อะไรคือเหตุผลที่ทำให้มนุษย์หนึ่งคนยอมอัปเปหิตัวเองออกจากกลุ่ม แล้วร่อนเร่กับซอมบี้หนึ่งตัว ?

โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์ - บทที่ 5 ซากศพที่เน่าเปื่อย โดย ผู้เป็นมิตรกับคนแปลกหน้า @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-ชาย,ไซไฟ,แอคชั่น,พระเอกเทพ,โรแมนติก ,ซอมบี้,วันสิ้นโลก,ดราม่า,ไซไฟ-แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-ชาย,ไซไฟ,แอคชั่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พระเอกเทพ,โรแมนติก ,ซอมบี้,วันสิ้นโลก,ดราม่า,ไซไฟ-แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์ โดย ผู้เป็นมิตรกับคนแปลกหน้า @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

อะไรคือเหตุผลที่ทำให้มนุษย์หนึ่งคนยอมอัปเปหิตัวเองออกจากกลุ่ม แล้วร่อนเร่กับซอมบี้หนึ่งตัว ?

ผู้แต่ง

ผู้เป็นมิตรกับคนแปลกหน้า

เรื่องย่อ

โลกล่มสลายคืออะไร

ความตายคืออะไร

มนุษย์คืออะไร

ซอมบี้คืออะไร

ลูซีนไม่เข้าใจเลยสักนิด เพียงแค่มีความต่างระหว่างคนที่เดินจูงมือมันไปข้างหน้ากับคนที่เดินโงนเงนสวนทางไปด้านหลัง

แต่หากถามว่ามันเหมือนใครมากกว่า...มันเหมือนกับคนที่ส่งเสียงเครือไม่เป็นคำ เหมือนกับคนที่เดินล่องลอยไร้จุดหมายพวกนั้น...

สัญชาตญาณบอกให้มันตามกลุ่มของมันไป

ใช่...มันควรอยู่กับกลุ่มที่ถูกเรียกว่าซอมบี้ อยู่กับพวกที่เหมือนมัน แต่—

"อย่ามอง"

เมื่อใดก็ตามที่มันหันไปสบตากับกลุ่มซอมบี้ ก็จะมีมือปิดตามัน

"ห้ามไป"

เมื่อใดก็ตามที่มันหยุดเดินแล้วหันหลังจะตามกลุ่มซอมบี้ ก็จะมีคนจับมันไว้แล้วไล่ซอมบี้พวกนั้นให้ตกใจหนี

มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ต่อให้จะตายกลายเป็นซอมบี้ไปแล้วก็ยังอยากอยู่กับสังคมของมัน...

"อยู่กับฉัน"

แต่ทำไมมันถึงอยู่กับมนุษย์ ?

แล้วทำไมมนุษย์คนนี้ถึงไม่ยอมปล่อยมัน

มนุษย์อย่างเขาและซอมบี้อย่างมันอยู่ด้วยกันได้ยังไง




คำนิยาม : ซอมบี้

ผู้ซึ่งตายไปจากโลกแต่ยังดำรงอยู่คล้ายคนเป็น


สารบัญ

โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์-บทที่ 1 คนที่ตายไปแล้ว,โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์-บทที่ 2 ยังไม่ตื่น,โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์-บทที่ 3 อย่ามอง,โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์-บทที่ 4 คนที่ียังมีชีวิตอยู่,โลกสุดท้ายแด่ผู้วายชนม์-บทที่ 5 ซากศพที่เน่าเปื่อย

เนื้อหา

บทที่ 5 ซากศพที่เน่าเปื่อย

“ลูซีนมานี่”

หลังกระโดดลงจากโขดหิน ชายคนนั้นหันกลับมาเรียกมันให้เดินไปหาเพื่อจะคล้องเอวยกลูซีนตามลงไป

“ดูนั่น พวกเราใกล้ถึงเมืองแล้ว” เขาชี้ให้มันมองเมืองซึ่งอยู่ใต้หน้าผาในระยะไกลออกไป

ลูซีนทอดสายตาผ่านเมืองอย่างไร้ความรู้สึกปราศจากความสนใจโดยสิ้นเชิง

สิ่งที่ดึงดูดมันไม่ใช่สิ่งก่อสร้างมากมายเบื้องล่างแต่เป็นแสงอรุณยามเช้า ณ เส้นขอบฟ้า

“ชอบไหม ?”

“...”

“ไม่ได้” ครอสจับมันที่ก้าวไปข้างหน้า ไม่เช่นนั้นก็กลัวว่ามันจะตกลงไป “ดูเฉพาะตา แต่อย่าเดินไป”

“...” คล้ายมันเข้าใจจึงยืนอยู่ที่เดิม

ลมโชยมาพัดหมวกคลุมศีรษะลูซีนหลุดออก มันเหม่อมองท้องฟ้าค่อย ๆ เปลี่ยนเฉดสีทีละนิด

ครอสเฝ้าดูมันอย่างเงียบสงบด้วยความพอใจ เขาสังเกตว่าลูซีนชอบสิ่งเหล่านี้เป็นพิเศษจึงพามันออกเดินทางตั้งแต่เช้ามืดเพื่ออาบแสงอาทิตย์ยามเช้าโดยเฉพาะ

หลังจากดวงอาทิตย์ลอยสูงอยู่บนฟ้า พวกเขาเดินต่อไปอีกสักระยะพบกับหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งมีศพกระจายเกลื่อนไปทั่ว ไม่มีที่ไหนเลยที่จะไม่พบเห็นร่างไร้ชีวิตนอนกองอยู่

สภาพของแต่ละศพล้วนไม่ดี แม้ปัจจุบันจะขึ้นอืดเน่าเละก็สามารถเดาได้ว่าสาเหตุที่ทำให้มีจุดจบเช่นนี้คือถูกแยกชิ้นส่วนมาก่อน

ครอสไม่กล้าปล่อยมือจากลูซีน หรือแม้แต่หยุดมอง พยายามพามันเดินเลี่ยงซากศพเน่าเหม็นอันถูกฝูงแมลงวันตอมมากเท่าที่จะทำได้ ในขณะลูซีนเอาแต่มองสิ่งซึ่งกองอยู่บนพื้นด้วยความสงสัย ไม่รู้เพราะเหตุใดมันจึงสนใจนัก

กระทั่งมาถึงร้านสะดวกซื้อนอกหมู่บ้าน ครอสมีสิ่งต้องการจึงคิดจะแวะดูก่อนจะออกไปจากที่นี่

“รออยู่ตรงนี้ก่อน”

เขาจับลูซีนยืนมุมหนึ่งแล้วอ้อมเคาน์เตอร์แคชเชียร์เพื่อค้นหาของ

ภายในร้านสภาพยุ่งเหยิงราวกับเคยผ่านมรสุมมา สิ่งของหล่นกระจายเสียหายบนพื้นจนยากจะหาที่เดิน พื้นกระเบื้องเคลือบเงามีรอยเปื้อนลากยาวสกปรก ชั้นสินค้าทั้งหมดค่อนข้างยุ่งเหยิง

ขณะลูซีนอยู่เฉยปล่อยให้เวลาไหลผ่าน มันเคลื่อนนัยน์ตาซึ่งคล้ายตาปลามองเข้าไปด้านในสุดของความมืดสลัว

ร่างหนึ่งย่างก้าวออกมาเชื่องช้า เงาดำพาดขยายไปบนกำแพงโยกเยกกุกกักพ้นจากชั้นสินค้าอย่างไร้ซุ่มเสียง ค่อย ๆ ขยับลูกตาดำกระด้างมาทางนี้

พวกมันประสานสายตากันหลายวินาที ก่อนที่ฝ่ายหนึ่งซึ่งเป็น ‘เจ้าถิ่น’ จะย่างกรายเข้ามา

เมื่อหันหน้า ดวงตาอีกข้างของบุคคลนั้นถูกอัดลึกเข้าไปในเบ้าตาจนใช้การไม่ได้ กะโหลกศีรษะด้านหนึ่งแตกละเอียด มีฝูงแมลงวันบินตอมบางสิ่งที่เป็นเนื้อสีขาวล้นทะลักรุ่งริ่ง พอก้าวเท้าเศษชิ้นที่ห้อยต่องแต่งก็ย้อยแหมะลงบนพื้นจนเละทันที

“...”

“...”

ลูซีนมองสิ่งที่หยดลงบนพื้น แมลงวันสามตัวย้ายจากหัวบินวนเศษซากที่ร่วงหล่นแทน ทำให้เจ้าของชิ้นส่วนชะงักคล้ายกำลังเก้อเขินเมื่อปรากฏภาพอันน่าอับอายเช่นนี้ต่อหน้าแขก

จังหวะที่ลูซีนกำลังจะคืบหน้าเพราะอีกฝ่ายไม่ข้ามมา แขนของมันกลับถูกบุคคลที่สามกระชากให้ออกห่างทันที

“อย่าไปใกล้”

คนทำไม่ใช่ใครแต่เป็นผู้ชายคนเดิมซึ่งเกาะติดมัน เขากระโดดข้ามเคาน์เตอร์ออกมาขวางซ้ำยังถีบคนที่เพิ่งพบเต็มแรงจนกระเด็นไปไกล

ทุกอย่างเกิดขึ้นและจบลงในเสี้ยวพริบตา สหายใหม่ผู้เพิ่งพบหน้าถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัวตะเกียกตะกายจะลุกแต่เหมือนกระดูกบางส่วนหักทำให้มันพยุงตัวไม่สำเร็จ

“อาา— อาาา—” มันร้องออกมาด้วยเสียงโทนทื่อ

เสียงค่อย ๆ ดังราวกับกำลังเจ็บปวด ฟังไปแล้วเหมือนโหยหวนอยู่ในที

เพียงว่าจนถึงตอนนี้ลูซีนยังยืนปิดปากเงียบสนิท

แม้แต่ครอสก็รู้สึกว่ามันผิดปกติ ซอมบี้ตัวอื่นจะส่งเสียงเครือไม่เป็นคำบางครั้ง ราวกับร่างกายของพวกมันยังจดจำว่าต้องการจะพูด

แล้วลูซีนล่ะ ?

มีสิ่งใดที่มันจดจำได้บ้างไหม

หรือลืมสิ้นทุกอย่างจนหมดแล้วจริง ๆ

“เลิกสนใจได้แล้ว” ครอสบอกมัน แต่มันไม่สนใจเขา

“ยืนอยู่ตรงนี้อย่าเดินไปหามันเด็ดขาด” เมื่อไม่สามารถหยุดลูซีนได้ เขาจึงเปลี่ยนเป็นกำชับก่อนจะแยกตัวออกมา

ระหว่างดูตามชั้นวางสินค้าพบกระดิ่งสวมคอสำหรับสัตว์เลี้ยงเข้าพอดี จุดประกายความคิดบางอย่างจึงหยิบออกมา โดยตั้งใจจะสวมให้ลูซีนทันทีแต่กลับพบว่ามีคนกำลังเงื้อขวานอยู่ด้านหลัง !

หัวใจของครอสหล่นหายฉับพลัน ชายแปลกหน้าคนนั้นจามขวานตาไม่กระพริบแฝงไปด้วยความอาฆาต เขารีบวิ่งออกไปด้วยความตกใจเพื่อหยุดหยั้งความพยาบาท รับขวานด้ามนั้นก่อนที่มันจะถึงตัวลูซีนอย่างหวุดหวิด !

ชายหนุ่มหักข้อมือคนแปลกหน้าจนขวานสกปรกตกลงพื้น ก่อนจะบิดแขนอีกฝ่ายไปด้านหลังแล้วจับกระแทกพื้นโดยแรง

“อ้าก—! ปล่อยนะ ! ปล่อยเดี๋ยวนี้ !” ชายแปลกหน้าดิ้นรน ตะโกนร้องอย่างบ้าคลั่ง

ลูซีนได้ยินเสียงดัง หันกลับมาโดยไม่เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไร เอียงคอมองครอสที่กำลังใช้เข่ากดหลังคนอื่นนอนราบบนพื้นด้วยความทึ่มทื่อ

ชายคนนั้นผมเผ้ากระเซิง เนื้อตัวมอมแมมด้วยคราบเลือดหมักหมมหลายวัน

“ปล่อยฉัน ! จะมาขวางฉันทำไม !”

“จู่โจมพวกเราทำไม !”

“ฉันไม่ได้จู่โจมนาย ! ฉันจะฆ่าซอมบี้ ! ฆ่ามัน ! ฆ่าพวกมันเดี๋ยวนี้ !”

ครอสขมวดคิ้วยิ่งไม่คิดจะปล่อยคนแต่โดยดี

“ทำไมยังไม่ปล่อยฉันอีก ! รีบฆ่าซอมบี้นั่นสักที ! ฆ่าซะ !”

“ฉันจะไม่ฆ่าเขา และนายก็ทำอันตรายเขาไม่ได้” ครอสกดเสียงข่ม

“เป็นบ้าหรือไง ! ซอมบี้อันตราย ! พวกมันสมควรตาย ! รีบฆ่ามัน !”

ชายคนนั้นเอาแต่โวยวายบอกให้ฆ่าไม่หยุดปาก ฟังแล้วระคายหูครอสเป็นอย่างมากจึงกดน้ำหนักเข่าลงกลางหลังอีกฝ่ายเพื่อเรียกสติ

“เขาไม่อันตราย !”

“ไม่ ! พวกมันสมควรตาย ! พวกมันต้องตาย–อ้าก—! !” ชายคนนั้นร้องเสียงดังเมื่อถูกเรียกสติอีกครั้ง

“เขาไม่อันตราย”

“ฉันจะฆ่า–อ้ากก—! !”

“มอง ! เขาดูอันตรายไหม” ครอสบังคับชายคนนั้นมองลูซีนอีกครั้ง

แม้คนต้องการปฏิเสธแต่ก็ไม่สามารถต่อต้านได้ “ไม่ พวกซอมบี้มัน–พวกมันอันตราย... ต้องฆ่า...” อย่างไรก็ตามเมื่อเขามองลูซีนให้ดีกลับพบว่ามันกำลังมองเขาด้วยสายตาเหม่อลอย

“ซอมบี้...”

เมื่อเทียบกับซอมบี้ตัวอื่น ๆ ที่เขาพบ ซอมบี้ตรงหน้าดูเหมือนมนุษย์มากกว่า...

“ได้ยังไง...ไม่มีทาง...”

เมื่อคนสงบลงครอสจึงคลายแรงกดแต่ก็ยังไม่ปล่อยในทันที มองขวานสกปรกมีคราบเลือดและเศษเนื้อยุ่ยติดอยู่สลับกับชายคนนี้ก็รู้ที่มาของกองศพพวกนั้นทันที

“นายเป็นคนจัดการซอมบี้พวกนั้นสินะ”

ซอมบี้ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อจากซอมบี้เท่านั้น แต่ท้ายที่สุดเมื่อมนุษย์ตายก็จะกลายเป็นซอมบี้ในภายหลัง ดังนั้นการจะเห็นศพในสภาพนั้นได้ภายในสี่วันหลังจากมีซอมบี้เกิดขึ้นคงเป็นฝีมือคนมากกว่ากลไกธรรมชาติ

ทว่าชายคนนั้นกำลังตกอยู่ในความสับสน มีความคิดมากมายตีกันอยู่ในหัวและพึมพำกับตัวเอง “อา... อะไรกัน... อะไรกัน...”

โดยไม่สนใจว่าคนจะได้ยินมากน้อยแค่ไหน ครอสพูดต่อ “คงเอาแต่ไล่จามพวกมันไม่ลืมหูลืมตา จนไม่สังเกตว่าพวกซอมบี้เปลี่ยนพฤติกรรมโดยสิ้นเชิง”

“...ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?”

“วันที่สองหลังจากพวกมันปรากฏ”

“...” เขานิ่งเงียบในที่สุด ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างบิดเบี้ยวพลางส่งเสียงร้องราวกับคนบ้าที่สิ้นหวัง “อา...! อ่า—! !”

ครอสสบตาคนซึ่งมองเขาราวกับตั้งคำถามถึงความสิ้นหวังของโลกใบนี้ ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยการเย้ยหยันทว่าเอ่อล้นด้วยน้ำตาไหลพราก เกิดเป็นภาพความน่าสมเพชเกินเยียวยา

แม้ครอสจะปล่อยเขาเป็นอิสระ แต่ชายคนนั้นก็ยังขดตัวบนพื้นต่อไป

ไม่รู้กำลังหัวเราะหรือร้องไห้

“รู้อะไรไหม” เขาพึมพำ “ซอมบี้คือคนที่ตายแล้ว...เพราะว่าตายไปแล้วก็เลยฆ่าไม่ตายอีก ต่อให้ทุบหัวจนเละไม่เป็นชิ้นดีพวกมันก็ยังลุกขึ้นมาได้อยู่ดี...”

“ดังนั้นหากจะกำจัดพวกมันมีแต่ต้องทุบกระดูกจนละเอียด ฮะฮะ...หรือไม่ก็แยกเธอออกเป็นห้าส่วนจนเคลื่อนไหวไม่ได้ ฮะฮะฮ่า..ฮะฮะ..ฮึก !”

ชายคนนั้นหัวเราะออกมาเหมือนคนไร้สติ เงยหน้ามองลูซีนด้วยอารมณ์หลากหลาย ทั้งความหดหู่ เสียใจ และการยอมรับความจริงไม่ได้ ก่อเกิดเป็นคลื่นอารมณ์กระตุ้นบางอย่างในตัวมัน

“...”

ลูซีนมองชายคนนั้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เห็นคนค่อย ๆ พยุงตัวลุกขึ้นพร้อมคว้าด้ามขวานซึ่งตกอยู่ไม่ไกล

ครอสรีบบังลูซีนจากชายคนนั้นพลางสังเกตทีท่าด้วยความระวัง เนื่องจากคนนิ่งสงบต่างจากคนคลั่งก่อนหน้านี้ทำให้คาดเดาความคิดไม่ออก

ชายคนนั้นมองครอสด้วยความเสียใจก่อนจะเดินผ่านพวกเขาไปหาซอมบี้ซึ่งร้องโอดครวญอยู่ เงื้อมือสูงเหนือศีรษะก่อนจะจามขวานลงไปอย่างแรง

เสียงระทมทุกข์พลันเงียบลง

ขวานซึ่งย้อมด้วยเลือดเนื้อถูกทิ้งลงราวกับปลดระวาง ชายคนนั้นหันกลับมามองพวกเขาทั้งสองอีกครั้งในเวลาสั้น ๆ ก่อนจะเดินจากไปอย่างหมดอาลัยตายอยาก

ดูไม่ต่างจากซอมบี้เลย



#โลกสุดท้าย


เจ้าถิ่น : //ส่งสายตา

ลูซีน : //ส่งสายตา

คนแปลกหน้า : (⁠。⁠•̀⁠ᴗ⁠-⁠)⁠✧ //ส่งสายตา

ลูซีน&เจ้าถิ่น : (ใคร?) ಠ⁠_⁠ಠ