เด็กสาวผู้เป็นความหวัง มีเพียงเธอที่จะสังหารจักรพรรดิปีศาจทรราชผู้ชั่วร้ายลงได้ ทว่าด้วยพลังอำนาจที่ยังไม่เพียงพอเธอจึงถูกผนึกเพื่อบ่มเพาะพลังอยู่หลายพันปี ณ ตอนนี้ได้เวลาแล้วที่เธอจะได้ลืมตาตื่น!
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ยุคกลาง,รั้วโรงเรียน,สงคราม,รัก,เอลฟ์,ปีศาจ,เทพ ,สงคราม,โรมานซ์แฟนตาซี,โรงเรียน,โรงเรียนเวทมนตร์,ผจญภัย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[อ่านฟรี]IRA&The six gem ไอร่ากับอัญมณีทั้งหกเด็กสาวผู้เป็นความหวัง มีเพียงเธอที่จะสังหารจักรพรรดิปีศาจทรราชผู้ชั่วร้ายลงได้ ทว่าด้วยพลังอำนาจที่ยังไม่เพียงพอเธอจึงถูกผนึกเพื่อบ่มเพาะพลังอยู่หลายพันปี ณ ตอนนี้ได้เวลาแล้วที่เธอจะได้ลืมตาตื่น!
บทที่6
ร้านปริศนา
ข่าวการจัดการประลองระหว่างคนรับใช้เพื่อหาคนที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลอาควินล่าถูกแพร่กระจายออกไปในหมู่คนรับใช้ด้วยกัน ทุกคนต่างก็ตื่นเต้นและรู้สึกว่าเป็นเรื่องท้าทายไม่น้อย ทั้งยังมีข่าวลือด้วยว่าผู้ชนะจะได้เงินรางวัลก้อนโตทุกคนเลยตั้งตารอวันประลองอย่างใจจดใจจ่อ
แต่กลับกันคาร่านั้นได้แต่ซ้อมกับหุ่นไม้ด้วยอารมณ์ขุ่นมัวและกังวลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เงื่อนไขการที่เธอจะได้อยู่เคียงข้างไอร่าต่อไปได้คือต้องชนะเหล่าคนรับใช้ทั้งคฤหาสน์และขึ้นเป็นหนึ่งในสามของผู้ชนะการประลอง
และอย่างที่รู้กันดีว่ากว่าทุกคนจะสามารถเข้ามาทำงานในคฤหาสน์ของตระกูลอาควินล่าที่ยิ่งใหญ่ได้นั้นจะต้องมีความสามารถมากพอ ๆ ทหารมากฝีมือแถมทุกคนยังใช้เวทได้คล่องราวกับเป็นมือเป็นเท้าของตัวเอง
คนที่ร่ายเวทก็ยังทำไม่ได้แบบเธอจะเอาอะไรไปสู้
ดูก็รู้ว่าเซนพยายามจะบีบเด็กน้อยคนนี้ออกจากคฤหาสน์มากขนาดไหน แต่ถึงแม้จะไร้ซึ่งหนทางเพียงใดคาร่าก็ยังไม่คิดยอมแพ้
การประลองจะเริ่มขึ้นในอีกหนึ่งสัปดาห์ แม้จะเป็นเวลาที่แทบจะไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพัฒนาฝีมือการต่อสู้เอาตอนนี้แต่เธอก็ไม่คิดจะล้มเลิกความตั้งใจ
“เธอคิดจะลงแข่งด้วยงั้นหรอ?”
เด็กหนุ่มผู้มีเรือนผมสีขาวเด่นสะดุดตาและดวงตาสีเทาเอ่ยถามคาร่าที่ทรุดตัวลงด้วยความเหนื่อยหอบจากการซ้อมต่อสู้ตัวคนเดียวมานานนับหลายชั่วโมง
เด็กหญิงแหงนหน้ามองบุคคลปริศนานั้นโดยไม่ได้ตอบอะไร แต่สายตาและท่าทางนั้นกลับเป็นคำตอบได้โดยไม่ต้องพูดออกมา
“ยอมแพ้เถอะ คนที่ใช้เวทไม่ได้สู้ไปก็ไม่มีทางชนะ”
“ยุ่ง!”
คาร่าสวนบุคคลตรงหน้าพลางสะบัดหน้าหนีไปอีกทางด้วยความไม่สบอารมณ์
อัศวินหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างหน่ายใจกับท่าทางของเด็กน้อย เพราะเขาไม่รู้เลยว่าทำไมคนแบบเธอถึงมาอยู่ที่นี่แล้วทำไมจะต้องพยายามให้ตัวเองไปผจญอันตรายอย่างไม่เข้าท่าเช่นนี้
แม้จะเจ็บใจแต่สิ่งที่เด็กหนุ่มว่าก็เป็นความจริง หรือนี่เธอจะไม่มีวันได้อยู่เคียงข้างคุณหนูที่รักของเธออีกแล้วกันนะ?
หลังจากการซ้อมในตอนเช้าจนเลยช่วงเมี่ยงวันไปอย่างไม่ทันได้รู้ตัว คาร่าก็โดนคนรับใช้ฝากงานให้ไปซื้อของสำหรับทำมื้อเย็นในเมืองเพราะวัตถุดิบบางอย่างดันหมดกระทันหัน
แม้ใจอยากจะฝึกซ้อมต่อแต่จะทิ้งหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายไปไม่ได้ สุดท้ายเธอจึงตรงเข้าเมืองด้วยตัวคนเดียวเพื่อหาของสองสามอย่างตามรายการที่ได้รับมาจากคนในครัว
ทว่าไม่ทันที่จะได้ตรงไปยังร้านเป้าหมายบรรยากาศรอบตัวของเด็กน้อยก็แปรเปลี่ยนไปอย่างน่าประหลาด
ผู้คนหายไปจากที่เดินอยู่พลุกพล่าน เสียงรอบข้างเงียบเชียบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนและเธอก็สังเกตว่ามีร้านประหลาดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนตั้งตระหง่านอยู่ในจุดที่เธอจำได้ดีว่าไม่เคยมีร้านนี้ตั้งตรงนั้นอย่างแน่นอน
“ร้านอะไรเนี่ย?”
เด็กน้อยพูดกับตัวเองอย่างนึกสงสัย แต่ทว่าด้วยความรู้สึกบางอย่างราวกับร้านนั้นกำลังเรียกให้เธอเดินเข้าไป กว่าจะทันได้รู้ตัวเธอก็เข้ามาในร้านเสียแล้ว
ร้านที่ดูโบราณและเก่าแก่ เมื่อเข้ามาในร้านจะพบกับชั้นหนังสือและกองหนังสือมากมาย พวกมันทั้งเก่าและดูเหมือนจะไม่ได้รับการดูแลที่ดีเท่าไรนอกเสียจากการปล่อยไว้ในที่ของมันอย่างนั้นเฉย ๆ
เมื่อเลยส่วนแรกของร้านที่มีแต่หนังสือเรียงรายก็จะพบกับโต๊ะกลมที่มีลูกแก้วประหลาดวางอยู่บนโต๊ะและที่อีกฝั่งของโต๊ะนั้นก็มีบุคคลปริศนานั่งยิ้มอยู่
“ยินดีต้อนรับ ๆ นั่งก่อนสิผู้หลงทาง”
น้ำเสียงของหญิงชราเอ่ยทักทายคาร่า คู่สนทนาที่สวมผ้าคลุมปกปิดใบหน้าของตัวเองเหลือไว้เพียงปากให้พอได้เห็นถึงรอยยิ้มและผิวหนังที่เหี่ยวย่นภายใต้ความมืดนั้น
คาร่านั่งที่นั่งตรงข้ามหญิงชรานิรนามไปแม้จะนึกสงสัยในตัวคู่สนทนาคนนี้ไม่น้อยเลยก็ตาม แต่ด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเป็นมิตรและดีใจกับการมาของเธอจึงทำให้เด็กน้อยเลือกที่จะตามคำชวนนั้น
“ร้านนี้ต้อนรับผู้หลงทางและผู้ไร้หนทาง พวกเราช่วยเหลือบุคคลที่เข้ามาที่นี่แก้ปัญหาที่กำลังประสบอยู่”
“คุณจะช่วยอะไรฉันได้คะ?”
คาร่าเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงติดประชดเล็กน้อย เพราะหากพูดถึงปัญหาของเธอในตอนนี้ก็คือการที่เธอไร้พลังเวทนั่นแหละ
เห็นทีจะมีแต่ต้องตายแล้วเกิดใหม่ถึงจะแก้ไขเรื่องนี้ได้
“โฮะ ๆ ดูท่าทางการเป็นผู้ไร้พลังเวทจะเป็นปมในใจหนูน้อยน่าดูเชียวนะ”
หญิงชราเอ่ยอย่างไม่รู้สึกทุกข์ร้อนใด ๆ ราวกับปัญหานี้เป็นเพียงเรื่องเล็กสำหรับเธอเท่านั้น
คาร่าเลิกคิ้วสงสัย ทำไมคนผู้นี้ถึงรู้ได้ว่าเธอไม่มีพลังเวท
“ลูกแก้วนี้เป็นคนบอกเรื่องราวของเจ้าให้ข้าฟังเองแหละ”
หญิงชรากล่าวอีกครั้งราวกับอ่านความในใจของเด็กน้อยได้อย่างทะลุปรุโปร่งก่อนที่จะลูบลูกแก้วนั้นอย่างเบามือ
เมื่อเหมือนจะรับรู้อะไรบางอย่างได้แล้วเธอก็กระดิกนิ้วเบา ๆ หนังเล่มหนึ่งก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าคาร่า
“หนังสือเล่มนี้จะช่วยเธอได้อย่างแน่นอน”
หญิงชรานิรนามเอ่ยอย่างมั่นใจ เด็กน้อยจึงจับหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาดู แม้จะไม่เชื่อใจเท่าไรนักแต่หญิงชราผู้นี้ก็เป็นคนแรกที่พูดราวกับปัญหาของเธอนั้นมีทางออกอยู่ ดังนั้นแล้วเธอจึงตัดสินใจจะลองเชื่อใจดู
“เท่าไรคะ?”
คาร่าถามราคาของหนังสือในมือตัวเองทันที แม้เธอจะมีเงินไม่มากนักแต่อย่างน้อยหนังสือสักเล่มเธอก็น่าจะพอจ่ายไหว ถ้ามันจะแลกมากับชัยชนะในการประลองได้แล้วล่ะก็
“ข้าไม่คิดเงินหรอก หนังสือเล่มนั้นเป็นของเจ้าแล้ว”
คาร่าแปลกใจกับคำพูดนั้นไม่น้อย แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อภาพรอบตัวของเธอก็แปรเปลี่ยนไปจากร้านหนังสือโบราณกลายเป็นกลางทางเดินของที่ไหนสักที่ในเมืองแทน
แม้ทุกอย่างจะดูราวกับเป็นความฝันแต่ทว่าหนังสือเล่มนั้นก็ได้มาอยู่ในมือเธอแล้วจริง ๆ อย่างไรนี่ก็คฃไม่ใช่เรื่องโกหกอย่างแน่นอน
เด็กน้อยกอดหนังสือไว้แน่นก่อนจะรีบทำสิ่งที่ต้องทำให้เสร็จและหวังว่าเมื่อกลับไปถึงคฤหาสน์แล้วได้เปิดอ่านมันเธอจะได้พบคำตอบที่ต้องการ