หลิวซือเย่ นางระบำในวังที่ถูกสลับตัวกับองค์หญิงรอง ถูกนำไปเป็นของบรรณาการให้เผ่าหานหยวน นางไม่รู้ว่าบุรุษหนุ่ม ที่กำลังคร่อมร่างนางอยู่คือใคร หลิวซือเย่ตกใจแทบสิ้นสติ ชายคนนั้นกำลังทำให้นางเป็นของเขา

นางเริงระบำ - บทที่ 11 เข้าตำหนัก โดย ฟ่งเฟิ่งเซวียน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ย้อนยุค,จีน,องค์ชาย,จีนโบราณ,นางระบำ,อิโรติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

นางเริงระบำ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ย้อนยุค,จีน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

องค์ชาย,จีนโบราณ,นางระบำ,อิโรติก

รายละเอียด

หลิวซือเย่ นางระบำในวังที่ถูกสลับตัวกับองค์หญิงรอง ถูกนำไปเป็นของบรรณาการให้เผ่าหานหยวน นางไม่รู้ว่าบุรุษหนุ่ม ที่กำลังคร่อมร่างนางอยู่คือใคร หลิวซือเย่ตกใจแทบสิ้นสติ ชายคนนั้นกำลังทำให้นางเป็นของเขา

ผู้แต่ง

ฟ่งเฟิ่งเซวียน

เรื่องย่อ

เมื่อนางระบำอันดับหนึ่งถูกสลับตัวกับองค์หญิงที่ต้องไปแต่งงานเชื่อสัมพันธ์กับองค์รัชทายาทของเผ่าหานหยวน นางโดนวางยาไม่รู้สึกตัว ตื่นมาอีกทีก็อยู่ท่ามกลางขบวนเดินทางที่เต็มไปด้วยบุรุษแปลกหน้าเป็นสิบๆคนกลางทะเลทราย เเล้วนางจะหาทางหนีได้อย่างไหร่เล่า แถมยังโดนบุรุษปริศนากระทำชำเราทั้งคืนจนสลบ เเต่ปัญหาคือนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบุรุษผู้นั้นคือใครกัน จะเป็นท่านเเม่ทัพ? ท่านหมอ? หรือใครกันนะ?




“อ๊ะ ยะ อย่า อ๊า!!..อะ.. ซื๊ดดดส์~” เหตุใดคำร้องห้ามของนางจึงกลายเป็นเสียงครางกระเส่าไปได้ หลิวซือเย่ได้สติอย่างเต็มที่ร่างการตื่นตัวทุกส่วน บัดนี้นางกำลังร่วมรักอยู่กับบุรุษแปลกหน้าเช่นนั้นหรือ!

บุรุษผู้นั้นคล้ายไม่ได้ยิน ยังคงโยกขยับตอกตึงท่อนเนื้อเข้าออก นางได้ยินเพียงเสียงลมหายใจและเสียงครางต่ำในลำคอ ความรู้สึกตีรวนอยู่ที่ช่องของน้อย หลิวซือเย่ไม่ได้รู้สึกเจ็บที่กลางร่างกาย อาจเป็นเพราะตอนนางสลบไปก็ถูกชายแปลกหน้าชำแรกเข้ามาแล้ว ยามนี้จึงสัมผัสได้แค่ความเสียดเสียว ทุกครั้งที่แท่งหยกแข็งอัดเข้ามานางขมิบเกร็งรูฉ่ำแบบไม่รู้ตัว




สารบัญ

นางเริงระบำ-บทที่ 1 บุรุษปริศนา,นางเริงระบำ-บทที่ 2 ใช่ท่านแม่ทัพหรือไม่,นางเริงระบำ-บทที่ 3 พบหมอ,นางเริงระบำ-บทที่ 4 วาบหวิวบนม้า,นางเริงระบำ-บทที่ 5 กระโจมสวาท,นางเริงระบำ-บทที่ 6 รัญจวนบนเกวียน,นางเริงระบำ-บทที่ 7 เสร็จสมบนเกวียน,นางเริงระบำ-บทที่ 8 ลอบโจมตี,นางเริงระบำ-บทที่ 9 องค์ชาย? ,นางเริงระบำ-บทที่ 10 โยกย้ายบนม้า,นางเริงระบำ-บทที่ 11 เข้าตำหนัก,นางเริงระบำ-บทที่ 12 ต้องการเพียวเจ้า

เนื้อหา

บทที่ 11 เข้าตำหนัก

เมื่อเดินทางกลับมาถึงเมืองหลวง องค์ชายสี่พาหลิวซือเย่มาพักที่ตำหนักเฮิงเต๋อ เป็นตำหนักประจำตำแหน่งขององค์ชายสี่ ก่อนจะเข้าวังหลวงเป็นการด่วน สองสามวันนี้ฮ่องเต้มีรับสั่งให้ติดตามเรื่องคาราวานเผ่าหานหยวนถูกโจมตี

 “มู่ชิวหยาง เหตุใดเจ้าพึ่งมาเอาป่านนี้”

 “ทูลเสด็จพ่อ ข้าติดพันงานที่ด้านซ้าย เมื่อเรียบร้อยแล้วจึงรับมาทันที”

 องค์ชายสี่เข้าเฝ้าฮ่องเต้เป็นการส่วนตัว เพราะมีภารกิจที่ต้องงานด้วยเช่นกัน เสด็จพ่อให้เขาไปแก้ไขเรื่องสะพานถล่มที่ด้านซ้าย งานเล็กๆ แบบนี้มู่ชิวหยางส่งลูกน้องฝีมือดีไปทำแทน เพราะตัวเขาเองแฝงไปกับคณะคาราวาน ซึ่งช่วงเวลาประจวบเหมาะพอดี จึงไม่มีใครสงสัยว่าเขาพัวพันในเหตุการณ์ลอบโจมตีคาราวาน

 “งานเจ้าเรียบร้อยดีหรือไม่”

 “เรียบร้อยดีพะยะค่ะ” เมื่อเขามาถึงเมืองหลวง ลูกน้องก็เข้ามารายงานสถานการณ์ให้ฟังอย่างละเอียด เขาจึงมีข้อมูลมาทูลองค์ฮ่องเต้

 “เจ้ารู้ข่าวกองคาราวานของเผ่าหานหยวนถูกลอบโจมตีแล้วหรือไม่”

 “ข้าทราบแล้ว ให้คนออกไปสืบ อีกไม่นานน่าจะกลับมาแล้ว” อันที่จริงเขารู้แจ้งแก่ใจเพราะเป็นคนวางแผน แต่จะให้เสด็จพ่อล่วงรู้มิได้เด็ดขาด อย่างไรเสียเผ่าจินเกอได้ประโยชน์ไปเยอะมาก คงไม่กลับลำคิดหักหลังโบ้ยเรื่องมาให้เมืองหลวง

 “เผ่าหานหยวนเก่งกาจเรื่องฝีมือ เหตุใดถึงเพลี้ยงพล้ำได้”

 “ทางเหนือมีสองถึงสามชนเผ่าที่ชิงกันเป็นหนึ่ง ข้าคิดว่าคงเป็นเรื่องภายใน” เขาหยิบหยกสถานการณ์การสู้รบของพวกทางเหนือมาอ้าง เพื่อให้ฮ่องเต้คล้อยตามในเหตุผล

 “ได้ยินมาว่ามีคนล้มตาย ของบรรณาการบางส่วนหายไป”

 ตั้งแต่เกิดเรื่องฮ่องเต้สั่งให้คนไปสืบข่าว พบว่าคนของเผ่าหานหยวนแพ้ราบคาบ บาดเจ็บล้มตายแล้วของบรรณาการก็หายไปบางส่วน แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเมืองหลวง ฮ่องเต้ทำตามสัญญาไม่ขาดตกบกพร่องเลยสักข้อ

 “เรื่องนี้ข้ามิอาจทราบได้ ถ้าคนของข้ากลับมาเมื่อไหร่ ข้าจะรีบมารายงานเสด็จพ่อ”

 องค์ชายสี่ปิดบังเรื่องราวไว้ก่อน และยังไม่เปิดเผยตัวตนของหลิวซือเย่ ทำทีว่านางหายสาบสูญไปกับการถูกลอบโจมตี ไว้สบโอกาสเมื่อใดค่อยขอพระราชทานสมรสกับฮ่องเต้ เขาคิดอยากรับนางระบำคนงามมาเป็นพระชายา ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นหลิวซือเย่มาแสดงระบำที่ท้องพระโรง เขาก็ให้ลูกน้องไปสืบตัวตนของนางทันที

 นางเติบโตอยู่ในสำนักเฟิงหวง เป็นนางระบำอันดับหนึ่ง ไม่เคยคบหาบุรุษมาก่อน มู่ชิวหยางเคยให้คนตามดูนาง จึงรับรู้ถึงอุปนิสัยด้านที่อ่อนโยน ฉะนั้นไม่ใช่เพียงเพราะรสสวาทของนางเท่านั้นที่ทำให้เขาติดใจ แต่ตัวตนของหลิวซือเย่ ความมีน้ำใจ ความอ่อนโยน ก็มัดใจเขาได้อยู่หมัดเช่นกัน

 “อืม ข้าไม่ได้เจอเจ้ามานาน วางหมากกับข้าสักตา”

 มู่ชิวหยางเป็นบุตรชายคนที่สี่ที่เกิดกับกุ้ยเฟย มารดาของเขาสิ้นไปเมื่อห้าปีก่อน ด้วยฝีมือและความเฉลียวฉลาด องค์ชายสี่จึงมักได้รับมอบหมายงานสำคัญอยู่เสมอ ดังนั้นจึงไม่ค่อยอยู่เมืองหลวงเท่าไหรนัก

 “พะยะค่ะ”

 ใจอยากกลับไปหาหลิวซือเย่ แต่เมื่อเสด็จพ่อออกปากก็ไม่อาจขัดพระประสงค์ได้ มู่ชิวหยางอยู่วางหมากกับฮ่องเต้จนเกือบเย็นถึงออกจากวังหลวงแล้วตรงกับจวน

 หลิวซือเย่เพิ่งมาอยู่ได้ไม่ถึงวันนางไม่คุ้นชินเอาเสียเลย ที่อยู่ๆ ก็มีหญิงรับใช้มาคอยปรนนิบัติดูแล เมื่อครั้งอยู่ที่สำนักเฟิงหวงเป็นนางเสียเองที่คอยดูแลผู้อื่น ป่านนี้ที่สำนักมิรู้เป็นอย่างไรบ้าง อยู่ๆ นางหายไปเช่นนี้ท่านอาจารย์และศิษย์พี่ศิษย์น้องคนในสำนักคงเป็นห่วง แต่นางหารู้ไม่ว่าทางวังหลวงจัดการหาข้ออ้างให้เรียบร้อยแล้ว

 สำนักนางระบำคิดว่าหลิวซือเย่ถูกจวนอ๋องที่เมืองด้านซ้ายขอแต่งงานไปแล้ว โดยคนของวังหลวงนำขอสู่ขอมาให้ที่สำนัก แต่พวกเขาไม่รู้ว่านางถูกนำไปเป็นของบรรณาการแทนองค์หญิงรอง

 หลิวซือเย่นั่งรอองค์ชายสี่อยู่แถวๆ หน้าตำหนัก จนกระทั่งเข้ากลับมาจึงรีบเข้าไปหา

 “เจ้ามารอข้าหรือ”

 “องค์ชายสี่ ข้าต้องอยู่ที่นี่ไปตลอดหรือไม่” ภายในใจสับสนวุ่นวาย ความจริงนางต้องกลายเป็นของบรรณาการ แต่เขาพากลับมาเช่นนี้ไม่เท่ากับว่าเป็นการหนีหรอกหรือ

 “เจ้าอยากไปจากข้า?”

 “มิได้หมายความเช่นนั้น ข้าเป็นเพียงนางระบำธรรมดา ไฉนเลยจะคู่ควรกับองค์ชาย ข้าแค่อยากสอบถามตำแหน่งของตนเอง” หลิวซือเย่รู้ฐานะตัวเองดี ในตอนนี้ยากจะออกไปใช้ชีวิตข้างนอกลำพัง กลับสำนักก็คงทำไม่ได้เกรงจะเกิดเรื่องวุ่นวาย ดังนั้นอยู่ที่นี่จึงปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นบ่าวรับใช้หรือนางครัว นางทำได้ทุกอย่างเพื่อตอบแทนบุญคุณ

 “พระชายา”

 “องค์ชาย! แต่ข้าเป็นเพียง…” กระพือขนตาเข้าหากันอย่างงุนงง ให้นางเป็นถึงพระชายาเชียวหรือ!

 “ข้าจะให้เจ้าเป็นพระชายา รอให้เรื่องเงียบไปสักพัก เมื่อนั้นข้าจะทูลฮ่องเต้ขอประทานสมรส” เขาวางแผนเรื่องนี้เอาไว้แล้ว เมื่อเห็นนางตกตะลึงจึงดึงเข้ามากอดด้วยความเอ็นดู

 “แต่ฮ่องเต้ให้ข้าไปเป็นของบรรณาการ” อ้อมแขนขององค์ชายสี่อบอุ่นยิ่งนัก แต่กระนั้นก็ยังไม่เบาใจ นางกลัวเขาจะเดือดร้อนไปด้วย

 “ข้าจะบอกว่าเจ้ารอดมาได้ วางใจเถิด ข้าไม่ทำให้เจ้าลำบากในเรื่องนี้”

 ก็ใครให้เสด็จพ่อเลือกหลิวซือเย่เล่า! หากเป็นคนอื่นเขาจะไม่แยแสเลยสักนิด แต่นี่ฮ่องเต้ดันเลือกคนที่เขาพึงใจ ไม่อาจนิ่งดูดายเห็นนางไปเป็นของบุรุษอื่น ต่อให้ภายหน้าฮ่องเต้จะคัดค้านทว่าเขาพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้แต่งงานกับหลิวซือเย่

 “องค์ชายเมตตาข้าเหลือเกิน”

 “นั่นเป็นเพราะข้าพึงใจเจ้า” ยอมรับกับนางตามตรง รู้สึกใบหน้าร้อนขึ้นมากะทันหัน นางถูกกอดเช่นนี้ไม่อาจเห็นได้ว่าใบหูองค์ชายเริ่มแดงระเรื่อ

 “ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยมีบุรุษคนไหนดีกับข้าเท่าท่านมาก่อน” อกของเขาอุ่นร้อน เป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวที่นางมีในตอนนี้

 “และในภายหน้าก็จะไม่มีบุรุษคนใดดีไปกว่าข้าอีกแล้ว”

 “ท่านช่างยกยอตัวเองเก่งนัก”

 “เจ้าพึงใจข้าหรือไม่”

 “เพคะองค์ชาย”

 หลิวซือเย่ซุกหน้าลงกับอกยิ้มกว้างหุบไม่ลง นางเขินเกินกว่าจะเงยหน้าขึ้นมองเขา ร่วมหลับนอนกันมาหลายคืนแล้วจะไม่ให้รู้สึกได้อย่างไร นางซาบซึ้งมากที่มู่ชิวหยางวางแผนเสี่ยงอันตรายมากเพียงนี้

 “ข้าเหนื่อยเหลือเกิน เจ้าอยากปรนนิบัติข้าหรือไม่”

 “เพคะ…”

 ทั้งคู่มองสบตาอย่างมีความหมาย จูงมือกันไปที่ห้องนอนในขณะที่หญิงรับใช้กำลังเตรียมตั้งสำรับ ทว่ามื้อเย็นคงจืดชืดเมื่อเจอรสรักบนเตียงที่เร่าร้อน