อะไรคือเหตุผลที่ทำให้มนุษย์หนึ่งคนยอมอัปเปหิตัวเองออกจากกลุ่ม แล้วร่อนเร่กับซอมบี้หนึ่งตัว ?
รัก,ดราม่า,ชาย-ชาย,ไซไฟ,แอคชั่น,พระเอกเทพ,โรแมนติก ,ซอมบี้,วันสิ้นโลก,ดราม่า,ไซไฟ-แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์อะไรคือเหตุผลที่ทำให้มนุษย์หนึ่งคนยอมอัปเปหิตัวเองออกจากกลุ่ม แล้วร่อนเร่กับซอมบี้หนึ่งตัว ?
โลกล่มสลายคืออะไร
ความตายคืออะไร
มนุษย์คืออะไร
ซอมบี้คืออะไร
ลูซีนไม่เข้าใจเลยสักนิด เพียงแค่มีความต่างระหว่างคนที่เดินจูงมือมันไปข้างหน้ากับคนที่เดินโงนเงนสวนทางไปด้านหลัง
แต่หากถามว่ามันเหมือนใครมากกว่า...มันเหมือนกับคนที่ส่งเสียงเครือไม่เป็นคำ เหมือนกับคนที่เดินล่องลอยไร้จุดหมายพวกนั้น...
สัญชาตญาณบอกให้มันตามกลุ่มของมันไป
ใช่...มันควรอยู่กับกลุ่มที่ถูกเรียกว่าซอมบี้ อยู่กับพวกที่เหมือนมัน แต่—
"อย่ามอง"
เมื่อใดก็ตามที่มันหันไปสบตากับกลุ่มซอมบี้ ก็จะมีมือปิดตามัน
"ห้ามไป"
เมื่อใดก็ตามที่มันหยุดเดินแล้วหันหลังจะตามกลุ่มซอมบี้ ก็จะมีคนจับมันไว้แล้วไล่ซอมบี้พวกนั้นให้ตกใจหนี
มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ต่อให้จะตายกลายเป็นซอมบี้ไปแล้วก็ยังอยากอยู่กับสังคมของมัน...
"อยู่กับฉัน"
แต่ทำไมมันถึงอยู่กับมนุษย์ ?
แล้วทำไมมนุษย์คนนี้ถึงไม่ยอมปล่อยมัน
มนุษย์อย่างเขาและซอมบี้อย่างมันอยู่ด้วยกันได้ยังไง
คำนิยาม : ซอมบี้
ผู้ซึ่งตายไปจากโลกแต่ยังดำรงอยู่คล้ายคนเป็น
ขอจงหลับฝันดี
ในโลกที่ล่มสลายนี้
ณ โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์
•
•
•
สิ่งแรกที่มันจำได้คือความยุ่งเหยิงยากจะเข้าใจ
เสียงกรีดร้องหวาดผวาดังกระหึ่มกึกก้อง พื้นรองเท้าเสียดสีฉุกละหุกวุ่นวาย ข้าวของหล่นกระจายแตกหักบนพื้นถูกเตะสะเปะสะปะโดยไม่มีใครสนใจ ผู้คนต่างพากันวิ่งกระเจิงเบียดเสียดกันไปทิศทางหนึ่งราวกับต้องการหนีสิ่งที่น่าหวาดกลัว
“หลบไป !” ใครสักคนตวาดลั่น
เสียงนั้นทำให้หัวซึ่งรู้สึกเจ็บปวดอยู่แล้วของมันเหมือนมีสว่านกำลังเจาะทะลุออกมา
อะไรบางอย่างแข็งทื่อและแหลมคมปักเข้าบริเวณไหล่ซ้ายแล้วผลักมันอย่างแรงจนเซถลา
“อย่า !”
“หลบไปซะ ! อย่ามาขวาง !”
การมองเห็นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ของประเภทเดียวกันพุ่งตรงมาอีกครั้งจากหลายทางด้วยเจตนาร้าย !
ทว่าก่อนที่ปลายแหลมคมจะฝังลึกเข้ามาในร่างกาย ใครบางคนก็ได้รีบใช้ตัวกันมันออกจากอาวุธมีคมอย่างทันท่วงที
“หยุดเดี๋ยวนี้ !”
“นายนั่นแหละหยุดขวางสักที ! จะปกป้องมันทำไมนั่นไม่ใช่เพื่อนของนายแล้ว !”
มันซวนเซถอยหลังเพราะถูกดันให้ถอยกลับ
“ครอส ! ออกมาซะก่อนที่นายจะติดเชื้อไปด้วยอีกคน ! พวกเราต้องรีบกำจัดมันก่อนจะแย่ไปกว่านี้นะ !”
“ไม่ได้ !”
“ไอ้บ้าเอ้ย ! หันหลังกลับไปดูให้ดีสิวะ ! ลูซีนมันตายไปแล้ว ! !”
เสียงตะโกนกระตุ้นให้มันเงยหน้าขึ้นฉับพลัน ทันใดนั้นปลายหอกคมสีแดงฉานก็พุ่งเข้ามาตรงหน้าอย่างรวดเร็ว—
มันตายไปแล้ว…เสียงสะท้อนดังก้องและวนซ้ำอยู่ในหัว
…มันตายแล้ว
…ตายแล้ว…
…ตาย…
“...ตาย...ไป...แล้ว…” งึมงำ
ลูซีนมองเท้าของตนกำลังก้าวไปข้างหน้าตามเงาทอดยาวบนพื้นถนน ใครสักคนจูงมือมันเดินไปในโลกอันเงียบสงบอย่างไร้จุดหมาย
นัยน์ตาสีขาวกลอกกลิ้งไปรอบกาย หยุดลงบนเงาสะท้อนด้านข้างซึ่งเป็นกระจกเงาสูงชัน สะท้อนภาพสีม่วงอมแดงของท้องฟ้ายามเย็นในชั่วขณะนั้น
ที่นั่นมีร่างของคนสองคนปรากฏให้เห็น กำลังจับจูงกันเดินไปเรื่อย ๆ อย่างเงียบงัน
มันสบตากับคนซึ่งอยู่ในนั้น อีกฝ่ายก็มองย้อนกลับมาด้วยแววตาว่างเปล่า ไร้ชีวิต ไร้จิตวิญญาณ เดินอืดอาดโคลงเคลงแข็งทื่อเหมือนหุ่นกระบอก
สิ่งเดียวซึ่งโดดเด่นออกมาคือรอยเปื้อนสีแดงบนไหล่ซ้ายลากยาวลงไปยังขา ทิ้งเป็นรอยเท้าเลือนรางตามทางที่ผ่านมา
“ลูซีน ?” ใครบางคนหันกลับมาเรียกมันซึ่งหยุดเดิน
ลูซีนหันตามทิศทางของแหล่งกำเนิดเสียงโดยสัญชาตญาณ พบชายคนหนึ่งกำลังมองมายังมันราวกับรออะไรบางอย่าง
“ตื่นแล้วเหรอ ?” เขายิ้มพลางถามอย่างนุ่มนวล
แต่ลูซีนไม่เข้าใจ
มันเอียงศีรษะเล็กน้อย ทว่าด้วยเหตุผลบางประการคอของมันพับตกลงไปด้านข้าง แต่ก็มีฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งรีบยื่นมาประคองศีรษะไว้ได้ทัน
“ระวังหน่อย” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเตือน
“...”
ลูซีนเคลื่อนขยับภายใต้สายตาจ้องมอง สักพักนัยน์คู่นั้นก็ค่อย ๆ หม่นแสงลงเจือความผิดหวังอีกเล็กน้อย
“ไปกันเถอะ” ชายคนนั้นดึงมือมันเพื่อให้เดินตามอีกครั้ง
ขณะก้าวเท้าตามไป ลูซีนมองแผ่นหลังใหญ่ของผู้นำทางราวกับกำลังสงสัย
ผู้ชายคนนี้เป็นใคร ?
พวกมันกำลังจะไปที่ไหน ?
“มีอะไรเหรอ ?” เขาหันกลับมาถามเมื่อมันหยุดเดินอีกครั้ง
ลูซีนไม่ได้ตอบกลับ แม้นัยน์ตาจะมองตรงไปด้านหน้าทว่ากลับไม่ได้วางสายตาอยู่ที่สิ่งใด
ไม่รู้เข้าใจอะไร ชายคนนั้นจึงได้บอก “ใกล้มืดแล้วเดินต่ออีกสักหน่อยเถอะ ถ้าไม่ผิด ด้านหน้ามีตึกที่ยังไม่ถล่มพอใช้เป็นจุดพักได้”
“...”
ท่ามกลางทุ่งรกร้างอันกว้างใหญ่ ร่างทั้งสองเดินไปด้วยกันบนถนนเส้นเดียวซึ่งทอดยาวไปเบื้องหน้าแล้วหายไปในระยะไกลสุดสายตา
โลกเหมือนจะเงียบลงอย่างช้า ๆ ราวกับธรรมชาติหยุดเคลื่อนไหว เส้นทางสว่างไสวด้วยแสงอาทิตย์อัสดงวาดภาพบรรยากาศยามเงียบเหงาเบื้องหลังการเดินทางของพวกเขา
ย่างก้าวสะท้อนเสียงแผ่วเบาเป็นจังหวะทำลายความเงียบสงัดซึ่งปกคลุมรอบบริเวณ เกิดเป็นความรู้สึกสงบดั่งเวลาหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
ซากปรักหักพังซึ่งเดินผ่านไปบอกเล่าถึงการสิ้นสลายของอารยธรรมที่มีมาเนิ่นนาน
โลกภายนอกช่างดูห่างไกล...
แม้ไม่รู้หนทางจะนำพาไปที่ไหนแต่ก็เหมือนไม่มีความสำคัญอะไรอีก นอกไปจากการได้ดำดิ่งสู่ห้วงฝันอันว่างเปล่าอย่างเชื่องช้า เสมือนว่าโลกใบนี้เหลือเพียงพวกเขาสองคน
ปึก !
หลังเดินไปได้สักพัก ลูซีนกลับชนแผ่นหลังคนซึ่งหยุดชะงักกะทันหันจนเซถอยหลังหลายก้าว ขณะอีกคนยังยืนมั่นคงอยู่จุดเดิม
โดยไม่ทันรู้ว่าเกิดสิ่งใด อีกฝ่ายรีบพามันเดินไปหลบหลังซากตึกถล่มอย่างรวดเร็ว
ชายคนนั้นแนบหลังชิดกำแพงที่ยังเหลือเค้าโครงพลางชะโงกหน้าออกไปสอดส่องบางสิ่งอย่างระวัง เมื่อหันกลับมาเห็นมันยืนตระหง่านอยู่จึงเอื้อมมือมาดันร่างของมันเข้าไปด้านหลังจนตัวติดผนังหลบอยู่ในเงา
“...”
ลูซีนยืนนิ่งไม่ขยับมองอากาศไม่รู้นานเท่าใด เวลานี้ดวงอาทิตย์เกือบจะหายลับไปสมบูรณ์ มีแสงริบหรี่พอใช้มองเห็นเลือนรางเท่านั้น มันหันหน้ามองออกไปนอกหลืบราวกับมีสิ่งดลใจ เห็นเงาตะคุ่มของคนกลุ่มเล็กเดินโงกเงกดูน่าตลก
กระทั่งคนกลุ่มนั้นจากไปไกล คนซึ่งจับมันอยู่ตลอดก็จูงมือเดินออกไปในทิศทางตรงข้ามโดยไม่ส่งเสียง
มันเดินตามพลางมองคนนำอยู่เนิ่นนานราวกับทำความเข้าใจ ก่อนจะหันกลับไปด้านหลัง…
พบว่าคนกลุ่มนั้นกำลังมองมันอยู่
#โลกสุดท้าย
คนแปลกหน้า : พระเอกธงเขียวค่ะ🥺