หลิวซือเย่ นางระบำในวังที่ถูกสลับตัวกับองค์หญิงรอง ถูกนำไปเป็นของบรรณาการให้เผ่าหานหยวน นางไม่รู้ว่าบุรุษหนุ่ม ที่กำลังคร่อมร่างนางอยู่คือใคร หลิวซือเย่ตกใจแทบสิ้นสติ ชายคนนั้นกำลังทำให้นางเป็นของเขา

นางเริงระบำ - บทที่ 3 พบหมอ โดย ฟ่งเฟิ่งเซวียน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ย้อนยุค,จีน,องค์ชาย,จีนโบราณ,นางระบำ,อิโรติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

นางเริงระบำ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ย้อนยุค,จีน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

องค์ชาย,จีนโบราณ,นางระบำ,อิโรติก

รายละเอียด

หลิวซือเย่ นางระบำในวังที่ถูกสลับตัวกับองค์หญิงรอง ถูกนำไปเป็นของบรรณาการให้เผ่าหานหยวน นางไม่รู้ว่าบุรุษหนุ่ม ที่กำลังคร่อมร่างนางอยู่คือใคร หลิวซือเย่ตกใจแทบสิ้นสติ ชายคนนั้นกำลังทำให้นางเป็นของเขา

ผู้แต่ง

ฟ่งเฟิ่งเซวียน

เรื่องย่อ

เมื่อนางระบำอันดับหนึ่งถูกสลับตัวกับองค์หญิงที่ต้องไปแต่งงานเชื่อสัมพันธ์กับองค์รัชทายาทของเผ่าหานหยวน นางโดนวางยาไม่รู้สึกตัว ตื่นมาอีกทีก็อยู่ท่ามกลางขบวนเดินทางที่เต็มไปด้วยบุรุษแปลกหน้าเป็นสิบๆคนกลางทะเลทราย เเล้วนางจะหาทางหนีได้อย่างไหร่เล่า แถมยังโดนบุรุษปริศนากระทำชำเราทั้งคืนจนสลบ เเต่ปัญหาคือนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบุรุษผู้นั้นคือใครกัน จะเป็นท่านเเม่ทัพ? ท่านหมอ? หรือใครกันนะ?




“อ๊ะ ยะ อย่า อ๊า!!..อะ.. ซื๊ดดดส์~” เหตุใดคำร้องห้ามของนางจึงกลายเป็นเสียงครางกระเส่าไปได้ หลิวซือเย่ได้สติอย่างเต็มที่ร่างการตื่นตัวทุกส่วน บัดนี้นางกำลังร่วมรักอยู่กับบุรุษแปลกหน้าเช่นนั้นหรือ!

บุรุษผู้นั้นคล้ายไม่ได้ยิน ยังคงโยกขยับตอกตึงท่อนเนื้อเข้าออก นางได้ยินเพียงเสียงลมหายใจและเสียงครางต่ำในลำคอ ความรู้สึกตีรวนอยู่ที่ช่องของน้อย หลิวซือเย่ไม่ได้รู้สึกเจ็บที่กลางร่างกาย อาจเป็นเพราะตอนนางสลบไปก็ถูกชายแปลกหน้าชำแรกเข้ามาแล้ว ยามนี้จึงสัมผัสได้แค่ความเสียดเสียว ทุกครั้งที่แท่งหยกแข็งอัดเข้ามานางขมิบเกร็งรูฉ่ำแบบไม่รู้ตัว




สารบัญ

นางเริงระบำ-บทที่ 1 บุรุษปริศนา,นางเริงระบำ-บทที่ 2 ใช่ท่านแม่ทัพหรือไม่,นางเริงระบำ-บทที่ 3 พบหมอ,นางเริงระบำ-บทที่ 4 วาบหวิวบนม้า,นางเริงระบำ-บทที่ 5 กระโจมสวาท,นางเริงระบำ-บทที่ 6 รัญจวนบนเกวียน,นางเริงระบำ-บทที่ 7 เสร็จสมบนเกวียน,นางเริงระบำ-บทที่ 8 ลอบโจมตี,นางเริงระบำ-บทที่ 9 องค์ชาย? ,นางเริงระบำ-บทที่ 10 โยกย้ายบนม้า,นางเริงระบำ-บทที่ 11 เข้าตำหนัก,นางเริงระบำ-บทที่ 12 ต้องการเพียวเจ้า

เนื้อหา

บทที่ 3 พบหมอ

นางนั่งรออยู่ไม่นานนัก สาวใช้ก็เดินยกสำรับอาหารเข้ามาส่งถึงในกระโจม นางสังเกตได้ว่าที่นี่มีผู้หญิงเพียงน้อยนิด และการที่ถูกสลับตัวมาเช่นนี้แน่ชัดแล้วว่า ทางราชสำนักรู้เห็นเป็นใจ มิเช่นนั้นเหตุใดจึงไม่มีสาวใช้ตามองค์หญิงรองมาเลยซักคน หากฮ่องเต้ทรงเต็มใจยกองค์หญิงให้ คงต้องจัดหาสาวใช้สี่ถึงห้าคน มาคอยดูแลระหว่างการเดินทางแล้ว แต่นี้มีเพียแค่สาวใช้จากเผ่าหานหยวนเพียงเท่านั้น

เรื่องนี้ย่อมต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง แต่นางไม่สามารถสืบความได้ เพราะออกจากเมืองหลวงมาแล้ว


อาหารมื้อนี้ไม่พิถีพิถันมากนักเป็นแผ่นแป้งกับธัญพืช และหัวมันเทศอีกสองสามหัว หลิวซือเย่เป็นนางระบำในสำนักเฟิงหวง ชีวิตความเป็นอยู่มิได้วิจิตรเหมือนชาววัง ผ่านความลำบากมาไม่น้อย ฉะนั้นอาหารพวกนี้นางจึงเคยกินมาหมดแล้ว มันไม่เป็นปัญหาสำหรับนางแต่อย่างใด นางทานไปสักพักก็มีบุรุษวัยกลางคนเข้ามายืนตรงหน้า แล้วก้มคำนับแนะนำตัว

“คารวะองค์หญิงรอง ข้าคือหมอจากเผ่าหานหยวนที่เดินทางมากับคาราวานนี้ ข้ามีนามว่า
ไท่หยง พะยะคะ”
“ไม่ทราบท่านหมอมีธุระอันใดกับข้าหรือ”
บุรุษผู้นี้เดินเข้ามาในจังหวะที่นางทานคำสุดท้ายเข้าไปพอดี นางไม่ได้รู้สึกถึงความเอร็ดอร่อยของอาหารเลยแม้แต่น้อย แค่กินพอรองท้องไม่ให้หิวระหว่างวัน เพราะยังต้องเดินทางอีกไกล และไม่รู้ว่าเบื้องหน้าจะต้องเจอกับเรื่องอะไรบ้าง
“องค์หญิงเดินทางอยู่ในทะเลทรายมาหนึ่งวันหนึ่งคืน อากาศช่วงกลางวันกับกลางดึกนั้นแตกต่างกันมาก อีกทั้งยังต้องเดินทางกันอีกไกล ข้าเกรงว่าองค์หญิงจะล้มป่วยไข้ มิทราบว่าถ้าข้าจะขอตรวจชีพจรของท่านสักหน่อยได้หรือไม่”
“เชิญเถอะ” นางยื่นแขนให้บุรุษผู้นั้น พลางสำรวจเขาไปด้วย หมอไท่หยงน่าจะอายุราวๆ สี่สิบ แต่รูปร่างกำยำสูงโปร่ง ถ้าหากไม่ใช่แม่ทัพก็มีโอกาสเป็นไปได้ ที่หมอผู้นี้บุกเข้ากระโจมนาง
“ชีพจรปกติดี แต่ข้ายังไม่วางใจ เพราะช่วงกลางวันนั้นแดนทรายร้อนเหลือคณา ดื่มน้ำแกงสมุนไพรกันไว้ก่อนน่าจะดี อีกสักพักสาวใช้จะนำเข้ามาให้”
หลังจับชีพจรเสร็จแล้วหมอไท่หยงก็ยังไม่ปล่อยมือ หลิวซือเย่ขบคิดอย่างหนัก เผลอมองหน้าเขาไม่วางตา จะใช่หมอผู้นี้จริงหรือ แต่เหตุใดถึงไม่พบพิรุธในดวงตาคู่นั้น
“ขอบคุณ คงลำบากท่านแล้ว” เมื่อนางเอ่ยเสร็จนั่นแหละเขาถึงปล่อยมือออก
หลิวซือเย่เริ่มปวดหัวกับความคิดอิรุงตุงนังตีกันไปหมด ครั้นจะถามตรงๆ ว่าเมื่อคืนใช่ท่านหรือไม่ที่บุกเข้ามาในกระโจมข้า ก็ไม่สามารถพูดออกไปได้ เพราะเกรงว่าจะเป็นเรื่องเป็นราว คนที่แอบทำเรื่องเช่นนี้คงไม่สะดวกเปิดเผยตัวเป็นแน่

“ขอเพียงองค์หญิงเดินทางถึงอย่างปลอดภัย เมื่อนั้นข้าก็หมดหน้าที่”

การเดินทางครั้งนี้ ทุกคนต่างทราบดีว่าองค์หญิงรองคือบุคคลสำคัญ ที่ต้องดูแลอย่างยิ่งยวด องค์รัชทายาทพึงใจมาก การมาเยี่ยมเยียนครั้งก่อน ทำให้องค์รัชทายาทของชนเผ่าหานหยวนได้พบกับองค์หญิงรองเป็นครั้งแรก และนั่นทำให้นางถูกหมายตาทันที ต่อมาจึงจัดคณะทูตเดินทางมาเพื่อเจรจา ขอองค์หญิงไปเป็นเจ้าสาว ซึ่งหากองค์หญิงเป็นอะไรไปก่อนที่จะถึงมือขององค์รัชทายาท พวกเขาทั้งหมดก็คงไม่รอด


“ข้าขอถามหน่อยได้หรือไม่ กระโจมที่แวดล้อมข้าอยู่เป็นของผู้ใดบ้าง” เป็นไปได้ว่าผู้ที่บุกเข้ากระโจมของนาง คงต้องอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเป็นแน่ อาจเป็นคนใดคนหนึ่งที่มีอำนาจในกองคาราวานนี้ ซึ่งที่นางรู้ก็มีท่านแม่ทัพและท่านหมอ ที่ดูเหมือนจะเหนือกว่าผู้อื่น

“ด้านซ้ายเป็นของแม่ทัพ ด้านขวาเป็นของข้า ส่วนด้านหลังเป็นทหารของท่านแม่ทัพ ที่คอยคุ้มครองดูแลจัดเวรยาม ซึ่งก็อยู่ห่างพอประมาณ ท่านสบายใจได้” การตั้งกระโจมเป็นไปตามกลยุทธ์ทางทะเลทราย บุคคลสำคัญจะตั้งกระโจมอยู่ใกล้กัน ทั้งหน้าและหลังล้อมรอบไปด้วยกองทหาร เหตุที่กระโจมของหมอไท่หยงอยู่ใกล้กับองค์หญิงรอง ก็เพราะหาเกิดเหตุจะได้เข้ามารักษาดิอย่างทันท่วงที
“ข้าไม่เคยเดินทางไกลเช่นนี้มาก่อน กลางทะเลทรายมีกลุ่มโจรหรือไม่” ใจหนึ่งก็กลัว แต่อีกใจก็อยากหาทางรอด จึงสอบถามรายละเอียด พื้นที่ที่ไม่คุ้นเคยเช่นนี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้
“ย่อมมี แต่องค์หญิงมิต้องกังวลใจ พวกเราชาวเผ่าหานหยวนมีฝีมือในการสู้รบ ไม่เป็นรองใครในแถบนี้ อีกกองทหารในคาราวานล้วนเป็นบุรุษมากฝีมือ ฉะนั้นการเดินทางยอมต้องราบรื่น”
ไท่หยงคิดว่าองค์หญิงรองคุยกับตนอย่างเป็นกันเอง สีหน้าแล้วแววตาของนางอ่อนหวานและงดงามยิ่งนัก บุรุษวัยสี่สิบเช่นเขามีภรรยาแล้ว แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะลุ่มหลง รู้ทั้งรู้ว่านางเป็นสตรีขององค์รัทายาท ก็ไม่อาจละสายตาได้จริงๆ
“เช่นนั้นข้าก็วางใจ” นางยิ้มน้อยๆ อย่างเป็นมิตร แต่คนมองอย่างเขากลับคิดไปอีกอย่าง...คิดว่าองค์หญิงรองกำลังยั่วยวนเขาอยู่!
“อีกชั่วครูก็จะเริ่มเดินทางกันแล้ว มื้อเช้าที่จัดเตรียมไว้ให้ ไม่ทราบว่าองค์หญิงอิ่มท้องหรือไม่”
“ปกติข้าไม่ใช่คนกินมาก”


“อาหารการกินขณะเดินทางคงไม่รู้หราแบบในวัง แต่ข้ารับรองได้ว่าเมื่อองค์หญิงถึงชนเผ่าของเราเมื่อใด ท่านจะได้พบกับอาหารการกินอันโอชะอย่างแน่นอน ที่เผ่าหานหยวนแม้จะอยู่ในแดนหนาว แต่อาหารการกินก็สมบูรณ์นัก” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้สายตาของท่านหมอกลับหลุบลงมองที่เนินอกอวบอิ่ม ยามองค์หญิงรองใส่ชุดรัดรูปเช่นนี้ เน้นสัดส่วนอย่างชัดเจน มองแล้วก็ได้แต่แอบลอบกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
“องค์รัชทายาทของพวกท่านเป็นคนนิสัยอย่างไรหรือ” หลิวซือเย่รับรู้การกระทำของหมอไท่หยง สายตาเขาจับจ้องอยู่ที่ทรวงอกของนางอย่างไม่ปิดบัง คนเมื่อคืนจะเป็นเขาหรือเปล่านะ…
“ใต้หล้านี้ ไม่มีผู้ใดองอาจเท่าองค์รัชทายาทของพวกเราอีกแล้ว”
“เช่นนั้นหรือ…” คนชนเผ่าหานหยวนภักดีเสียจริง ขณะพูดถึงองค์ชายก็ยังจองหน้าอกนางไม่วางตา หากคนที่ร่วมหลับนอนกับนาง คือหมอคนนี้จริง ๆ ก็คงรู้สึกผิดหวัง...เขาแก่เกินไปหน่อย และน่าจะมีภรรยารออยู่ที่บ้าน
“สตรีผู้งดงามอย่างองค์หญิง เหมาะสมแล้วกับองค์รัชทายาทของพวกเรา องค์หญิงอย่าได้กังวลใจ”
“แล้วนิสัยล่ะดุร้ายหรือไม่” รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง หากนางไม่มีทางหนี และไม่สามารถหาคนที่ร่วมหลับนอนกับนางได้จริง ก็คงต้องตกเป็นเจ้าสาวขององค์รัชทายาท
“เอาไว้ถึงชนเผ่าหานหยวนแล้วองค์หญิงก็จะทราบ ข้าคงต้องขอตัวก่อน”
หมอเห็นว่าถึงแก่เวลาอันควรแล้ว จึงขอตัวออกไปจัดการด้านนอก มิฉะนั้นเขาคงจ้องมองเรือนร่างขององค์หญิงรองไม่หยุดเป็นแน่ นางคือของต้องห้าม ผู้ใดก็ไม่อาจแตะต้อง เพราะองค์หญิงรองคือว่าที่เจ้าสาวขององค์รัชทายาทแต่เพียงผู้เดียว
ขณะที่นางให้หมอตรวจอยู่ในกระโจมตามลำพัง ภายนอกกลับมีสายตาที่มองเข้าไปด้านในอย่างไม่พอใจ