การได้ปะแป้งหน้าขาว ทาปากสีแดงฉูดฉาด สวมใส่ชุดที่ถูกตัดเย็บมาอย่างดีพร้อมเครื่องประดับสีสันสวยงามและขึ้นแสดงต่อหน้าผู้คนมากมายทำให้ฉันมีความสุขเหลือเกิน...ฉันอยากจะร่ายรำแบบนี้ตลอดไป...
พารานอมอล,ลึกลับ,ระทึกขวัญ,รั้วโรงเรียน,ไทย,พล็อตสร้างกระแส,สยองขวัญ,horror,ลึกลับ,น่ากลัว,ผี,โรงเรียนไทย,โรงเรียน,หลอน,ระทึกขวัญ ,นิยายหลอน,วิญญาณ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
กรีดกรายร่ายรำ [อ่านฟรี]การได้ปะแป้งหน้าขาว ทาปากสีแดงฉูดฉาด สวมใส่ชุดที่ถูกตัดเย็บมาอย่างดีพร้อมเครื่องประดับสีสันสวยงามและขึ้นแสดงต่อหน้าผู้คนมากมายทำให้ฉันมีความสุขเหลือเกิน...ฉันอยากจะร่ายรำแบบนี้ตลอดไป...
เรื่องราวของ ‘ปัทมา’ เด็กสาววัยสิบแปดปีที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ในการร่ายรำ ตลอดระยะเวลาหกปีในรั้วโรงเรียนมัธยม ปัทมาเข้าแข่งขันงานวิชาการหมวดนาฏศิลป์เสมอแต่ไม่เคยได้รับชัยชนะเลยสักครั้ง จนกระทั่งวันหนึ่งเริ่มมีคนเห็นเธอร่ายรำคู่กับชายหนุ่มปริศนา ทั้งที่ช่วงเวลานั้นปัทมาที่รู้ตัวดีว่าเธอรำเพียงคนเดียว หลังจากนั้นก็เริ่มมีเรื่องราวประหลาดเกิดขึ้นกับเธอ...
.
.
.
ขอแจ้งรายละเอียดนิยายรายตอนค่ะ
เนื่องจากนิยายเรื่องนี้โมตั้งใจว่าจะไม่มีการจัดทำอีบุ๊กขาย
โมเลยขอแจ้งว่าจะเปิดให้อานฟรีตลอดทั้งเรื่องค่ะ
สำหรับเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการรำในนิยาย โมศึกษาจากหนังสือ สื่อวิดีทัศน์และสอบถามผู้รู้
ซึ่งหากไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้องเท่าที่ควร รี้ดสามารถแบ่งปันความรู้ได้ผ่านคอมเมนต์นะคะ
ขอให้ทุกท่านอ่านนิยายด้วยความสนุกและขอบคุณทุกคนที่อ่านนิยายเรื่องนี้ค่ะ
ด้วยรัก...ภุมโม
.
.
.
**คำเตือน**
นิยายเรื่องนี้อาจมีเนื้อหาบางส่วนที่ค่อนข้างรุนแรง
เช่น การบรรยายถึงเลือด น้ำหนอง อวัยวะของมนุษย์
รวมไปถึงพฤติกรรม การกระทำหรือคำพูดที่ไม่เหมาะสม
นักเขียนไม่มีเจตนาส่งเสริมการกระทำใดก็ตามที่เกิดขึ้นในเรื่อง
ฉะนั้นโปรดใช้วิจารญาณในการอ่านนะคะ
หากท่านใดไม่สะดวกใจที่จะอ่านเนื้อหาดังกล่าว
รออ่านนิยายเรื่องอื่นของภุมโมได้ค่ะ💕
ปล.นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของภุมโมเท่านั้น
ขอให้ทุกท่านสนุกกับการอ่านค่ะ🍀
“อะไรนะเจ้าคะ” ผู้เป็นแม่หน้าถอดสีเมื่อรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานจากคำบอกเล่าของหลวงพ่อ
“หมะ...หมายความว่ายังไงเจ้าคะ...ที่ว่าไม่มี...หะ...หัว” น้ำเสียงสั่นเครือพร้อมน้ำตาที่เริ่มคลอเบ้าทำเอาหลวงพ่อรู้สึกสงสารหญิงสาวตรงหน้าขึ้นมาจับใจ ทว่าชีวิตย่อมมีเรื่องสุขทุกข์เป็นธรรมดา
“ฮะ...ฮึก...มีวิธี...อะไรพอจะ...ชะ...ช่วยได้มั้ย...เจ้าคะ” แม่เริ่มสะอึกสะอื้นแต่พยายามกลั้นเสียงไว้จนไหล่สั่นเทา
“คราแรกที่อาตมาเห็นเหล่านางรำก็เข้าใจผิดคิดไปเองว่าเขามาหยอกมาแกล้งลูกสาวของโยมแต่แล้วความจริงมันกลับกัน ลูกสาวของโยมเป็นนางรำนางสวรรค์มาตั้งแต่ชาติปางก่อนและอาตมาเชื่อว่าเรื่องนี้โยมย่อมรู้ดีกว่าใคร” สายตาที่ละจากกิเลสทางโลกแล้ว มองตรงไปเบื้องหน้า
“...มะ...ไม่จริงเจ้าค่ะ...ฉันไม่รู้...ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น” แม่ปฏิเสธสุดเสียงและส่ายหน้ารัวราวกับไม่อยากยอมรับ
“สักวันหนึ่งโยมก็ต้องถวายดอกบัวตูมสีชมพูอ่อนในมือคืนเขาไป” ทว่าทันทีที่ประโยคนี้ถูกพูดออกมาโดยบุคคลที่เข้าถึงแก่นแท้แห่งสัจธรรมทำเอาหญิงสาวกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
“ฮะ...ฮึกก” ใช่แล้ว ความฝันนั้นกวนใจเธอตลอดมาและเธอก็รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องดี แต่เธอไม่คิดว่าความหมายของฝันนั้นคือการสูญเสียลูกสาวอันเป็นที่รักไปแบบนี้ มันแย่กว่าที่เธอคิดไว้
“ลูกสาวโยมเล่าอะไรให้โยมฟังบ้างหรือไม่ อาตมาเชื่อว่าช่วงนี้เด็กคนนั้นคงเจอเหตุการณ์ประหลาดไม่มากก็น้อย” เสียงของหลวงพ่อเริ่มแหบแห้งเนื่องด้วยท่านอายุมากแล้วและไม่ค่อยมีกิจให้ต้องสาธยายมากถึงเพียงนี้
“ปัทเล่าว่าได้ยินเสียงระนาดเอกตอนกลางคืนเจ้าค่ะ” แม่กลั้นใจข่มความระทมไว้และตอบคำถามของหลวงพ่ออย่างชัดถ้อยชัดคำ หลวงพ่อก็พยักหน้ารับรู้
“เรื่องนั้นก็เล่าให้อาตมาฟังเช่นกัน แต่ที่ซ้ำร้ายคือมีใครคนอื่นเห็นเด็กสาวร่ายรำกับบุรุษที่ไร้ตัวตนอยู่หลายครั้ง อาตมาคิดว่าสิ่งนั้นเป็นกรรมที่ไม่อาจเลี่ยง” ตอนนี้หลวงพ่อพยายามพูดเพื่อกล่อมให้หญิงสาวตรงหน้าปลงและเข้าใจ
“ฮึกก...ปัทลูกแม่” แต่สำหรับผู้เป็นแม่ มันช่างยากเย็น
“แต่มีหนึ่งเรื่องที่เด็กคนนั้นไม่ได้เล่าออกมาให้อาตมาฟัง อาตมาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ไม่แน่ว่าเด็กคนนั้นคงสับสนและไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองได้เห็นนั้นเป็นเพียงมายาหลอกตา” ซึ่งเมื่อวานหลวงพ่อเลือกที่จะเก็บเงียบเรื่องนี้เอาไว้และไม่บอกความจริงให้ปัทมารับรู้
“...ฮึก...ฮึกก...เรื่องอะไร...เจ้าคะ” หลวงพ่อดื่มน้ำที่วางอยู่ข้างอาสนะ ก่อนจะถอนหายใจเล็กน้อยแล้วเริ่มเล่าสิ่งที่ได้เห็นในวันนั้นให้หญิงสาวฟัง
“ช่วงเช้าวันหนึ่งหลังจากที่อาตมาทำวัตรเช้าเสร็จแล้ว อาตมากำลังจะเดินไปกวาดตรงลานกว้างใต้ต้นโพธิ์ที่อยู่ด้านหลัง ไม่ทันจะเดินไปถึงก็เห็นเด็กสาวคนหนึ่งยืนร่ายรำอยู่ตรงนั้นด้วยความสุขและความสนุกสนาน ความคิดแรกอาตมาเข้าใจว่าเด็กคนนั้นคงแอบมาซ้อมรำคนเดียว จนกระทั่งเธอเริ่มทำท่าทางเหมือนกำลังพูดคุยกับใครบางคนอยู่ วินาทีนั้นเองที่อาตมาเลือกหันหลังกลับกุฏิเพราะอาตมารู้ดีว่าหากเข้าไปยุ่มย่ามกับเรื่องนี้คงเกินกิจของภิกษุสงฆ์อย่างอาตมา” ดวงตาของแม่เบิกกว้าง ทำไมเรื่องนี้ต้องเกิดขึ้นกับหญิงสาววัยห้าสิบอย่างเธอ ร่างกายที่ชราไปตามอายุขัยเริ่มโย้ตัวไปข้างหน้าราวกับหมดแรงและน้ำตาไหลริน
.
.
.
‘อยากรำด้วยกันมั้ย’
“เอ๊ะ!เมื่อกี้เสียงใครน่ะ” ปัทมาหันซ้ายหันขวาเพราะเสียงกระซิบและเสียงดนตรีที่ดังแว่วมาเข้าหูฟังดูไม่คุ้นเลย อีกทั้งการบรรเลงเพลงแบบนั้นเธอไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อน แถมเด็กสาวยังมั่นใจมากด้วยว่าตัวเองไม่ได้หูฝาด
‘มาเยือนถึงหน้าเรือนใยเจ้าไม่เข้ามาใกล้ ๆ ให้ข้าได้เห็นหน้าชัด ๆ สักหน่อยเล่า’
“คะ...ใครคะ...อยู่ตรงนั้นเหรอ” เสียงพูดนั้นดังขึ้นอีกครั้ง แถมเสียงใกล้มากราวกับว่ามีคนยืนพูดอยู่ตรงหน้าเลย เด็กสาวตอบกลับท่าทางกล้า ๆ กลัว ๆ พลางชะเง้อมองไปยังพุ่มไม้รกหลังศาลไม้
‘ฮ่าฮ่าฮ่า!เจ้าช่างน่าขันยิ่งนัก...ข้าไม่ได้อยู่ในพุ่มไม้นั่น ข้าอยู่ในศาลไม้ตรงหน้าเจ้าต่างหาก’
ปัทมาตกใจที่อีกฝ่ายล่วงรู้ความคิดของเธอ ดวงตากลมเบิกกว้างและจ้องเข้าไปในตัวศาล ก่อนจะค่อย ๆ ขยับตัวเข้าใกล้เพื่อให้มองเห็นได้ชัดขึ้น เด็กสาวเพ่งมองจนเห็นตุ๊กตาตัวหนึ่งสวมชุดสีขาวคล้ายเครื่องนุ่งห่มของพระของพราหมณ์ นั่งชันเข่าขึ้นมาหนึ่งข้างและท้าวแขนไว้บนเข่า หน้าตาเปื้อนยิ้มมองตรงออกมาด้านนอก
‘ดีมาก ข้าเห็นหน้าเจ้าชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว’
ยิ่งจดจ้องไปยังตุ๊กตาตัวนั้น สติสัมปชัญญะของปัทมาก็ยิ่งเลือนราง เด็กสาวย่อตัวลงนั่งพับเพียบบนพื้นต่อหน้าศาลอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน เธอไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวมอยู่จะเปรอะโคลนเปื้อนดินหรือไม่ ดวงตากลมยังคงประกายทว่าให้ความรู้สึกที่ต่างออกไปราวกับตอนนี้ว่าเด็กสาวโดนต้องมนต์สะกดและไม่หลงเหลือสติอีกต่อไป
‘ข้าอยากรู้เหลือเกินว่า เหตุใดเจ้าจึงมากราบไหว้บูชาศาลไม้ไร้ค่าแห่งนี้ แถมยังมาปัดกวาดเศษใบไม้รื้อถอนรากไทรจนบ้านข้าสะอาดสะอ้านตาถึงเพียงนี้...เจ้าประสงค์สิ่งใด’
“...การได้ปะแป้งหน้าขาว ทาปากสีแดงฉูดฉาด สวมใส่ชุดที่ถูกตัดเย็บมาอย่างดีพร้อมเครื่องประดับสีสันสวยงามและได้แสดงการร่ายรำต่อหน้าผู้คนมากมายทำให้มีความสุขมากล้นเหลือนเกินจนอยากจะร่ายรำอย่างนี้ตลอดไปเจ้าค่ะ...” ริมฝีปากสวยได้รูปของปัทมาขยับตอบด้วยท่าทางเหม่อลอยไร้ความรู้สึก
‘หากเป็นเช่นนั้น...เจ้าอยากมาร่ายรำด้วยกันกับนางรำของข้าหรือไม่ อยู่กับข้าเจ้าจักได้กวัดแกว่งร่างกายสมดังใจนึก อยู่กับข้าเจ้าจักได้รับใบหน้างดงามที่ถูกแต่งแต้มสีสันสวยงาม อยู่กับข้าเจ้าจักได้สวมใส่ชุดที่สง่าพริ้มพรายพร้อมเพชรนิลจินดา อยู่กับข้าเจ้าจักได้ร่ายรำตลอดไป...จนกว่าเจ้าจะขาดใจ’
“เจ้าค่ะ” เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองและขานรับตอบตกลง
‘ฮ่าฮ่าฮ่า!ดีมาก!ดีมาก!!แรงปรารถนาในจิตใจเจ้าช่างแรงกล้ายากจะหาสิ่งใดเปรียบ หากเจ้ายินยอมเช่นนั้นก็ลุกเถิด’
เสียงหัวเราะดังลั่นอย่างกับคนสิ้นสติ ก่อนจะตามมาด้วยคำชื่นชมในตัวเด็กสาว ปัทมาลุกขึ้นยืนตามคำเชื้อเชิญ ทันใดนั้นผิวกายขาวก็เริ่มเปล่งประกายผุดผ่องราวกับดวงดาวที่พร่างพราว นิ้วมือเรียวสวยเด้งงอนมากกว่าแต่ก่อน ปลายหางคิ้วโก่งโค้งราวคันธนูถูกขีดตวัดขึ้นพองาม ริมฝีปากสวยแปรเปลี่ยนเป็นเฉดแดงฉูดฉาดปานปาดแต้มเลือด
‘บัดนี้ตัวข้า ผู้ซึ่งถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกปกรักษาแดนดินถิ่นนี้มาช้านาน อีกทั้งยังเป็นเจ้าของศาลไม้เรือนไทยที่ไร้ผู้ใดจักมากราบไหว้แลเคารพบูชา ข้าขอประกาศก้องต่อหน้าเทพเทพาอารักษ์ทั่วผืนท้องนภา ธาราและพสุธา หญิงงามผู้นี้ที่ปรากฎอยู่เบื้องหน้าข้ามีชะตาต้องได้เป็นนางรำของศาลแห่งนี้ การที่นางจักต้องสิ้นชีวีในเพลาครานี้หาใช่ความผิดข้า!’
เปรี้ยง! สายฟ้าสีเหลืองส่องสว่างผ่าลงมากลางวันแสก ๆ
‘ฮ่าฮ่าฮ่า!แม้แต่สรวงสวรรค์ก็ยังยอมจำนนต่อโชคชะตาของนางงั้นหรือ ฮ่าฮ่าฮ่า!ดีมาก!ช่างน่าปลื้มปีติยินดีอะไรเยี่ยงนี้...จะว่าไปข้ารู้สึกมักคุ้นใบหน้าที่แสนงดงามของนางมากราวกับว่าเคยเห็นจากแห่งหนใดมาก่อน’
“นางเคยเป็นนางรำนางสวรรค์ขอรับ” เสียงนุ่มทุ้มของชายหนุ่มหนึ่งในตุ๊กตานางรำที่สวมยืนเครื่องพระเอ่ยขึ้นเพราะต้องการชี้แจงแถลงไข
‘เจ้ารู้จักนางรึ’
“ข้าเคยได้ร่ายรำร่วมกับนางขอรับ...ทั้งในชาติปางก่อนแลชาติปางนี้” น้ำเสียงนี้ปัทมาจำได้ดี เขาคือชายหนุ่มที่เชิญชวนให้เธอไประบำกฤดาภินิหารคู่กันในตอนนั้น
‘งั้นดีเลย ข้าจักให้นางเป็นคู่รำของเจ้า’
“ขอรับ” สิ้นเสียงพูดของทั้งสอง ร่างของชายหนุ่มคนนั้นก็ปรากฎให้เห็น เมื่อนั้นปัทมาก็ระลึกชาติได้พร้อมน้ำตารื้นคลอเบ้า