เพราะรักจึงตามตื้อเพียงแค่อยากเห็นหน้าอยากได้รักตอบ แต่ไม่เคยจะรู้เลยว่ามันทำให้อีกคนทั้งลำบากใจ ทั้งหงุดหงิดและไม่ชอบ
ชาย-ชาย,ดราม่า,ไทย,รัก,ยุคปัจจุบัน,พระเอกใจร้าย,พู่กัน,บ้านรวย,พระเอกหล่อ,รักตั้งแต่เด็ก,ไม่รัก,ท้องได้,นักเรียนแพทย์,เฮียเนม,ตามตื้อ,พระเอกเย็นชา,กุหลาบดิน,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
พู่กันของวรานนท์ (Mpreg)เพราะรักจึงตามตื้อเพียงแค่อยากเห็นหน้าอยากได้รักตอบ แต่ไม่เคยจะรู้เลยว่ามันทำให้อีกคนทั้งลำบากใจ ทั้งหงุดหงิดและไม่ชอบ
เนม วรานนท์ ทายาทคนโตของบ้านโชติกุลวัฒนา ที่บ้านทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จึงเลือกที่จะเรียนบริหารธุรกิจ
ตอนเด็กที่น้องคลอด “ลุงหมอครับน้องเนมของน้อยน้อยมาเป็นเจ้าสาวให้น้องเนมได้ไหมครับ”
พอโตมาโดนน้องบอกรักและตามตื้อ โคตรน่าหงุดหงิดรำคาญ
พู่กัน พนัชกร ทายาทคนโตของบ้านธีรวัฒนาวัฒน์ ที่บ้านเป็นเจ้าของโรงพยาบาลจึงเลือกที่จะเรียนแพทย์
ตกหลุมรักพี่ชายใจดี พอบอกรักและตามต้ือ กลับเป็นว่าสร้างความลำบากใจและหงุดหงิดรำคาญใจให้อีกคน
วันนี้เป็นวันที่พนัชกรมีความสุขมาก เป็นวันที่เขาภาคภูมิใจกับแปดปีที่เขาอดทนฟันฝ่าอุปสรรคความยากลำบากต่างๆเริ่มตั้งแต่เสียใจเจ็บปวดกับความรักแทบเอาชีวิตไม่รอดตื่นมาต้องเจอกับการที่ต้องรู้ตัวว่าตัวเองตั้งครรภ์ในวัยที่ไม่สมควรอย่างวัยเรียนและโดนคนที่เป็นพ่อของลูกในท้องตัดขาดความสัมพันธ์กันและเลี้ยงดูลูกน้อยจนเติบใหญ่เพียงลำพัง แต่ยังถือว่าโชคดีที่มีครอบครัวที่คอยช่วยเหลือสนับสนุนและมีคุณปู่มาอยู่ช่วยเลี้ยงเหลนด้วยจนตอนนี้ลูกน้อยอายุได้เจ็ดขวบแล้ว การเรียนที่หนักหน่วงมาตลอดจนตอนนี้สามารถจบเป็นแพทย์เฉพาะทาง สาขาด้านการผ่าตัดศัลยกรรมหัวใจและทวงอกได้สำเร็จ ต้องขอบคุณทุกกำลังใจจากทุกคนในครอบครัวที่มีให้ร่างบางมาตลอด รวมทั้งน้องพัตเตอร์ลูกชายตัวน้อยและคุณปู่อาทิตย์ที่คอยอยู่เคียงข้างมาตลอด หลังจากนี้ไปพนัชกรก็จะพาลูกน้อยกลับไปอยู่ประเทศไทยบ้านเกิดเมืองนอนที่เขาจากมาตั้งแปดปีที่ไม่เคยกลับไปเหยียบอีกเลย กลับไปครั้งนี้เขาได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆแล้ว
“น้องพัตเตอร์คิดถึงคุณตากับคุณยายที่สุดในโลกเลยครับ” เด็กชายตัวน้อยตอนนี้อายุเจ็ดขวบแล้วโผเข้ามากอดนิลกาฬกับพีรฉัตรผู้เป็นคุณตากับคุณยายทันทีที่วิ่งลงจากรถที่ส่งไปรับจากสนามบินมาถึงที่บ้าน
“น้องพัตเตอร์สวัสดีครับหรือยังลูก”
พนัชกรที่เดินตามหลังมากับคุณปู่อาทิตย์เอ่ยเตือนลูกชาย ถึงแม้น้องพัตเตอร์จะเกิดและเติบโตที่เมืองนอกมาแต่ก็มีแม่ที่เป็นคนไทยพนัชกรผู้เป็นแม่และคุณทวดอาทิตย์จึงไม่ลืมที่จะสอนเรื่องมารยาทขนบธรรมเนียมที่ดีตามแบบฉบับของคนไทย
“สวัสดีครับคุณตาสวัสดีครับคุณยาย สวัสดีครับทุกๆคน” นอกจากจะพนมมือป้อมๆกล่าวสวัสดีคุณตาคุณยายแล้วน้องพัตเตอร์ยังมารยาทงามสวัสดีเผื่อแผ่ไปยังเหล่าแม่บ้านคนงานที่ออกมารอรับอีก สร้างความเอ็นดูให้แก่ทุกคนมาก
“สวัสดีครับคุณพ่อเป็นยังไงบ้างครับเหน่ือยไหมครับเดินทางนานหลายชั่วโมงเลย” พีรฉัตรสวัสดีคุณปู่อาทิตย์และเดินเข้าไปช่วยพยุงพ่อสามีเข้าบ้าน
“เมื่อยตามประสาคนแก่นั่นแหละลูก กระดูกกระเดี้ยวไม่ค่อยดีแล้ว แต่พอคิดว่าจะได้กลับมาอยู่เมืองไทยใจมันก็ฮึกเหิมจนลืมแก่ทันที ป่ะเข้าบ้านกัน ไม่ได้มาเหยียบบ้านนี้ตั้งแปดปีคิดถึงมากเลย ทุกคนเป็นยังไงกันบ้างสบายดีนะฉันมีของมาฝากทุกคนเลย เดี๋ยวให้น้องพู่กันรื้อกระเป๋าแล้วค่อยเอาพรุ่งนี้กันนะ แม่บัวเป็นยังไงบ้างยังดูสาวเหมือนเดิมเลยนะ” คุณปู่อาทิตย์หันไปทักทายคนงานทั้งหลายพร้อมบอกมีของมาฝากทุกคนและเอ่ยแซวคุณยายสายบัวหัวหน้าแม่บ้านเก่าแก่ที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
“ตามอัตภาพนั่นแหละค่ะคุณท่าน คุณท่านเองก็ดูไม่แก่เลยค่ะยังดูเป็นหนุ่มหล่ออยู่เลย” หัวหน้าแม่บ้านได้ทีแซวกลับบ้าง เป็นคำแซวที่ถูกอกถูกใจจนปู่อาทิตย์ต้องหัวเราะ ก่อนที่จะพากันเดินเข้าไปยังตัวบ้านเข้าไปคุยกันต่อที่ห้องรับแขก
“น้องพัตเตอร์เสร็จหรือยังลูกคุณทวดรออยู่นะครับ”
พนัชกรถามลูกชายที่กำลังแต่งตัวไปโรงเรียนในตอนเช้า ร่างบางจะฝึกให้น้องพัตเตอร์ดูแลตัวเองทำอะไรด้วยตัวเองอย่างง่ายๆเช่น อาบน้ำ แต่งตัว ทานข้าวเองต้ังแต่ตอนใช้ชีวิตอยู่อังกฤษแล้ว วันนี้เด็กน้อยจึงต้องแต่งตัวไปโรงเรียนเอง ก่อนที่จะกลับมาเมืองไทยคุณตากับคุณยายอย่างนิลกาฬกับพีรฉัตรได้ติดต่อหาโรงเรียนนานาชาติชื่อดังไว้ให้หลานชายแล้วเรียบร้อย พอพนัชกรพาน้องพัตเตอร์ย้ายมาอยู่เมืองไทยก็เลยสามารถไปเรียนได้เลย ตอนนี้ก็เริ่มไปเรียนได้อาทิตย์กว่าแล้ว น้องพัตเตอร์เป็นเด็กเก่งสามารถปรับตัวเข้ากับคนอื่นได้ง่ายจึงไม่มีปัญหาในการย้ายโรงเรียน
“เสร็จแล้วครับคุณมี๊ หล่อแล้วครับ ป่ะไปเรียนกัน”
น้องพัตเตอร์แต่งตัวเสร็จก็หิ้วกระเป๋าออกจากห้องชวนคุณมี๊ไปเรียนด้วยกัน
“คุณทวด พัตเตอร์เสร็จแล้วครับ รอนานไหมครับ สวัสดีครับ คุณตาคุณยายสวัสดีครับ”
“หวัดดีครับสุดหล่อ ไปทานข้าวเช้าก่อนไปเรียนนะครับ เราต้องทานอาหารเช้าทุกเช้า เพราะอาหารเช้ามีประโยชน์ทำให้เราไม่หิวและมีสมาธิในการเรียน” นิลกาฬชวนหลานไปทานอาหารเช้าและถือโอกาสสอนไปด้วย
“ใช่ครับ อยู่ที่โน่นคุณทวดให้พัตเตอร์ทานอาหารเช้าทุกวันเลย น้องพัตเตอร์เลยเรียนเก่งกว่าทุกคนในห้อง”
“จริงเหรอครับสุดยอดเลยคนเก่งของคุณตา” คุณตาอย่างนิลกาฬชมหลานน้อยของตัวเอง
“น้องพัตเตอร์ครับเช้านี้ให้คุณทวดไปส่งที่โรงเรียนก่อน แต่เดี๋ยวเลิกเรียนตอนเย็นคุณมี๊ไปรับนะครับ โอเคไหม” พนัชกรบอกลูกชายหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ
“โอเคครับคุณมี๊ งั้นพัตเตอร์ไปเรียนแล้วนะครับ สวัสดีครับทุกคน” น้องพัตเตอร์ยกมือไหว้สวัสดีทุกคนก่อนที่จะเดินนำคุณทวดอาทิตย์ไปขึ้นรถไปโรงเรียน นิลกาฬกับพีรฉัตรได้แต่ยิ้มและมองตามหลานชายตอนนี้สองสามีภรรยามีความสุขมากที่มีลูกและหลานมาอยู่ใกล้ๆ
“ปะป๊าจะไปส่งมาม๊าก่อนนะลูก วันนี้พู่กันจะขับรถไปเองหรือให้คนขับรถไปส่งครับลูก” นิลกาฬถามลูกชายที่ตอนนี้ไปทำหน้าที่แพทย์และงานเข้ามาบริหารบางส่วนในโรงพยาบาลช่วยตัวเองแล้ว
“พู่กันว่าจะให้คนขับรถไปส่งครับปะป๊า เพราะตอนน้องพัตเตอร์เลิกเรียนจะให้ไปส่งพู่กันเพื่อไปรับน้องพัตเตอร์ด้วยครับจะได้ไม่ต้องคอยพะวงห่วงเรื่องที่จอดรถ”
“งั้นมาม๊าไปก่อนนะครับลูก เจอกันตอนเย็นครับลูกรัก” พีรฉัตรบอกลูกชายก่อนที่จะแยกไปกับนิลกาฬผู้เป็นสามีเพื่อขึ้นรถที่นิลกาฬจะชอบขับรถไปส่งภรรยาที่โรงแรมเองทุกวัน
“น้องพัตเตอร์ครับคุณมี๊มารับแล้ว สวัสดีครับคุณมี๊หรือยังลูก”
พนัชกรไปรับลูกชายหลังเลิกเรียนโดยวันนี้ให้คนขับรถที่บ้านขับรถมาส่ง และตอนบ่ายให้มารับตัวเองที่โรงพยาบาลก่อน ก่อนที่จะไปรับน้องพัตเตอร์ที่โรงเรียน พอคนขับรถจอดรถได้ที่หน้าโรงเรียนที่จัดไว่ล้ให้เป็นที่จอดรถของผู้ปกครองที่มารอรับส่งลูกหลานที่โรงเรียน พนัชกรก็เดินเข้าไปรับลูกชายด้านในของโรงเรียน พนัชกรท้วงลูกชายขึ้นเมื่อเห็นลูกชายวิ่งเข้ามาหาด้วยความดีใจที่เห็นตัวเองโดยยังไม่ได้ยกมือไหว้ทักทายตัวเองเลย ร่างบางอยากที่จะให้น้องพัตเตอร์ลูกชายทำให้เคยชินจนติดเป็นนิสัยไปไหนก็จะได้มีแต่คนรักคนเอ็นดู
“สวัสดีครับคุณมี๊ พัตเตอร์คิดถึงคุณมี๊มากเลยครับ วันนี้พัตเตอร์เติมข้าวตอนกลางวันด้วยนะครับ ทิชเชอร์ชมว่าพัตเตอร์เก่งมาก” น้องพัตเตอร์อวดมารดาที่วันนี้ทานข้าวได้เยอะ
“จริงเหรอครับ เก่งมากลูกป่ะกลับกันเถอะ จะได้ไปทานข้าวกับคุณยายที่โรงแรมกัน” สองแม่ลูกจูงแขนกันเดินออกมาจากโรงเรียนเพื่อจะไปที่รถ
“น้องพู่กัน ใช่น้องพู่กันหรือเปล่าคะ”
มีเสียงผู้หญิงเรียกจากด้านหลังทำเอาพนัชกรหยุดเดินและหันกลับมามองพร้อมกับนึกสงสัยว่ามีใครที่รู้ว่าเขากลับมาแล้วนอกจากคนในครอบครัว ก็ยังไม่น่าจะมีนะ พอหันกลับไปก็เจอพี่ผู้หญิงหน้าคุ้นๆเดินจูงเด็กหญิงตัวเล็กออกมาจากโรงเรียนเหมือนกัน
“เอ่อ ใช่น้องพู่กันไหมคะ พี่มะนาวเองจำพี่ได้ไหม”
พนัชกรพยายามนึก อ่อเขาจำได้แล้วพี่มะนาวคนรักของพี่เนม นี่โลกคงไม่กลมจนถึงขนาดว่าลูกจะมาเรียนโรงเรียนเดียวกันหรอกนะ ถึงแม้น่าจะอยู่คนละชั้นดูจากวัยแล้วเด็กผู้หญิงตัวเล็กน่ารักน่าจะยังอยู่แค่อนุบาลก็เถอะ
“สวัสดีครับพี่มะนาว พู่กันเองครับยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้งนะครับ ลูกสาวพี่มะนาวเหรอครับน่ารักจังเลย”
“ใช่ค่ะชื่อน้องส้มโอ เพิ่งอยู่ชั้นอนุบาลสองเองค่ะ”
ระหว่างที่คุยกันยังไม่ทันที่จะถามไถ่อะไรกันมาก เสียงโทรศัพท์ของปิยวดีก็ดังขึ้นทำให้อีกฝ่ายต้องรับโทรศัพท์เลยขอตัวแยกออกไปพร้อมกับลูกสาว
“ค่ะ มาถึงแล้วค่ะที่รัก กำลังจะกลับค่ะเจอกันที่บ้านนะคะบ๊ายบาย”
แม้ปิยวดีจะเดินจากไปแต่เสียงคุยโทรศัพท์ยังคงดังเข้ามาในหูของพนัชกร คงจะเป็นพี่เนมโทรเข้ามาหาภรรยาเป็นแน่ ดูเป็นครอบครัวที่น่าอิจฉาสามีก็หล่อภรรยาก็สวยได้ลูกสาวออกมาก็หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักน่าเอ็นดู สมแล้วล่ะที่วรานนท์บอกว่ามีแค่พี่มะนาวเท่านั้นที่จะเป็นแม่ของลูกเขาพนัชกรยังจำคำพูดที่บาดลึกในใจเขาได้ พอร่างบางหันมามองลูกชายตัวเองก็น่าสงสารน้องพัตเตอร์เป็นลูกที่พ่อไม่ได้ต้องการอยากให้เกิด ลูกที่ไม่มีโอกาสได้รู้ว่าใครเป็นพ่อ โชคดีที่น้องพัตเตอร์ไม่เคยถามถึงผู้เป็นพ่อให้เขาลำบากใจอีกเลย พัตเตอร์เคยถามครั้งหนึ่งแต่พอคุณทวดอธิบายให้ฟังและไม่อยากให้ถามอีกเพราะจะทำให้คุณมี๊ไม่สบายใจลูกชายของเขาเลยไม่ถามอีกเลย
แต่พอมาอยู่เมืองไทยมาเรียนโรงเรียนเดียวกันกับลูกของคนใจร้ายพนัชกรก็กลัวว่าสักวันอีกคนจะเห็นเขามารับลูกชายและสงสัยเอา แต่ถึงจะรู้ยังไงเขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าน้องพัตเตอร์เป็นลูกใคร
ฝ่ายปิยวดีที่ไปรับน้องส้มโอจากโรงเรียนก็ได้แต่สงสัยว่าเด็กชายที่น้องพู่กันไปรับเป็นใครและเกี่ยวข้องอะไรกับพู่กัน เพราะเธอไม่ได้ยินข่าวคราวของน้องพู่กันเลยต้องแต่วันที่เกิดเหตุที่คอนโดของวรานนท์วันนั้น อีกวันหลังจากน้ันเธอโทรหาถามอาการของน้อง วรานนท์ก็บอกว่าปลอดภัยแล้วโดนแก้วบาดท้อง หลังจากนั้นทั้งวรานนท์ทั้งน้องพู่กันเธอก็ไม่ได้ข่าวอีกเลย วันนี้จึงได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ