หลิวซือเย่ นางระบำในวังที่ถูกสลับตัวกับองค์หญิงรอง ถูกนำไปเป็นของบรรณาการให้เผ่าหานหยวน นางไม่รู้ว่าบุรุษหนุ่ม ที่กำลังคร่อมร่างนางอยู่คือใคร หลิวซือเย่ตกใจแทบสิ้นสติ ชายคนนั้นกำลังทำให้นางเป็นของเขา

นางเริงระบำ - บทที่ 2 ใช่ท่านแม่ทัพหรือไม่ โดย ฟ่งเฟิ่งเซวียน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ย้อนยุค,จีน,องค์ชาย,จีนโบราณ,นางระบำ,อิโรติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

นางเริงระบำ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ย้อนยุค,จีน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

องค์ชาย,จีนโบราณ,นางระบำ,อิโรติก

รายละเอียด

หลิวซือเย่ นางระบำในวังที่ถูกสลับตัวกับองค์หญิงรอง ถูกนำไปเป็นของบรรณาการให้เผ่าหานหยวน นางไม่รู้ว่าบุรุษหนุ่ม ที่กำลังคร่อมร่างนางอยู่คือใคร หลิวซือเย่ตกใจแทบสิ้นสติ ชายคนนั้นกำลังทำให้นางเป็นของเขา

ผู้แต่ง

ฟ่งเฟิ่งเซวียน

เรื่องย่อ

เมื่อนางระบำอันดับหนึ่งถูกสลับตัวกับองค์หญิงที่ต้องไปแต่งงานเชื่อสัมพันธ์กับองค์รัชทายาทของเผ่าหานหยวน นางโดนวางยาไม่รู้สึกตัว ตื่นมาอีกทีก็อยู่ท่ามกลางขบวนเดินทางที่เต็มไปด้วยบุรุษแปลกหน้าเป็นสิบๆคนกลางทะเลทราย เเล้วนางจะหาทางหนีได้อย่างไหร่เล่า แถมยังโดนบุรุษปริศนากระทำชำเราทั้งคืนจนสลบ เเต่ปัญหาคือนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบุรุษผู้นั้นคือใครกัน จะเป็นท่านเเม่ทัพ? ท่านหมอ? หรือใครกันนะ?




“อ๊ะ ยะ อย่า อ๊า!!..อะ.. ซื๊ดดดส์~” เหตุใดคำร้องห้ามของนางจึงกลายเป็นเสียงครางกระเส่าไปได้ หลิวซือเย่ได้สติอย่างเต็มที่ร่างการตื่นตัวทุกส่วน บัดนี้นางกำลังร่วมรักอยู่กับบุรุษแปลกหน้าเช่นนั้นหรือ!

บุรุษผู้นั้นคล้ายไม่ได้ยิน ยังคงโยกขยับตอกตึงท่อนเนื้อเข้าออก นางได้ยินเพียงเสียงลมหายใจและเสียงครางต่ำในลำคอ ความรู้สึกตีรวนอยู่ที่ช่องของน้อย หลิวซือเย่ไม่ได้รู้สึกเจ็บที่กลางร่างกาย อาจเป็นเพราะตอนนางสลบไปก็ถูกชายแปลกหน้าชำแรกเข้ามาแล้ว ยามนี้จึงสัมผัสได้แค่ความเสียดเสียว ทุกครั้งที่แท่งหยกแข็งอัดเข้ามานางขมิบเกร็งรูฉ่ำแบบไม่รู้ตัว




สารบัญ

นางเริงระบำ-บทที่ 1 บุรุษปริศนา,นางเริงระบำ-บทที่ 2 ใช่ท่านแม่ทัพหรือไม่,นางเริงระบำ-บทที่ 3 พบหมอ,นางเริงระบำ-บทที่ 4 วาบหวิวบนม้า,นางเริงระบำ-บทที่ 5 กระโจมสวาท,นางเริงระบำ-บทที่ 6 รัญจวนบนเกวียน,นางเริงระบำ-บทที่ 7 เสร็จสมบนเกวียน,นางเริงระบำ-บทที่ 8 ลอบโจมตี,นางเริงระบำ-บทที่ 9 องค์ชาย? ,นางเริงระบำ-บทที่ 10 โยกย้ายบนม้า,นางเริงระบำ-บทที่ 11 เข้าตำหนัก,นางเริงระบำ-บทที่ 12 ต้องการเพียวเจ้า

เนื้อหา

บทที่ 2 ใช่ท่านแม่ทัพหรือไม่

เสียงเอะอะด้านนอกปลุกคนในกระโจมให้ฟื้นจากการหลับใหล หลิวซือเย่กระพือเปลือกตาขึ้นช้าๆ จนกระทั่งตื่นเต็มตาถึงรู้ว่าเช้าแล้ว นางหยัดตัวลุกขึ้นมองบรรยากาศรอบข้างอย่างประหลาดใจ เพิ่งรู้ว่าบัดนี้ตัวเองอยู่ในกระโจมของผู้ใดก็ไม่ทราบได้ เมื่อก้มลงมองที่เตียงก็พบว่าเปียกชุ่มไปหมด ฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ไม่ใช่แค่ความฝัน!

หลังจากที่หลิวซือเย่ทำการแสดงในท้องพระโรงเสร็จสิ้น ทุกอย่างมันก็ผิดที่ผิดทางไปหมดนาง ไม่รู้จริงๆ ว่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร และสถานที่แห่งนี้คือที่ใดกันแน่ นางระบำคนสวยหย่อนขาลงข้างเตียง ยืนด้วยความสั่นเทาร่างกายนางปวดหน่วงไปหมด แต่ด้วยความอยากรู้จึงค่อยๆ เดินออกไปนอกกระโจม…แล้วก็ต้องตื่นตะลึง!

ท่ามกลางทะเลทรายที่เวิ้งว้าง มีกระโจมหลายหลังตั้งอยู่ บางหลังจะถูกเก็บเสร็จเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังมีสัมภาระมากมาย รวมถึงม้าและอูฐหลายสิบตัว ดวงตากลมโตเบิกตะลึงงันคิดไม่ออกเลยว่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร จนกระทั่งมีบุรุษผู้หนึ่งเดินผ่านหน้า นางจึงอยากสอบความให้แน่ชัด

“พี่ชาย ที่นี่คือที่ใดกัน” ในขณะที่ถามก็ทางมองสำรวจไปด้วย บุรุษตรงหน้าและอื่นๆ แต่งกายแบบเดียวกัน ด้วยชุดคลุมสีดำบนหัวมีผ้าโพกศีรษะเพื่อเอาไว้ป้องกันฝุ่นทราย สีผิวบนใบหน้าดูอย่างไรก็ไม่เหมือนคนในเมืองหลวง

“กลางทะเลทราย”

หลิวซือเย่พูดย้ำ สายตามองสำรวจไปรอบๆ อีกครั้ง ก็พบว่ามีแต่ทรายไกลสุดลูกหูลูกตา มีใครเล่นกลอันใดกับนางหรือไม่ เหตุใด จึงมาอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ความทรงจำสุดท้ายของนาง คืออยู่ในห้องรับรองภายในพระราชวัง ตนก็เดินกลับห้องเปลี่ยนชุดเพื่อเตรียมตัวกลับสำนักพร้อมนางระบำคนอื่น นางจำได้เท่านั้นแล้วทุกอย่างก็ดับวูบไป 

“แล้วเหตุใดข้าถึงมาอยู่ที่นี่ แล้วเรากำลังจะเดินทางไปที่ใดหรือ” 

เมื่อได้ฟังคำถามชายผู้นั้นขมวดคิ้วเข้าหากัน มองนางตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะตอบ “องค์หญิง ท่านคือว่าที่เจ้าสาวที่ถูกส่งมอบให้ชนเผ่าของเราท่านลืมแล้วหรือไร เราจะไปที่ใดกันได้นอกจากเผ่าหานหยวนท่านไม่สบายหรือไม่ข้าจะเรียกหมอมาดูอาการ”

คาราวานของชนเผ่าหานหยวนมีคณะทูต แม่ทัพ ทหารและข้ารับใช้ รวมถึงมีหมอร่วมเดินทางมาด้วย เพราะสภาพอากาศกลางทะเลทรายนั้นแปรปรวนมาก อาจมีคนล้มป่วยขณะเดินทางได้ ชายผู้นั้นมองสำรวจสตรีตรงหน้าอย่างครุ่นคิด กลัวว่าจะไม่ชินกับสภาพอากาศแล้วเจ็บไข้ นางเป็นองค์หญิงที่ถูกส่งต่อให้องค์ชายแห่งเผ่าหานหยวน ทุกคนจึงไม่กล้ายุ่งกับนางได้ แต่ต้องคอยดูแลไม่ให้องค์หญิงได้รับอันตราย

“ไม่เป็นไร ข้า...ข้าสบายดี ขอบใจเจ้ามาก” 

พูดจบนางก็รีบเข้ากระโจมด้วยใจเต้นระส่ำ พวกนั้นบอกว่านางคือองค์หญิงอย่างนั้นหรือ...เรื่องนี้มีบางอย่างผิดปกติ! คืนวันที่นางเข้าไปแสดงระบำในพระราชวัง ได้ทราบข่าวระหว่างวังหลวงกับชนเผ่าหานหยวน ทางนั้นต้องการองค์หญิงรองเป็นเจ้าสาวเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ ฮ่องเต้เองก็ทรงประทานอนุญาตเพราะอยากสานสัมพันธ์อันดี เผ่าหานหยวน อยู่ทางเหนือที่มีอากาศหนาว แต่มีทรัพยากรที่ล้ำค่า และพละกำลังของคนชนเผ่านั้นก็แข็งแรง มีประสิทธิภาพทางการทหารด้วย ฮ่องเต้ทรงเห็นว่าการยกองค์หญิงให้ ก็เสมือนได้สร้างสัมพันธไมตรีดึงชนเผ่าหานหยวนเข้าเป็นพวก 

แล้วเหตุใดคนที่เดินทางมาถึงกลายเป็นนางล่ะ! 

ดูเหมือนว่าคนในชนเผ่าจะไม่ทราบว่าถูกสลับตัวกัน หลิวซือเย่คิดทบทวนอย่างรอบคอบ หากนางเดินไปบอกท่านแม่ทัพของเผ่าหานหยวน ว่านางเป็นตัวปลอม นางอาจถูกส่งกลับ แต่ไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังในพระราชวัง ว่าเกิดเหตุอันใด อาจเป็นการทำลายสัมพันธ์ทำไมตรีระหว่างทั้งสองเมืองได้

แต่หากนางเลือกที่จะอยู่ต่อสวมรอยเป็นองค์หญิงรอง เช่นนั้นก็เท่ากับว่านางต้องไปเป็นพระชายาขององค์ชายเผ่าหานหยวน เมื่อนึกถึงตรงนี้ภาพยามค่ำคืนก็ฉายชัดเข้ามาในสมอง นางร่วมรักกับบุรุษแปลกหน้า ฉะนั้นจึงไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ และหากรับสมอ้างเป็นองค์หญิงรอง องค์ชายของเผ่าหานหยวนอาจกริ้วได้ เรื่องที่นางไม่ใช่สาวพรหมจรรย์ ไม่ว่าจะทางใดก็มีแต่จะนำมาซึ่งความเดือดร้อน

หรือจะหนีไปเสียตอนนี้เลยดีนะ?

ทว่าเมื่อมองไปรอบๆ ก็พบแต่ความเวิ้งว้างของทราย จะหนีไปไหนได้เล่ารั้นแต่จะเอาชีวิตไปทิ้งเสียเปล่า สู้นาง หาความจริงเรื่องบุรุษปริศนาไม่ดีกว่าหรือ อย่างไรเสียก็ตกเป็นของเขาแล้ว นางแน่ใจว่าต้องเป็นคนหนึ่งคนใดที่รวมเดินทางมาด้วยแน่นอน

หลิวซือเย่พุงเป้าไปที่แม่ทัพก่อนเป็นอันดับแรก เพราะพวกคนใช้คงไม่กล้ายุ่มย่ามกับองค์หญิงผู้สูงศักดิ์เป็นแน่ คิดได้ดังนั้นจึงเปลี่ยนอาภรณ์ใหม่ หยิบชุดคลุมที่วางอยู่ในกระโจมมาสวม ใส่พร้อมผ้าคลุมกันฝุ่นทราย แล้วรีบเดินออกมาข้างนอกทันที

นางไม่รู้ว่าหน้าตาของท่านแม่ทัพเป็นอย่างไร เลยสังเกตจากบุคลิกและองค์ประกอบภายนอก เห็นบุรุษผู้หนึ่งถือดาบในมือไว้ตลอดเวลา จึงคิดว่านั่นคงเป็นท่านแม่ทัพของเผ่าหานหยวนที่ร่วมเดินทางมาด้วย จึงเดินเข้าไปทักทาย ยังไม่ทันเอ่ยปากบุรุษหนุ่มผู้องอาจก็ หันมาทำความเคารพก่อน

“องค์หญิง ท่านตื่นพอดี อาหารใกล้เสร็จแล้วท่านหิวหรือไม่”

“ข้ายังไม่หิว... ท่านคือ?”

“ข้าหลู่หงซวน เป็นแม่ทัพหลักที่คุมกองกองคาราวานในครั้งนี้” เคยเจอองค์หญิงรองในท้องพระโรง แต่นางอาจจะจำไม่ได้จึงแนะนำตัวอีกครั้ง นอกจากเป็นแม่ทัพแล้ว ยังเป็นน้องชายของรัชทายาทเผ่าหานหยวนอีกด้วย

“ขอบคุณท่านแม่ทัพ ที่ดูแลข้าเป็นอย่างดี” นางสังเกตเห็นว่าสายตาที่เขามองมาช่างเร่าร้อนนัก หรือบุรุษแปลกหน้าที่เข้าหานางยามค่ำคืนจะเป็นเขา…

“มิลำบาก เป็นหน้าที่ของข้าที่ต้องคอยดูแล จนกว่าท่านจะเดินทางถึงชนเผ่าหานหยวน” ในขณะที่พูดก็ยังคงจ้องดวงหน้าสวยขององค์หญิงรองไม่วางตา

องค์รัชทายาทพึงใจองค์หญิงร้อง จึงจะเสนอให้นางเป็นของบรรณาการ ในเผ่าหานหยวนมีประเพณีที่ไม่เหมือนเมืองหลวง หากพี่น้องในตระกูลชอบพอหญิงคนเดียวกัน ก็สามารถอยู่กินฉันท์สามีภรรยาได้ สตรีตรงหน้างดงามยิ่งนักมีบุรุษคนใดบ้างที่เห็นแล้วจะไม่หลงใหล เว้นเสียแต่คนผู้นั้นตาบอด

“เชิญองค์หญิงกลับที่พักก่อน หากมื้ออาหารเรียบร้อยแล้ว ข้าจะให้คนยกไปให้”

“เช่นนั้นข้าต้องรบกวนท่านแล้ว”

นางเดินกลับเข้ากระโจมอย่างว่าง่าย โดยที่ท่านแม่ทัพหนุ่มยังคงยืนมองอยู่ที่เดิมจนนางหายไปสายตา องค์หญิงรองงดงามทั้งหน้าตาและกิริยา ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเหตุใดนางจึงเดินทางมาเพียงลำพัง เมื่อวานนี้เขาเดินทางไปรับนางด้วยตัวเอง พบว่าองค์หญิงไม่มีคนรับใช้เฝ้าติดตาม โดยองครักษ์ที่มาส่งบอกว่านางตั้งใจอยากจะมาเพียงลำพัง และองค์ฮ่องเต้ก็ทรงอนุญาตแล้ว ในขณะนั้นแม่ทัพหนุ่มเร่งรีบกับการเดินทาง จึงไม่ได้คิดค้นหาคำตอบ คาราวานของเขามีแต่ผู้ชายกลัวจะอำนวยความสะดวกให้กับองค์หญิงรองได้ไม่เต็มที่

แต่การที่นางเดินทางมาลำพัง ก็ง่ายการจัดการ…