อะไรคือเหตุผลที่ทำให้มนุษย์หนึ่งคนยอมอัปเปหิตัวเองออกจากกลุ่ม แล้วร่อนเร่กับซอมบี้หนึ่งตัว ?

โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์ - บทที่ 1 คนที่ตายไปแล้ว โดย ผู้เป็นมิตรกับคนแปลกหน้า @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-ชาย,ไซไฟ,แอคชั่น,พระเอกเทพ,โรแมนติก ,ซอมบี้,วันสิ้นโลก,ดราม่า,ไซไฟ-แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-ชาย,ไซไฟ,แอคชั่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พระเอกเทพ,โรแมนติก ,ซอมบี้,วันสิ้นโลก,ดราม่า,ไซไฟ-แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์ โดย ผู้เป็นมิตรกับคนแปลกหน้า @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

อะไรคือเหตุผลที่ทำให้มนุษย์หนึ่งคนยอมอัปเปหิตัวเองออกจากกลุ่ม แล้วร่อนเร่กับซอมบี้หนึ่งตัว ?

ผู้แต่ง

ผู้เป็นมิตรกับคนแปลกหน้า

เรื่องย่อ

โลกล่มสลายคืออะไร

ความตายคืออะไร

มนุษย์คืออะไร

ซอมบี้คืออะไร

ลูซีนไม่เข้าใจเลยสักนิด เพียงแค่มีความต่างระหว่างคนที่เดินจูงมือมันไปข้างหน้ากับคนที่เดินโงนเงนสวนทางไปด้านหลัง

แต่หากถามว่ามันเหมือนใครมากกว่า...มันเหมือนกับคนที่ส่งเสียงเครือไม่เป็นคำ เหมือนกับคนที่เดินล่องลอยไร้จุดหมายพวกนั้น...

สัญชาตญาณบอกให้มันตามกลุ่มของมันไป

ใช่...มันควรอยู่กับกลุ่มที่ถูกเรียกว่าซอมบี้ อยู่กับพวกที่เหมือนมัน แต่—

"อย่ามอง"

เมื่อใดก็ตามที่มันหันไปสบตากับกลุ่มซอมบี้ ก็จะมีมือปิดตามัน

"ห้ามไป"

เมื่อใดก็ตามที่มันหยุดเดินแล้วหันหลังจะตามกลุ่มซอมบี้ ก็จะมีคนจับมันไว้แล้วไล่ซอมบี้พวกนั้นให้ตกใจหนี

มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ต่อให้จะตายกลายเป็นซอมบี้ไปแล้วก็ยังอยากอยู่กับสังคมของมัน...

"อยู่กับฉัน"

แต่ทำไมมันถึงอยู่กับมนุษย์ ?

แล้วทำไมมนุษย์คนนี้ถึงไม่ยอมปล่อยมัน

มนุษย์อย่างเขาและซอมบี้อย่างมันอยู่ด้วยกันได้ยังไง




คำนิยาม : ซอมบี้

ผู้ซึ่งตายไปจากโลกแต่ยังดำรงอยู่คล้ายคนเป็น


สารบัญ

โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์-บทที่ 1 คนที่ตายไปแล้ว,โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์-บทที่ 2 ยังไม่ตื่น,โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์-บทที่ 3 อย่ามอง,โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์-บทที่ 4 คนที่ียังมีชีวิตอยู่,โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์-บทที่ 5 ซากศพที่เน่าเปื่อย

เนื้อหา

บทที่ 1 คนที่ตายไปแล้ว

ขอจงหลับฝันดี

ในโลกที่ล่มสลายนี้

ณ โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์

สิ่งแรกที่มันจำได้คือความยุ่งเหยิงยากจะเข้าใจ

เสียงกรีดร้องหวาดผวาดังกระหึ่มกึกก้อง พื้นรองเท้าเสียดสีฉุกละหุกวุ่นวาย ข้าวของหล่นกระจายแตกหักบนพื้นถูกเตะสะเปะสะปะโดยไม่มีใครสนใจ ผู้คนต่างพากันวิ่งกระเจิงเบียดเสียดกันไปทิศทางหนึ่งราวกับต้องการหนีสิ่งที่น่าหวาดกลัว

“หลบไป !” ใครสักคนตวาดลั่น

เสียงนั้นทำให้หัวซึ่งรู้สึกเจ็บปวดอยู่แล้วของมันเหมือนมีสว่านกำลังเจาะทะลุออกมา

อะไรบางอย่างแข็งทื่อและแหลมคมปักเข้าบริเวณไหล่ซ้ายแล้วผลักมันอย่างแรงจนเซถลา

“อย่า !”

“หลบไปซะ ! อย่ามาขวาง !”

การมองเห็นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ของประเภทเดียวกันพุ่งตรงมาอีกครั้งจากหลายทางด้วยเจตนาร้าย !

ทว่าก่อนที่ปลายแหลมคมจะฝังลึกเข้ามาในร่างกาย ใครบางคนก็ได้รีบใช้ตัวกันมันออกจากอาวุธมีคมอย่างทันท่วงที

“หยุดเดี๋ยวนี้ !”

“นายนั่นแหละหยุดขวางสักที ! จะปกป้องมันทำไมนั่นไม่ใช่เพื่อนของนายแล้ว !”

มันซวนเซถอยหลังเพราะถูกดันให้ถอยกลับ

“ครอส ! ออกมาซะก่อนที่นายจะติดเชื้อไปด้วยอีกคน ! พวกเราต้องรีบกำจัดมันก่อนจะแย่ไปกว่านี้นะ !”

“ไม่ได้ !”

“ไอ้บ้าเอ้ย ! หันหลังกลับไปดูให้ดีสิวะ ! ลูซีนมันตายไปแล้ว ! !”

เสียงตะโกนกระตุ้นให้มันเงยหน้าขึ้นฉับพลัน ทันใดนั้นปลายหอกคมสีแดงฉานก็พุ่งเข้ามาตรงหน้าอย่างรวดเร็ว—

มันตายไปแล้ว…เสียงสะท้อนดังก้องและวนซ้ำอยู่ในหัว

…มันตายแล้ว

…ตายแล้ว…

…ตาย…

“...ตาย...ไป...แล้ว…” งึมงำ

ลูซีนมองเท้าของตนกำลังก้าวไปข้างหน้าตามเงาทอดยาวบนพื้นถนน ใครสักคนจูงมือมันเดินไปในโลกอันเงียบสงบอย่างไร้จุดหมาย

นัยน์ตาสีขาวกลอกกลิ้งไปรอบกาย หยุดลงบนเงาสะท้อนด้านข้างซึ่งเป็นกระจกเงาสูงชัน สะท้อนภาพสีม่วงอมแดงของท้องฟ้ายามเย็นในชั่วขณะนั้น

ที่นั่นมีร่างของคนสองคนปรากฏให้เห็น กำลังจับจูงกันเดินไปเรื่อย ๆ อย่างเงียบงัน

มันสบตากับคนซึ่งอยู่ในนั้น อีกฝ่ายก็มองย้อนกลับมาด้วยแววตาว่างเปล่า ไร้ชีวิต ไร้จิตวิญญาณ เดินอืดอาดโคลงเคลงแข็งทื่อเหมือนหุ่นกระบอก

สิ่งเดียวซึ่งโดดเด่นออกมาคือรอยเปื้อนสีแดงบนไหล่ซ้ายลากยาวลงไปยังขา ทิ้งเป็นรอยเท้าเลือนรางตามทางที่ผ่านมา

“ลูซีน ?” ใครบางคนหันกลับมาเรียกมันซึ่งหยุดเดิน

ลูซีนหันตามทิศทางของแหล่งกำเนิดเสียงโดยสัญชาตญาณ พบชายคนหนึ่งกำลังมองมายังมันราวกับรออะไรบางอย่าง

“ตื่นแล้วเหรอ ?” เขายิ้มพลางถามอย่างนุ่มนวล

แต่ลูซีนไม่เข้าใจ

มันเอียงศีรษะเล็กน้อย ทว่าด้วยเหตุผลบางประการคอของมันพับตกลงไปด้านข้าง แต่ก็มีฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งรีบยื่นมาประคองศีรษะไว้ได้ทัน

“ระวังหน่อย” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเตือน

“...”

ลูซีนเคลื่อนขยับภายใต้สายตาจ้องมอง สักพักนัยน์คู่นั้นก็ค่อย ๆ หม่นแสงลงเจือความผิดหวังอีกเล็กน้อย

“ไปกันเถอะ” ชายคนนั้นดึงมือมันเพื่อให้เดินตามอีกครั้ง

ขณะก้าวเท้าตามไป ลูซีนมองแผ่นหลังใหญ่ของผู้นำทางราวกับกำลังสงสัย

ผู้ชายคนนี้เป็นใคร ?

พวกมันกำลังจะไปที่ไหน ?

“มีอะไรเหรอ ?” เขาหันกลับมาถามเมื่อมันหยุดเดินอีกครั้ง

ลูซีนไม่ได้ตอบกลับ แม้นัยน์ตาจะมองตรงไปด้านหน้าทว่ากลับไม่ได้วางสายตาอยู่ที่สิ่งใด

ไม่รู้เข้าใจอะไร ชายคนนั้นจึงได้บอก “ใกล้มืดแล้วเดินต่ออีกสักหน่อยเถอะ ถ้าไม่ผิด ด้านหน้ามีตึกที่ยังไม่ถล่มพอใช้เป็นจุดพักได้”

“...”

ท่ามกลางทุ่งรกร้างอันกว้างใหญ่ ร่างทั้งสองเดินไปด้วยกันบนถนนเส้นเดียวซึ่งทอดยาวไปเบื้องหน้าแล้วหายไปในระยะไกลสุดสายตา

โลกเหมือนจะเงียบลงอย่างช้า ๆ ราวกับธรรมชาติหยุดเคลื่อนไหว เส้นทางสว่างไสวด้วยแสงอาทิตย์อัสดงวาดภาพบรรยากาศยามเงียบเหงาเบื้องหลังการเดินทางของพวกเขา

ย่างก้าวสะท้อนเสียงแผ่วเบาเป็นจังหวะทำลายความเงียบสงัดซึ่งปกคลุมรอบบริเวณ เกิดเป็นความรู้สึกสงบดั่งเวลาหยุดนิ่งไปชั่วขณะ

ซากปรักหักพังซึ่งเดินผ่านไปบอกเล่าถึงการสิ้นสลายของอารยธรรมที่มีมาเนิ่นนาน

โลกภายนอกช่างดูห่างไกล...

แม้ไม่รู้หนทางจะนำพาไปที่ไหนแต่ก็เหมือนไม่มีความสำคัญอะไรอีก นอกไปจากการได้ดำดิ่งสู่ห้วงฝันอันว่างเปล่าอย่างเชื่องช้า เสมือนว่าโลกใบนี้เหลือเพียงพวกเขาสองคน

ปึก !

หลังเดินไปได้สักพัก ลูซีนกลับชนแผ่นหลังคนซึ่งหยุดชะงักกะทันหันจนเซถอยหลังหลายก้าว ขณะอีกคนยังยืนมั่นคงอยู่จุดเดิม

โดยไม่ทันรู้ว่าเกิดสิ่งใด อีกฝ่ายรีบพามันเดินไปหลบหลังซากตึกถล่มอย่างรวดเร็ว

ชายคนนั้นแนบหลังชิดกำแพงที่ยังเหลือเค้าโครงพลางชะโงกหน้าออกไปสอดส่องบางสิ่งอย่างระวัง เมื่อหันกลับมาเห็นมันยืนตระหง่านอยู่จึงเอื้อมมือมาดันร่างของมันเข้าไปด้านหลังจนตัวติดผนังหลบอยู่ในเงา

“...”

ลูซีนยืนนิ่งไม่ขยับมองอากาศไม่รู้นานเท่าใด เวลานี้ดวงอาทิตย์เกือบจะหายลับไปสมบูรณ์ มีแสงริบหรี่พอใช้มองเห็นเลือนรางเท่านั้น มันหันหน้ามองออกไปนอกหลืบราวกับมีสิ่งดลใจ เห็นเงาตะคุ่มของคนกลุ่มเล็กเดินโงกเงกดูน่าตลก

กระทั่งคนกลุ่มนั้นจากไปไกล คนซึ่งจับมันอยู่ตลอดก็จูงมือเดินออกไปในทิศทางตรงข้ามโดยไม่ส่งเสียง

มันเดินตามพลางมองคนนำอยู่เนิ่นนานราวกับทำความเข้าใจ ก่อนจะหันกลับไปด้านหลัง…

พบว่าคนกลุ่มนั้นกำลังมองมันอยู่



#โลกสุดท้าย


คนแปลกหน้า : พระเอกธงเขียวค่ะ🥺