การได้ปะแป้งหน้าขาว ทาปากสีแดงฉูดฉาด สวมใส่ชุดที่ถูกตัดเย็บมาอย่างดีพร้อมเครื่องประดับสีสันสวยงามและขึ้นแสดงต่อหน้าผู้คนมากมายทำให้ฉันมีความสุขเหลือเกิน...ฉันอยากจะร่ายรำแบบนี้ตลอดไป...

กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี] - บทที่ 4 รำฉุยฉายเบญกาย (3/3) โดย ภุมโม @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

พารานอมอล,ลึกลับ,ระทึกขวัญ,รั้วโรงเรียน,ไทย,พล็อตสร้างกระแส,สยองขวัญ,horror,ลึกลับ,น่ากลัว,ผี,โรงเรียนไทย,โรงเรียน,หลอน,ระทึกขวัญ ,นิยายหลอน,วิญญาณ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี]

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

พารานอมอล,ลึกลับ,ระทึกขวัญ,รั้วโรงเรียน,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,สยองขวัญ,horror,ลึกลับ,น่ากลัว,ผี,โรงเรียนไทย,โรงเรียน,หลอน,ระทึกขวัญ ,นิยายหลอน,วิญญาณ

รายละเอียด

กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี] โดย ภุมโม @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

การได้ปะแป้งหน้าขาว ทาปากสีแดงฉูดฉาด สวมใส่ชุดที่ถูกตัดเย็บมาอย่างดีพร้อมเครื่องประดับสีสันสวยงามและขึ้นแสดงต่อหน้าผู้คนมากมายทำให้ฉันมีความสุขเหลือเกิน...ฉันอยากจะร่ายรำแบบนี้ตลอดไป...

ผู้แต่ง

ภุมโม

เรื่องย่อ

 

 

เรื่องราวของ ‘ปัทมา’ เด็กสาววัยสิบแปดปีที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ในการร่ายรำ ตลอดระยะเวลาหกปีในรั้วโรงเรียนมัธยม ปัทมาเข้าแข่งขันงานวิชาการหมวดนาฏศิลป์เสมอแต่ไม่เคยได้รับชัยชนะเลยสักครั้ง จนกระทั่งวันหนึ่งเริ่มมีคนเห็นเธอร่ายรำคู่กับชายหนุ่มปริศนา ทั้งที่ช่วงเวลานั้นปัทมาที่รู้ตัวดีว่าเธอรำเพียงคนเดียว หลังจากนั้นก็เริ่มมีเรื่องราวประหลาดเกิดขึ้นกับเธอ...

.

.

.

ขอแจ้งรายละเอียดนิยายรายตอนค่ะ

เนื่องจากนิยายเรื่องนี้โมตั้งใจว่าจะไม่มีการจัดทำอีบุ๊กขาย 

โมเลยขอแจ้งว่าจะเปิดให้อานฟรีตลอดทั้งเรื่องค่ะ

สำหรับเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการรำในนิยาย โมศึกษาจากหนังสือ สื่อวิดีทัศน์และสอบถามผู้รู้

ซึ่งหากไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้องเท่าที่ควร รี้ดสามารถแบ่งปันความรู้ได้ผ่านคอมเมนต์นะคะ 

ขอให้ทุกท่านอ่านนิยายด้วยความสนุกและขอบคุณทุกคนที่อ่านนิยายเรื่องนี้ค่ะ

ด้วยรัก...ภุมโม

.

.

.

**คำเตือน**

นิยายเรื่องนี้อาจมีเนื้อหาบางส่วนที่ค่อนข้างรุนแรง

เช่น การบรรยายถึงเลือด น้ำหนอง อวัยวะของมนุษย์

รวมไปถึงพฤติกรรม การกระทำหรือคำพูดที่ไม่เหมาะสม

นักเขียนไม่มีเจตนาส่งเสริมการกระทำใดก็ตามที่เกิดขึ้นในเรื่อง

ฉะนั้นโปรดใช้วิจารญาณในการอ่านนะคะ

หากท่านใดไม่สะดวกใจที่จะอ่านเนื้อหาดังกล่าว

รออ่านนิยายเรื่องอื่นของภุมโมได้ค่ะ💕

ปล.นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของภุมโมเท่านั้น

ขอให้ทุกท่านสนุกกับการอ่านค่ะ🍀

 

สารบัญ

กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี]-บทที่ 1 ระบำดาวดึงส์ (1/3),กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี]-บทที่ 1 ระบำดาวดึงส์ (2/3),กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี]-บทที่ 1 ระบำดาวดึงส์ (3/3),กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี]-บทที่ 2 ระบำเทพบันเทิง (1/3),กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี]-บทที่ 2 ระบำเทพบันเทิง (2/3),กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี]-บทที่ 2 ระบำเทพบันเทิง (3/3),กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี]-บทที่ 3 ระบำกฤดาภินิหาร (1/3),กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี]-บทที่ 3 ระบำกฤดาภินิหาร (2/3),กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี]-บทที่ 3 ระบำกฤดาภินิหาร (3/3),กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี]-บทที่ 4 รำฉุยฉายเบญกาย (1/3),กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี]-บทที่ 4 รำฉุยฉายเบญกาย (2/3),กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี]-บทที่ 4 รำฉุยฉายเบญกาย (3/3),กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี]-บทที่ 5 นางรำปัทมา (1/2),กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี]-บทที่ 5 นางรำปัทมา (2/2)

เนื้อหา

บทที่ 4 รำฉุยฉายเบญกาย (3/3)

 

เช้าวันรุ่งขึ้น ปัทมาก็พาแม่มาที่วัดตามที่หลวงพ่อขอไว้ กว่าผู้เป็นแม่จะยอมมาด้วยกันทำเอาเด็กสาวถึงกับต้องปาดเหงื่อเพราะแม่อยากไปทำงานมากกว่าแต่ไม่อาจขัดคำพูดหลวงพ่อได้

“นมัสการเจ้าค่ะ” สองแม่ลูกคุกเข่าเข้ามาหาหลวงพ่อด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน ก่อนยกมือไหว้

“เจริญพรโยม”

“ลูกสาวบอกว่าหลวงพ่ออยากให้ฉันมาหาที่วัด ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรรึเปล่าเจ้าคะ” น้ำเสียงของผู้เป็นแม่เต็มไปด้วยความกังวล แม้ว่าเธอจะพยายามข่มกลั้นไว้ก็ปิดไม่มิด

“โยมลูกออกไปเดินเล่นด้านนอกก่อนเถิด อาตมารู้ว่าโยมมีที่ที่อยากไป” หลวงพ่อพูดพร้อมยิ้มอ่อนเชิงเอ็นดู

“เจ้าค่ะ” ปัทมาได้ยินแบบนั้นก็กล่าวลาและคลานเข่าออกไปจากพื้นที่ตรงนั้นทันที เมื่อเห็นว่าลูกสาวหายลับไปจากสายตา แม่ก็ถามหลวงพ่อในสิ่งที่คิดไว้

“เรื่องนี้เกี่ยวกับลูกสาวดิฉันใช่มั้ยเจ้าคะ สองสามวันมานี้ดิฉันรู้สึกไม่สบายใจเลยเจ้าค่ะ” แววตาแสนเศร้าสร้อยถูกประดับอยู่บนสีหน้าอันหม่นหมองบ่งบอกได้เลยว่าผู้พูดอมทุกข์เพียงใด

“อาตมาขอพูดอีกครั้ง ความจริงแล้วพระภิกษุสงฆ์อย่างอาตมาจะต้องละทางโลกและไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความเชื่อหรือสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติใด ๆ ทว่าเมื่อวานมีบางอย่างเกิดขึ้นและอาตมาอยากให้โยมรับรู้...เรื่องมีอยู่ว่า...”

ทางด้านเด็กสาวที่เพิ่งเดินออกมาด้านนอกก็ยังไม่หายรู้สึกแปลกใจเรื่องที่หลวงพ่อรู้ว่าเธออยากไปที่ไหน ซึ่งสถานที่นั้นก็คือลานกว้างใต้ร่มโพธิ์ใหญ่ที่อยู่ด้านหลัง ปัทมาเลือกที่จะไม่ใส่รองเท้าและเดินลัดเลาะไปตามขอบพื้นปูนแทน

“นี่แม่หนูตรงนั้นน่ะ ช่วยซื้อช่อมาลัยดอกรักกับหมากพลูของยายหน่อยสิ ยายเหลือแค่ชุดเดียวแล้ว” ระหว่างที่เดินอยู่นั้นก็บังเอิญสบตาเข้ากับยายแก่คนหนึ่งที่หาบเร่พวงมาลัยมาขาย

“เอ่อ...หนูเพิ่งไหว้พระเสร็จค่ะคุณยาย แถมตอนนี้จะเข้าไปไหว้อีกครั้งก็ไม่ได้ด้วย ถ้าซื้อแล้วหนูจะเอาไปไว้ที่ไหนล่ะคะ” ปัทมาตอบไปตามความจริง ไม่ใช่ว่าเด็กสาวไม่อยากช่วยซื้อแต่ถ้าซื้อมาแล้วไม่รู้จะทำยังไงต่อก็กลายเป็นว่าเสียเงินโดยใช่เหตุสิ

“อ้าวเหรอ ยายเห็นแม่หนูเดินไปทางนั้นก็นึกว่าจะไปไหว้ศาลที่อยู่ใกล้ต้นไทรด้านหลังซะอีก” เอ๊ะ ตรงนั้นมีศาลด้วยเหรอ อย่าว่าแต่ศาลเลย แม้แต่ต้นไทรต้นใหญ่เด็กสาวก็ยังไม่เคยเห็น ไม่เพียงแค่คิดแต่ปัทมาถามโพล่งออกไปเลย

“ศาลใกล้ต้นไทรเหรอคะ หนูไม่รู้เลยค่ะว่าที่วัดมีศาล”

“ถ้าแม่หนูเห็นต้นโพธิ์เมื่อไหร่ เดินลึกเข้าไปอีกหน่อยก็เป็นต้นไทรแล้วล่ะ” ยายแก่พูดพลางเคี้ยวหมากปากแดงฉ่ำ

“งั้นหนูช่วยซื้อนะคะคุณยาย เดี๋ยวจะเอาไปไหว้ศาลค่ะ” เมื่อรู้แล้วว่าการซื้อพวงมาลัยและหมากพลูไม่เป็นการเสียเงินฟรี เด็กสาวก็ไม่รีรอช่วยซื้อทันที

“ยี่สิบบาทจ้ะแม่หนู” ปัทมาขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางคิดว่าราคาถูกขนาดนี้คุณยายคิดเงินผิดรึเปล่า เธอจึงพูดรายละเอียดอีกครั้งให้เสียงดังฟังชัดยิ่งขึ้น

“หนูซื้อทั้งมาลัยและหมากพลูเลยนะคะ”

“จ้ะ ยี่สิบบาทจ้ะ” ยายแก่เงยหน้าขึ้นมองเด็กสาวและยื่นถุงที่มีพวงมาลัยพร้อมหมากพลูให้เธอ ก่อนจะพูดย้ำราคา

“ขอบใจจ้ะแม่หนู” ราคาเดิมถูกเสนอมาถึงสองครั้งแสดงว่าไม่ใช่เรื่องผิดพลาด สงสัยปกติคุณยายคงขายแบบนี้อยู่แล้ว คิดได้ดังนั้นเด็กสาวก็จ่ายเงินและรับของมา ก่อนจะเดินตรงไปยังที่หมาย

ปัทมาเดินไปถึงลานกว้างใต้ต้นโพธิ์ก็หน้าหงอยเพราะวันนี้ดูเหมือนจะไม่มีใครมารำอีกเช่นเคย พลันนึกสงสัยไปว่าวันนี้เธอมาในช่วงเวลาใกล้เที่ยงแล้ว อากาศร้อนแบบนี้คงไม่เหมาะแก่การออกมาร่ายรำกลางแดด เด็กสาวชะเง้อมองไปรอบทิศและเห็นทางเดินเส้นเล็กหลังพุ่มไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล

“จะใช่ทางนั้นรึเปล่านะ เดินไปดูก่อนละกัน หวังว่าในวัดคงจะไม่มีอะไรน่ากลัวนะ” เด็กสาวตั้งคำถามกับตัวเอง ก่อนจะพูดปลอบใจไม่ให้รู้สึกสั่นกลัว

ร่างกายผอมบางแหวกกิ่งก้านต้นไม้แสนรกไปตามทาง ในใจก็คิดบ่นตัวเองว่าก่อนหน้านี้ทำไมไม่ใส่รองเท้ามานะจะได้เดินเหินคล่องตัวมากขึ้น ทว่าอดทนเดินเพียงไม่กี่อึดใจก็ทะลุผ่านเส้นทางนั้นได้สำเร็จ

“อ๊ะ!ทะลุออกมาได้แล้ว”

ต้นไทรสูงใหญ่ปรากฏให้เห็นเต็มตา สายลมพัดโชยมาเป็นระยะกระทบเข้ากับรากไทรที่ห้อยย้อยรุงรัง ยิ่งมองยิ่งขนลุก ใต้รากไทรพวกนั้นดูเหมือนจะมีศาลไม้เก่า ๆ ให้เห็นแต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะใช่ศาลที่คุณยายพูดถึงรึเปล่า

มือเรียวค่อย ๆ ดึงรากไทรที่พันเกี่ยวกับศาลออกด้วยแรงพอประมาณจนตอนนี้เริ่มเห็นตัวศาลชัดเจนขึ้นแล้ว รูปทรงคล้ายบ้านทรงไทยสมัยโบราณที่มีจั่วด้านหน้าสองจั่วคู่ ตัวศาลขนาดไม่ใหญ่มากน่าจะเป็นแบบสี่เสา ปัทมาเลยไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบวางพวงมาลัยดอกรักพร้อมหมากพลูที่ซื้อมาตรงพื้นที่ว่างหน้าศาลแล้วพนมมือขึ้นไหว้

“ขอให้บุญกุศลที่ลูกได้ทำมา ส่งผลให้ลูกมีแต่ความสุขความเจริญ ได้ทำทุกสิ่งสมดังใจปรารถนาด้วยเถิดเจ้าค่ะ” ขอพรเสร็จก็ยกมือทูนขึ้นหัว ก่อนจะหลับตาพลางหันหน้าไปรับแรงลมที่พัดเพมา

“ตอนนี้หลวงพ่อจะคุยกับแม่เสร็จรึยังนะ” พอลืมตาขึ้นก็มีคำถามนี้ผุดขึ้นมาในความคิด เด็กสาวนึกกะเกณฑ์ช่วงเวลาตั้งแต่ที่เธอออกมาเดินเล่นก็รู้สึกว่าเวลาผ่านไปเพียงไม่นานเท่าไหร่และคิดว่าผู้ใหญ่ทั้งสองคนคงยังคุยกันไม่เสร็จ เลยหันซ้ายหันขวาหาอะไรทำ

“จะว่าไปศาลนี้ดูเก่าจังเลย ให้ความรู้สึกขลังยังไงไม่รู้” ดวงตากลมที่ไม่มีอะไรให้มองก็เริ่มสอดส่องรายละเอียดภายในของศาลไม้แต่มองเท่าไหร่ก็ไม่ค่อยเห็นอะไร อาจเพราะข้างในค่อนข้างมืดจากเถารากไทรที่เลื้อยแทรกเข้าไปจนรกเต็มพื้นที่

“ระหว่างนี้ทำความสะอาดศาลรอละกัน” ปัทมาค่อย ๆ กวาดเศษใบไม้และดึงรากไทรออกจนเผยให้เห็นตุ๊กตานางรำที่อยู่ข้างใน ซึ่งทุกตัวมีลักษณะเหมือนกลุ่มคนที่เธอเคยรำด้วยเลย ทว่ามีตุ๊กตานางรำแตกหักหนึ่งตัว ลมโชยมาพร้อมเสียงกระซิบว่า ‘อยากรำด้วยกันมั้ย’ แล้วเสียงดนตรีก็บรรเลงแว่วดังมาให้ได้ยิน