หลิวซือเย่ นางระบำในวังที่ถูกสลับตัวกับองค์หญิงรอง ถูกนำไปเป็นของบรรณาการให้เผ่าหานหยวน นางไม่รู้ว่าบุรุษหนุ่ม ที่กำลังคร่อมร่างนางอยู่คือใคร หลิวซือเย่ตกใจแทบสิ้นสติ ชายคนนั้นกำลังทำให้นางเป็นของเขา

นางเริงระบำ - บทที่ 4 วาบหวิวบนม้า โดย ฟ่งเฟิ่งเซวียน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ย้อนยุค,จีน,องค์ชาย,จีนโบราณ,นางระบำ,อิโรติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

นางเริงระบำ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ย้อนยุค,จีน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

องค์ชาย,จีนโบราณ,นางระบำ,อิโรติก

รายละเอียด

หลิวซือเย่ นางระบำในวังที่ถูกสลับตัวกับองค์หญิงรอง ถูกนำไปเป็นของบรรณาการให้เผ่าหานหยวน นางไม่รู้ว่าบุรุษหนุ่ม ที่กำลังคร่อมร่างนางอยู่คือใคร หลิวซือเย่ตกใจแทบสิ้นสติ ชายคนนั้นกำลังทำให้นางเป็นของเขา

ผู้แต่ง

ฟ่งเฟิ่งเซวียน

เรื่องย่อ

เมื่อนางระบำอันดับหนึ่งถูกสลับตัวกับองค์หญิงที่ต้องไปแต่งงานเชื่อสัมพันธ์กับองค์รัชทายาทของเผ่าหานหยวน นางโดนวางยาไม่รู้สึกตัว ตื่นมาอีกทีก็อยู่ท่ามกลางขบวนเดินทางที่เต็มไปด้วยบุรุษแปลกหน้าเป็นสิบๆคนกลางทะเลทราย เเล้วนางจะหาทางหนีได้อย่างไหร่เล่า แถมยังโดนบุรุษปริศนากระทำชำเราทั้งคืนจนสลบ เเต่ปัญหาคือนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบุรุษผู้นั้นคือใครกัน จะเป็นท่านเเม่ทัพ? ท่านหมอ? หรือใครกันนะ?




“อ๊ะ ยะ อย่า อ๊า!!..อะ.. ซื๊ดดดส์~” เหตุใดคำร้องห้ามของนางจึงกลายเป็นเสียงครางกระเส่าไปได้ หลิวซือเย่ได้สติอย่างเต็มที่ร่างการตื่นตัวทุกส่วน บัดนี้นางกำลังร่วมรักอยู่กับบุรุษแปลกหน้าเช่นนั้นหรือ!

บุรุษผู้นั้นคล้ายไม่ได้ยิน ยังคงโยกขยับตอกตึงท่อนเนื้อเข้าออก นางได้ยินเพียงเสียงลมหายใจและเสียงครางต่ำในลำคอ ความรู้สึกตีรวนอยู่ที่ช่องของน้อย หลิวซือเย่ไม่ได้รู้สึกเจ็บที่กลางร่างกาย อาจเป็นเพราะตอนนางสลบไปก็ถูกชายแปลกหน้าชำแรกเข้ามาแล้ว ยามนี้จึงสัมผัสได้แค่ความเสียดเสียว ทุกครั้งที่แท่งหยกแข็งอัดเข้ามานางขมิบเกร็งรูฉ่ำแบบไม่รู้ตัว




สารบัญ

นางเริงระบำ-บทที่ 1 บุรุษปริศนา,นางเริงระบำ-บทที่ 2 ใช่ท่านแม่ทัพหรือไม่,นางเริงระบำ-บทที่ 3 พบหมอ,นางเริงระบำ-บทที่ 4 วาบหวิวบนม้า,นางเริงระบำ-บทที่ 5 กระโจมสวาท,นางเริงระบำ-บทที่ 6 รัญจวนบนเกวียน,นางเริงระบำ-บทที่ 7 เสร็จสมบนเกวียน,นางเริงระบำ-บทที่ 8 ลอบโจมตี,นางเริงระบำ-บทที่ 9 องค์ชาย? ,นางเริงระบำ-บทที่ 10 โยกย้ายบนม้า,นางเริงระบำ-บทที่ 11 เข้าตำหนัก,นางเริงระบำ-บทที่ 12 ต้องการเพียวเจ้า

เนื้อหา

บทที่ 4 วาบหวิวบนม้า

หลังจบมื้ออาหารเช้ากองคาราวานก็พร้อมเดินทางอีกครั้ง หลิวซือเย่ไม่อาจทราบได้ว่าตนเองมาที่นี่ได้อย่างไร แต่หลังจากนี้จำเป็นต้องเล่นบทเป็นองค์หญิงรองไปก่อน เพื่อสืบหาว่าบุรุษผู้นั้นเป็นใครกันแน่ แต่หากมีช่องทางให้หลบหนีนางก็พร้อมจะไปอย่างไม่ลังเล

ท่านแม่ทัพกำลังง่วนอยู่กับงานตรงหน้า จึงชี้ไม้ชี้มือให้นางไปรอที่ม้า หลิวซือเย่ก้าวขาไปทางนั้น ทว่ามีบุรุษผู้หนึ่งมายืนรอรับ ที่เอวของเขามีดาบคาบอยู่ เลยคิดว่าน่าจะเป็นคนของแม่ทัพจึงเดินตามไป ชายในชุดดำคลุมหน้าคลุมตาจนมิดชิด อุ้มนางขึ้นบนหลังม้า จากนั้นก็ตวัดตัวขึ้นตามนั่งที่ด้านหลัง

เดิมทีท่านแม่ทัพอยากให้นางขึ้นอูฐแต่ไม่คุ้นชินเลย เลือกขึ้นม้าน่าจะสะดวกกว่า ม้าของเผ่าหานหยวนเป็นสายพันธุ์พิเศษที่พัฒนามาเพื่อใช้เดินทางบนทะเลทราย จึงทนทานกว่าม้าพันธุ์ปกติ ก่อนหน้านี้นางเดินทางมาอย่างไรไม่อาจทราบได้ แต่ตอนนี้มีสติแล้วจึงสังเกตทุกสิ่งทุกอย่างรอบกาย นางระบำพบเจอบุรุษมากหน้าหลายตา แต่ก็ไม่เคยอยู่ลำพังจับชายฉกรรจ์จำนวนมากเช่นนี้มาก่อน

ระหว่างที่หลิวซือเย่นั่งเหม่ออยู่นั้น ม้าก็เริ่มก้าวออกเดินด้วยแรงที่บุรุษชักสายจูงอยู่ด้านหลังนาง กระตุกให้ม้าเดินวกกลับไปที่ท้ายแถว โดยสองแถวนี้เป็นกลุ่มที่ขึ้นมาตัวละสองคน โดยด้านหลังเป็นกองเสบียง และเครื่องบรรณาการถัดลงไปอีกสามสี่แถวเป็นขบวนของทหารปิดท้าย

“ท่านคือผู้ใด...” แค่อยากรู้ชื่อเสียงเรียงนาม ก่อนหน้านี้แม่ทัพมิได้บอกให้นางมาขึ้นมาผู้อื่น แต่อยู่ ๆ ชายผู้นี้ก็เดินมาต้อนรับแล้วจัดแจงทุกอย่าง

“...”

“ท่านคือคนที่ท่านแม่ทัพให้มาดูแลข้าใช่หรือไม่” เมื่อไม่มีคำตอบนางจึงถามต่อ คนผู้นี้เป็นใบ้หรืออย่างไรเอาแต่นั่งเงียบ แม้แต่เสียงหายใจก็แทบไม่ได้ยิน

“อืม”

“ข้าขอถามท่านสักหน่อย แม่ทัพของท่านเป็นคนอย่างไรหรือ” เป็นเพียงคำตอบสั้นๆ แต่ถือว่าชายคนี้มิใช่บ้าใบ้นางเลยอยากรู้เรื่องของท่านแม่ทัพ เพราะยังไม่ตัดความเป็นไปได้ที่ชายในคืนนั้นจะเป็นเขา

“...”

“เหตุใดจึงไม่พูดไม่จา”

หลิวซือเย่เริ่มหงุดหงิด คนผู้นี้คิดอยากยั่วโมโหนางหรืออย่างไร ถามก็ไม่ตอบหรือว่ามีกฎห้ามคุยกับองค์หญิงรอง แต่เมื่อเช้านางยังคุยกับคนรับใช้ที่เดินผ่านไปผ่านมาอยู่เลยนะ

“...”

แล้วก็ไม่มีคำตอบอีกเช่นเคย หลิวซือเย่ถอนหายใจออกมาหนักๆ จากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก จนกระทั่งมีทหารมาเดินตรวจความเรียบร้อย กองคาราวานก็เริ่มเคลื่อนที่ ม้าเดินหน้าเร็วกว่าอูฐเกาะกลุ่มกัน แต่พื้นทรายที่ไม่ราบเรียบนางจึงโคลงเคลงอยู่บนหลังอาน

นางขี่ม้าเป็นเลยรู้สึกได้ว่าบุรุษที่อยู่ด้านหลัง จงใจบังคับม้าให้ส่ายไหวจึงเอี้ยวตัวจะหันไปมอง ทว่าด้วยพื้นที่จำกัดใบหน้านางหันได้แค่ครึ่งเสี้ยวก็ทิ่มกับอกของเขาแล้ว

ร่างกายของบุรุษที่ซ้อนอยู่ด้านหลัง อุ่นร้อนยิ่งกว่าอากาศเสียอีก!

ยิ่งม้าโคลงเคลงมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างแข็งๆ ทิ่มอยู่ที่ด้านหลัง จงใจเสียดสีมันเข้าหานาง หลิวซือเย่เอนตัวมาด้านหน้าเล็กน้อย เพื่อให้บั้นท้ายพ้นจากสัมผัสประหลาด ซึ่งคนด้านหลังก็ไม่ได้ทำอันใด ยังคงนั่งนิ่งไม่ได้ดันสะโพกเข้ามาใกล้...หรือเมื่อครู่นางจะคิดไปเอง?

ผ่านไปชั่วครู่ใหญ่หลิวซือเย่รู้สึกเมื่อยหลัง จึงกลับไปตามเดิมแล้วก็พิงเข้ากับหน้าท้องแข็ง ของบุรุษที่อยู่ด้านหลัง บัดนี้ม้าเดินเร็วขึ้นแล้วแต่ก็ยังโคลงเคลงอยู่บาง ส่วนที่แข็งอยู่แถวสะโพกทิ่มแทงบั้นท้ายของนาง แล้วมือทั้งสองข้างของเขาที่บังคับสายจุงม้าอยู่ เหมือนจะบีบกระชับเข้ามาที่ข้างเอวนาง เริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก ความรู้สึกเหมือนในคืนนั้นเหมือนย้อนกลับมาอีกครั้ง

หลิวซือเย่นั่งนิ่งไม่กล้าขยับ ปล่อยให้บั้นท้ายถูไถไปกับแท่งร้อนใต้ร่มผ้าด้านหลัง

ครั้นจะหนีบขาเข้าหากันก็ทำไม่ได้ เพราะนางนั่งอยู่บนม้า ทุกครั้งที่แท่งร้อนทิ่มแทงเข้ามา นางทำได้เพียงขมิบเกร็งร่างกาย อารมณ์เริ่มเตลิดไปไกล มือกำผ้าเอาไว้แน่น ปลายเท้าเริ่มจิกเข้าหากัน นางระบำคนงามไม่อาจควบคุมตัวเองได้เลย ความร้อนของร่างกายจากบุรุษด้านหลัง ทำให้ลมหายใจของนางไม่ปกติ

เดินทางมาไกลเท่าไหร่ไม่ทราบได้ เพราะมัวแต่จดจ่ออยู่กับอารมณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้น บุรุษด้านหลังนางยังคงใช้ส่วนที่โป่งพองบดเบียดเสียดสีกับบั้นท้าย ทำเหมือนว่ามันไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอันใด ซึ่งหากมองอย่างผิวเผินก็ปกติดี เพราะม้าเวลามาย่ำเท้ามีความโคลงเคลง แต่อาจไม่มีใครสังเกตเห็นว่า แผ่นหลังกับอกแกร่งที่แนบชิดกันอยู่นั้น ส่วนด้านล่างแทบจะเชื่อมประสานเป็นเนื้อเดียวกัน

หากทะลุผ่านเสื้อผ้ามาได้ ส่วนที่แข็งร้อนนั่นคงเข้ามาอยู่ในตัวนางแล้ว!

หลิวซือเย่ตกอยู่ในภวังค์ความหฤหรรษ์ จนเนินเนื้อของนางชุมไปด้วยน้ำ มันเป็นอารมณ์ที่นางไม่สามารถอธิบายออกมาได้ มันทั้งอยากให้เขาหยุด...และไม่อยากให้หยุด ก็ไม่รู้เช่นกันว่าเหตุใดจึงมีอาการเช่นนี้ ทราบเพียงแค่ว่ารู้สึกดีที่มีส่วนนั้นของเขาบดเบียดอยู่ที่ด้านหลัง

จนกระทั่งเดินทางมาถึงที่พักแรม บุรุษด้านหลังนางลงจากม้า แล้วจูงเชือกพามันเดินไปที่แถวหน้า ในขณะที่มีม้าตัวหนึ่งกำลังเดินออกจากแถวพอดี กลายเป็นว่านางเข้าไปถูกแทนที่ม้าตัวนั้น ยังไม่ทันได้พูดอะไรบุรุษใบ้ก็เดินจากไปเสียแล้ว

หลิวซือเย่ยังนั่งอยู่บนม้า เพราะนางไม่แน่ใจว่าต้องลงไปหรือไม่ จนกระทั่งท่านแม่ทัพเดินเข้ามาหา นางจำเขาได้เพราะบัดนี้บุรุษผู้นั้นถอดผ้าคลุมผมออก

“องค์หญิงเหนื่อยหรือไม่ ข้าให้คนใช้ทำกระโจมสำหรับท่านเรียบร้อยแล้ว เชิญองค์หญิง”

หลิวซือเย่ค่อยๆ ลงจากม้าโดยมีมือของแม่ทัพคอยประคอง นางรู้สึกขาสั่นมิใช่เพราะเดินทางนาน แต่เป็นเพราะความหวิวไหวระหว่างทางต่างหาก บุรุษผู้นั้นทำนางเสียวซ่านไปทั้งกายและใจ หลิวซือเย่พยายามควบคุมอารมณ์ แล้วรีบตรงดิ่งเข้ากระโจมทันที เป็นเพราะนางมาในฐานะขององค์หญิงรอง จึงได้รับการดูแลอยากดี

ไม่อยากคิดเลยว่า หากพวกเขารู้ความจริงว่านางเป็นตัวปลอม มันจะเกิดอะไรขึ้น...