การได้ปะแป้งหน้าขาว ทาปากสีแดงฉูดฉาด สวมใส่ชุดที่ถูกตัดเย็บมาอย่างดีพร้อมเครื่องประดับสีสันสวยงามและขึ้นแสดงต่อหน้าผู้คนมากมายทำให้ฉันมีความสุขเหลือเกิน...ฉันอยากจะร่ายรำแบบนี้ตลอดไป...

กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี] - บทที่ 1 ระบำดาวดึงส์ (3/3) โดย ภุมโม @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

พารานอมอล,ลึกลับ,ระทึกขวัญ,รั้วโรงเรียน,ไทย,พล็อตสร้างกระแส,สยองขวัญ,horror,ลึกลับ,น่ากลัว,ผี,โรงเรียนไทย,โรงเรียน,หลอน,ระทึกขวัญ ,นิยายหลอน,วิญญาณ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี]

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

พารานอมอล,ลึกลับ,ระทึกขวัญ,รั้วโรงเรียน,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,สยองขวัญ,horror,ลึกลับ,น่ากลัว,ผี,โรงเรียนไทย,โรงเรียน,หลอน,ระทึกขวัญ ,นิยายหลอน,วิญญาณ

รายละเอียด

กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี] โดย ภุมโม @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

การได้ปะแป้งหน้าขาว ทาปากสีแดงฉูดฉาด สวมใส่ชุดที่ถูกตัดเย็บมาอย่างดีพร้อมเครื่องประดับสีสันสวยงามและขึ้นแสดงต่อหน้าผู้คนมากมายทำให้ฉันมีความสุขเหลือเกิน...ฉันอยากจะร่ายรำแบบนี้ตลอดไป...

ผู้แต่ง

ภุมโม

เรื่องย่อ

 

 

เรื่องราวของ ‘ปัทมา’ เด็กสาววัยสิบแปดปีที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ในการร่ายรำ ตลอดระยะเวลาหกปีในรั้วโรงเรียนมัธยม ปัทมาเข้าแข่งขันงานวิชาการหมวดนาฏศิลป์เสมอแต่ไม่เคยได้รับชัยชนะเลยสักครั้ง จนกระทั่งวันหนึ่งเริ่มมีคนเห็นเธอร่ายรำคู่กับชายหนุ่มปริศนา ทั้งที่ช่วงเวลานั้นปัทมาที่รู้ตัวดีว่าเธอรำเพียงคนเดียว หลังจากนั้นก็เริ่มมีเรื่องราวประหลาดเกิดขึ้นกับเธอ...

.

.

.

ขอแจ้งรายละเอียดนิยายรายตอนค่ะ

เนื่องจากนิยายเรื่องนี้โมตั้งใจว่าจะไม่มีการจัดทำอีบุ๊กขาย 

โมเลยขอแจ้งว่าจะเปิดให้อานฟรีตลอดทั้งเรื่องค่ะ

สำหรับเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการรำในนิยาย โมศึกษาจากหนังสือ สื่อวิดีทัศน์และสอบถามผู้รู้

ซึ่งหากไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้องเท่าที่ควร รี้ดสามารถแบ่งปันความรู้ได้ผ่านคอมเมนต์นะคะ 

ขอให้ทุกท่านอ่านนิยายด้วยความสนุกและขอบคุณทุกคนที่อ่านนิยายเรื่องนี้ค่ะ

ด้วยรัก...ภุมโม

.

.

.

**คำเตือน**

นิยายเรื่องนี้อาจมีเนื้อหาบางส่วนที่ค่อนข้างรุนแรง

เช่น การบรรยายถึงเลือด น้ำหนอง อวัยวะของมนุษย์

รวมไปถึงพฤติกรรม การกระทำหรือคำพูดที่ไม่เหมาะสม

นักเขียนไม่มีเจตนาส่งเสริมการกระทำใดก็ตามที่เกิดขึ้นในเรื่อง

ฉะนั้นโปรดใช้วิจารญาณในการอ่านนะคะ

หากท่านใดไม่สะดวกใจที่จะอ่านเนื้อหาดังกล่าว

รออ่านนิยายเรื่องอื่นของภุมโมได้ค่ะ💕

ปล.นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของภุมโมเท่านั้น

ขอให้ทุกท่านสนุกกับการอ่านค่ะ🍀

 

สารบัญ

กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี]-บทที่ 1 ระบำดาวดึงส์ (1/3),กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี]-บทที่ 1 ระบำดาวดึงส์ (2/3),กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี]-บทที่ 1 ระบำดาวดึงส์ (3/3),กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี]-บทที่ 2 ระบำเทพบันเทิง (1/3),กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี]-บทที่ 2 ระบำเทพบันเทิง (2/3),กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี]-บทที่ 2 ระบำเทพบันเทิง (3/3),กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี]-บทที่ 3 ระบำกฤดาภินิหาร (1/3),กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี]-บทที่ 3 ระบำกฤดาภินิหาร (2/3),กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี]-บทที่ 3 ระบำกฤดาภินิหาร (3/3),กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี]-บทที่ 4 รำฉุยฉายเบญกาย (1/3),กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี]-บทที่ 4 รำฉุยฉายเบญกาย (2/3),กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี]-บทที่ 4 รำฉุยฉายเบญกาย (3/3),กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี]-บทที่ 5 นางรำปัทมา (1/2),กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี]-บทที่ 5 นางรำปัทมา (2/2)

เนื้อหา

บทที่ 1 ระบำดาวดึงส์ (3/3)

 

รถบัสโรงเรียนรุ่นเก่าสีเหลืองเปลือกไข่ที่มีสนิมเกรอะกรังขับมาจอดในพื้นที่ลานกว้างหน้าห้องนาฏศิลป์ นักเรียนลงจากรถพร้อมขนอุปกรณ์และเครื่องแต่งกายมาทยอยจัดเก็บไว้ในห้อง เมื่อขนของลงครบหมดทุกชิ้นแล้ว ครูนิดก็เรียกประชุมเพื่อคุยเรื่องการแข่งครั้งต่อไป

“ครูดีใจมากจริง ๆ นะที่ปีนี้พวกเราได้เข้าสู่รอบแปดทีม อย่างที่คาดหวังกันไว้แต่เราจะประมาทไม่ได้เพราะการแข่งขันครั้งหน้าต้องมีการแสดงรำคู่ซึ่งเป็นช่วงคะแนนพิเศษด้วย”

“รำคู่เหรอคะ” หนึ่งในเพื่อนร่วมชมรมถามขึ้นเพราะการรำคู่นั้นหาคนที่เข้าคู่กันได้ค่อนข้างยาก จนกระทั่งครูนิดเสนอความคิดเห็นหนึ่งออกมา

“ใช่จ้ะ ซึ่งครูคิดว่าจะให้พี่วิทย์และพี่ปัทเป็นตัวหลักในการแสดงนี้ ทุกคนคิดว่ายังไงกันบ้าง” ทุกคนเริ่มหันซ้ายหันขวามองหน้ากันราวกับกำลังหารือและช่วยกันตัดสินใจในเรื่องนี้ ก่อนที่เสียงของส้มจะดังขึ้นตามมาด้วยเสียงของผู้ชายในชมรม

“เห็นด้วยเลยค่ะ ปัทรำสวยที่สุดในโรงเรียนเรา ส่วนวิทย์ก็เป็นหัวหน้าชมรมด้วย คิดว่าน่าจะโอเคนะคะ”

“ผมเห็นด้วยเพราะไอ้วิทย์มันก็รำได้ดีที่สุดในหมู่ผู้ชาย”

“งั้นครูถือว่าเสียงเป็นเอกฉันท์นะ พี่วิทย์ พี่ปัทโอเคมั้ย” ครูนิดหันมองเจ้าของชื่อทั้งสองคนพร้อมคลี่ยิ้มบางเพราะตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะถูกมัดมือชกให้ต้องแสดงรำคู่กันซะแล้ว

“โอเคค่ะ/ได้ครับ” ทว่าทั้งคู่ตอบกลับพร้อมกันโดยทันทีอย่างกระตือรือร้น ไม่มีใครรู้เลยว่าพวกเขารู้สึกดีใจขนาดไหนที่ได้รับเลือกให้เป็นตัวแสดงหลักในการแข่งครั้งต่อไป ครูนิดที่ได้ยินว่าทั้งคู่ยินยอมพร้อมใจจะรำคู่กันก็สบายใจไปเปราะหนึ่ง

“ส่วนเรื่องรายละเอียดการแสดงไว้คุยกันต่อวันพรุ่งนี้นะ ครูคิดว่าวันนี้พวกเราคงเหนื่อยกันมากแล้ว แยกย้ายกันกลับบ้านดีกว่า” เมื่อได้ข้อสรุปกันแล้วก็ไม่จำเป็นจะต้องรั้งให้นักเรียนอยู่ที่โรงเรียนนานกว่านี้

“คร้าบบบ”

“ได้ค่าาา”

ทุกคนค่อย ๆ ลุกขึ้นและทยอยเก็บสัมภาระของตัวเอง เพื่อเตรียมกลับบ้าน ก่อนจะออกจากห้องนาฏศิลป์ก็ยกมือไหว้ครูและโบกมือลาเพื่อนร่วมชมรม เสียงรถจักรยานยนต์ของนักเรียนถูกเร่งเครื่องจนดังและเริ่มขับออกจากโรงเรียนไป ปัทมาที่เห็นว่าคนเหลือน้อยแล้วเลยเข้าไปคุยกับครูนิดเป็นการส่วนตัว

“ครูคะ วันนี้หนูขอใช้ห้องซ้อมรำเข้าคู่กับวิทย์ได้มั้ยคะ” ปัทกุมมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกันพลางบีบมือตัวเองเพราะกลัวว่าครูนิดอาจจะไม่อนุญาต

“ต้องซ้อมวันนี้เลยเหรอจ้ะพี่ปัท ครูว่าวันนี้กลับบ้านไปพักผ่อนก่อนดีมั้ย” ครูนิดหันมองปัทมาพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย เธออยากให้นักเรียนกลับบ้านไปพักผ่อนมากกว่า อีกอย่างการจะปล่อยให้นักเรียนชายหญิงอยู่ด้วยกันสองต่อสองในรั้วโรงเรียนคงไม่ใช่เรื่องดี ทว่าปัทมาคงไม่ได้คิดแบบเดียวกันกับเธอ

“หนูแค่อยากลองซ้อมดูค่ะ” นักเรียนสาวยังคงยืนยันที่จะอยู่ซ้อม ดวงตากลมโตสั่นระริกราวกับอ้อนวอนขอให้ครูอนุญาต จนท้ายที่สุดครูนิดก็ใจอ่อนและยอมให้ใช้ห้องนาฏศิลป์

“ก็ได้จ้ะ แต่ไม่เกินหนึ่งทุ่มนะ เดี๋ยวครูมาปิดประตูเอง”

“ขอบคุณมากค่ะครู” นักเรียนสาวตอบกลับน้ำเสียงสดใสพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ การกระทำนั้นช่างน่าเอ็นดูในสายตาของครูสาวแต่ครูก็อดไม่ได้ที่จะถามถึงคู่ซ้อมรำอย่างวิทย์เพราะอยากให้อีกฝ่ายอยู่ซ้อมด้วยความเต็มใจ

“เรื่องซ้อมพี่ปัทคุยกับพี่วิทย์แล้วใช่มั้ยจ้ะ”

“กำลังจะไปคุยค่ะ” พูดจบ ปัทก็หันมองวิทย์ทันที

“ยังไงก็ดูแลตัวเองกันด้วย ครูกลับไปบ้านพักก่อน” ครูนิดส่งยิ้มให้อีกครั้งก่อนขอตัวกลับ เธอมั่นใจว่านักเรียนของเธอจะไม่เหลวไหลและไว้ใจได้

“ค่ะ” ปัทมาขานรับพร้อมยกมือไหว้ลาครูนิดตามประสา ก่อนจะรีบจ้ำอ้าวไปหาวิทย์ที่กำลังเก็บของอยู่ตรงมุมห้อง

“วิทย์จะกลับแล้วเหรอ เราว่าจะชวนซ้อมรำเข้าคู่หน่อย วิทย์ว่างรึเปล่า” เด็กสาวย่อตัวลงข้าง ๆ วิทย์และถามเสียงเบา ขณะที่อีกฝ่ายกำลังก้มหน้าก้มตาปิดกระเป๋าเป้

“ไม่ว่าง เราต้องรีบกลับบ้านไปช่วยงานพ่อน่ะ โทษทีนะ” วิทย์ตอบกลับเสียงแข็ง ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและสะพายกระเป๋าเป้ขึ้นบ่า สายตาเย็นชามองตรงไปยังปัทมา

“เอ่อ งั้นก็ไม่เป็นไร กลับบ้านดี ๆ นะ” ปัทลุกขึ้นตามทันทีและโบกมือลา วิทย์คิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นปัทไม่มีทีท่าว่าจะกลับบ้าน ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเรียบนิ่ง

“ปัทไม่กลับบ้านเหรอ” 

“เราว่าจะอยู่ซ้อมอีกนิดหน่อยแล้วค่อยกลับน่ะ”

“โอเค เราไปนะ” ถึงแม้ว่าจะเป็นห่วงอยู่นิดหน่อยที่ปล่อยให้ผู้หญิงอย่างปัทมาอยู่คนเดียวแต่เขาต้องรีบกลับบ้านจริง ๆ

ปัทมายืนมองเพื่อน ๆ ทยอยกลับบ้านกันจนหมด ตอนนี้เธอเหลือตัวคนเดียวแล้ว ภายในห้องสี่เหลี่ยมที่มีกระจกบานใหญ่ติดอยู่เต็มพื้นที่ผนังฝั่งซ้ายมือตรงกันข้ามเป็นตู้กระจกซึ่งข้างในเต็มไปด้วยชุดสำหรับแสดง ชฎา กำไลและเครื่องประดับต่าง ๆ

ปัทเหม่อมองท้องฟ้า เธอไม่รู้มาก่อนเลยว่าบรรยากาศช่วงหลังเลิกเรียนจะให้ความรู้สึกวังเวงมากขนาดนี้ ดวงอาทิตย์สาดส่องแสงสีส้มแกมแดงผ่านม่านเมฆสีขาวไปทั่วท้องฟ้า นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าช่วงเวลา ‘โพล้เพล้’ 

เด็กสาวยืนครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ว่าเธอควรทำอะไรต่อดี การซ้อมรำแบบไม่มีคู่จะทำได้ยังไงกันนะหรือเธอควรกลับบ้าน ทว่าในใจลึก ๆ เธอยังอยากรำอยู่ ปัทมายกมือขึ้นกุมขมับยิ่งคิดยิ่งปวดหัวกับตัวเองพลันสมองก็มีความคิดหนึ่งแทรกเข้ามา

“งั้นอัดคลิปไว้ดูละกัน” เสียงของเด็กสาวเอ่ยขึ้นเสียงเบาพลางล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าสะพายของเธอ

มือเรียวคว้าเก้าอี้หัวล้านที่อยู่ใกล้มือมาตั้งชิดริมผนังและวางโทรศัพท์ไว้เป็นแนวนอน ก่อนจะกดเข้าแอพลิเคชันถ่ายภาพและเลือกโหมดอัดวิดีโอ เมื่อเตรียมเครื่องไม้เครื่องมือพร้อมแล้วก็กดเปิดเพลงจากเครื่องเล่นเสียงและตั้งท่าซ้อมทันที

ท่ามกลางความเงียบสงบของห้องนาฏศิลป์ที่อยู่ห่างไกลจากอาคารเรียนหลังอื่น เสียงดนตรีบรรเลงขึ้นตามทำนองเพลงพร้อมเสียงขับขานเนื้อร้องที่ฟังดูแล้วน่าหวั่นเกรงลอยมาให้ได้ยินเป็นระยะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้เมื่อนำมารวมกับช่วงเวลาโพล้เพล้ก็ยิ่งหลอนกันเข้าไปใหญ่

ซึ่งบรรยากาศนี้สร้างความหวาดกลัวให้กับเหล่านักเรียนทั้งชายหญิงหลายสิบคนที่กำลังจะซ้อมวิ่งกันเป็นอย่างมากเพราะพวกเขาจำเป็นต้องวิ่งไปตามเส้นทางและต้องวิ่งผ่านห้องนั้น

เหล่านักวิ่งทั้งหลายต่างสาวเท้าวิ่งด้วยความเร็วจนภาพส่วนใหญ่ที่เห็นผ่านตาค่อนข้างเบลอมาก ทว่าเมื่อต้องวิ่งผ่านหน้าห้องนาฏศิลป์กลับมีสายตาหลายสิบคู่เหลือบมองไปทางนั้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ก่อนจะตามมาด้วยเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ของพวกเขา

สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นคงเพราะทุกคนต่างรู้สึกโล่งอกโล่งใจเมื่อเห็นว่ามีคนซ้อมรำอยู่ในห้องนั้นจริง ๆ ไม่ได้มีแค่เสียงดนตรีดังขึ้นมาลอย ๆ ภาพร่างอ่อนช้อยอรชรของเด็กสาววัยสิบแปดปีที่แสนคุ้นหน้ากำลังกวัดแกว่งแขนเรียวไปมาพลางเอนโค้งลำตัวไปตามกระบวนท่าช่างเป็นอะไรที่สวยสง่าเสียเหลือเกิน

เมื่อถึงเวลาหนึ่งทุ่มตรงครูนิดก็มาปิดประตูห้องนาฏศิลป์ตามที่ตกลงไว้ ปัทมาที่เก็บของเสร็จเรียบร้อยและเตรียมพร้อมกลับบ้านกล่าวลาครูอีกครั้ง ก่อนจะขับรถจักรยานยนต์กลับบ้านพลางคิดว่าวันนี้เป็นวันที่ดีเพราะเธอได้ร่ายรำจนพอใจแล้ว

.

.

.

เช้าวันรุ่งขึ้นปัทมาขับรถและเดินทางไปโรงเรียนตามปกติ ระหว่างที่กำลังจอดรถในลานจอดนั้นก็มีเพื่อนสมัยเด็กเดินเข้ามาทักทาย น้ำเสียงของอีกฝ่ายฟังดูขี้เล่นแถมยียวนกวนประสาทเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน

“เฮ้ยปัท! เมื่อวานซ้อมรำจนมืดค่ำเลยนะ” ในเมื่อทักมาแบบนี้ปัทมาก็ขอแกล้งเล่นหน่อยละกัน

“แก๊บมาแอบดูเรารำเหรอ” ดวงตากลมโตแสนแป๋วแหว๋วมองตรงไปหาอีกฝ่ายเพียงเพราะอยากหยอกล้อ แต่ดูเหมือนจะแกล้งไม่สำเร็จเพราะแก๊บใช้นิ้วดีดหน้าผากของเธอกลับมาแทน

“มโนเถอะ เมื่อวานเราซ้อมวิ่งกับพวกไอ้ปลื้มเพื่อเตรียมแข่งน่ะ ตอนวิ่งผ่านห้องนาฏศิลป์เลยหันมอง รำสวยใช้ได้เลยนะ”

“แค่ใช้ได้เองเหรอ” ปัทอดไม่ได้ที่จะตอบกลับด้วยท่าทีน้อยใจซึ่งแน่นอนว่านี่ก็เป็นการแกล้งอีกเช่นเคย

“คุณปัทมารำสวยที่สุดจ้าาา” ทว่าครั้งนี้แก๊บเลือกที่จะเล่นด้วยซะงั้น ถือเป็นสร้างเสียงหัวเราะในยามเช้าได้ดีทีเดียว

“ฮ่าฮ่าฮ่า เราหยอกเล่น...แก๊บล่ะ ซ้อมวิ่งเป็นไงบ้าง”

“เหนื่อยมาก ฮ่าฮ่าฮ่า แต่เวลาที่วิ่งได้เร็วดังใจ ภาพข้าง ๆ ก็จะเบลอไปหมดเหมือนตัวเองติดจรวดเลย โคตรเจ๋ง” แก๊บยืดอกด้วยความรู้สึกภาคภูมิแถมน้ำเสียงยังฟังดูตื่นเต้นมากอีกด้วย

“ฟังดูน่าสนุกนะ...ถึงเราจะซ้อมรำจนดึกดื่นแต่ก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจเท่าไหร่เลย” คำพูดตัดพ้อของปัทมาทำเอาเพื่อนชายปรับอารมณ์ตามไม่ทัน ก่อนจะถามด้วยความเป็นห่วง

“รำสวยขนาดนั้นแล้วยังไม่มั่นใจอีกเหรอ”

“อืม บางครั้งก็รู้สึกว่ายังทำได้ไม่ดีพอ”

“โห แสดงว่าตั้งเป้าไว้สูงเกินไปรึเปล่า” ปัทมาเริ่มคิดตาม

“นั่นสินะ เราอาจจะแค่ชอบรำก็ได้มั้ง ถึงจะรำได้สวยแล้วก็ยังอยากรำต่อไปเรื่อย ๆ” เด็กสาวยิ้มกว้างเมื่อได้ระบายออกมา

“ปัทได้ทำสิ่งที่ชอบก็ดีแล้วนี่...จะว่าไปเพื่อนที่รำด้วยกันว่าไงบ้างอ่ะ” ก่อนจะต้องหุบยิ้มลงทันทีเมื่อได้ยินประโยคนี้

“เพื่อนอะไรนะ”

“ก็เพื่อนที่รำกับปัทเมื่อวานไง ถ้าคู่รำไม่ได้ว่าอะไรก็น่าจะแปลว่าปัทรำได้ดีแล้วรึเปล่า” เด็กหนุ่มหัวเกรียนยังคงพูดตามสิ่งที่ตัวเองคิด ทว่าปัทมาทำเพียงนิ่งเงียบ รับฟังและครุ่นคิด

“...”

“แต่ผู้ชายคนนั้นหน้าตาไม่ค่อยคุ้นเลยนะ ปัทพาคนนอกเข้ามาซ้อมในโรงเรียนเหรอ” สาเหตุหลักที่แก๊บเดินเข้ามาทักทายเด็กสาวก็เพราะเรื่องนี้แหละ เขารู้จักกับปัทมามานานแล้วและเด็กสาวก็ไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งเขาก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องอะไรแบบนั้นเลยทำได้เพียงพูดเตือนเธออย่างอ้อม ๆ

“...” แต่ปัทมากลับนิ่งเงียบและไม่ตอบอะไรกลับมาเลย แก๊บที่กลัวว่าอีกฝ่ายจะคิดมากก็พูดต่อ

“จะบอกว่าทั้งคู่รำได้สวยแล้ว เข้าคู่กันได้ดีเลย” พูดพลางยกนิ้วโป้งขึ้นมาทำท่าทางการันตี

“...งั้นเหรอ...ขอบใจนะ...” ปัทมาเห็นแก๊บยกไม้ยกมือและพูดจาปลอบใจก็ทำอะไรต่อไม่ถูก นอกจากตอบรับคำชมนั้นพลางส่งยิ้มให้ ก่อนจะเห็นอีกฝ่ายค่อย ๆ วิ่งหายลับไปในอาคารขณะที่ตัวเธอยังคงยืนแน่นิ่งอยู่ที่เดิม