หลิวซือเย่ นางระบำในวังที่ถูกสลับตัวกับองค์หญิงรอง ถูกนำไปเป็นของบรรณาการให้เผ่าหานหยวน นางไม่รู้ว่าบุรุษหนุ่ม ที่กำลังคร่อมร่างนางอยู่คือใคร หลิวซือเย่ตกใจแทบสิ้นสติ ชายคนนั้นกำลังทำให้นางเป็นของเขา

นางเริงระบำ - บทที่ 5 กระโจมสวาท โดย ฟ่งเฟิ่งเซวียน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ย้อนยุค,จีน,องค์ชาย,จีนโบราณ,นางระบำ,อิโรติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

นางเริงระบำ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ย้อนยุค,จีน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

องค์ชาย,จีนโบราณ,นางระบำ,อิโรติก

รายละเอียด

หลิวซือเย่ นางระบำในวังที่ถูกสลับตัวกับองค์หญิงรอง ถูกนำไปเป็นของบรรณาการให้เผ่าหานหยวน นางไม่รู้ว่าบุรุษหนุ่ม ที่กำลังคร่อมร่างนางอยู่คือใคร หลิวซือเย่ตกใจแทบสิ้นสติ ชายคนนั้นกำลังทำให้นางเป็นของเขา

ผู้แต่ง

ฟ่งเฟิ่งเซวียน

เรื่องย่อ

เมื่อนางระบำอันดับหนึ่งถูกสลับตัวกับองค์หญิงที่ต้องไปแต่งงานเชื่อสัมพันธ์กับองค์รัชทายาทของเผ่าหานหยวน นางโดนวางยาไม่รู้สึกตัว ตื่นมาอีกทีก็อยู่ท่ามกลางขบวนเดินทางที่เต็มไปด้วยบุรุษแปลกหน้าเป็นสิบๆคนกลางทะเลทราย เเล้วนางจะหาทางหนีได้อย่างไหร่เล่า แถมยังโดนบุรุษปริศนากระทำชำเราทั้งคืนจนสลบ เเต่ปัญหาคือนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบุรุษผู้นั้นคือใครกัน จะเป็นท่านเเม่ทัพ? ท่านหมอ? หรือใครกันนะ?




“อ๊ะ ยะ อย่า อ๊า!!..อะ.. ซื๊ดดดส์~” เหตุใดคำร้องห้ามของนางจึงกลายเป็นเสียงครางกระเส่าไปได้ หลิวซือเย่ได้สติอย่างเต็มที่ร่างการตื่นตัวทุกส่วน บัดนี้นางกำลังร่วมรักอยู่กับบุรุษแปลกหน้าเช่นนั้นหรือ!

บุรุษผู้นั้นคล้ายไม่ได้ยิน ยังคงโยกขยับตอกตึงท่อนเนื้อเข้าออก นางได้ยินเพียงเสียงลมหายใจและเสียงครางต่ำในลำคอ ความรู้สึกตีรวนอยู่ที่ช่องของน้อย หลิวซือเย่ไม่ได้รู้สึกเจ็บที่กลางร่างกาย อาจเป็นเพราะตอนนางสลบไปก็ถูกชายแปลกหน้าชำแรกเข้ามาแล้ว ยามนี้จึงสัมผัสได้แค่ความเสียดเสียว ทุกครั้งที่แท่งหยกแข็งอัดเข้ามานางขมิบเกร็งรูฉ่ำแบบไม่รู้ตัว




สารบัญ

นางเริงระบำ-บทที่ 1 บุรุษปริศนา,นางเริงระบำ-บทที่ 2 ใช่ท่านแม่ทัพหรือไม่,นางเริงระบำ-บทที่ 3 พบหมอ,นางเริงระบำ-บทที่ 4 วาบหวิวบนม้า,นางเริงระบำ-บทที่ 5 กระโจมสวาท,นางเริงระบำ-บทที่ 6 รัญจวนบนเกวียน,นางเริงระบำ-บทที่ 7 เสร็จสมบนเกวียน,นางเริงระบำ-บทที่ 8 ลอบโจมตี,นางเริงระบำ-บทที่ 9 องค์ชาย? ,นางเริงระบำ-บทที่ 10 โยกย้ายบนม้า,นางเริงระบำ-บทที่ 11 เข้าตำหนัก,นางเริงระบำ-บทที่ 12 ต้องการเพียวเจ้า

เนื้อหา

บทที่ 5 กระโจมสวาท

หลิวซือเย่นั่งอยู่ในกระโจมจนกระทั่งแสงของดวงตะวันคล้อยต่ำลงใต้เส้นขอบฟ้า ขณะนั้นก็มีคนใช้นำอาหารเข้ามาให้ มื้อเย็นไม่ต่างจากมื้อเช้ามากนัก มีแป้งแผ่น ธัญพืช ที่เพิ่มมามีโจ๊กข้าวฟ่างฟักทองกับน้ำแกงบำรุงร่างกาย ระหว่างที่นางกำลังกินด้านนอกก็เริ่มก่อกองไฟจากเศษกิ่งไม้แห้งที่เตรียมมาด้วย

 นี่ถือเป็นวันแรกที่นางเดินทางอย่างมีสติ นอกจากความหวิวไหวที่ได้รับ ยังเห็นได้ชัดเจนว่าสภาพภูมิประเทศเป็นเช่นไร ยากต่อการหลบหนีมองไปทางใดก็เจอแต่ทรายเต็มไปหมด สู้เดินทางไปให้ถึงเผ่าหานหยวนไม่ดีกว่าหรือ อย่างน้อยที่นั่นก็คือเมือง แม้นางจะไม่คุ้นชินแต่คิดว่าคงหาทางหนีทีไล่ได้ ดีกว่าเลือกเอาชีวิตไปทิ้งท่ามกลางทะเลทรายที่เวิ้งว้าง

จนกระทั่งนางกินเสร็จท่านแม่ทัพใหญ่กับคนใช้ก็เดินเข้ามาในกระโจม ชายฉกรรจ์คนหนึ่งเข้ามาจัดการกับสำรับตรงหน้า ส่วนท่านแม่ทัพนั่งอยู่ที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม สายตาที่เขาใช้มองยังคงร้อนแรงเช่นเดิม...ทว่าบุรุษหลังมาผู้นั้นคงไม่ใช่เขาเป็นแน่

“องค์หญิงเป็นอย่างไรบ้าง ข้าเห็นตอนท่านอยู่บนม้าไม่พูดไม่จา เลยให้คนครัวเตรียมน้ำแกงบำรุงร่างกายมาให้ด้วย”

ท่านแม่ทัพใหญ่ยังไม่ทราบว่า ผู้ที่ควบม้าอยู่ข้าง ๆ ไม่ใช่หลิวซือเย่ ฉะนั้นถามอะไรไปจึงไม่ได้รับคำตอบ มีเพียงการใช้สัญญาณทางกาย อย่างการพยักหน้าเท่านั้น เลยคิดไปว่านางอาจไม่สบายตัว เพราะไม่คุ้นชินกับสภาพพื้นที่

“กลางทะเลทรายร้อนมาก ข้ารู้สึกเหนื่อยจนไม่มีแรงพูด” หลิวซือเย่ประเมินสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว เพราะเมื่อครู่ม้าตัวที่นางขี่ เคลื่อนมาแทนที่ม้าอีกตัว แต่ผู้ใดกันล่ะที่วางแผนเช่นนี้ แม้แต่ท่านแม่ทัพก็ยังไม่รู้เรื่อง

“เป็นเช่นนี้เอง หากองค์หญิงรองขี่ม้าไม่ไหว วันพรุ่งนี้ข้าจัดเตรียมเกวียนให้ดีหรือไม่”

เดิมทีท่านแม่ทัพจัดเกวียนไว้ให้องค์หญิง ทว่าของบรรณาการรวมถึงเสบียงมีมากเกินไป จึงต้องให้องค์หญิงรองนั่งม้าแทน ทว่าเห็นนางร้อนกลัวจะทนสภาพอากาศไม่ไหว อย่างไรเสียองค์หญิงคือคนสำคัญต้องดูแลยิ่งชีพ

“มิลำบากหรือ” อันที่จริงนั่งเกวียนก็ดีกว่าม้าหรืออูฐเป็นไหนๆ แม้จะช้ากว่าทว่าท้ายที่สุดก็ถึงที่หมายพร้อมกันอยู่ดี อีกทั้งไม่ต้องทนร้อนเพราะเกวียนมีหลังคา ของที่โดนแดดนานไม่ได้ถูกจัดไว้ในนั้นทั้งหมด นางจึงกังวลว่าจะกลัวไปเบียดเบียนสิ่งของเหล่านั้น

“เรื่องแค่นี้ไม่เหนือบ่ากว่าแรงข้าจัดการได้ เช่นนั้นวันรุ่ง องค์หญิงเข้าไปนั่งในเกวียนของบรรณาการก็แล้วกัน”

“ขอบคุณท่านแม่ทัพเมตตา”

“หามิได้ เพื่อความสบายขององค์หญิงรองแล้ว ข้าเต็มใจยิ่งนัก”

หลิวซือเย่มิได้หลบเลี่ยงนัยน์ตาคมวาว ที่จ้องเหมือนทะลุผ่านตัวนาง พบเจอบุรุษมามากยามไปร่ายรำที่ต่าง ๆ ในเมืองหลวง ทั้งงานใหญ่งานเล็ก ล้วนชินกับสายตาสื่อความหมายเหล่านั้น หากเดาไม่ผิดแม่ทัพผู้นี้คงพึงใจในตัวนางอยู่ไม่น้อย

“อ๋อ เมื่อตอนเก็บกระโจมทหารเจอปิ่นตกอยู่ ไม่ทราบว่าใช่ขององค์หญิงหรือไม่” เขายื่นปิ่นเล่มนั้นให้ดู ถามนางครั้งหนึ่งแล้วบนม้า ทว่าไม่ได้คำตอบอาจเป็นเพราะองค์หญิงรองเหน็ดเหนื่อย ยามนี้ดูเหมาะสมจึงสอบถามอีกครั้ง

“ของข้าเอง ขอบใจท่านมาก” นางรับปิ่นมาไว้ในมือ จะเป็นของผู้ใดไปได้เล่า ที่นี่ล้วนมีแต่ชายฉกรรจ์ทั้งสิ้น

“ครั้งต่อไปท่านก็เก็บไว้ให้ดีเถิด”

หลิวซือเย่รีบปิ่นมาแล้วแต่ท่านแม่ทัพก็ยังไม่ปล่อยมือ แถมมองนางด้วยแววตากรุ่มกริ่ม หรือคืนนั้นจะเป็นเขาที่บุกเข้ามาร่วมรักกับนาง…

“นี่ก็เย็นมาแล้ว เชิญท่านแม่ทัพไปพักผ่อนเถิด” นางดึงมือออกรักษาท่าที พูดคุยกับแม่ทัพมาสักพักแล้ว หลิวซือเย่อยากพักผ่อนเพราะตากแดดมาทั้งวัน

“ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัว”

 ท่านแม่ทัพใหญ่เดินจากไปด้วยความเสียดาย องค์หญิงรองงดงามยิ่งนัก นางโดดเด่นในหมู่สตรีด้วยกัน แล้วยิ่งมาอยู่ท่ามกลางชายฉกรรจ์เช่นนี้ ไม่อาจละความหลงใหลไปได้เลย

 ตกดึกหลิวซือเย่หลับใหลอยู่ในกระโจม เป็นเพราะกลางวันเดินทางตลอดและร้อนมาก จึงเกิดความอ่อนเพลีย มารู้ตัวอีกทีคล้ายว่ามีบางอย่างทาบทับร่างกายจนอึดอัด ขนตาแพสวยกระพือขึ้นจนตื่นเต็มตา เงานั้นกำลังเคลื่อนไหวอยู่บนตัวนางที่ไร้อาภรณ์

 ถูกชายแปลกหน้าบุกกระโจมอีกแล้วหรือ?!

 หลิวซือเย่ตกใจพยายามผลักร่างหนาออกจากเรือนกาย ทว่าทำอย่างไรเงานั้นก็ไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด ยังคงคร่อมร่างกดริมฝีปากซุกไซ้ซอกคอ มือทั้งสองข้างของนางถูกกดไว้จึงขัดขืนไม่ได้ ริมฝีปากหนาของชายแปลกหน้าเลื่อนขึ้นมาประกบปาก แล้วถูกลำเนื้อเข้ากับโหนกอูมชุ่มน้ำ มือหนาบีบเคล้นอกอวบหลิวซือเย่พยายามขัดขืนแต่ร่างกายกลับไม่ให้ความร่วมมือ

ความรู้สึกร้อนวูบวาบ แผ่ซ่านไปทั่วร่างทำให้นางเผลอไผลในอารมณ์ที่ยากจะต้านทาน ลมหายใจร้อน ๆ รดต้นคอระหงเมื่อถูกเล้าโลมเป็นเวลานานสติที่เคยมีก็เริ่มเตลิด ความรู้สึกอยากขัดขืนถูกแทนที่ด้วยความอยากตัญหา ความรู้สึกวาบหวิวและอยากร้องขอสัมผัสจากเขาให้มากกว่านี้

“อื้อออ”

เสียงครางหวาน ๆ รอดออกมาอย่างไม่ตั้งใจพานให้คนร่างหนายิ่งตื่นตัว อีกมือก็สำรวจไปตามเรือนร่างอันบอบบาง ความอบอุ่นจากมือหนายิ่งรบเร้าให้คนข้างใต้รู้สึกเหมือนจะแหลกยับลงไปด้วยความร้อนของอีกฝ่าย สัมผัสที่อยากจะเป็นหนึ่งเดียวกันสะท้อนออกมาผ่านเสียงครางอย่างออดอ้อนและร่างกายที่บิดส่าย

 ก้านนิ้วยาวกดสอดเข้าไปในกลีบบุบผาส่งผลให้เสียงครางหวานดังขึ้นอีกครั้ง ร่างบางบิดดิ้นเร่า ๆ เมื่อนิ้วแกร่งสอดเข้าไปแล้วหมุนควงอยู่ภายในสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นที่ซึมออกมาจนเปียกแฉะ ชั่วพริบตาจุดสำคัญถูกรุกล้ำร่างของเธอก็สั่นกระตุกอย่าง่ายดาย

ร่างหนาชันตัวลุกขึ้นความปวดหนึบตรงท่อนเนื้อทำเอาเขาแทบทนไม่ไหว รีบจับท่อนเนื้อรูดขึ้นลงสองสามครา ก่อนจะนำไปจ่อตรงร่องรักสีสวย สะโพกแกร่งค่อย ๆ กดท่อนเนื้อเข้าไปช้าๆ จนสุดทาง

 “อ้าาส์ อื้อ!!”

“อืมมม”เสียงทุ้มครางต่ำ เขาขบกรามแน่นทิ้งตัวเองไว้นิ่ง ๆ หลังจากสอดใส่ทำเอาคนใต้ร่างบิดอย่างทนรอไม่ไหว ร่องเสียวบีบรัดท่อนเอ็นเขาแน่นจนต้องสอบสะโพก แล้วรีบก้มลงฉกริมฝีปากลงไปบทจูบเธออย่างดูดดื่ม ปลายลิ้นรุกล้ำโพรงปากเธออย่างช่ำชอง ช่วงล่างก็ดันตัวตนกระแทกเข้าไปจนสุด

“..อะ...อื้อ!!..อะ..อ๊ะ”

หลิวซือเย่คนงามครางอื้อในลำคอเธอร่อนรุ่มร่างายเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อที่ชะโลมกาย ท่อนเนื้อเสียดสีกับร่องเสียวจนต้องจนเธออดใจไม่ไหวดูดลิ้นของเขาระบายอารมณ์ ไม่มีความเจ็บปวดแม้แต่น้อยเพราะยามน้ำภายในโพรงรักของนางชุ่มช่ำมาก มันลื่นทว่าคับแคบดูดรัดท่อนเนื้อแข็งสะโพกสอบสาวเข้าสาวออกเป็นจังหวะขณะที่ถอนริมฝีปากออก

 “อ๊ะ อ๊า ทะ ท่านใช่แม่ทัพหรือไม่ อ๊ะ!”

 หลิวซือเย่แค่อยากรู้ว่านางกำลังร่วมรักกับผู้ใดอยู่ ทว่านอกจากไม่ได้คำตอบแล้ว ลำเนื้อของเขายังกระแทกกระทั้นเข้ามาอย่างเกรี้ยวกราด คล้ายกับว่าคำถามของนางไปกระตุ้นโทสะของเขา ความสงสัยหายไปเป็นปลิดทิ้งเมื่ออารมณ์กำหนัดครอบงำทุกส่วนของร่างกาย ความรุนแรงที่ได้รับสร้างความเสียดเสียวจนแทบขาดใจ

 มือหนาของบุรุษยังกดข้อมือนางไว้แน่น ในขณะที่ยังกระแทกท่อนเอ็นร้อนไม่หยุด กระหน่ำถาโถมดั่งพายุคลั่ง หลิวซือเย่เสียวมากไม่อาจกลั้นเสียงได้อีก นางร้องครางลั่นจนคนผู้นั้นเคลื่อนมือมาปิดปากไว้ บรรยากาศรอบข้างเงียบสงัดเกรงว่าจะมีคนได้ยิน

 นางระบำคนงามร้องได้แค่ในลำคอ แอ่นโหนกเนื้อเข้าสู้เอ็นร้อนที่กดเข้ากดออกอย่างรุนแรง มรสุมอารมณ์โหมพัดมวลคลื่นความสยิวไหลวนในกาย เนื้อกระทบกันนำพาร่างสั่นไหว หลิวซือเย่ถูกดูดเข้าไปในวังวนความเสียว กระสันไหลลงสู่ท้องน้อย น้ำใสหนืดไหลชุ่มโพรงรัก เพียงอึดใจเดียวน้ำร้อน ๆ พุ่งเข้ามาข้างในตัวนางจนอุ่นวาบสั่นกระตุกจนหลังแอ่น

 ภายในความคับแน่นของนางขมิบตอดอย่างรุนแรงรัดลำเนื้อ ที่ยังตอกตรึงไม่หยุดอัดกระหน่ำถี่รัว ท่ามกลางลมหายใจหอบกระเส่าของนักระบำความงาม ยามนี้แทบไร้การรับรู้ เสียงหวีดวิ้งเช่นคืนนั้นดังก้องในหัวอีกครั้ง ความเบาสบายพานางล่องลอยไปที่ไหนสักแห่งแล้วสตินางก็ดับวูบไป…


สวัสดีค่ะ นักอ่านทุกคนนนนนนน สามารถคอมเม้นเเสดงความคิดเห็นกันได้นะคะ ภาพปากรอบของเรายังไม่สมบูรณ์นะคะ ถ้าเสร็จเเล้วจะมาอัพเดตให้ดูน้าาาาา 🥴