หลิวซือเย่ นางระบำในวังที่ถูกสลับตัวกับองค์หญิงรอง ถูกนำไปเป็นของบรรณาการให้เผ่าหานหยวน นางไม่รู้ว่าบุรุษหนุ่ม ที่กำลังคร่อมร่างนางอยู่คือใคร หลิวซือเย่ตกใจแทบสิ้นสติ ชายคนนั้นกำลังทำให้นางเป็นของเขา

นางเริงระบำ - บทที่ 9 องค์ชาย? โดย ฟ่งเฟิ่งเซวียน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ย้อนยุค,จีน,องค์ชาย,จีนโบราณ,นางระบำ,อิโรติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

นางเริงระบำ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ย้อนยุค,จีน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

องค์ชาย,จีนโบราณ,นางระบำ,อิโรติก

รายละเอียด

หลิวซือเย่ นางระบำในวังที่ถูกสลับตัวกับองค์หญิงรอง ถูกนำไปเป็นของบรรณาการให้เผ่าหานหยวน นางไม่รู้ว่าบุรุษหนุ่ม ที่กำลังคร่อมร่างนางอยู่คือใคร หลิวซือเย่ตกใจแทบสิ้นสติ ชายคนนั้นกำลังทำให้นางเป็นของเขา

ผู้แต่ง

ฟ่งเฟิ่งเซวียน

เรื่องย่อ

เมื่อนางระบำอันดับหนึ่งถูกสลับตัวกับองค์หญิงที่ต้องไปแต่งงานเชื่อสัมพันธ์กับองค์รัชทายาทของเผ่าหานหยวน นางโดนวางยาไม่รู้สึกตัว ตื่นมาอีกทีก็อยู่ท่ามกลางขบวนเดินทางที่เต็มไปด้วยบุรุษแปลกหน้าเป็นสิบๆคนกลางทะเลทราย เเล้วนางจะหาทางหนีได้อย่างไหร่เล่า แถมยังโดนบุรุษปริศนากระทำชำเราทั้งคืนจนสลบ เเต่ปัญหาคือนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบุรุษผู้นั้นคือใครกัน จะเป็นท่านเเม่ทัพ? ท่านหมอ? หรือใครกันนะ?




“อ๊ะ ยะ อย่า อ๊า!!..อะ.. ซื๊ดดดส์~” เหตุใดคำร้องห้ามของนางจึงกลายเป็นเสียงครางกระเส่าไปได้ หลิวซือเย่ได้สติอย่างเต็มที่ร่างการตื่นตัวทุกส่วน บัดนี้นางกำลังร่วมรักอยู่กับบุรุษแปลกหน้าเช่นนั้นหรือ!

บุรุษผู้นั้นคล้ายไม่ได้ยิน ยังคงโยกขยับตอกตึงท่อนเนื้อเข้าออก นางได้ยินเพียงเสียงลมหายใจและเสียงครางต่ำในลำคอ ความรู้สึกตีรวนอยู่ที่ช่องของน้อย หลิวซือเย่ไม่ได้รู้สึกเจ็บที่กลางร่างกาย อาจเป็นเพราะตอนนางสลบไปก็ถูกชายแปลกหน้าชำแรกเข้ามาแล้ว ยามนี้จึงสัมผัสได้แค่ความเสียดเสียว ทุกครั้งที่แท่งหยกแข็งอัดเข้ามานางขมิบเกร็งรูฉ่ำแบบไม่รู้ตัว




สารบัญ

นางเริงระบำ-บทที่ 1 บุรุษปริศนา,นางเริงระบำ-บทที่ 2 ใช่ท่านแม่ทัพหรือไม่,นางเริงระบำ-บทที่ 3 พบหมอ,นางเริงระบำ-บทที่ 4 วาบหวิวบนม้า,นางเริงระบำ-บทที่ 5 กระโจมสวาท,นางเริงระบำ-บทที่ 6 รัญจวนบนเกวียน,นางเริงระบำ-บทที่ 7 เสร็จสมบนเกวียน,นางเริงระบำ-บทที่ 8 ลอบโจมตี,นางเริงระบำ-บทที่ 9 องค์ชาย? ,นางเริงระบำ-บทที่ 10 โยกย้ายบนม้า,นางเริงระบำ-บทที่ 11 เข้าตำหนัก,นางเริงระบำ-บทที่ 12 ต้องการเพียวเจ้า

เนื้อหา

บทที่ 9 องค์ชาย?

ไม่มีอะไรเกิดขึ้น….

หลิวซือเย่ยืนนิ่งอยู่สักพักทว่าความรู้สึกกลับเนิ่นนานเหลือเกิน นางค่อยๆ ลืมตาทีละน้อยด้วยใจสั่นไหว เมื่อเบิกตาเต็มที่เห็นบุรุษผู้นั้นยืนอยู่ตรงหน้า สายตาที่คมวาวจ้องนางไม่วางตา คนผู้นั้นก้าวเข้ามาทีละก้าวจนห่างกันเพียงคืบ

กลิ่นกายของชายผู้นี้ช่างคุ้นเหลือเกิน…

หรือว่าจะเป็นเขา!

“ขอโทษที่ทำให้ตกใจ”

บุรุษชุดดำเอ่ยเสร็จก็ถอดผ้าคลุมออก ใบหน้าราวหยกสลักทอประกายท่ามกลางแสงอาทิตย์ประจักษ์แก่สาย ผิวพรรณขาวผ่องเหมือนไม่เคยต้องแดด หลิวซือเย่ตกตะลึงจนลืมหายใจ นางจำได้ทันทีว่าบุรุษตรงหน้าคือผู้ใด

“ทะ ท่าน องค์ชายสี่!” นางคาดไม่ถึงว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ที่บุกโจมตีจะเป็นเชื้อพระวงศ์จากเมืองหลวง เมื่อครั้งที่เข้าไปแสดงระบำในพระราชวัง หลิวซือเย่เคยพบองค์ชายสี่อยู่หลายครั้ง ใบหน้าของเขาเด่นสะดุดตาและมักจ้องนางด้วยสายตาที่อธิบายไม่ถูก

“ไม่ผิด” เขาคือมู่ชิวหยาง องค์ชายสี่ที่เกิดกับกุ้ยเฟย ตำแหน่งจวงอ๋อง

“เหตุใดถึงเป็นท่าน” ไม่ใช่เพียงแค่องค์ชายสี่บุกโจมตีเท่านั้น แต่ทุกค่ำคืนคนที่ร่วมรักกับนางก็คือเขา หลินซือเย่จำกลิ่นกายนี้ได้ เมื่อรู้ว่าเป็นเขาความหนักอึ้งบนบ่าก็มลายไปทันที เหลือเพียงความโล่งใจ ได้รู้เสียทีว่าบุรุษปริศนาคือผู้ใด

“เป็นข้ามาตลอด” ยืนยันให้นางมั่นใจ เขาแฝงตัวตามมาตั้งแต่เมืองหลวง เมื่อรู้ว่าฮ่องเต้มีแผนการสลับตัว เขาก็วางแผนตลบหลัง ชิงตัวหลิวซือเย่โดยที่ไม่กระทบกับราชสำนัก จึงยืมมือเผ่าจินเกอก่อเหตุ

“ทำไมกัน…” นางไม่เข้าใจ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พูดคุยกับองค์ชายสี่ ทุกครั้งที่นางไปแสดงระบำเขาทำเพียงแค่นั่งชมเท่านั้น แล้วเหตุใดองค์ชายผู้สูงศักดิถึงทำเพื่อนางมากมายเพียงนี้

“เพราะเจ้าเป็นของข้า”

องค์ชายสี่หรือจวงอ๋อง พึงใจหลิวซือเย่ตั้งแต่แรกพบ เขาไม่เคยพลาดการแสดงระบำของนางเลยสักครั้ง จนกระทั่งฮ่องเต้มีรับสั่งให้จับตัวนางสลับกับองค์หญิงรองเพื่อไปเป็นเครื่องบรรณาการแทน เขาทำใจไม่ได้และคัดค้านแผนการครั้งนี้ โดยอ้างถึงข้อเสียมากกว่าข้อดี หากทางเผ่าหานหยวนจับได้ว่าคิดไม่ซื่ออาจเกิดศึกสงคราม แต่พวกขุนนางทั้งหลายกลับเห็นด้วยกับแผนการครั้งนี้ เขาจึงต้องตลบลงเพื่อช่วงนางออกมา

เขากับองค์รักษประจำตัวลอบแฝงเข้ามากับขบวน ครั้งนี้หลิวซือเย่เดินทางโดยไม่มีหญิงรับใช้ เขากลัวนางไม่ปล่อยภัยและด้วยความหึงหวงจึงตีตราประทับตั้งแต่คืนแรกที่เดินทาง ย่องเข้าหานางในกระโจมหลับนอนกับหลิวซือเย่จนเกือบสว่าง เมื่อได้แล้วก็ติดใจเข้าหานางทุกครั้งที่มีโอกาส

“แล้วเหตุใดองค์ชายถึงไม่เคยบอก” ปล่อยให้นางคิดไปต่างๆ นานา ว่าบุรุษผู้นั้นเป็นใครกันแน่ หากรู้ว่าเป็นองค์ชายสี่นางจะอิดออดเลยแม้แต่น้อย ยินยอมร่วมรักกับเขาด้วยความเต็มใจ แต่ดันเก็บงำอยู่ตั้งนางเคยคิดว่าเป็นท่านแม่ทัพเสียด้วยซ้ำ เมื่อคิดถึงตรงนี้นางก็โล่งใจมาก

“กลัวว่าเจ้าจะเผยไต๋ให้พวกมันรู้”

“ข้าไม่ใช่คนปากมากเสียหน่อย”

“มิได้หมายความเช่นนั้น เอาเป็นการไม่เปิดเผยตัวทำให้สะดวกมากกว่า”

ไม่ได้กลัวหลิวซือเย่จะเอาความไปบอก แต่หากนางรู้อาจเผยพิรุธออกมา แม่ทัพใหญ่ของชนเผ่าหานหยวนเป็นพวกขี้สงสัย เขาเองก็เกือบถูกจับได้แต่เอาตัวรอดมาอย่างฉิวเฉียด เมื่อคืนหลังจากซุ่มรอดูหลิวซือเย่กลับกระโจม ก็กำลังจะเดินกลับที่พักเช่นกัน แต่ดันเจอแม่ทัพกลางทางซักถามเสียยกใหญ่

หลิวซือเย่พยักหน้าเข้าใจในเหตุผล ก่อนจะเบนสายตาลงพื้นมองดูผู้คนที่นอนเกลื่อนกราด อยู่ๆ น้ำลายในคอก็หนืดขึ้นมา จมูกของนางได้กลิ่นคาวเลือดอีกครั้งรู้สึกสะอิดสะเอียดมาก

“แล้ว…ตายหมดเลยหรือเพคะ” นางชี้ไปที่พวกนั้นอย่างหวาดหวั่น

“ไม่ บางคนแค่สลบ อีกไม่น่านคงฟื้น” เขาและคนของเผ่าจินเกอไม่ได้ฆ่าล้างบาง ฆ่าเฉพาะที่จำเป็นเทานั้น แม้แต่ท่านแม่ทัพใหญ่ก็เพียงแค่สลบไปเท่านั้น

แผนการของเขามิได้จะทำให้เผ่าจินเกอและเผ่าหานหยวนต้องบาดหมางจนถึงขั้นแตกหัก จึงไม่ได้จ้องเอาชีวิตเพียงแค่ต้องการชิงตัวหลิวซือเย่โดยที่ไม่ให้ฝ่ายนั้นล่วงรู้ว่าเป็นฝีมือของคนวังหลวง ซึ่งนับว่าแผนการลุล่วงไปด้วยดี

“แล้วจะทำเช่นไรต่อเพคะ”

“ข้าจะพาเจ้ากลับ รอข้าสักประเดี๋ยว”

องค์ชายสี่เดินไปคุยกับเผ่าจินเกอ ขอม้าในเพื่อเดินทางกลับ ส่วนของบรรณาการแล้วแต่ทางเผ่าจะจัดการ เขาแค่ต้องการตัวหลิวซือเย่เท่านั้น ทหารที่เป็นผู้นำของเผ่าให้เสบียงอาหารและส่งคนมาคุ้มกันจนกวาจะถึงเขตแดนเข้าเมืองหลวง

เมื่อทุกอย่าพร้อมทั้งคณะก็เริ่มเดินทางกันอีกครั้ง มีองค์ชายสี่ หลิวซือเย่ องครักษ์ขององค์ชายสี่คนและคนคุ้มกันของเผ่าจินเกออีกสี่คน ทั้งหมดเดินทางด้วยม้าเพื่อความเร็ว ไม่แน่ว่าองค์รัชทายาทเผ่าหานหยวนอาจรู้ข่าวการถูกลอบโจมตี อยู่ใกล้เขตแดนจึงไม่ปลอดภัยนัก

หลิวซือเย่ขึ้นควบม้าเองนางเคยขี่มาก่อนแต่ไม่เก่งนัก ทว่ายามนี้ต่อให้ไม่เคยขี่ม้ามาก่อนก็ต้องลองแล้ว เกรงว่าคนของเผ่าหานหยวนจะออกตามล่า ทั้งหมดควบม้ากลางทะเลทรายจนฝุ่นตลบ องค์ชายไม่ได้ควบเร็วนักเพราะเป็นห่วงนางระบำสาวกลัวนางจะเหนื่อย แต่หลิวซือเย่อดทนมาก ทามกลางอาการร้อนระอุ นางไม่บ่น ไม่แสดงความอ่อนแอออกมา ยังคงควบม้าด้วยความเร็วสม่ำเสมอ

คนของเผ่าจินเกอพาไปอีกทางซึ่งเป็นเนินขนาดสูงใหญ่ พาขึ้นมาหลบสังเกตการณ์เผื่อว่าคนของหานหยวนตามมา จนกระทั่งดวงอาทิตย์คล้อยต่ำ จึงพาคณะเดินทางมุ่งหน้าสู่โอเอซิสที่พวกเขาเคยพักค้างแรมมาแล้ว เมื่อเดินทางมาหนึ่งท้องฟ้าก็กลายเป็นสีส้มแล้ว องครักษ์และคนของเผ่าจินเกอช่วยกันตั้งกระโจมและเตรียมอาหาร ส่วนองค์ชายสี่พาหลิวซือเย่มานั่งพัก

“เจ้าเหนื่อยหรือไม่” ถามพลางสำรวจร่างแน่งน้อยไปด้วย นางควบม้าตลอดทั้งวันกลัวจะเพลีย สองวันมานี้หลินซือเย่นั่งเกวียนมาตลอด ใจไม่อยากให้นางลำบากแต่เพราะเร่งรีบเดินทางจึงจำให้นางขี่เอง

“นิดหน่อยเพคะ” อันที่จริงเหนื่อยมากเพลียแดด ทว่าไม่อยากให้องค์ชายทรงเป็นกังวล หรือเกรงว่าตนจะเป็นตัวถ่วงในการเดินทาง นางเองก็อยากให้ถึงเมืองหลวงเร็วๆ เช่นกัน

“เจ้าหิวหรือยัง” มองนางระบำด้วยสายตาอ่อนโยน ใช้ข้อนิ้วเกลี่ยแก้มนวลก่อนจะยกเส้นผมที่ปรกลงมาทัดไว้หู

“ยังเพคะ องค์ชายเหนื่อยหรือไม่” นางช้อนสายตาขึ้นมองอย่างขวยเขิน สีหน้าของเขาดูอิดโรยพอสมควร นอกจากเดินทางไกลแล้วก่อนหน้านี้องค์ชายเพิ่งผ่านการต่อสู้มา

“เหนื่อยสิ เจ้าพาข้าไปอาบน้ำที”

“องค์ชาย…”

เห็นสายตาคมวาวที่มองมาก็ทราบได้ทันทีว่าองค์ชายคิดเห็นเช่นไร นางเขินอายจนหน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศ ภาพบรรเลงเพลงท่ามกลางแสงจันทร์ยังคงแจ่มชัดในความทรงจำ

นี่ยังไม่ค่ำเลย จะชวนนางไปรื้อฟื้นความหลังแล้วหรือ!