เด็กสาวผู้เป็นความหวัง มีเพียงเธอที่จะสังหารจักรพรรดิปีศาจทรราชผู้ชั่วร้ายลงได้ ทว่าด้วยพลังอำนาจที่ยังไม่เพียงพอเธอจึงถูกผนึกเพื่อบ่มเพาะพลังอยู่หลายพันปี ณ ตอนนี้ได้เวลาแล้วที่เธอจะได้ลืมตาตื่น!
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ยุคกลาง,รั้วโรงเรียน,สงคราม,รัก,เอลฟ์,ปีศาจ,เทพ ,สงคราม,โรมานซ์แฟนตาซี,โรงเรียน,โรงเรียนเวทมนตร์,ผจญภัย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[อ่านฟรี]IRA&The six gem ไอร่ากับอัญมณีทั้งหกเด็กสาวผู้เป็นความหวัง มีเพียงเธอที่จะสังหารจักรพรรดิปีศาจทรราชผู้ชั่วร้ายลงได้ ทว่าด้วยพลังอำนาจที่ยังไม่เพียงพอเธอจึงถูกผนึกเพื่อบ่มเพาะพลังอยู่หลายพันปี ณ ตอนนี้ได้เวลาแล้วที่เธอจะได้ลืมตาตื่น!
บทที่7
ลูเซียส ก๊อด ซีโนว่า(1)
ณ อาณาจักรแห่งแสงสว่าง อาณาจักรซีโนว่า หนึ่งในหกราชอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของดินแดนชั้นกลาง ซึ่งอยู่ทางเหนือและอยู่ในจุดที่ใกล้กับจุดเชื่อมต่อระหว่างดินแดนชั้นกลางกับดินแดนชั้นสูงที่สุด
หรือเรียกอีกอย่างว่าจุดเชื่อมของพิภพมนุษย์และพิภพสวรรค์นั่นเอง
และในที่แห่งนี้ได้องค์ราชานามว่า ลูเซียโน่ ก๊อด ซีโนว่า ปกครองอยู่
ก๊อก ๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นและเมื่อบุคคลภายในห้องส่งเสียงอนุญาตเด็กน้อยที่อยู่อีกฝั่งของประตูจึงได้เดินเข้ามา
“มาแล้วรึลูเซียส”
“เรียกลูกมาด้วยธุระอะไรหรือพะยะค่ะฝ่าบาท?”
ยังไม่ทันที่ผู้เป็นพ่อจะได้เอ่ยทักทายให้เป็นกิจจะลักษณะคนเป็นลูกก็รีบขอให้เข้าเรื่องทันที
เด็กชายตัวน้อยผู้มีผมสีดำขลับและนัยน์ตาสีแดงทับทิมที่จ้องมองคนเป็นพ่อผู้ปกครองอาณาจักรแห่งแสงราวกับจะเร่งเร้าให้พูดธุระนั้นออกมาเสียที
ยามเมื่อเห็นสายตาของคนเป็นลูกที่จ้องมองมาเช่นนั้น จากการที่อยากถามไถ่สารทุกข์สุขดิบจึงต้องเปลี่ยนเป็นเข้าเรื่องสำรัญแทน
“เวลานี้องค์หญิงผู้สืบทอดของพระจักรพรรดินีได้กลับมายังดินแดนแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์แล้ว ในฐานะที่พ่อผู้เป็นอดีตมือขวาของพระองค์จึงอยากให้ลูกทำหน้าที่ผู้พิทักษ์ขององค์หญิงและเดินทางไปหาพระองค์”
“เข้าใจแล้วพะยะค่ะ”
ลูเซียสขานรับบัญชาจากผู้เป็นพ่ออย่างไม่ลังเลใด ๆ ก่อนจะขอตัวออกจากห้องทำงานของลูเซียโน่อย่างรวดเร็ว
องค์ราชาได้แต่แอบเศร้าอยู่ในใจกับพฤติกรรมที่แสนห่างเหินของลูกชายตัวเอง ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใดแต่นับตั้งแต่การตายของภรรยา ลูกชายของเขาก็นิสัยเปลี่ยนไปราวกับคนละคน
ทั้งปิดกั้น พูดน้อย และเฉยชา
และในวันต่อมาลูเซียสก็เดินทางมายังดินแดนของเหล่าเทพเพื่อพบเจอกับองค์หญิงนิรนามตามที่ได้รับสั่งจากพ่อของเขา
พระจักรพรรดินีสาวต้อนรับเด็กชายอย่างยินดีพร้อมทั้งแนะนำให้เขาได้รู้จักกับไอร่าลูกสาวของเธอและหวังอย่างยิ่งว่าเด็กชายจะเป็นบุคคลที่มีประโยชน์กับเด็กหญิงในอนาคต
เมื่อมาอยู่ที่ดินแดนของเหล่าเทพ สิ่งที่ไอร่าต้องเรียนรู้เลยเป็นอย่างแรกก็คือการใช้ปีกที่เธอเพิ่งรู้ถึงการมีอยู่ของมันให้คล่อง เพราะที่นี่เป็นดินแดนที่หากบินไม่ได้ก็ไร้ซึ่งอิสระเพราะเช่นนั้นแล้วการบินได้จึงสำคัญมาก
แต่ด้วยปีกที่ขนาดใหญ่กว่าร่างกายมากแม้จะทำให้บินและลอยตัวขึ้นได้เร็วแต่กลับกันเลยในด้านการควบคุมที่ยากขึ้นเพราะขนาดของมัน
ในขณะนั้นเองลูเซียสผู้ที่มีเชื้อสายของเผ่าเทพอยู่ครึ่งหนึ่งกลับบินไปไหนมาได้รวดเร็วและว่องไว้
“ทั้งที่ปีกเล็กแค่นั้นแท้ ๆ ”
องค์หญิงน้อยบ่นอุบอิบกับตัวเองอย่างน้อยใจ ทั้งที่ลูเซียสเองก็เพิ่งได้รับอนุญาตจากราชาลูเซียโน่ผู้เป็นพ่อให้ใช้บินแค่ที่นี่เท่านั้นแท้ ๆ แล้วยังมาที่นี่หลังเธออีก
แต่ดูเหมือนลูเซียสจะไม่ได้สนใจเด็กหญิงเลยสักนิด ในทุก ๆ วันตลอดเวลานั้นลูเซียสจะทำเพียงคอยอยู่ข้างกายไอร่าตั้งแต่ลืมตาตื่นจนกระทั่งเข้านอนแต่กลับไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์ใด ๆ กับเธอเลยแม้แต่น้อย
ราวกับว่ามาทำหน้าที่ พอเสร็จธุระของตัวเองก็จบอย่างไรอย่างนั้น
และในวันหนึ่งที่สองแม่ลูกนั่งพูดคุยกันเป็นการส่วนตัวนั้น
“ช่างนิสัยต่างกันกับบิดาของเจ้าเหลือเกินนะ”
พระจักรพรรดินีเอ่ยหลังจากดูท่าทีของเด็กทั้งสองอยู่นานนับเดือน แต่ก็ไม่เห็นว่าทั้งสองจะมีท่าทีที่สนิทสนมกันมากขึ้นเลยแม้แต่น้อย
“พ่อของลูเซียสหรอเพคะ?”
ไอร่าเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย นึกว่านิสัยเช่นนี้จะสืบทอดมาจากพ่อหรือแม่ของเจ้าตัวเสียอีก แต่เห็นทีแล้วคงมิใช่เช่นนั้น
ได้ความว่าพ่อของลูกเซียส องค์ราชาลูเซียโน่นั้นแท้จริงแล้วเป็นเผ่าเทพและยังเป็นถึงอดีตมหาเสนาบดีอยู่เคียงข้างพระจักรพรรดิแห่งแสงพ่อของไอร่ามาก่อน
แต่เพราะพบรักเข้ากับเจ้าหญิงของแดนมนุษย์จึงลงจากตำแหน่งไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เองแบะได้กลายมาเป็นองค์ราขาของอาณาจักรซีโนว่าในที่สุด
ราชาลูเซียโน่ในความทรงจำของเคนโนช่านั้นเป็นชายผู้อ่อนโยน มากความรู้และซื่อสัตย์ เขามักจะเป็นห่วงผู้เป็นนายเช่นเธอเสมอและแม้ร่างกายจะไม่แก่ชราตามวัยเยี่ยงมนุษย์แต่กลับทำตัวราวกับคนแก่ขี้เป็นห่วงอยู่ตลอด
ผิดกันกับลูกชายในตอนนี้ที่ดูจะไม่สนใจสิ่งใดเลย น่าแปลกใจนักที่เด็กคนนี้คือลูกชายของลูเซียโน่ผู้นั้น
“ถ้าท่านแม่ว่าเช่นนั้นก็คงจะผิดแล้วล่ะเพคะ”
เด็กน้อยเอ่ยเสียงใส สร้างความแปลกใจให้กับผู้เป็นแม่
สำหรับเคยโนช่าที่ไม่ได้อยู่กับลูเซียสตลอดเวลานั้นจะมองแบบนั้นก็ไม่แปลก แต่ผิดกันกับเด็กน้อยเช่นไอร่าที่ตัวติดกันกับเขาตั้งแต่ฟ้าสางยันพลบค่ำที่มองต่างออกไป
แม้จะเหมือนไม่สนใจใยดีกันเท่าไรนัก แต่ลูเซียสมักจะรอไอน่าเสมอไม่ว่าเธอจะทำอะไรแม้จะไม่ช่วยเหลือเลยหากไม่จำเป็นก็ตาม เวลาที่จะเรียนรู้แต่ละวิชาก็ยะมีหนังสือถูกเตรียมเอาไว้ให้ล่วงหน้าเสมอ ไอร่ามั่นใจว่าคนที่เตรียมมันไว้ให้จะต้องเป็นลูเซียสอย่างแน่นอน
และเมื่อถึงเวลาที่ต้องรู้วิชาที่มีอันตรายเช่นต่อสู้หรือเวทมนตร์ลูเซียสก็มักจะจ้องมองและสังเกตเธอตลอดและหากมีเหตุไม่คาดคิดลูเซียสก็มักเป็นคนแรกที่รู้ตัวเสมอและเข้ามาช่วยไอร่าไว้ได้
ดังเช่นก่อนหน้านี้ซึ่งมีเหตุการณ์ที่ไอร่าทดสอบการใช้เวทมนตร์ของตัวเอง แต่เพราะพลังที่มีนั้นมหาศาลมากเกินกว่าจะควบคุมเวทที่ใช้จึงเกิดระเบิดขึ้น
ด้วยระยะที่ใกล้มากจนคิดว่าอย่างไรก็ต้องจบที่บาดแผลทั่วตัวเด็กหญิงแน่นอน แต่คนที่ได้รับบาดแผลกลับกลายเป็นลูเซียสที่ยืนอยู่ห่างออกไปหลายเมตรแทน
แม้ระเบิดนั้นจะไม่แรงมากแต่ก็ทำให้เกิดแผลไหม้ไม่น้อย ลูเซียสที่เข้ามาแทรกระหว่างเวทที่ผิดพลาดกับไอร่านั้นโดนไฟไหม้ที่ปีกที่จนเสียหายและไม่สามารถบินได้ในระยะหนึ่งเลยทีเดียว
และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ในตอนนี้ไม่มีลูเซียสอยู่ข้างกายไอร่าเช่นทุกวัน
เมื่อการพบปะพูดคุยระหว่างแม่ลูกได้จบลงไอร่าก็ไม่รอช้าที่จะตรงไปยังห้องของเด็กชายที่กำลังนั่งพักอยู่เพราะไม่สามารถบินไปไหนมาไหนได้
เพราะแม้บาดแผลจะรักษาไปแล้วด้วยเวทมนตร์แต่ความรู้สึกทางจิตใจของร่างกายที่แสบร้อนกับผิวที่ไหม้นั้นไม่อาจใช้เวทมนตร์รักษาได้ เพื่อให้ความรู้สึกทางร่างกายได้รับรู้ว่าบาดแผลนั้นไม่มีผลอะไรอีกต่อไปแล้วกับการใช้ปีกของเขา ตัวเด็กชายจึงต้องพักการใช้ปีกสักสองสามวัน
“เป็นยังไงบ้าง?”
เด็กหญิงถามอาการของเด็กชายด้วยความห่วงใย แม้ปีกสีขาวที่กลางหลังของลูเซียสนั้นจะอยู่ในสภาพที่ปกติดีก็ตาม ทว่าความรู้สึกผิดก็ยังคงถาโถมเมื่อมองไปที่มันอยู่ดี
แม้ไร้ซึ่งคำตอบจากคู่สนทนาแต่เพราะใบหน้าที่สดใสอยู่เสมอนั้นหม่นหมองลงฝ่ามือเล็กเด็กชายจึงเอือมไปลูบหัวของเด็กหญิงเบา ๆ คล้ายจะปลอบโยน
นี่ไง ใครว่าเด็กคนนี้ว่าเฉยชากันล่ะ ทั้งที่อ่อนโยนขนาดนี้
ไอร่าคิดเช่นนั้นก่อนที่รอยยิ้มของเธอจะกลับคืนมาอีกครั้ง ดวงตาสีแดงสองคู่มองสบกัน แม้จะไม่ได้พูดอะไรแต่กลับรู้สึกเหมือนเข้าใจกันและกันมากขึ้นอย่างประหลาด
และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่เด็กหญิงได้เห็นรอยยิ้มของลูเซียสราวกับยินดีกับอะไรบางอย่าง