หลิวซือเย่ นางระบำในวังที่ถูกสลับตัวกับองค์หญิงรอง ถูกนำไปเป็นของบรรณาการให้เผ่าหานหยวน นางไม่รู้ว่าบุรุษหนุ่ม ที่กำลังคร่อมร่างนางอยู่คือใคร หลิวซือเย่ตกใจแทบสิ้นสติ ชายคนนั้นกำลังทำให้นางเป็นของเขา

นางเริงระบำ - บทที่ 8 ลอบโจมตี โดย ฟ่งเฟิ่งเซวียน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ย้อนยุค,จีน,องค์ชาย,จีนโบราณ,นางระบำ,อิโรติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

นางเริงระบำ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ย้อนยุค,จีน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

องค์ชาย,จีนโบราณ,นางระบำ,อิโรติก

รายละเอียด

หลิวซือเย่ นางระบำในวังที่ถูกสลับตัวกับองค์หญิงรอง ถูกนำไปเป็นของบรรณาการให้เผ่าหานหยวน นางไม่รู้ว่าบุรุษหนุ่ม ที่กำลังคร่อมร่างนางอยู่คือใคร หลิวซือเย่ตกใจแทบสิ้นสติ ชายคนนั้นกำลังทำให้นางเป็นของเขา

ผู้แต่ง

ฟ่งเฟิ่งเซวียน

เรื่องย่อ

เมื่อนางระบำอันดับหนึ่งถูกสลับตัวกับองค์หญิงที่ต้องไปแต่งงานเชื่อสัมพันธ์กับองค์รัชทายาทของเผ่าหานหยวน นางโดนวางยาไม่รู้สึกตัว ตื่นมาอีกทีก็อยู่ท่ามกลางขบวนเดินทางที่เต็มไปด้วยบุรุษแปลกหน้าเป็นสิบๆคนกลางทะเลทราย เเล้วนางจะหาทางหนีได้อย่างไหร่เล่า แถมยังโดนบุรุษปริศนากระทำชำเราทั้งคืนจนสลบ เเต่ปัญหาคือนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบุรุษผู้นั้นคือใครกัน จะเป็นท่านเเม่ทัพ? ท่านหมอ? หรือใครกันนะ?




“อ๊ะ ยะ อย่า อ๊า!!..อะ.. ซื๊ดดดส์~” เหตุใดคำร้องห้ามของนางจึงกลายเป็นเสียงครางกระเส่าไปได้ หลิวซือเย่ได้สติอย่างเต็มที่ร่างการตื่นตัวทุกส่วน บัดนี้นางกำลังร่วมรักอยู่กับบุรุษแปลกหน้าเช่นนั้นหรือ!

บุรุษผู้นั้นคล้ายไม่ได้ยิน ยังคงโยกขยับตอกตึงท่อนเนื้อเข้าออก นางได้ยินเพียงเสียงลมหายใจและเสียงครางต่ำในลำคอ ความรู้สึกตีรวนอยู่ที่ช่องของน้อย หลิวซือเย่ไม่ได้รู้สึกเจ็บที่กลางร่างกาย อาจเป็นเพราะตอนนางสลบไปก็ถูกชายแปลกหน้าชำแรกเข้ามาแล้ว ยามนี้จึงสัมผัสได้แค่ความเสียดเสียว ทุกครั้งที่แท่งหยกแข็งอัดเข้ามานางขมิบเกร็งรูฉ่ำแบบไม่รู้ตัว




สารบัญ

นางเริงระบำ-บทที่ 1 บุรุษปริศนา,นางเริงระบำ-บทที่ 2 ใช่ท่านแม่ทัพหรือไม่,นางเริงระบำ-บทที่ 3 พบหมอ,นางเริงระบำ-บทที่ 4 วาบหวิวบนม้า,นางเริงระบำ-บทที่ 5 กระโจมสวาท,นางเริงระบำ-บทที่ 6 รัญจวนบนเกวียน,นางเริงระบำ-บทที่ 7 เสร็จสมบนเกวียน,นางเริงระบำ-บทที่ 8 ลอบโจมตี,นางเริงระบำ-บทที่ 9 องค์ชาย? ,นางเริงระบำ-บทที่ 10 โยกย้ายบนม้า,นางเริงระบำ-บทที่ 11 เข้าตำหนัก,นางเริงระบำ-บทที่ 12 ต้องการเพียวเจ้า

เนื้อหา

บทที่ 8 ลอบโจมตี

จนแล้วจนรอดหลิวซือเย่ก็ยังไม่เห็นหน้าของบุรุษปริศนา เมื่อคืนหลังสำเร็จความใคร่คนผู้นั้นก็โยนอาภรณ์คลุมตัวนาง กว่าจะลุกขึ้นมาแต่งกายเขาก็หายไปแล้ว นางนึกใจเจ็บที่จับไม่ได้เสียที ทว่าหลังจากร่วมสวาทอย่างเร่าร้อนที่บ่อน้ำแล้ว เมื่อคืนชายแปลกหน้าก็ไม่ได้บุกเข้ามาหานางอีก

 หลิวซือเย่เลือกนั่งเกวียนในการเดินทาง ท่านแม่ทัพบอกนางว่าพ้นคืนนี้ไปก็เข้าเขตแดนของเผ่าหานหยวนแล้ว ทว่านอกจากทะเลทรายแล้วยังมองไม่เห็นสิ่งอื่นใด แต่พท้นที่แถบนี้ทรายค่อนข้างเรียบจึงไม่โคลงเคลงมากนัก นางระบำคนงามรู้ถึงเป็นอิสระยิ่งนัก เนื่องจากวันนี้ไม่มีใครมากวนใจ นางได้นั่งเกวียนเพียงลำพัง ไม่มีชายปริศนาแอบซุ่มอยู่

 เมื่อมีเวลาจึงเริ่มคิดวางแผนการหลบหนี ทางเดียวที่จะรอดคือลอบออกจากเกวียนขณะที่เข้าเขตเมืองแล้ว ทว่าจะทำอย่างไรในเมื่อด้านหลังของนางยังมีขบวนคาราวานตามปิดท้าย เหตุผลเดียวที่คิดออกในตอนนี้คือ เมื่อถึงเมืองแล้วทำทีลงไปเดินชมบ้านเมือง เมื่อสบโอกาสก็แอบเลี่ยงหนีเอาตัวรอด

 แล้วอยู่ๆ เกวียนก็หยุดลง…

 นางแน่ใจว่ายังไม่ถึงจึงเปิดหนังผืนหนาออกไปดู ได้ยินเสียงเอะอะจากทางด้านหน้า เมื่อหันไปมองก็ถึงกับตื่นตะลึง กลุ่มคนชุดดำในมือมีกระบี่ ไล่ฟันกองทหารของชนเผ่าหานหยวน ทั้งสองฝ่ายกำลังปะทะกันอย่างดุเดือดที่ด้านหน้า กองคาราวานด้านหลังก็เฮโลกันไปช่วยสู้ หลิวซือเย่รีบไปหลบอยู่หลังเครื่องบรรณาการในเกวียน นั่งสงบนิ่งไม่ไหวติง ในยามนี้นางกลัวตายมากกว่าสิ่งอื่นใด

 “ฆ่าให้หมดอย่าให้เหลือ!”

 “คุ้มกันองค์หญิง…คุ้มกันองค์หญิง!”

 องค์หญิงอะไรกันเล่า ยามนี้นางเพียงอยากนั่งเงียบๆ ทำเหมือนไร้ตัวตน จะให้คนมาลากนางออกไปทำไม! หลิวซือเย่คิดว่าหลบอยู่ในนี้ดีกว่าออกไปด้านนอกที่สับสนวุ่นวาย นางไม่เคยสู้รบมาก่อนการเอาตัวไปอยู่ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนั้นเป็นอันตรายต่อชีวิตยิ่งนัก

 ที่ด้านนอก…ท่านแม่ทัพและเหล่าทหาร กำลังต่อสู้กับเผ่าจินเกอศัตรูคู่อาฆาต เป็นชนเผ่าที่มีอาณาเขตติดกัน แม้จะรบกันเป็นประจำแต่เมื่อสามปีก่อนได้ทำสัญญาสงบศึกไปแล้ว เหตุใดจึงเกิดเหตุเช่นนี้ขึ้น! แม่ทัพใหญ่ไม่มีเวลาค้นหาคำตอบยามนี้เขาต้องสู้ศึกเพื่อเอาชนะ

 “พวกเผ่าจินเกอ รู้หรือไม่การกระทำของพวกเจ้าต่ำช้านัก!” ท่านแม่ทัพใหญ่ถมน้ำลายลงพื้น ยกกระบี่ขึ้นชี้หน้าอย่างมิเกรงกลัว อีกเพียงนิดก็เข้าเขตแดนหานหยวนแล้ว คิดไม่ถึงว่าพวกจินเกอจะกล้ามาดักปล้น

 “แล้วเผ่าหานหยวนของพวกเจ้าวิเศษวิโสมาจากไหน วันนี้คือวันตายของพวกเจ้า แม้แต่คนเดียวก็ไม่อาจเหลือรอดไปได้”

 “เช่นนั้นก็แตกหักกันไปเลย!”

 “ย่อมได้เสมอ”

 ต่างฝ่ายต่างต่อสู้กันแม้จะยังไม่ทราบต้นสายปลายเหตุที่แน่ชัดก็ตาม คนของจินเกอมีมากกว่าสองเท่า ดังนั้นไม่นานกลุ่มคนใช้และพวกอ่อนกำลังก็ถูกมัดรวมกันเป็นกลุ่มก้อน กำลังบางส่วนเข้าโจมตีจนคนของเผ่าหานหยวนสู้ไม่ไหว จากคนหลักสิบเหลือเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้น

 หลิวซือเย่นั่งตัวสั่นแม้กระทั่งหายใจยังมิกล้า กลัวว่าพวกผู้บุกรุกจะได้ยิน เสียงกระบีกวัดแกว่งปะทะกันดังแว่วให้ได้ยินตลอด ผสมกับเสียงกรีดร้องโหยหวนของชายฉกรรจ์ นางนึกภาวนาของอย่าให้พวกมันรื้อค้น จะปล้นก็ปล้นไปลากไปทั้งเกวียน อย่าได้เข้ามาดูเลยว่าในนี้มีอะไรบ้าง

 นางกลัวตายเป็นที่สุด!

 สามถึงสี่ครั้งที่รู้สึกได้ว่ามีร่างคนกระแทกเกวียน นางหวาดผวาจนแทบสิ้นสติ อยากให้การต่อสู้กันจบสิ้นเสียที และแน่นอนว่านางขอให้ฝ่ายเผ่าหานหยวนคว้าชัย เพราะไม่อาจทราบได้ว่าอีกฝ่ายคือผู้ใด อาจเป็นโจรทะเลทราย! นางเคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาบ้าง หากเป็นดั่งที่คิดขอตายดีกว่าไปกับพวกมัน!

 “องค์หญิง…รอง ยะ อย่าออกมา เด็ดขาด!”

 อยู่ๆ นางก็ได้ยินเสียงที่ทำให้ชาหนึบไปทั้งตัว นั่นคือเสียงของท่านแม่ทัพใหญ่ ฟังดูเจ็บปวดทรมานเหลือเกิน ไม่ใช่ว่าเขาเพลี้ยงพล้ำให้คนพวกนั้นแล้วหรอกหรือ! เป็นถึงนักรบแห่งชนเผ่าหานหยวนยังไม่รอด แล้วหญิงสาวธรรมดาแบบนางจะรักษาชีวิตไว้ได้อย่างไร!

 ตายแน่แล้ว…ตายแน่แล้ว

 หลิวซือเย่นั่งหลับตายกมือขึ้นปิดหู กลั้นหายใจไร้การรับรู้ชั่วขณะ เนินนานเท่าใดไม่ทราบได้ รู้ตัวอีกทีเสียงรอบข้างก็หายไปหมดแล้ว คล้ายกับว่าที่ตรงนี้เหลือเพียงนางลำพัง กระนั้นก็ยังไม่กล้าขยับอยู่ดี หากโผล่ไปแล้วเจอกับพวกโจรไม่แย่หรอกหรือ แม้อยากรู้ใจจะขาดว่าเกิดอะไรขึ้นแต่นางก็เลือกนั่งอยู่ที่เดิม

 นานเกินไป…นานจนไม่สามารถรอได้อีก

 นางระบำสาวตัดสินใจขยับตัว ค่อยๆ คลานช้าๆ เปิดหนังผืนหน้าออกทีละน้อย เพื่อดูว่าด้านนอกเป็นอย่างไร เหตุใดจึงเงียบเช่นนี้ ทว่าเบื้องหน้านางเต็มไปด้วยชายฉกรรจ์ที่นอนคว่ำหน้า บางจุดก็มีเลือดเปรอะเปื้อนเต็มไปหมด พื้นทรายละเอียดถูกแต้มด้วยสีแดงเข้มคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาว

 หลิวซือเย่ตกตะลึงจนลืมหายใจ ขาแข้งสั่นจนก้าวไม่ออก ผู้คนที่นอนอยู่บนพื้นล้วนเป็นคนของเผ่าหานหยวน เช่นนี้เท่ากับว่าพวกกเขาตายหมดแล้วใช่หรือไม่! นางมองไปรอบๆ อย่างตื่นตะหนกทว่าไม่เห็นมีผู้ใดอยู่ตรงนี้ จึงก้าวขาสั่นเทาลงจากเกวียน ค่อยๆ ย่างเท้าไปเลียบขนาบไปกับด้านข้าง จนกระทั่งทุกอย่างประจักษ์แก่สายตา

 คนของชนเผ่าหานหยวนไม่เหลือแล้วสักคน!

 พวกเขาทั้งหมดหรือไม่นางไม่แน่ใจ รู้เพียงว่ามีเลือดเจิ่งนองเต็มพื้น รอบข้างนางมีเพียงม้าและอูฐที่ยังปกติดี และเบื้องหน้าไกลๆ มีกลุ่มบุรุษชุดดำถือกระบี่ที่ชุ่มไปด้วยเลือด หลิวซือเย่อยากก้าวขาแต่ก็ก้าวไม่ออก ยืนตัวแข็งทื่อราวกับถูกตอกตรึงไว้ ชายกรรจ์เหล่านั้นองอาจสมเป็นนักรบ นางระบำอย่างนางไม่มีอะไรเลยที่สามารถต่อกรได้ ในขณะนั้นมีชายรูปร่างกำยำในมือมีกระบี่ค่อยๆ เดินตรงมาหานาง

 หลิวซือเย่หลับตาลง…นี่คงถึงคราวตายของนางแล้วจริงๆ