เด็กสาวผู้เป็นความหวัง มีเพียงเธอที่จะสังหารจักรพรรดิปีศาจทรราชผู้ชั่วร้ายลงได้ ทว่าด้วยพลังอำนาจที่ยังไม่เพียงพอเธอจึงถูกผนึกเพื่อบ่มเพาะพลังอยู่หลายพันปี ณ ตอนนี้ได้เวลาแล้วที่เธอจะได้ลืมตาตื่น!
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ยุคกลาง,รั้วโรงเรียน,สงคราม,รัก,เอลฟ์,ปีศาจ,เทพ ,สงคราม,โรมานซ์แฟนตาซี,โรงเรียน,โรงเรียนเวทมนตร์,ผจญภัย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[อ่านฟรี]IRA&The six gem ไอร่ากับอัญมณีทั้งหกเด็กสาวผู้เป็นความหวัง มีเพียงเธอที่จะสังหารจักรพรรดิปีศาจทรราชผู้ชั่วร้ายลงได้ ทว่าด้วยพลังอำนาจที่ยังไม่เพียงพอเธอจึงถูกผนึกเพื่อบ่มเพาะพลังอยู่หลายพันปี ณ ตอนนี้ได้เวลาแล้วที่เธอจะได้ลืมตาตื่น!
บทที่8
ลูเซียส ก๊อด ซีโนว่า(2)
เฉยชา นิ่งเฉย ไร้ความรู้สึก ตายด้าน
คำพวกนี้ถูกใช้สำหรับจำกัดความเพื่อสื่อถึงเด็กชายดวงตาสีทับทิม องค์ชายรัชทายาทแห่งอาณาจักรซีโนว่า
ทว่าในความเป็นจริงแล้วเขาไม่ได้มีนิสัยเช่นนี้ตั้งแต่แรก
ย้อนความกันสักหน่อยคือช่วงวัยห้าขวบของเด็กน้อย ลูเซียสนั้นก็ยังคงเป็นเพียงเด็กตัวเล็กน่ารักที่ร่าเริงสดใสคนหนึ่ง แต่ตามนิสัยของเด็กผู้ชายทั่วไปเขานั้นทั้งขี้เล่นและขี้แกล้ง ทั้งยังซุกซน
ลูเซียสนั้นมักจะไปหลบซ่อนตามที่ต่าง ๆ จนเหล่าข้ารับใช้ในวังต้องวิ่งตามหากันให้วุ่นอยู่ทุกวัน แต่จะมีเพียงหนึ่งคนเท่านั้นที่ตามหาเขาจนเจอเสมอ
และคนผู้นั้นก็คือเคียร่า ซีโนว่าแม่ของเขานั้นเอง
“หนีเรียนวิชาประวัติศาสตร์อีกแล้วนะลูซ”
แม่ของเขาเอ่ยน้ำเสียงตำหนิเมื่อพบจุดซ่อนตัวของลูกชายตัวเอง
“ก็มันน่าเบื่อนี่พะยะค่ะ”
ลูเซียสเอ่ยกับแม่ของเขา แน่นอนว่าเคียร่าก็ไม่เถียงเพราะมันเป็นหนึ่งในวิชาที่แสนน่าเบื่อของหลาย ๆ คนและเธอก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน
“แต่ถึงอย่างนั้นลูกก็ต้องตั้งใจเรียนนะ เป็นถึงองค์ชายถ้าหัวทึบจะปกครองอาณาจักรต่อจากเสด็จพ่อได้หรอ?”
เด็กชายตัวน้อยหน้ายู่อย่างไม่พอใจ แล้วทำไมตัวเขาจะต้องเกิดมาเป็นองค์ชายด้วยนะ
แล้วลูเซียสก็นึกเรื่องสนุกออกจนได้
แล้วถ้าตัวเขาได้เป็นคนธรรมดาสักวันจะเป็นอย่างไรนะ?
เด็กชายตัวน้อยยิ้มอย่างนึกสนุก นับตั้งแต่ลืมตาดูโลกตัวเขาก็ยังไม่เคยออกไปนอกพระราชวังมาก่อนเลยสักครั้ง หากได้ออกไปเที่ยวเล่นคงจะสนุกไม่น้อย
เป็นความใจกล้าของเด็กน้อยที่อยากรู้อยากเห็นโลก แต่ก็รู้เท่าทันคำเอ่ยของพ่อแม่เช่นกัน
เคียร่าและลูเซียโน่มักพร่ำบอกเด็กชายเสมอว่าภายนอกวังนั้นอันตรายและไม่ควรออกไปเที่ยวเล่นอย่างเด็ดขาดเพราะเขายังไม่แข็งแกร่งพอจะเอาตัวรอดได้ด้วยตัวคนเดียว
แต่ลูเซียสกลับมองต่างออกไป เพราะที่เมืองก็มีสามัญชนคนธรรมดาเดินไปมาทั้งนั้น ซ้ำร้ายพวกเขาดูจะอ่อนแอกว่าเขาด้วยซ้ำเพราะแค่เวทมนตร์ก็ยังใช้กันไม่ได้ก็มีเยอะไป
ตัวลูเซียสเองก็เรียนรู้เวทมนตร์ติดตัวไว้บ้างไม่น้อย เขาเชื่อว่าตัวเองปลอดภัยแน่นอนหากออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกไม่นานแล้วรีบกลับมา
และด้วยความเชื่อมั่นนั้น ในวันหนึ่งเขาก็หาทางออกมาจากพระราชวังด้วยตัวคนเดียวจนได้
บ้านเมืองตกแต่งสวยงาม ผู้คนสัญจรไปมาทำให้บรรยากาศครึกครื้นดูน่าเที่ยวเล่นทำให้องค์ชายตัวน้อยตื่นตาตื่นใจไม่น้อยเลยทีเดียว
ขณะที่กำลังเดินมองดูวิวทิวทัศน์ของเมืองอย่างเพลิดเพลินจู่ ๆ เขาก็ดันชนเข้ากับชายหนุ่มลึกลับซึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วและทิ้งให้เขาล้มลงกับพื้นอย่างแรงโดยไม่แม้แต่จะหันย้อนกลับมามองคู่กรณีตัวเองเลยสักนิด เผลอนิดเดียวก็หนีลับสายตาไปเสียแล้ว
“โอ้ย..!”
เด็กชายร้องขึ้นเมื่อรู้ตัวว่าที่แขนมีรอยบาดเล็ก ๆ จนเลือดไหล แม้แผลไม่ลึกมากแต่ก็น่าเจ็บใจอยู่ที่ออกมาไม่ทันไรก็ต้องมาเจ็บตัวเสียแล้ว
“เป็นไรไหมเด็กน้อย”
หญิงสาวปริศนาเจ้าของเรือนผมสีชมพูอ่อนเอ่ยถามท่ามกลางผู้คนที่เดินสวนกันไปมาจนไม่น่าจะมีใครสังเกตถึงการมีตัวตนของลูเซียส เธอคนนี้ก็เข้ามาแสดงความเป็นมิตรและยื่นมือให้เด็กชายหวังจะช่วยพยุงร่างเล็กให้ลุกยืน
แน่นอนว่าลูเซียสไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือนั้น
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณ”
“ฉันไม่เคยเห็นเธอแถวนี้มาก่อนเลย มาจากไหนหรอ?”
หญิงสาวว่าขึ้นราวกับรู้จักเส้ยทางและผู้คนแถวนี้เป็นอย่างดี เธอมองสำรวจใบหน้าเล็กของเด็กชายตัวน้อยสีหน้าแววตาที่สนอกสนใจนั้นทำเอาลูเซียสอึดอัดเล็กน้อยกับสายตานั้น
“ผมเพิ่งเข้าเมืองมาน่ะ”
“หรอ? แล้วผู้ปกครองเธอไปไหนซะล่ะ?”
หญิงสาวถามต่อ เด็กที่อายุเพียงเท่านี้หากมาจากเมืองอื่นอย่างไรก็ต้องมากับครอบครัวแน่นอนอยู่แล้ว การเดินทางข้ามเมืองไปมานั้นล้วนเต็มไปด้วยอันตรายมากมายไม่มีทางเลยที่เด็กเล็กเช่นนี้จะรอดเข้ามาในเมืองคนเดียวได้โดยง่าย
ลูเซียสเหงื่อตกกับคำถามที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเช่นนี้ เพราะไม่คิดว่าแค่ออกจากวังมาเที่ยวเล่นไม่ถึงชั่วโมงดีก็โดนเข้าใจว่าเป็นเด็กหลงไปเสียแล้ว
“หลงกับพ่อแม่งั้นหรอ? งั้นให้ฉันช่วยไหม? ใกล้ ๆ นี้มีทหารยามรักษาความปลอดภัยอยู่ เดี๋ยวฉันพาไปขอให้เขาตามหาพ่อแม่ให้เอง”
หญิงนิรนามเอ่ยอย่างยินดีที่จะช่วยเหลือ ทว่าถ้าไปเจอพวกทหารตอนนี้ไม่นานก็คงความแตกที่เขาแอบหนีออกมาเที่ยวนอกวัง
“ไม่เป็นไรครับ ผมขอพ่อแม่มาเที่ยวเล่นบอกพวกท่านแล้วว่าจะกลับไปตอนเย็น”
“พ่อแม่ที่ไหนกันกล้าปล่อยเด็กเล็กขนาดนี้ออกมาเดินในเมืองคนเดียว? ใช้ไม่ได้เลย”
หญิงสาวเอ่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจ แต่ลูเซียสก็ไม่โต้เถียงใด ๆ เพราะกลัวจะโดนถามอะไรไปมากกว่านี้
“เอาแบบนี้ดีกว่า เดี๋ยวพี่จะเป็นผู้ปกครองให้เอง ลืมแนะนำตัวไปเลย พี่ชื่ออีฟนะ”
เธอเอ่ยก่อนจะยื่นมือหมายจะจับมือแนะนำตัวกับเด็กชายตัวน้อยและดูท่าทางแล้วเธอจะไม่ยินยอมให้เด็กชายเดินทางไปไหนมาไหนคนเดียวเป็นแน่
“ผมชื่อลูซครับ”
ลูเซียสจำยอมต้องจับมือและเอ่ยแนะนำตัวสั้น ๆ สุดท้ายก็ไหลไปตามการชี้นำของอีฟ เธอพาลูเซียสไปเดินดูสถานที่ในเมืองหลายที่ กินอาหารหลายอย่างจนจากความระแวงของเด็กน้อยที่มีต่อเธอในคราแรกนั้นมลายหมดสิ้นไปในเวลาไม่นาน
“นี่ ต่อไปช่วยตามพี่มาทีสิ มีที่ที่อยากพาไปอยู่น่ะ”
ลูเซียสลังเลเล็กน้อยเมื่อพบว่าเวลานี้อีกไม่นานพระอาทิตย์ก็จะลับขอบฟ้าแล้ว นั่นหมายถึงว่าเขาควรจะกลับวังได้แล้วก่อนที่ทุกคนจะรู้ตัวว่าเขาไม่ได้อยู่ในวัง
แต่เมื่อหญิงสาวผมสีชมพูเอ่ยว่าเป็นสถานที่ไม่ใกล้และใช้เวลาไม่นานสุดท้ายจึงยอมตามไปโดยง่าย
เส้นทางที่พามานั้นมีแต่ตรอกซอกซอยและเริ่มออกห่างจากผู้คนที่สัญจรไปมามากขึ้นเรื่อย ๆ ทำเอาลูเซียสไม่แน่ใจแล้วว่าควรจะตามเธอไปต่อหรือไม่ แต่คิดในแง่ดีทางนี้อาจเป็นทางลัดไปยังที่ ๆ อีฟต้องการจะไปก็ได้
แต่แล้วอีฟก็หยุดเดินและจุดสิ้นสุดการเดินทางกลับเป็นซอยเปลี่ยวล้างผู้คนที่ไม่มีอะไรหรือใครอยู่เลย
“ถึงแล้วล่ะ”
“หือ?”
ลูเซียสงงงวยกับสิ่งที่เจอ ใจเริ่มไม่ดีกับท่าทางที่นิ่งเงียบอย่างกระทันหันของอีฟ
“ถึงเวลาของแกแล้วยังไงล่ะ!”
อีฟกู่ร้องก่อนจะนำมีดที่ซ่อนไว้แทงร่างเล็กด้วยความเร็วที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ทว่าเสมือนโชคเข้าข้างที่มีร่างปริศนาดึงตัวเด็กน้อยเพื่อหลบคมมีดนั้นได้ทันท่วงที
“แกเป็นใคร!?”
อีฟตวาดเสียงแข็งอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อคมมีดที่เล็งไว้อย่างดีนั้นพลาดเป้าเพราะบุคคลนิรนาม
“เสด็จแม่”
เป็นเคียร่าทุกครั้งเลยที่รู้เสมอว่าลูกชายของตัวเองอยู่ที่ไหน แม้จะไม่รู้ว่าทำได้อย่างไร แต่เพราะเคียร่ามาได้ทันเวลาจึงทำให้เด็กน้อยรอดตายได้อย่างหวุดหวิด
“ไม่เป็นไรใช่ไหมลูซ?”
เคียร่าเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง แม้ในใจจะมีทั้งความโกรธเคียงและอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ความห่วงใยในตัวลูกชายกลับมีมากกว่าและเธอก็โล่งใจเมื่อลูกชายพยักหน้ารับคำเบา ๆ
“ส่งเด็กนั่นมา!”
อีฟเอ่ยกับเคียร่าอย่างไม่สบอารมณ์พลังสีดำทมิฬเอ่อล้นออกมาจากร่างกายของเธอจนชวนให้รู้สึกอึดอัดไปหมด จากใบหน้าของหญิงสาวธรรมดา ๆ กลับเริ่มมีผิวที่ซีดเผือดราวกับซากศพ ผมสีชมพูอ่อนในตอนแรกของเธอกลับเริ่มเข้มขึ้นและปรากฎเขาสีดำสนิทรูปทรงคล้ายเขาแพะขึ้นที่สองข้างของเธอ
พลังธาตุมืดที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายและรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปราวกับคนละคนทำให้เคียร่าตื่นตะหนก
ร่างกายและรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปราวกับคนละคนทำให้เคียร่าตื่นตะหนก
“เผ่าปีศาจมาทำอะไรที่นี่!?”
“ก็มาหาแหล่งพลังชั้นดีอย่างไรเล่า นายท่านของพวกเราต้องการเลือดของเทพเพื่อเพิ่มพลังให้กับตัวเองและจะทำการล้างแค้นนังจักรพรรดินีนั่น”
อีฟว่าเช่นนั้นก่อนแววตาจะมองสบไปยังร่างเล็กของเด็กชาย
เคียร่าเหลือบไปเห็นว่าแจนของลูกชายนั้นมีแผลจนเลือดออกอยู่เล็กน้อย
ปีศาจตนนี้คงรับรู้ได้จากเลือดว่าลูกน้อยของเธอมิใช่เด็กธรรมดาแต่เป็นเผ่าเทพ
“แม้จะเป็นลูกผสมแต่ก็นับว่ามีค่าพอให้นายท่านได้ใช้งาน เพราะงั้นแหละ ถ้าไม่อยากตายกันทั้งคู่แกก็ส่งเด็กมาซะ”
“ไม่มีวัน!”
เคียร่าเอ่ยน้ำเสียงเด็ดขาดอย่างไรเธอก็จะไม่มีวันยกลูกชายให้กับปีศาจหรอก
เคียร่าคิดในใจ หากเธอถ่วงเวลาไว้อีกสักนิดเหล่าทหารที่กระจายตัวอยู่ทั่วเมืองเพื่อตามหาลูกชายของเธอตามรับสั่งจะต้องมาเจอแน่ในไม่ช้า
แต่ทว่าคู่ต่อสู้นั้นเป็นถึงปีศาจแล้วกับมนุษย์ที่อ่อนแอกว่าเช่นเธอและลูกน้อยอีกที่ต้องปกป้อง ดูจากสถานการณ์แล้วแทบจะไม่มีหนทางรอดเลย
“ลูซ แม่จะถ่วงเวลาไว้ รีบไปตามหาทหารกับเสด็จพ่อให้มาช่วยเร็ว”
เคียร่าเอ่ยกับลูกน้อยก่อนจะปล่อยให้ลูเซียสวิ่งไปแล้วตัวเองก็เข้าต่อสู้กับปีศาจหญิงหวังถ่วงเวลาให้ลูเซียสหนีไปได้
เด็กชายรีบวิ่งหนีออกจากตรอกเล็กโดยเร็วด้วยความตื่นตะหนก ถูกอย่างที่เคยโดนเตือนไว้ในอดีต หากตัวเขาตอนนี้ต้องสู้หับปีศาจตนนั้นคงจะไม่รอดอย่างแน่นอน
ปีกสีขาวจากเด็กครึ่งเทพที่ปกติปกปิดไว้ถูกกลางออกแล้วบินขึ้นเหนือท้องฟ้าของเมือง แม้จะผิดคำสั่งของลูเซียโน่ผู้เป็นพ่อให้ปิดซ่อนไม่ให้ใครรู้ว่าตนมีสายเลือดเทพ แต่เวลานี้การหาใครสักคนมาช่วยแม่ของเขาให้ได้ดูจะเป็นเรื่องสำคัญกว่า
ลูเซียสมองไปรอบเมืองจากมุมสูง เขาคอยกวาดสายตาหาคนที่แข็งแกร่งพอจะช่วยราชินีของอาณาจักรได้ซึ่งคนในใจนั้นก็หนีไม่พ้นราชาลูเซียโน่นั่นเอง
“เสด็จพ่อ!”
เด็กชายคะโกนร้องเรียกผู้เป็นพ่อทันที่เมื่อเจอเป้าหมาย ลูเซียโน่มองลูกน้อยด้วยความยินดีทว่าสีหน้าลูเซียสที่ซีดเซียวและตื่นตะหนกนั้นทำให้เขาดีใจไม่ได้เต็มที่นัก
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เสด็จแม่… ช่วยเสด็จแม่ด้วยพะยะค่ะ!”
ทว่าแม้จะรีบร้อนเท่าไรก็ไม่ทันการ เพราะกว่าที่สองพ่อลูกจะย้อนกลับไปเพื่อช่วยเคียร่าเธอก็นอนนิ่งสนิทจมกองเลือดไปเสียแล้ว
ภาพของผู้เป็นแม่ที่นอนแน่นิ่งกับลมหายใจไม่กี่เฮือกสุดท้ายที่มี สายตาที่พร่ามัวได้หันไปมองใบหน้าของลูกชายตัวเองและสติก็ดับวูบไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ยินดี
อย่างน้อยเธอก็ปกป้องเด็กน้อยที่เธอรักที่สุดไว้ได้
โดยที่ไม่ทันได้รับรู้ในภายหลังเลยว่าใจของเด็กน้อนที่รักนั้นได้แตกสลายไปพร้อมกับการตายของเธอ
ยามเมื่อทราบเรื่องว่าปีศาจได้เริ่มออกล่าเทพเพื่อนำไปเพิ่มพูนพลังด้วยวิธีบางอย่างและตัวเขาเกือบต้องตายเพราะเหตุเช่นนี้ เขายังไม่คิดโกรธแค้นเท่ากับที่พวกมันได้พรากแม่ที่เขารักที่สุดไป
และลูเซียโน่ก็ได้เล่าถึงเด็กหญิงที่จะมาล้างแร้นให้กับเขาได้ ผู้ที่มีชะตาต้องสังหารพวกมันในอนาคต องค์หญิงเทพเลือดบริสุทธิ์ ไอร่า อาควินล่า ดาร์เลเน่
ทันทีที่ลูเซียโน่ได้ออกคำสั่งให้ทำหน้าที่ข้างกายของเด็กรนนั้น เขาไม่ลังเลเลยที่จะตอบตกลง
แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่เขาเองก็นึกห่วงใยเธอมากขึ้นจนถึงขั้นยอมเจ็บตัวแทน ทั้งที่แค่แผลไฟไหม้เทพนั้นรักษาหายได้ในทันทีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องช่วยเหลือเลยด้วยซ้ำ
อาจเพราะเมื่อยู่ข้างกายเด็กคนนี้เขาก็รู้สึกราวกับว่าแม้ว่าเขาจะไม่ต้องพูดอะไรเด็กหญิงก็เข้าใจเขาได้เอง บางทีอาจจะเข้าใจเขามากกว่าที่เขาเข้าใจตัวเองเสียด้วยซ้ำ
และนั่นก็คงเป็นสาเหตุที่ลูเซียสเริ่มจะเปิดใจให้ไอร่าแล้ว