อะไรคือเหตุผลที่ทำให้มนุษย์หนึ่งคนยอมอัปเปหิตัวเองออกจากกลุ่ม แล้วร่อนเร่กับซอมบี้หนึ่งตัว ?

โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์ - บทที่ 3 อย่ามอง โดย ผู้เป็นมิตรกับคนแปลกหน้า @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-ชาย,ไซไฟ,แอคชั่น,พระเอกเทพ,โรแมนติก ,ซอมบี้,วันสิ้นโลก,ดราม่า,ไซไฟ-แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-ชาย,ไซไฟ,แอคชั่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พระเอกเทพ,โรแมนติก ,ซอมบี้,วันสิ้นโลก,ดราม่า,ไซไฟ-แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์ โดย ผู้เป็นมิตรกับคนแปลกหน้า @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

อะไรคือเหตุผลที่ทำให้มนุษย์หนึ่งคนยอมอัปเปหิตัวเองออกจากกลุ่ม แล้วร่อนเร่กับซอมบี้หนึ่งตัว ?

ผู้แต่ง

ผู้เป็นมิตรกับคนแปลกหน้า

เรื่องย่อ

โลกล่มสลายคืออะไร

ความตายคืออะไร

มนุษย์คืออะไร

ซอมบี้คืออะไร

ลูซีนไม่เข้าใจเลยสักนิด เพียงแค่มีความต่างระหว่างคนที่เดินจูงมือมันไปข้างหน้ากับคนที่เดินโงนเงนสวนทางไปด้านหลัง

แต่หากถามว่ามันเหมือนใครมากกว่า...มันเหมือนกับคนที่ส่งเสียงเครือไม่เป็นคำ เหมือนกับคนที่เดินล่องลอยไร้จุดหมายพวกนั้น...

สัญชาตญาณบอกให้มันตามกลุ่มของมันไป

ใช่...มันควรอยู่กับกลุ่มที่ถูกเรียกว่าซอมบี้ อยู่กับพวกที่เหมือนมัน แต่—

"อย่ามอง"

เมื่อใดก็ตามที่มันหันไปสบตากับกลุ่มซอมบี้ ก็จะมีมือปิดตามัน

"ห้ามไป"

เมื่อใดก็ตามที่มันหยุดเดินแล้วหันหลังจะตามกลุ่มซอมบี้ ก็จะมีคนจับมันไว้แล้วไล่ซอมบี้พวกนั้นให้ตกใจหนี

มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ต่อให้จะตายกลายเป็นซอมบี้ไปแล้วก็ยังอยากอยู่กับสังคมของมัน...

"อยู่กับฉัน"

แต่ทำไมมันถึงอยู่กับมนุษย์ ?

แล้วทำไมมนุษย์คนนี้ถึงไม่ยอมปล่อยมัน

มนุษย์อย่างเขาและซอมบี้อย่างมันอยู่ด้วยกันได้ยังไง




คำนิยาม : ซอมบี้

ผู้ซึ่งตายไปจากโลกแต่ยังดำรงอยู่คล้ายคนเป็น


สารบัญ

โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์-บทที่ 1 คนที่ตายไปแล้ว,โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์-บทที่ 2 ยังไม่ตื่น,โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์-บทที่ 3 อย่ามอง,โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์-บทที่ 4 คนที่ียังมีชีวิตอยู่,โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์-บทที่ 5 ซากศพที่เน่าเปื่อย

เนื้อหา

บทที่ 3 อย่ามอง

“ลูซีน”

“...”

“ลูซีน”

“...”

แม้จะเรียกหลายครั้งแต่ลูซีนก็ไม่หัน

ไม่อาจรู้ได้ว่าเป็นเพราะมันไม่สนใจ หรือเพราะไม่เข้าใจว่าตนกำลังถูกเรียกอยู่กันแน่

ดังนั้น ครอสจึงละสิ่งที่ทำอยู่ในมือแล้วเดินไปหา

“ลูซีน เหม่อมองอะไรอยู่ ?” เขาถามเช่นนั้น

แต่ลูซีนก็ยังไม่ละสายตาจากความว่างเปล่าเบื้องหน้า ราวกับมีสิ่งคู่ควรแก่การเฝ้าดูมากกว่า ทำให้ชายหนุ่มจนปัญญาที่ไม่สามารถเรียกร้องความสนใจจากมัน

“ยังอีกเหรอ...” ครอสพึมพำกับตัวเองอีกครั้ง

ผ่านมาเกือบยี่สิบชั่วโมงแล้วนับจากลูซีนกลายสภาพ จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดปรากฏให้เห็น

ทว่านั่นไม่ใช่ปัญหาเดียวที่ครอสกำลังประสบ เขารู้สึกกังวลเกี่ยวกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของพวกซอมบี้ซึ่งพบระหว่างทาง พวกมันไม่ได้คลุ้มคลั่งตั้งเป้าจะโจมตีมนุษย์ทันทีเมื่อพบเช่นวันแรกอีกต่อไป กลับเดินล่องลอยไม่สนใจเหมือนน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำโคลน

มันเป็นเรื่องดีที่ซอมบี้ไม่แสดงท่าทีอันตราย แต่ก็ทำให้เขาอดคิดมากไม่ได้...

ครอสมองลูซีนอีกครั้ง เมื่อไล่สายตาตามมันไปกลับพบซอมบี้ฝูงหนึ่งซึ่งไม่รู้มาปรากฏตั้งแต่ตอนไหน ซอมบี้พวกนั้นไม่ได้เดินเข้าใกล้หรือคุกคามพวกเขา แต่สิ่งที่พวกมันทำกลับให้ครอสรู้สึกหนาวสั่น

พวกมันกำลังมองมาทางนี้

พูดให้ถูกคือพวกมันกำลังมองลูซีน !

คิ้วของชายหนุ่มกระตุกเมื่อตระหนักว่าตลอดมาที่ลูซีนไม่สนใจเขาแล้วเอาแต่มองไปทางอื่น เป็นเพราะมันกำลังมองพวกนั้นอยู่

สิ่งนี้น่ากลัวยิ่งกว่าซอมบี้คลั่งสำหรับเขา

พวกมันดึงดูดกันเอง !

สายตาตายด้านพวกนั้นราวกับกำลังเอ่ยเรียกลูซีนไม่มีผิด !

‘มาสิ’

‘มากับพวกเรา’

“อย่ามอง” ครอสปิดตาลูซีนแน่นแล้วบังมันจากสายตาซอมบี้ตัวอื่น ๆ “นายไม่อยากไปหรอก”

เขาพามันออกจากตรงนั้น คลุมตัวลูซีนด้วยผ้าผืนใหญ่ที่เพิ่งจัดแต่งเสร็จ

ขณะผูกปมใต้คาง ลูซีนเงยหน้าขึ้นเผชิญกับเขา นัยน์ตาเหลือบมองขึ้นมาแต่ครอสรู้ดีว่าสิ่งที่ลูซีนตั้งใจเฝ้าดูไม่ใช่เขา ทว่าเป็นดวงอาทิตย์เหนือศีรษะ จึงดึงฮู้ดลงมาคลุมศีรษะของมัน

“แดดแรงแล้ว” เขาบอก

“...”

“วันนี้รีบเดินหน่อยเถอะ อาจถึงเมืองก่อนอาทิตย์ตก”

“...”

ครอสลูบหัวลูซีนที่ยังไม่ละสายตาจากท้องฟ้าแล้วจูงมือมันเดินอีกครั้ง ทว่าไปต่อได้ไม่กี่ก้าวมือซึ่งจับไว้อยู่ก็หลุดออกกลางคัน

“ลูซีน ?” ชายหนุ่มหันกลับไปมองคนด้านหลังราวกับตั้งคำถาม

ใจหนึ่งเกิดประกายบางอย่าง ทว่าเมื่อมองแล้วก็ต้องเก็บความหวังเหล่านั้นกลับคืน

ลูซีนยืนนิ่งไม่ส่งเสียง สีหน้าและแววตาเลื่อนลอยไร้อารมณ์ไม่เปลี่ยนแปลง

ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่ หรือมีความคิดใดในนั้นบ้างหรือไม่

เมื่อครอสจับมือมันอีกครั้งกลับต้องประหลาดใจ เพราะลูซีนตอบสนองด้วยการสะบัดออกอย่างไร้ไมตรี

ครอส “...”

ในความคิดของเขา ตลอดมาลูซีนมักจะเรียบร้อยและสงบเสงี่ยมราวกับตุ๊กตาไขลาน นี่เป็นปฏิกิริยาแรกที่แฝงไว้ด้วยอารมณ์และการนึกคิดบ้าง (?) จุดประกายแสงบางอย่างในแววตาของคนซึ่งมีสติสัมปชัญญะอยู่

 เขาเอื้อมจับมือลูซีนแต่ก็ถูกปัดทิ้งแทบจะทันทีทว่ากลับยังไม่หยุด ทุกครั้งที่มือหลุดก็จะจับมือนั้นเอาไว้ให้มั่น ลูซีนสะบัดออกทุกครั้งและรุนแรงขึ้นทุกขณะราวกับคนอารมณ์ไม่ดี

ถึงจุดหนึ่ง เมื่อมันออกแรงมากเกินความพอดีครอสจึงต้องยอมที่จะถอยให้มัน

“นายกำลังประท้วงฉันเหรอ ?”

เขาพูดถึงเรื่องที่กีดกันมันออกจากซอมบี้ตัวอื่น

“...”

“ไม่พอใจขนาดนั้นเชียว ?”

“...”

ลูซีนยืนฟังราวกับไม่ใช่เรื่องของมัน ทำคนจนใจไม่รู้ว่าจะต่อความกับคนซึ่งไม่มีความนึกคิดไปทำไม

“มาเถอะ”

ครอสจับมือลูซีนอีกครั้ง ทว่าคราวนี้นอกจากจะถูกสลัดมือแล้วยังถูกแยกเขี้ยวใส่อีก

เขาผงะไปชั่วขณะต่อท่าทีดุร้ายเช่นนั้น แต่ไม่คิดเล่นกับมันแล้วจึงตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยการอุ้มลูซีนพาดบ่าเพื่อไม่ให้เสียเวลา

ส่วนมันก็ดิ้นราวกับปลาที่ถูกจับด้วยมือ

ค่ำคืนมืดมิดจนมองไม่เห็นแม้แต่ปลายจมูก โสตประสาทของมันขยายกว้าง บรรยากาศรอบข้างเงียบเชียบจนได้ยินเสียงย่ำเท้าเป็นจังหวะชัดเจน

มันเงยหน้าหันตามเสียงเห่าหอนซึ่งอยู่ไกลออกไป

ดูเหมือนกำลังเกิดเหตุวุ่นวายบางอย่างจากตรงไหนสักแห่ง ?

แต่คนซึ่งจูงมันอยู่ไม่ได้ให้ความสนใจรอบข้างในขณะนี้ เพราะกำลังวุ่นวายอยู่กับกระเป๋าสะพายด้วยมือข้างเดียว

แม้ท้องฟ้าจะเปลี่ยนสีแล้วแต่พวกเขาก็ยังไม่ถึงจุดหมายตามที่ตั้งเป้าไว้ เหตุเพราะครอสมักแวะสำรวจระหว่างทางเพื่อเก็บของที่ใช้การได้ ส่วนลูซีนก็ชอบจะหายตัวทุกครั้งที่มีโอกาสจึงมีการวิ่งไล่จับกันหลายครั้ง กระทั่งคนต้องใช้เชือกผูกมันไว้กับตัวเอง

เวลานี้รอบข้างล้อมด้วยป่าชื้นอุดมด้วยฝูงแมลง ไม่รู้ว่ามีอันตรายแบบไหนอีกบ้างจึงไม่สามารถพักกลางบริเวณนี้แจ้งได้

ขณะที่ลูซีนหันตามองตามเสียงสัตว์เสียงแมลงจากรอบทิศอย่างสนอกสนใจ ก็ปรากฏแสงส่องนำทางดึงความสนใจที่มากกว่าแก่มัน

ลูซีนมองตามจุดสว่างวงกลมซึ่งทอดตัวบนพื้นวิ่งไปมาชวนตาลาย ขนาดของมันไม่ค่อยมั่นคง หดบ้างขยายบ้าง เดี๋ยวชัดเดี๋ยวเลือนราง ยากจะเดาใจ แสงวงส่องไปที่ใดก็หันตามเป็นกิจลักษณะ

ที่แท้ของในมือเขาคนนั้นคือไฟฉายธรรมดาอันหนึ่ง

ครอสฉายแสงขึ้นไปเหนือท้องฟ้า ล่อลูซีนให้แหงนหน้าดูดาวสองดวงซึ่งพยายามส่องประกายคู่กันอย่างริบหรี่

ท้องฟ้าในคืนนี้น่าอดสูยิ่งกว่าเมื่อคืนวานมาก นับดูแล้วมีดาวไม่ถึงสิบดวง

ขณะลูซีนหยุดมองเป็นเวลานานท่ามกลางความสงบนิ่งของยามราตรี มันได้ยินเสียงถอนหายใจของคนซึ่งยืนอยู่ไม่ใกล้ผะแผ่ว มือของมันถูกกำชับแน่นอีกนิด ก่อนแว่วเสียงพึมพำจะลอยมากับลม

“เงียบจังนะ”

“...”


#โลกสุดท้าย 


ครอส : ลูซีนน่ะ เรียบร้อยและสงบเสงี่ยม✨

ลูซีน : //สะบัดมือ!