อะไรคือเหตุผลที่ทำให้มนุษย์หนึ่งคนยอมอัปเปหิตัวเองออกจากกลุ่ม แล้วร่อนเร่กับซอมบี้หนึ่งตัว ?

โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์ - บทที่ 4 คนที่ียังมีชีวิตอยู่ โดย ผู้เป็นมิตรกับคนแปลกหน้า @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-ชาย,ไซไฟ,แอคชั่น,พระเอกเทพ,โรแมนติก ,ซอมบี้,วันสิ้นโลก,ดราม่า,ไซไฟ-แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-ชาย,ไซไฟ,แอคชั่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พระเอกเทพ,โรแมนติก ,ซอมบี้,วันสิ้นโลก,ดราม่า,ไซไฟ-แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์ โดย ผู้เป็นมิตรกับคนแปลกหน้า @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

อะไรคือเหตุผลที่ทำให้มนุษย์หนึ่งคนยอมอัปเปหิตัวเองออกจากกลุ่ม แล้วร่อนเร่กับซอมบี้หนึ่งตัว ?

ผู้แต่ง

ผู้เป็นมิตรกับคนแปลกหน้า

เรื่องย่อ

โลกล่มสลายคืออะไร

ความตายคืออะไร

มนุษย์คืออะไร

ซอมบี้คืออะไร

ลูซีนไม่เข้าใจเลยสักนิด เพียงแค่มีความต่างระหว่างคนที่เดินจูงมือมันไปข้างหน้ากับคนที่เดินโงนเงนสวนทางไปด้านหลัง

แต่หากถามว่ามันเหมือนใครมากกว่า...มันเหมือนกับคนที่ส่งเสียงเครือไม่เป็นคำ เหมือนกับคนที่เดินล่องลอยไร้จุดหมายพวกนั้น...

สัญชาตญาณบอกให้มันตามกลุ่มของมันไป

ใช่...มันควรอยู่กับกลุ่มที่ถูกเรียกว่าซอมบี้ อยู่กับพวกที่เหมือนมัน แต่—

"อย่ามอง"

เมื่อใดก็ตามที่มันหันไปสบตากับกลุ่มซอมบี้ ก็จะมีมือปิดตามัน

"ห้ามไป"

เมื่อใดก็ตามที่มันหยุดเดินแล้วหันหลังจะตามกลุ่มซอมบี้ ก็จะมีคนจับมันไว้แล้วไล่ซอมบี้พวกนั้นให้ตกใจหนี

มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ต่อให้จะตายกลายเป็นซอมบี้ไปแล้วก็ยังอยากอยู่กับสังคมของมัน...

"อยู่กับฉัน"

แต่ทำไมมันถึงอยู่กับมนุษย์ ?

แล้วทำไมมนุษย์คนนี้ถึงไม่ยอมปล่อยมัน

มนุษย์อย่างเขาและซอมบี้อย่างมันอยู่ด้วยกันได้ยังไง




คำนิยาม : ซอมบี้

ผู้ซึ่งตายไปจากโลกแต่ยังดำรงอยู่คล้ายคนเป็น


สารบัญ

โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์-บทที่ 1 คนที่ตายไปแล้ว,โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์-บทที่ 2 ยังไม่ตื่น,โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์-บทที่ 3 อย่ามอง,โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์-บทที่ 4 คนที่ียังมีชีวิตอยู่,โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์-บทที่ 5 ซากศพที่เน่าเปื่อย

เนื้อหา

บทที่ 4 คนที่ียังมีชีวิตอยู่

ค่อนคืนกว่าจะพบบ้านหลังหนึ่งซึ่งมีเสาไฟฟ้าตั้งอยู่ไม่ไกลเป็นสัญญาณว่ามาถึงชานเมืองแล้ว

หลังจากส่องไฟฉายสำรวจไปรอบนอกหนหนึ่ง ครอสปล่อยมือจากลูซีนชั่วคราวแล้วเดินดุ่มไปหน้าประตู ต่อมามีเสียง ‘กึก ๆ’ ดังขึ้นก่อนจะมีเสียง ‘ตึง’ อย่างหนักตามหลัง

ลูซีนมองคนกระแทกประตูอย่างแรงจนเปิดออก อีกฝ่ายส่องไฟฉายเข้าไปสำรวจจนมั่นใจก่อนแล้วจึงเดินกลับมาพามันเข้าไป

ไฟฟ้าภายในบ้านยังไม่ถูกตัด ภายนอกมีสภาพดีอย่างไรภายในก็ดูดียิ่งกว่านั้น ราวกับเคยมีคนอยู่ที่นี่จนถึงก่อนหน้านี้แล้วไม่ได้กลับมาอีก

ครอสวางกระเป๋าแล้วรีบเดินเข้าไปในครัวอย่างมีเป้าหมาย ขณะเปิดตู้เก็บของติดผนังพลางกวาดสายตาหาบางสิ่งก็สูญเสียการมองเห็นอย่างกะทันหัน

เขาตื่นตัวฉับพลันคิดว่ามีคนแอบซ่อนตัวกำลังลอบโจมตีจึงรีบคว้ามีดซึ่งอยู่ไม่ไกล

ทันใดนั้นเอง ห้องครัวซึ่งเชื่อมต่อกับโถงกลางสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มหันมองสวิตช์ไฟโดยอัตโนมัติ สบตากับลูซีนอย่างเงียบงันชั่วขณะก่อนการมองเห็นจะมืดสนิทอีกครั้ง

ไม่ถึงสองวินาทีต่อมาแสงสว่างกลับมาพร้อมเสียง ‘แป๊ก’ เล็ก ๆ ที่แทบจะได้ยินในเวลาเดียวกัน

โดยที่คนยังไม่ทันอ้าปาก ไฟชั้นหนึ่งก็กระพริบติด ๆ ดับ ๆ เป็นจังหวะป๊อกแป๊ก

“ลูซีน…”

ป๊อก ! แป๊ก ! ป๊อก ! แป๊ก ! ป๊อก ! แป๊ก ! ป๊อก ! แป๊ก ! ป๊อก ! แป๊ก ! ป๊อก ! แป๊ก ! ป๊อก ! แป๊ก ! ป๊อก ! แป๊ก !

ลูซีนเปิดปิดสวิตช์ไฟโดยไม่สนใจใครหน้าไหน ยิ่งเห็นผู้ชายคนนั้นเข้ามาใกล้ทุกขณะเมื่อการมองเห็นกลับมาก็ยิ่งเร่งจังหวะราวกับนาทีระทึกขวัญ

“หยุด !” อีกฝ่ายตะปบมือมัน ความมืดชะลอตัวทำให้มองไม่เห็นแต่ได้ยินเสียงข่มขวัญตรงหน้าชัดเจน

แสงสว่างกลับมาอีกครั้ง คราวนี้มันถูกจูงให้ออกห่างจากผนัง และถูกปล่อยให้ยืนเคว้งอยู่กลางห้องโถงเพียงลำพัง

“อยู่ตรงนี้ดี ๆ”

หลังจากพูดแบบนั้นก็ผละตัวเดินจากไป

“ไม่มีตรงนี้” ครอสพึมพำแล้วเดินหายลับสายตาไปสักระยะ เมื่อกลับมาพบว่ากำลังถือกล่องทึบสีขาวพร้อมด้วยผ้าขนหนูและชุดคลุมอาบน้ำ

ชายหนุ่มนั่งลงบนโซฟาโดยไม่ลืมจะดึงลูซีนเข้ามายืนใกล้ ๆ แล้วถือวิสาสะถอดเสื้อผ้าของมันจนล่อนจ้อนพลางกวาดตามองหาทั่วร่างกายว่ามีบาดแผลบริเวณไหนอีกบ้าง

เมื่อสำรวจแล้วพบว่ามีบาดแผลเล็กน้อยเพิ่มขึ้นมาอีกสี่ถึงหาจุดจึงเปิดกล่องปฐมพยาบาล หยิบของภายในออกมาดูหลายอย่างและจัดแจงสิ่งที่ต้องใช้วางไว้ข้างมืออย่างคล่องแคล่ว

ครอสใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำสะอาดหมาด ๆ บรรจงเช็ดตามเนื้อตัวลูซีนอย่างเบามือสองถึงสามครั้งเพื่อล้างคราบสกปรกจนหมดจด แล้วหยิบก้อนสำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดรอบแผลทำความสะอาดฆ่าเชื้ออย่างรวดเร็ว ตามด้วยล้างน้ำเกลือ แล้วพันด้วยผ้าพันแผลปิดอยู่หลายตลบ

หลังจากสวมชุดคลุมให้ลูซีนเสร็จก็ลุกขึ้นยืน “รอตรงนี้” บอกมันก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปชั้นบนอย่างต่อเนื่อง

ลูซีนนั่งนิ่งไม่ไหวติง รู้สึกว่าแขนซ้ายของมันแปลก ๆ อาจเพราะมีอะไรพันแนบเนื้ออยู่จึงรู้สึกไม่สบายตัว ต้องเกา ๆ ขูด ๆ จนผ้าซึ่งพันแน่นดีแล้วหลุดรุ่ย ทว่านั่นยิ่งทำให้มันรู้สึกหงุดหงิดและรำคาญสายตา จนกระชากผ้านั้นออกพยายามดึงสุดแรงแต่กลับยิ่งรัดแน่นกว่าเดิม

ขณะที่มันดิ้นรนอย่างโทโสก็มีคนกำลังโมโหอยู่ด้านหลัง ชายคนนั้นเดินจ้ำอ้าวมาคว้าข้อมือมัน เสียงโทนต่ำดังอยู่เหนือศีรษะ “ทำอะไรอยู่ !”

มันเงยหน้ามองคนซึ่งก้มมองลงมาจากด้านหลังอย่างทึ่มทื่อ มือซึ่งถูกรั้งจับกระตุกหลายครั้งแต่ไม่หลุดจากพันธนาการ แต่กระนั้นก็ไม่ลดความพยายามใช้มืออีกข้างเพื่อสานต่องานที่ยังค้างคาโดยไม่รู้สึกรู้สา

“ลูซีนหยุด !” มีเสียงกดข่มมัน และมือข้างที่เหลือก็ถูกจับอีกจนได้

ลูซีนหยุดนิ่งเสมือนเข้าใจ กระพริบตามองคนปริบ ๆ ทำให้เขารู้สึกอ่อนใจ

ครอสปล่อยข้อมือทั้งสองข้างของมันช้า ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่คลุ้มคลั่งอีก แล้วถอนหายใจพลางกุมขมับดูสภาพเละเทะของมัน จำต้องจัดการผ้าพันแผลใหม่อีกครั้ง

ลูซีนก้มมองผ้าขาวผืนยาวกลับสู่สภาพเดิมแล้วยกมือตั้งท่า ทว่าถูกชายคนเดิมลดระดับมือมันลงอย่างรู้ทันความคิดในหัว

“อย่า !” เขาห้ามเสียงเข้มทำให้มันยอมนิ่งแต่โดยดีอีกครั้ง

ชายหนุ่มจับมันสวมชุดนอนซึ่งเพิ่งไปค้นมาราวกับแต่งตัวตุ๊กตา หลังจากทานอาหารเสร็จก็ดับไฟเตรียมพาขึ้นไปชั้นบน

ขณะที่กำลังเดินขึ้นบันได เท้าของลูซีนเตะกับพื้นยกระดับเสียงดังปึก ร่างของมันเอนเอียงเตรียมจะล้มเหมือนต้นเสาถูกโค่น ขอบบันไดหลายขั้นกำลังรอทักทายอย่างสุขสันต์ !

ทันใดนั้น คนซึ่งนำอยู่ด้านหน้าก็รีบก้มตัวมารับมันอย่างตื่นตกใจได้ทันท่วงที พลันตระหนักได้ว่าลูซีนขึ้นบันไดเองไม่ได้จึงต้องยกมันขึ้นพาดไหล่อีกครั้ง

คล้ายว่าลูซีนจะคุ้นชินกับการอยู่ในลักษณะนี้จึงยอมห้อยต่องแต่งเหมือนผ้าเปียก กระทั่งเท้าสัมผัสพื้นอีกครั้ง คนพามันเข้าไปในห้องซึ่งอุณหภูมิลดลงกะทันหัน โดยผลการทำงานของเครื่องปรับอากาศที่เปิดทิ้งมาสักพัก

ครอสนั่งลงบนเตียงด้วยความเหนื่อยหน้า ขณะที่ลูซีนเห็นสวิตช์ไฟอยู่ในสายตาก็เอื้อมมือออกไปโดยอัตโนมัติ

ไฟในห้องพลันดับ ชายคนนั้นเงยหน้าจากสัมภาระเพื่อมองมัน แต่แทนที่เขาจะหยุดหรือห้าม กลับเพียงนั่งดูนิ่ง ๆ ไม่พูดอะไรด้วยความสนใจ

ไม่มีอะไรขัดขวางลูซีนจนกระทั่งมีเสียงคล้ายกับอะไรบางอย่างช็อตดังขึ้น หลอดไฟในห้องพลันดับพรึบโดยไม่อาจส่องสว่างได้อีก มันเปิดปิดสวิตช์อีกหลายครั้งแต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงปรากฏ

ขณะที่ยังคงทำเสียงป๊อกแป๊กในความมืด อยู่ ๆ ก็มีแสงไฟส่องไปทางหนึ่งกระตุ้นมันให้หันไปสนใจ เริ่มด้วยนัยน์ตาที่วิ่งไล่ตามแสง ก่อนหัวของมันจะหันตาม จากนั้นจึงย่างก้าวตามไป

กระทั่งแสงไฟหยุดอยู่ปลายเท้าแล้ววิ่งไล่ขึ้นตามลำขามาที่ท้องและนิ่งสนิทบนกลางอก ลูซีนยกมืออย่างเชื่องช้าราวกับสัตว์นักล่าที่กำลังย่องเท้าเข้าหาเหยื่อด้วยความระวังแล้วตะปบแสงสว่างนั้นอย่างไม่ให้ตั้งตัว !

ทว่าแสงนั้นกลับหายไปจากมือของมันอย่างอัศจรรย์ ก่อนจะปรากฏอีกครั้งและหายไปเมื่อมันตั้งใจจะจับ ทำให้ลูซีนดูสับสนอย่างมาก

ครอสเปิดปิดไฟฉายหลังจากพบความสนุก

ในที่สุดลูซีนเลื่อนสายตาออกจากแสงกระพริบไปหยุดตรงหน้าคนที่กำลังล้อเล่นกับมัน ชายคนนั้นนิ่งชะงัก สบตามันกลับเป็นเวลานาน

“...”

ท่ามกลางความมัว มือข้างนั้นเอื้อมหามัน และวางลงบนศีรษะพลางลูบอย่างช้า ๆ ลูซีนสัมผัสถึงความอบอุ่นที่แผ่ออกมา

มือนี้เหมือนกับแสงที่เลือนหายไปจากท้องฟ้า

มันหลุบตาลงขณะแนบอิงใบหน้ากับฝ่ามือใหญ่

นัยน์ตาสีโลหิตซึ่งกำลังจดจ้องมันพลันอ่อนลง ครอสวางไฟฉายในมือลงเพื่อยืดแขนออกไปโอบรอบเอวของมันเข้ามากอด

แม้ว่าร่างของมันจะเย็นยิ่งกว่าอุณหภูมิห้อง แม้ว่าภายในจะสิ้นเสียงของการทำงาน แต่ลูซีนก็ยังได้ยินเสียงทุ้มต่ำบอกกับมันในความเงียบงัน

“นายยังมีชีวิตอยู่”

ดวงตาอันว่างเปล่าของมันทอดมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไร้ความรู้สึก ก่อนจะค่อย ๆ ปิดลงอย่างสงบด้วยการเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติ

ราวกับมีชีวิตอยู่จริง ๆ



#โลกสุดท้าย


ป๊อก-แป๊ก! ป๊อก-แป๊ก!

ครอส : ลูซีน เดี๋ยวไฟก็ช็อ--

พรึ่บ !

ครอส : ...

ลูซีน : ...

คนแปลกหน้า : ^^