิ่งที่เขาไม่ได้เป็นคนก่อและเรียนรู้ความหมายของชีวิตอีกครั้ง

สารบัญ

เกิดใหม่เป็นคนที่อยากจะเป็น ( The Reincarnated at Path of Wants)-[ 0 ] วินาทีก่อนสิ้นลม

เนื้อหา

[ 0 ] วินาทีก่อนสิ้นลม

"อึก...อึก..."

ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกายราวกับมันกำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ แขนขาบิดเบี้ยวผิดรูปเพราะถูกรถสิบล้อชนเข้าอย่างจัง สติของเขากำลังเลือนลางได้ยินแต่เสียงวิ้งก้องในหัวไม่ได้ยินแม้แต่เสียงพูดวุ่นวายของเหล่าทีมแพทย์ที่พูดสื่อสารฟังไม่รู้เรื่อง ของเหลวสีแดงไหลนองผสมกับน้ำฝนที่โปรยลงมาท่วมถนน เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากนอนหายใจรวยรินจมกองเลือดแน่นิ่งอยู่กับพื้นคอนกรีตเย็นเฉียบจับขั้วหัวใจไร้ซึ่งความหวัง ดวงตาพร่ามัวเหม่อมองก้อนเมฆสีเทาที่เคลื่อนตัวลอยผ่านไปช้าๆ เหมือนกับเวลากำลังช้าลงขณะที่หางตาโดนแสงไฟจากไซเรนรถพยาบาลกับรถกู้ภัยแยงตา มันเป็นภาพที่ไม่น่าอภิรมณ์สำหรับคนใกล้ตาย 

เอ็มได้รู้ซึ้งแล้วว่าความตายอยู่แค่เอื้อม ลมหายใจที่เคยพ่นออกทิ้งมันไปวันๆ ตอนนี้กลับมีค่าจนเขาอยากจะสูดมันเก็บไว้ในปอดให้มากที่สุด น่าเสียดายกระดูกซี่โครงหักทำให้การหายใจแรงเพียงครั้งเดียวก็สร้างความทรมานให้เขาเจียนตายไวกว่าเดิม ทุกวินาทีที่ผ่านไปช่างยาวนานเป็นอนันต์ จะตายก็ไม่ตายให้เสียทีราวกับมันต้องการให้เขาทรมานช้าๆ ถึงขีดสุด เขาหลั่งน้ำตาอาบสองแก้มยอมรับชะตากรรมน่าอนาถที่จบลงด้วยวัยยี่สิบเจ็ดปีที่พึ่งผ่านวันเกิดมาแค่สัปดาห์เดียว 

"ทำไม...ทำไมต้องเป็น...แบบนี้ด้วย..."

คำถามไร้ซึ่งคนตอบพูดในใจ เขารู้ว่าตัวเองมันน่าสมเพชขนาดไหน ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาไม่เคยคิดจะจริงจังทำอะไรสักอย่างได้สักครั้ง ใช้ชีวิตครึ่งๆ กลางๆ เพราะมัวแต่สนใจคำคนอื่น ความกลัวไม่ใช่สิ่งเลวร้ายสุดสำหรับเขา สิ่งที่แย่ที่สุดคือเขามักผลักโอกาสที่เข้ามาทิ้งขว้างแล้วเมื่อเห็นทุกคนได้ดีกว่าก็มักโทษชะตาฟ้าดินที่ไม่เคยให้เขาตามปราถนา ความคิดของพวกขี้แพ้กัดกินจนทำให้ชายหนุ่มหมดไฟกับการดิ้นรนสู้ชีวิต แต่ทว่าพอได้มายืนปากเหวความเป็นความตายกลับเสียดายทุกอย่างที่เขาไม่คิดสู้สักครั้ง ดั่งคำโบราณที่ว่าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา

ในตอนนั้นเขาได้ยินเสียงบางอย่าง มือถือที่ตกกระเด็นไม่ไกลจากร่างเขาไปไม่กี่คืบแจ้งเตือนข้อความ เขาพยายามจะเอื้อมมือไม่เหลือเรี่ยวแรงไปหยิบมัน หวังว่าข้อความที่เข้ามาจะไม่ใช่ข้อความไร้สาระแต่เป็นของใครสักคนที่เขารู้จัก หรืออาจจะเป็นของพ่อกับแม่ที่มักส่งคำอวยพรหรือกำลังใจมาให้เขาเสมอ อย่างน้อยก่อนตายก็ขอสัมผัสสิ่งสุดท้ายที่เขาจับต้องได้

"ไม่ได้นะครับ ห้ามขยับนะครับคุณ"

เขาก็ต้องผิดหวังเมื่อทีมแพทย์คนหนึ่งจับแขนเขาไว้พยายามไม่ให้ขยับเพราะร่างกายของเขาอยู่ในภาวะอันตราย ตอนนี้ทีมกู้ชีพเข้ามาห้อมล้อมช่วยเหลือเขาสุดกำลัง

"แม่งเอ๊ย..." เขาทำได้เพียงสบถในใจ ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

ขณะที่เขากำลังสิ้นหวังกับการมีชีวิตรอด เขาได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังเดินมาทางเขาช้าๆ เสียงนั่นมันดังก้องกังวาลชัดเจนต่างกับเสียงรอบกายเขาที่อุดอู้ฟังไม่เป็นศัพท์ราวกับว่ามันกำลังก้องในหัวเขาคนเดียว 

ทันใดนั้นหางตาเขาเห็นอะไรบางอย่างที่ผิดแปลกจึงค่อยๆ หันคอไปมอง พบว่ามีใครบางคนปรากฏยืนค้ำหัวของเขา ลักษณะเป็นผู้ชายสวมสูทผูกไทดูภูมิฐานมีระดับ เนคไทสีแดงกลางอกตัดเข้ากับสูทดำโดดเด่นในความมืด เขาไม่สามารถเห็นใบหน้าของชายปริศนาได้เพราะเอียงคอหันหน้ามากกว่านี้ไม่ได้แล้ว น่าแปลกที่พวกเจ้าหน้าที่ไม่สังเกตุเห็นเหมือนกับว่าไม่มีตัวตน

"มนุษย์หนอมนุษย์..."

น้ำเสียงโทนต่ำเหมือนคนแก่มีอายุน่าขนลุกของชายปริศนาดังฟังชัดเจนเต็มสองหู

"ไง รู้สึกเสียดายชีวิตบ้างไหม ตอนมีชีวิตก็ใช้ชีวิตแบบทิ้งขว้าง พอใกล้ตายถึงได้รู้ซึ้งคุณค่าของมันใช่ไหมล่ะ คุณเอ็ม?"

เขาตกใจแต่ไม่สามารถออกอากัปกิริยาผ่านร่างกายบอบช้ำปางตายได้ จึงทำได้เพียงนอนมองตาลอยใกล้ดับเต็มที

"อืม...คุณคงไม่เข้าใจสินะ เอาเป็นว่าคุณอยากมีชีวิตรอดไหม?"

คำถามจากชายปริศนาทำให้เขาสับสน ไม่รู้เลยว่าเป็นใคร หรือคุ้นเสียงแม้แต่น้อย แถมยังพูดจาดูเหลวไหล

"อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ผมเป็นใครมันไม่สำคัญหรอก รู้แค่ว่าการสนทนานี้มีแค่เราสองคนที่รู้ ปกติแล้วผมจะไม่ลงมาที่นี่ด้วยตัวเองหรอกนะ ผมจำได้ว่าผมส่งข้อความไปให้คุณแล้ว แต่ดูจากสภาพคุณตอนนี้แล้ว เอิ่ม...ช่างมัน ผมจะขอถามอีกครั้ง อยากมีชีวิตอยู่ต่อไหม?"

เขาก็ยังไม่เข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ดี ยังคงนอนแน่นิ่งเป็นผักเหม่อมองไร้การตอบสนอง

"หืม...คุณไม่อยากจะมีชีวิตต่อหรือไง?"

"..."

"เห้อ...มนุษย์นี่มันเข้าใจอะไรยากจริง ฉันจะไม่อธิบายให้ยืดยาวแล้วกัน ดูท่าคุณคงจะอยู่ได้อีกไม่นาน เพราะงั้นฟังฉันให้ดี"

"..."

"นายภาคภูมิ คงใจ อายุพึ่งยี่สิบเจ็ดปีเมื่อหลายวันก่อน เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาที่ใช้ชีวิตจืดสนิท ไม่สิ ต้องบอกว่าไม่มีอะไรให้น่าจดจำมากกว่า จะบอกว่าเป็นคนประเภทไม่เอาอ่าวก็ไม่เชิง การเรียนก็งั้นๆ เข้าสังคมก็ไม่เก่ง ไม่เคยมีความรัก อืม...ต้องบอกว่ามีแต่ไม่กล้าแสดงออกจนไม่เคยสมหวัง ใช้ชีวิตเตะฝุ่นไปวันๆ เหมือนคนหลงทางไม่มีจุดหมาย ไม่มีงาน ไม่มีเงิน ไม่มีอนาคต ไม่มีอะไรเลย! ทุกอย่างล้วนมาจากความไม่มั่นใจในตัวเองที่สูงเกินจนกลบทุกอย่างไม่เหลือชิ้นดี"

เมื่อเขาได้ยินคำพูดจากปากของชายปริศนาก็ทำให้น้ำตาไหลพรากไม่หยุดเพราะมันคือความจริงแสนโหดร้ายที่ตัวเขาเป็นมาตลอด เรียนจบมาแล้วสี่ปีแต่ยังคงหางานไม่ได้เสียที ครั้งล่าสุดไปสมัครงานกับบริษัทแห่งหนึ่งก็ถูกปฎิเสธโดยทันทีเพราะจบมาจากมหาลัยที่ผู้คนต่างตราหน้าว่าเป็นมหาลัยของคนไม่มีที่ไปสุดห่วย เพียงเห็นแค่ชื่อสถาบันก็โดนเหยียดว่าเป็นพวกไม่มีความสามารถ ประโยคที่เขาได้ยินบ่อยสุดทั้งในโลกจริงและโลกออนไลน์คือเรียนส่งๆ ไปยังไงก็จบ แถมเขาเองก็ไม่ใช่นักศึกษาเกรียตินิยมติดอันดับก็ยิ่งตอกย้ำดับฝันที่จะได้งาน

มันก็จริงอย่างที่ชายปริศนาพูดไม่มีผิดเพราะตัวเขาเองก็เป็นคนประเภทครึ่งๆ กลางๆ ทำอะไรก็ไปไม่สุดสักทาง ตอนเรียนก็ทำงานส่งอาจารย์แบบขอเสร็จไปทีเพื่อที่จะกลับไปในโลกของตัวเอง ดูเหมือนว่าตอนนี้ระเบิดเวลาของเขามันได้ทำงานให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจน มันเป็นหนึ่งในความเสียดายของเขาที่ไม่อาจย้อนกลับ หากเขาเลือกที่จะก้าวผ่านความกลัว ลองตั้งใจทำอะไรสักอย่างให้สำเร็จตั้งแต่ตอนนั้นอย่างน้อยคงไม่ลำบากเหมือนตอนนี้ มารู้ตัวอีกทีในวันที่สายเกินไปเสียแล้ว

"เห็นนั่นไหม?"

ชายปริศนาชี้ไปทางหนึ่งที่มีเด็กนักเรียนหญิงมัธยมปลายตัวเปียกโชกกำลังนั่งหน้าถอดสีกอดอกเสียขวัญอยู่ท้ายรถพยาบาล

"อันที่จริงชะตามรณะต้องเป็นของเด็กคนนั้น วันนี้มันถูกกำหนดไว้แล้วว่าเธอต้องตาย แต่คุณก็ดันอยากเป็นฮีโร่เข้ามารับชะตากรรมแทน ก็ดูน่าสรรเสิญอยู่หรอกนะสำหรับคนไม่เอาถ่าน หึๆ"

"..." เขานิ่งเงียบไร้คำพูด มีเพียงสายตาสิ้นหวังที่ประกายความภาคภูมิในความดีที่เหลือน้อยนิดในตัว

"อืม...ดูท่าคุณคงเต็มใจสละตัวเองเพื่อตายสินะ ไม่เห็นว่าตัวเองมีค่าพอจะให้มีชีวิตอยู่ต่อ เลยคิดจะมอบให้คนอื่นไปสินะ แต่ก็นะ ความตายไม่ถูกต้องแบบนี้มันไม่ช่วยให้คุณดูดีขึ้นหรอก"

"..."

ชายปริศนาเขยิบตัวเข้ามาใกล้ร่างสาหัสของเขา

"อยากตายมากขนาดนั้นเลยหรอ?"

"..."

"อืม...อยากรู้ไหมว่าความตายจริงๆ แล้วมันเป็นยังไง งั้นก็จงดูซะ" ชายปริศนายื่นมือขวามาแตะที่หน้าผากเขา แหวนโลหะสีทองรูปหัวกะโหลกนาบเข้าผิวหน้าก็ทำให้เขารู้สึกบางอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตมาก่อน 

ขณะที่กายเนื้อนอนอิดโรยอยู่บนพื้นถนน ในทางกลับกันความรู้สึกทางจิตถูกพาด่ำดิ่งไปยังห้วงลึกลับ มันเป็นสถานที่ที่ไม่อาจเห็นได้ด้วยตาเปล่าแต่มาในรูปแบบจิตสัมผัสในจินตนาภาพในหัวที่เต็มไปด้วยความหวาดผวา เขาสัมผัสได้ถึงความปวดแสบปวดร้อน ความเหน็บหนาวกัดกินปวดแสบปวดร้อน กลิ่นสาปอสุภะและความรู้สึกโกลาหลของสิ่งที่เขาเชื่อว่ามันคือดวงวิญญาณ ม่านตาขยายไม่หยุดทุกครั้งที่ได้ยินเสียงกรีดร้องนับไม่ถ้วนกำลังทุกข์ทรมานในภพภูมิอสงไขยแห่งความหฤโหด จิตใจของเขาถูกเติมเต็มด้วยความหวาดกลัวน่าสยดสยอง แต่ทว่าเขาไม่สามารถร้องตะโกนออกมาทางกายหยาบได้ วินาทีที่เขารู้สึกจะเป็นบ้าแบบตายทั้งเป็นก็ทำให้ได้สำนึกรู้แล้วว่าอบายภูมิมันน่ากลัวเสียยิ่งกว่าทุกอย่างในโลก

"เป็นไงล่ะ ทีนี้ได้รู้แล้วรึยังว่าความตายมันเป็นยังไง?" ชายปริศนาถากถางด้วยคำถามเหมือนกำลังเยาะเย้ยชะตากรรมของเขา

"นั่น...มัน...นั่นมัน...อะไร..." เขาพยายามพูดอีกครั้งด้วยความหวาดกลัว

"ไอ้พวกที่คุณเห็นนั่นคือพวกที่ตายอย่างไม่ถูกต้อง เห็นชีวิตตัวเองเป็นของไร้ค่า ถึงกับต้องสละชีวิตเพื่ออะไรโง่ ๆ บางอย่าง จิตสุดท้ายของคนพวกนั้นก็เลยไปอยู่ในทุกขภูมิ ฉันว่าคุณคงเคยได้ยินบ้างแหละ บาปที่แย่ที่สุดคือการเบียดเบียนตนเอง"

"ค...คุณ...เป็นใคร..." 

"ก็บอกอยู่ว่าผมเป็นใครไม่สำคัญ แต่ผมสามารถทำให้คุณกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ไม่ใช่แค่นั้นนะ ผมหมายถึงชีวิตที่คุณต้องการได้ทุกอย่างเลยล่ะ"

"..."

"ตกลงว่าจะรับข้อเสนอไหม อยากกลับไปใช้ชีวิตอีกสักครั้งนึงไหม?"

"..."

"ว่ายังไง หรืออยากจะลงไปแหวกว่ายในที่ที่คุณพึ่งไปมาดีล่ะ?"

"..." 

วินาทีนั้นเองเอ็มรู้สึกได้ว่าตัวเองเริ่มหายใจไม่ไหว สติหมดลงเรื่อยๆ เป็นการบอกว่าเวลาบนโลกของเขาหมดลงแล้ว ร่างกายไม่ตอบสนอง แม้ทีมกู้ชีพจะพยายามยื้อสุดกำลังทุกวิถีทางก็ไม่เป็นผล ภาพและเสียงเบลอใกล้ดับทุกชั่วขณะแต่ก็ยังรับรู้ได้ว่าคนพวกนั้นตัดสินใจแบกร่างเขาขึ้นเปลพยาบาลส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดดับ

ผ่านไปนานเท่าไหร่เขาไม่รู้ รู้สึกตัวอีกครั้งก็ตอนที่นอนบนเตียงอยู่ในรถพยาบาลที่รายล้อมด้วยทีมแพทย์พร้อมกับพ่วงอุปกรณ์พยุงชีวิตบนร่างกายเต็มไปด้วยสายระโยงระยาง ทีมแพทย์พยายามพูดกับเขาแต่เขาแทบไม่ได้ยิน

"คุณเอ็ม...คุณจะตายแบบคนไร้ค่าแบบนี้จริงหรอ?"

ในทางกลับกันชายปริศนาเขายังได้ยินชัดเจน เขานั่งอยู่ข้างเตียงรอฟังคำตอบจากเอ็ม สิ่งที่แปลกยังคงเหมือนเดิมคือไม่มีใครสังเกตุเห็นเขาเช่นเคย ความน่าตกใจอีกอย่างที่เอ็มพึ่งรับรู้คือใบหน้าแท้จริงของเขาถูกปิดบังด้วยเงาทมิฬสีดำกลายเป็นคนไร้หน้า บางทีชายคนนี้อาจเป็นยมทูตที่กำลังมารอรับตัวเขาก็เป็นได้ ถึงมันจะน่าเหลือเชื่อแต่เขาเริ่มคิดเช่นนั้น

"..."

"สรุปแล้วคุณจะไม่อยากมีชีวิตแล้วใช่ไหม? นี่ฉันกำลังเสียเวลากับคนที่อยากจะลงในนรกใจจะขาดงั้นหรือเนี่ย"

"..."

ชายปริศนาเห็นว่าพูดไปคงไม่มีประโยชน์ที่จะเกลี้ยกล่อมได้

"เอาเถอะ ผมยอมรับการตัดสินใจของคุณ เจอกันที่ยมโลกแล้วกันนะ หวังว่าแต้มบุญที่สะสมมาจะช่วยคุณได้บ้าง"

ทันใดนั้นเองเสียงเครื่องวัดชีพจนร้องเตือนว่าอัตราการเต้นของหัวใจต่ำลงเรื่อยๆ ทีมแพทย์วุ่นวายรีบทำการช่วยชีวิตเขาอีกครั้งด้วยการปั๊มหัวใจ ร่างกายเขาเองก็รู้ว่าวิญญาณกำลังจะหลุดออกจากร่าง

วินาทีสุดท้ายของชีวิตมาถึงแล้ว ความทรงจำเมื่อครั้นยังมีชีวิตได้ผุดขึ้นมาในหัวเขา ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเป็นฉากเริ่มจากลืมตาดูโลกในอ้อมอกของแม่ เดินเตาะแตะด้วยเสียงหัวเราะไปหาพ่อที่รออุ้มลูกชายหัวแก้วหัวแหวนด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจ เวลาผ่านได้เติบใหญ่เข้าศึกษาในโรงเรียนที่ทุกเช้าแม่จะทำอาหารมื้อโปรดให้อิ่มท้องก่อนไปโรงเรียน พ่อมักขับรถเก๋งคันเก่าที่จะพังแหล่ไม่พังแหล่มาส่งลูกชายก่อนไปทำงานทุกวัน พอเข้าสู่ระดับมหาลัยเรื่องพวกนั้นก็ห่างไกลจากเขาเรื่อยๆ มีเพียงข้อความและเสียงปลายสายที่เป็นห่วงเป็นใยว่าลูกจะลำบากกับชีวิตที่กำลังเติบโต จนมาถึงช่วงชีวิตสุดท้ายก่อนตายที่เขากลายเป็นพวกล้มเหลวอยู่หน้าคอมพ์ไปวันๆ

อดีตที่ผ่านมาตั้งแต่เล็กจนโตที่ไม่มีอะไรพิเศษน่าจดจำยังคงมีแสงสว่างรำไรในห้วงความว่างเปล่า ชายกับหญิงมีอายุสองคนที่คอยอยู่เคียงข้างเขาทุกช่วงเวลา ไม่ว่าเขากำลังตกที่นั่งลำบากขนาดไหน พ่อกับแม่ก็ยื่นมือมาโอบกอดเขาไว้เสมอ ไม่เคยบ่นสักคำว่าเหนื่อยกับชีวิต รอยยิ้มของพวกเขาในช่วงเวลาแห่งความสุขในอดีตที่มีเขาอยู่ด้วยได้ทำให้เขาตระหนักได้ว่าเขายังเหลือสิ่งสำคัญในชีวิตสิ่งสุดท้าย บุญคุณที่เขาไม่เคยได้มอบให้กับคนที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อเขาคนเดียว

"พ่อครับ...แม่ครับ..."

สติใกล้ดับได้ตระหนักสำนึกในวินาทีชีวิตบนเส้นด้ายความเป็นความตาย ความรู้สึกผิดทำความคิดปั่นป่วนอยากขอโอกาสอีกครั้ง หากเขาตายไปเสียตอนนี้มันก็เหมือนคนเห็นแก่ตัวเกินไปที่ทิ้งความทุกข์ทรมานไว้กับผู้มีพระคุณ เขายอมรับว่าตัวเองเป็นพวกขี้แพ้แต่อย่างน้อยจะไม่ขอเป็นลูกอกตัญญูเด็ดขาด 

"ด...เดี๋ยว..." เอ็มรวบรวมแรงพูดเปล่งเสียงแผ่วเบาห้ามไม่ให้ไป

"หึๆ ในที่สุดคุณก็เลือกแล้วสินะ"

"ช...ช่วย...ช่วยผม...ด้วยครับ" เอ็มออนว้อนด้วยสายตาเศร้าหมองจะหลับให้ได้ น้ำตาอาบแก้มอยากกลับไปมีชีวิตอีกครั้ง

"แน่นอนว่ามีแค่ผมเท่านั้นที่ช่วยคุณได้"

ฟังจากน้ำเสียงของเขาดูชั่วร้ายจนเอ็มรู้สึกได้ถึงความน่ากลัวบางอย่างที่กำลังรอเขาอยู่แต่ในเมื่อเขาไม่มีทางเลือกและเหลือเวลาไม่พอแล้วจึงต้องยอม

ชายปริศนาล้วงกระเป๋าสูทด้านในหยิบการ์ดอะไรบางอย่างออกมาแล้วชูขึ้นต่อหน้าให้เขาได้มองเป็นภาพสุดท้ายก่อนสิ้นลมหายใจ มันคือไพ่ทาโรต์รูปยมทูตถือเคียวยืนตระหง่านท่ามกลางหลุมศพนับพันที่มีตัวอักษรเขียนข้างล่างใบไพ่ว่า'DEATH'

"ผ...ผมต้อง...ทำยังไง..."

"คุณไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น แค่หลับตาลงซะ แล้วโชคชะตาจะพาคุณไปเอง"

ไม่มีเวลาเหลือให้เขาลังเลอีกแล้ว ในเสี้ยววินาทีสุดท้ายเขายอมทำตามหลับตาลงช้าๆ เห็นเพียงความมืดและเสียงของชายปริศนาที่ดังกังวานท่ามกลางสติที่กำลังดับลง


"คิดซะว่ามันคือเกม เกมที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาล จงเลือกเส้นทางชีวิตใหม่ต่อจากนี้ให้ดี เพราะหลังจากนี้คุณจะต้องเป็นคนกำหนดเอง"