เกิดใหม่มีพ่อเป็นพญาครุฑ มีแม่ เป็น พญานาค มีพี่ชายเป็นพญาครุฑ 2 ตัวร้อย ขยันสร้างความบันเทิงให้(ประชด) แต่ว่าเเม่ครับพี่มันจะเอาผมไปทำซาชิมิแล้วครับ;-;
ชาย-ชาย,ตลก,แฟนตาซี,เกิดใหม่,ครอบครัว,พี่เถื่อน,หิมพานต์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บันเทิงชีวิตใหม่ครอบครัวหิมพานต์หรรษาเกิดใหม่มีพ่อเป็นพญาครุฑ มีแม่ เป็น พญานาค มีพี่ชายเป็นพญาครุฑ 2 ตัวร้อย ขยันสร้างความบันเทิงให้(ประชด) แต่ว่าเเม่ครับพี่มันจะเอาผมไปทำซาชิมิแล้วครับ;-;
โอ้ดูเหมือนคำอวยพรผมจะยังได้ผลเพราะพวกเขาไม่ได้ลืมหิ้วผมติดมาด้วย และดูว่าคงหาอะไรมาห่อเพิ่มผมจึงรู้สึกถึงความอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย
“ว่าเเต่เป็นไข่ของอะไรเหรอครับพี่พอดูออกไหม สีทอง เงิน ราวกับแก้ว แปลกตามากผมไม่เคยเห็นเปลือกไข่แบบนี้มาก่อนเลย”
ผมรู้สึกเหมือนเขาจะหมุนไข่ผมไปมาเพื่อสำรวจ
“ไข่นาค”
“หืม ใช่เหรอครับ ขนาดผมเป็นนาค ผมยังมองไม่ออกเลยนะ พี่มั่วเปล่า”
“นาวี เพื่อเธอลืม พี่เป็นพญาครุฑย่อมไวต่อกลิ่นของสิ่งมีชีวิตที่ไม่ต่างจากเหยื่อ…เหมือนเธอที่จมูกไวต่อปลาทูนั่นเเหละ”
“ชิ เกลียดจริง พวกครุฑเวรกับพรส้นตีนนี่”
….ดูเหมือนพวกเขาจะเป็นคู่รักพญาครุฑกับนาคา…เเต่ว่าช่างเป็นคู่ที่แปลกมากตามตำนานพวกเขาเป็นศัตรูกันนิ แถมครุฑยังได้รับอนุญาตให้จับนาคกินเป็นอาหาร….นี่มันความรัก เหนือ เผ่าพันธุ์ สินะ สุดยอดไปเลย…
“แต่เจ้าไข่นี่ดูเล็กจังเลย แฮะ ตอนที่ผมเป็นไข่ยังใหญ่กว่านี้อีกตอนเด็กก็เคยได้ยินแม่บ่นให้ฟังว่าเบ่งไข่ผมจนตัวซีดเลย”
“หึ เธอมองไม่ออกก็ไม่แปลก เจ้าไข่นี่ก็แปลกจริงๆ นั่นเเหละ….”
“วีวี่ กลับมาเเล้วเหรอ”
เหมือนคุณธานิลจะพูดถึงอะไรบางอย่างเเต่ก็ถูกเสียงทุ้มอีกเสียงที่ไปโทนยียวนขึ้นขัดเสียก่อน
“เหอะ ดูไอเด็กเปตรนี่ เรียกผมเป็นหมาเลย ยังไม่กลับครับคุณลูก!”
“เวหาเรียกนาวีดี ๆ เขามีศักดิ์เป็นแม่”
“ครับบบ คุณพ่อธานิล คุณแม่นาวี ”
คุณพญาครุฑธานิลดุผู้มาใหม่ที่ดูเขาจะไม่ได้สะทกสะท้านเท่าไหร่นักกับคำเอ่ยปราม
“แล้วนี่เจ้าวาโยน้องเรามันไปไหน “
“เห็นว่าไปเล่นกับไอพวกอสุรา ที่ตีนเขาไกรลาส ใกล้กลับเเล้วมั้ง”
บทสนทนาที่ผมเข้าใจครึ่งไม่เข้าใจครึ่งดำเนินไป พอจับใจความได้ว่า คู่รักที่เก็บผมมามีชื่อว่า ธานิล กับ นาวี มีลูกอยู่แล้ว 2 คน ชื่อ เวหา ที่น่าจะเป็นคนพี่ แล้วก็ วาโย น่าจะเป็นน้อง
“แล้วนั่นเก็บอะไรกลับมา”
“เจอไข่นาคในสระน่ะ ”
นาวีเอ่ยตอบลูกชาย
“ไม่ใช่ไข่แม่เหรอ”
“แม่เป็น นาคา ไข่ไม่ได้เวหา สติลูก”
ผมรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงที่หมดคำจะพูดของนาวีที่หลังโดนคนพ่อกวนประสาทมาเเล้วก็มาโดนลูกชายกวนต่อ ด้วยประโยคล้อเดิม
“ใครจะไปรู้ ไปทำกันในนั้นตั้งหลายรอบ อาจจะมีอภินิหาร…”
อันนี้ผมแอบพยักหน้ารับ..เเค่วันนี้วันเดียว ก็หลายรอบมากว่าพวกเขาจะยอมขึ้นจากสระกัน
“ตอนผมเกิด ผมยังเกิดบนหลังคาห้องที่พ่อกับแม่กำลังเอากันเลย”
โอ้! ผมเกิดในไข่ลอยตุ๊บป่องในน้ำว่าแหวกแนวแล้ว โลกใหม่ที่ผมมาเกิดดูจะบันเทิงมากเกิดบนหลังบ้าน! คุณพระ!
“อันนั้นลูกเกิดแบบโอปาติกะ ปกติก็มากับสายฟ้าที่ผ่าบนหลังคาบ้านของหลังที่จะมาเกิดอยู่แล้ว ธานิลก็เกิดแบบลูกเเต่มีมารยาทกว่าเยอะ เกิดตอนคุณปู่คุณย่าท่านนั่งเล่นกันอยู่ แล้วก็ ห้ามพูดลามก! เดี๋ยวจับดีดปากเจ้าลูกคนนี้ ”
“อ้อผมผิดเองไม่ดูเวล่ำเวลาสินะ หึ อืมจะว่าไปตอนวาโยเกิด ก็เกิดในอ่างอาบน้ำ ตอนพ่อกับแม่…ปับดี้ดับโอเย้ โอ้ย ตีทำไมเปลี่ยนคำให้เเล้วไง”
“ไอลูกคนนี้นิ รู้มาก พี่ธานิลดูลูกพี่ดิ ”
อาเหมือนผมกำลังทำตัวให้ล่องลอยไปกับจักรวาลไม่รับรู้อะไรกับบทสนทนานี้ทั้งสิ้น
“ฉันถึงได้บอก เด็กที่เกิดแบบโอปาติกะ มันไม่ได้น่ารักหรอก”
“เอาไปคืนทันไหม”
“พูดงี้ผมเสียใจนะคุณแม่”
“ทำหน้าได้ตอแหลมากลูกกู…พญาครุฑการละครได้ใครวะ”
“กลับมาแล้วครับ”
ผมแว่วได้ยินเสียงเด็กผู้ชายอีกคนหนึ่งดังลอดเข้ามา..คงจะเป็นวาโยที่พวกเขาพูดถึงก่อนหน้า ลูกชายอีกคนของบ้านที่เกิดในอ่างอาบน้ำ…นั่นแหละครับ ทำไมผมรู้สึกสงสารเขายิ่งนัก…
“สุ่มหัวอะไรกันครับนั่น”
ผมชะงักเมื่อได้ยินเสียงวาโยที่กล่าวเหมือนจะสุภาพด้วยโทนน้ำเสียงไร้อารมณ์
“ไข่นั่นจะเอามาทำเมนูอะไรเหรอครับ ”
พรึบ
ไม่เขาหยาบคายมาก! ผมขอถอนคำพูดที่ว่าเขาน่าสงสารก่อนหน้านี้ด้วย เหมือนเขาจะยกผมขึ้นและหมุนข้อมือวนไปมาอย่างสำรวจ ที่แน่ ๆ ผมไม่อยากเป็นไข่ทอดครับ! คิดแล้วผมก็ดันตัวจะออกจากอุ้งมือที่ดูจะร้อน ๆ หนาว ๆ
แปะ
คล้ายผมจะหนีสำเร็จ ล่วงลงมาในอะไรนิ่มๆ ที่นาวีกับธานิลคงหาอะไรมาลองไว้ให้
“โอ้ะ ดิ้นได้ด้วย”
“ลูกทำอะไร ระวังหน่อย”
นาวีเหมือนจะเห็นผมหลุดจากมือวาโย จึงเอ่ยเตือน
“แม่เจ้านี่มันดิ้นหนีหลุดจากมือผม พี่เวหาก็เห็นใช่ไหม”
“อืม…”
เสียงของเวหาครางรับคำของน้องชาย
“หืม…เหรอ”
ผมรู้สึกเหมือนมีมือมาแตะ ๆ เปลือกไข่ผม เเผ่วเบา
“ไม่เห็นขยับ”
นาวีร้องถามลูกชาย เมื่อผมไม่ได้ขยับหนีมือเขา
“นี่ นี่ ถ้าไม่ขยับจะเอาไปทอดกินน้า~”
เสียงของวาโยดังใกล้ประหนึ่งก้มลงมากระซิบใกล้ไข่ ทำเอาผมขนลุกพรึบ ไม่รู้ว่าตอนนี้มีขนไหม เรื่องนั้นช่างมัน เพื่อความอยู่รอด ผมจัดการม้วนหน้าม้วนหลังกลิ้งไปมาสุดฤทธิ์ เเต่ทำได้เเค่ขยับเปลือกไข่ให้สั่นได้เล็กน้อยเพราะวาโยยังคงจับกำไว้ในมือ
“หืม…ดูฟังดูเรื่องด้วยแฮะ…”
เสียงของเวหาฟังดูคล้ายเจอเรื่องสนุก ผมคิดว่าใบหน้าตัวเองตอนนี้ถ้าเป็นคนคงซีดเผือด คล้ายเหยื่อที่เผลอส่งเสียงให้ฆาตกรได้ยินอย่างไรอย่างนั้น
“หึ เป็นไข่ที่ตลกจัง ว่าเเต่นี่ไข่อะไรเหรอครับ”
วาโยร้องถามพี่ชายที่ดูจะนั่งไม่ไกลกันเพื่อถามหาความเป็นมาของผม
“ไข่แม่”
เวหาตอบโดยทันทีอย่างไม่ลังเล
เพี้ย!
“โอ้ยเจ็บนะ วีวี่”
ผมว่าเขาสมควรโดน ดูจะกวนตีนคุณนาวีบ่อยมาก
“เเม่เก็บได้จากสระชลรินทร์น่ะ น่าจะมีใครเหวี่ยงเข้ามา เหมือนจะเป็นไข่นาค ”
“อ่อ น้องสินะครับ…ตั้งชื่อน้องหรือยังครับ”
“ก็บอกอยู่แม่เป็นตัวผู้ เหมือนพ่อลูก ไข่กับท้องไม่ได้เว้ยยย!”
“แต่แม่เจอน้องตอนมีอะไรกับพ่อในสระใช่ไหมล่ะ…”
“….”
คุณนาวีดูเหมือนจะเถียงลูกชายคนเล็กไม่ออก
“อืม พี่ว่า วาริน เป็นไง เวหา วาโย วาริน วอ วอ วอ เข้ากันดี ”
วาโยดูจะเมินคำวารีไปแล้วว่าผมไม่ได้เกิดจากเขา…แล้วนี่เวหาตั้งชื่อโดยจะไม่ดูเพศสภาพผมเลยเหรอครับ…
“โอ้ยย หัวจะปวด พี่ธานิลพูดไรหน่อยดิ”
“…ธาราริน เวทไตยวงศ์สุบรรณ เป็นไง”
“ไม่เลวนิพ่อ”
“….”
คุณนาวีดูน่าสงสารไม่น้อยเลยครับเมื่อดูเหมือนคุณธานิลจะเข้าร่วมกับเวหาและวาโยเรียบร้อย สรุปเขาจะตั้งชื่อโดยที่ไม่คิดจะรู้เพศของผมเลยสินะครับ..;-;
….
ชีวิตในไข่ของผมดีขึ้นมาหน่อยตรงที่ได้อยู่ในที่อบอุ่นขึ้น แต่ก็ต้องคอยระวังว่าเวหากับวาโยจะเอาผมไปทำเป็นไข่ทอด จำต้องมีสติตื่นตัวเสมอ เพื่อกลิ้งหลบ หรือ มุดรูหลบ หลบทั้งที่มองไม่เห็นอะไรนั่นแหละครับ
“กลิ้งเก่งจริง ถ้าไม่อยู่นิ่ง ๆ จะเผาแล้วนะ”
กึก
ผมหยุดนิ่งสั่งได้ประหนึ่งส้มหยุด เมื่อรับรู้ถึงความร้อนของเส้นทางที่จะกลิ้งไป…มันไม่ขู่ มันเอาจริงเลย!
“ฉันไม่ได้คิดไปเองใช่ไหม ดูเหมือนเธอจะฟังรู้เรื่องจริงๆ”
เสียงของเวหาดังอยู่ไม่ไกล เเถมตัวผมหรือไข่ที่ผมอาศัยอยู่จะถูกเขาเอามือนวดคลึง มันจึงโคลงเคลงหมุนไปมาพวกนั้นลักลอบก็ไม่ได้รุนแรง ให้พอมึน ๆ
“สติลูก เวหาน้องยังเป็นเเค่ไข่ คงขยับหาที่อุ่น ตอนแม่เป็นไข่ก็ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นกว่าจะจำความได้ก็ตอนสามสี่ขวบโน้น ไม่ได้เหมือนลูกกับวาโยที่ เกิดเเล้วโตจำความพูดรู้เรื่องได้เลย”
“ตอนอยู่ในไข่วีวี่สมองยังไม่โตหรือเปล่า”
ผมตาค้างทันที นี่เขาเป็นแม่ลูกกันจริงใช่ไหมครับ
“…อันนี้ไม่ได้ด่าแม่ใช่ไหม”
“...คิดมากกกก สมองก็ต้องโตก่อนไหมถึงจำความได้ วีวี่อคติเเละ”
“พี่ธานิลทำไมเหมือนผมโดนลูกแอบด่าวะ”
“…”
ดูเหมือนคนที่ลำบากเพราะเวหาจะไม่ได้มีแค่ผม …เวหามันด่าคุณนาวีตรง ๆ เลยครับ
ผมแอบได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนของคุณธานิลด้วยแฮะ เพราะคุณนาวีก็ตามลูกชายไม่ค่อยจะทันจริง ๆ นั่นแหละ
“แล้วนี่วาโยมันไปไหนอีกแล้ว”
“ไปเอาพัสดุที่ขนส่ง เห็นว่าช้าเลยตามไปดู”
“สั่งอะไร รีบขนาดนั้น”
พรึบ พับ
ผมได้ยินเสียงเหมือนลมแรง ๆ พัดผ่านตามด้วยเสียงของนาวีที่เสียงดัง
“วาโย! อย่าบินเข้าทางหน้าต่างบ้าน!!”
โอเครรู้เรื่องพี่น้องบ้านนี้มันฝันร้ายของเหล่าคุณแม่ชัดๆ เด็กเปรตของแท้
“นินทาอะไรกัน”
เสียงของวาโยดังเข้ามาใกล้ขึ้นพร้อมเสียงก้าวเดิน ดูเมินจะเมินคุณนาวีที่เอ็ดเจ้าตัวเรื่องเข้าทางหน้าต่างประหนึ่งไม่มีอะไรเกินขึ้น หรือไม่ก็ได้ยินจนชิน
“ถ้าเป็นโบราณ เขาว่านายจะตายยากน่ะน้องชาย แล้วได้มาไหม”
เวหากล่าวทักทายน้องชาย และก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเมินคุณนาวีอีกแล้ว
“ได้มา เอามานี่ดิ”
พรึบ
ผมรู้สึกเหมือนมีมือสารวนอยู่กับไข่ตัวผมเลยโยกโคลงเคลงไปมา
“ไอพวกครุฑพวกนี้นิ และนั่นลูกเล่นอะไรกัน?”
คุณนาวีดูจะปลงตกกับเจ้าสองตัวนี้ไปเยอะแล้ว และก็ขอบคุณมากครับที่สังเกตเห็นผมสักทีว่ากำลังโดนเจ้าพวกนี้รุมทึ้ง!!!
“ใส่เสื้อให้น้องไงครับ”
เสียงของวาโย ดังขึ้นคล้ายว่าไม่มีอะไรพิเศษ แต่ผมนี่ร้องห้ะ เสื้ออะไรนะครับ เดี๋ยวก่อนนน!
“ฮ่ะ!? น้องยังอยู่ในไข่ มันมีขายด้วยเหรอ “
ดูเหมือนคุณนาวีเองก็งงไม่แพ้ผม ชุดไข่ บ้าไปแล้ว!!
“สั่งตัดไง”
“เดี๋ยวนะ ลูกสั่งตัดชุดให้ไข่!”
ผมก็อึ้งไม่ต่างกัน
“ตกใจอะไรก่อนแม่ ตัดชุดให้เม็ดมะม่วงใส่ยังมีเลย”
“….”
ไม่ใช่แค่คุณนาวีที่ช็อกผมเองก็ตกใจไม่แพ้กัน…แฟชั่นนี่มันไม่มีถูกมีผิด หรือ เขตพรมแดนจริงๆ ผมเองก็เคยเห็นผ่านหน้าอินเทอร์เน็ตอยู่เหมือนกันในชาติที่แล้วว่ามีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่เขาเอาเม็ดมะม่วงมาเป็นสัตว์เลี้ยง ตกแต่งหวีขนให้อย่างสวยงาม เถียงวาโยไม่ออกจริง ๆ ครับ ณ จุดจุดนี้
“เอา ใส่กระโปรงให้แล้ว เต้นระบำให้ดูหน่อยเร็ว”
ผมที่อยู่ในไข่ตัวโยกไปตามแรงจิ้มปรักปรำของวาโย ที่ดูจะแต่งตัวให้ผมเสร็จ แอบได้ยินเสียงชัตเตอร์ของกล้องดังอยู่หลายรอบ
“วาโย ไข่มันยังฟังลูกไม่รู้เรื่องหรอกนะ เขาอาจมีดิ้นไปมาบ้างเเต่ก็เพราะหาที่อุ่นๆ ไม่ใช่เพราะเข้าใจลูก ออกจากไข่มาก็กว่าสามเดือนที่จะพอพูดรู้เรื่อง น้องไม่ได้เหมือนลูกๆ นะที่เกิดเเล้วพูดเป็นต่อยหอยกันเลย เเล้วก็เอาน้องกลับใส่ตะกร้าอย่าเอามาวางกับโต๊ะเดี๋ยวก็กลิ้งล่วงลงมา ”
แว่วเสียงนาวีเอ่ยบ่นอยู่ไม่ไกล เเต่เจ้าสองตัวที่กำลังลุ่มล้อมก็ดูจะไม่ได้สนใจ ก่อนหน้านี้เวหาคนพี่ก็โดนบ่นไปรอบเเล้วก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไร
“นี่ถ้าไม่เต้น พี่จะเอาไปย่างกินน้าา~”
เสียงเวหากระซิบแผ่วเบาใกล้เปลือกไข่มากๆ ราวกับถูกกระซิบที่ข้างใบหู ชวนให้ขนลุกพรึบ ผมนี่ลุกขึ้นโยกสั่นเปลือกไข่อย่างบ้าคลั่งทันทีเพราะรู้สึกว่าเปลือกไข่มันอุ่นขึ้นประหนึ่งมีเปลวไฟมาจ่อใกล้ๆ
“อ้ะ! เดี๋ยวหยุด”
ยังไม่ทันขาดคำเวหา อยู่ๆ โลกของผมก็หมุนติ้วๆ เป็นลูกข่าง สามารถตรัสรู้ได้ทันทีว่าผมกำลังโม่งโลก ยังไม่ทันได้ลืมตาดูโลกใบใหม่ก็จะขิตอนาถในไข่อีกชาติแล้ว ชีวิตผมมันจะโหดร้ายไปไหน เจอคนรังแกตายสองชาติติด ชาติที่เเล้วดับอนาถคาตีน ชาตินี้ดับอนาถคาไข่ ผมเร่งเอาหัวโหม่งโหม่งเยื่อและเปลือกไข่เพื่อหวังจะรอดชีวิตออกไปจากไข่ ที่ยามนี้ไม่ต่างจากยานมรณะที่กำลังดิ่งพสุธา
เปรี้ย
เเสงสว่างส่องเข้ามาประหนึ่งหนทางแห่งสวรรค์ ผมรีบดีดตัว ควงตัวเองเป็นสว่านพุ่งหลาวออกมาอย่างไม่คิดชีวิต
แอ้ก!
ฟุบ!
อ่าดูเหมือนผมจะรอดเเล้วครับ ผมกะพริบตาปริบๆ เพื่อปรับรูม่านตาให้เข้ากับเเสงสว่างที่พบเจอหลังผ่านไปกี่ปีก็ไม่อาจทราบได้ ที่อยู่ภายใต้ความมืดมิด
แชะ
“รับได้สวย นิน้องชาย”
เสียงชัตเตอร์ดังขึ้น ผมจำได้ว่านี่เป็นเสียงของเวหา
อ่ะเด้ะ
ดูเหมือนผมจะมาแลนดิ้งอยู่บนใบหน้าของวาโยที่ยามนี้นอนราบกับพื้นฝ่ามือโอบอุ้มไข่ของผมที่ถูกเจาะเป็นรู ผมสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงการจับจ้อง เมื่อเงยหน้าขึ้นจึงสบกับดวงตาสีทองของคนที่นั่งเท้ากับโต๊ะจ้องเขม็งมาที่ผม รอยยิ้มของชายบนเก้าอี้ค่อย ๆ ยกมุมปากขึ้นราวกับถูกใจบางสิ่ง เขาเป็นเจ้าของเสียงชัตเตอร์นั่นอย่างไม่ต้องสืบดูได้จากโทรศัพท์ในมือ
“ตัวนิดเดียวเอง…คำเดียวก็หมดเลยนะนี่”
เวหาพูดต่อ ไอเจ้าคนที่จะจับผมทำไข่ย่างนั่นแหละครับ ผมรู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหล ก่อนจะได้หนี ก็ถูกอุ้งมืออุ่นของคนที่โดนผมพุ่งใส่หน้า จับประคองขึ้น
“ ไม่ได้ตัวเขียวเหมือนแม่สินะใสใส เลื่อมเหมือนอุตส่าห์ชิมิเลยแฮะ”
คนที่จับผมพลิกซ้ายพลิกขวาก็คงเป็นวาโย เขาดูเด็กกว่าเวหาอยู่ไม่น้อย ถ้าให้เทียบ ถ้าเวหา ก็อยู่ประมาณมหาลัย มอปลายอย่างต่ำ ส่วนวาโยก็อยู่ประมาณมอต้น…แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับเลยคือพวกเขาหน้าตาดีมาก หล่อสุดเท่าที่ผมเคยเจอมาเลย ดวงตาสีทองนั่น สุดยอดไปเลย ผมสีดำขลับก็ช่วยส่งให้ดวงตานั่นมีเสน่ห์อย่างมหาศาล
“วีวี่ น้องฟักแล้วนะ!!!”
เวหาป้องปากตะโกนเรียกหาคุณนาวี
“เสียงดังเอะอะอะไรกันเมื่อกี้ อะไรฟัก เดี๋ยว! ไข่น้อยฟักแล้วเหรอ!? ลูกไม่ได้ทำแตกกันใช่ไหม”
เสียงตึกตักดังขึ้นมาแต่ไกลก่อนจะปรากฏร่างสูงเพรียวของคุณนาวีที่ผมจำเสียงที่ทุ่มหวานๆ ไพเราะนั่นได้ดี คุณนาวีเองก็สวยมาก สีผมคุณนาวีแปลกตาผมไม่น้อยที่ด้านนอกจะเป็นสีดำเเต่ด้านในมีสีเขียวเข้มที่ออกเขี้ยวหม่นเข้ากับดวงตาสีเฮเซลนัลคู่สวยนั้นมาก ด้านข้างเเก้มมีเกล็ดสีเขียวมรกตให้เห็นเล็กน้อย ดูงดงามขึ้นไปอีกสมเป็นนาคาที่ว่า งดงาม สวย รวยเสน่ห์ที่สุดในสัตว์ตามตำนานหิมพานต์
“น้องเจาะออกมาเอง วีวี่อย่าปรักปรำ”
ผมกลอกตาไปมองเวหาที่เฉหลบดวงตานาวีอย่างไม่กล้าสู้หน้า เปลือกไข่ของผมถูกวาโยวางกลับไปในตะกร้าด้วยสภาพที่ไม่บุบสลาย วาโยรับได้ทันก่อนที่มันจะร่วงแตก เปลือกไข่จึงมีเพียงรูที่ผมเจาะออกมาเพื่อหนีตายรูปร่างไข่จึงยังสมบูรณ์คำแก้ตัวของเวหาจึงไม่มีช่องโหว่อย่างน่าเจ็บใจ
“ไหน น้องโอเคไหม ไข่ใบเล็กมาก แม่คิดว่าอย่างต่ำอาจจะเป็นเดือนกว่าน้องจะฟักเป็นตัว”
“งื้อ”
ผมคลอเคลียกับมือของนาวีที่ช่วยลูบคราบเมือกออกให้ ดูเหมือนผมจะเกิดใหม่เป็นสัตว์เดรัจฉานจำพวกงู ถึงแม้ผมจะได้ยินว่าพวกเขาบอกว่าผมเป็นไข่ของนาคแต่ไม่กล้าที่จะฟันธงว่านาคที่เขาพูดตรงกับความคิดของผมไหม..ผมยังไม่เห็นรูปร่างของตนเองก็ยังไม่อยากสรุปไปก่อน
“ดูเหมือนจะเป็น นาคในตระกูล…ที่มีเกล็ดสีรุ้ง”
นาวีเริ่มสำรวจผมเและออกความคิดเห็น
“กลับมาเเล้ว”
เสียงนี้ผมจำได้ดูเหมือนจะเป็นเสียง คุณธานิล ผมชะเง้อคอมองหาต้นเสียง คุณนาวีสวยขนาดนี้ พวกเวหากับวาโยก็หน้าตาหล่อระดับจักรวาล คุณธานิลก็คงไม่แพ้กัน
“พี่นิล ไข่ที่เราเจอวันนั้นฟักเเล้ว ตัวเล็กมากเลยลูก ดูเหมือนจะสมบูรณ์แข็งเเรงดี..เเต่คงต้องไปให้หมอตรวจดูก่อน”
นาวีประคองผมด้วยการช้อนอุ้งมือ ช้อนอุ้มอย่างเบามือ หันไปหาคุณธานิลที่พึ่งเดินเข้ามา คุณธานิลมีผมสีดำเเละตาสีทองเหมือนกับเวหาและวาโยสมที่พวกเขาเป็นพ่อลูกกันแทบจะถอดแบบกันมาโดยเฉพาะ วาโย ที่ใบหน้าเกือบ แปดในสิบ ส่วนเหมือนคุณธานิลไปเเล้ว!
คิ้วเข้มของคุณธานิลขมวดเข้าหากันเมื่อจ้องมายังผม
“ตระกูลฉัพพยาปุตตะ…สีรุ้ง”
“ใช่ พี่เองก็แปลกใจเหมือนผมใช่ไหมเด็กคนนี้มาโผล่ ในสระน้ำเราได้ไง ตระกูลสีรุ้ง สันโดษมาก ๆ น้องไม่รู้เลยว่าเขาไปตั้งหมู่บ้านกันตรงไหนบ้าง เป็นนาคเหมือนกันแท้ ๆ ”
“นาวี…จำที่เราไปเมืองมนุษย์ครั้งก่อนได้ไหม…”
“ครับเมื่อ ประมาณสามเดือนที่แล้วที่พี่ธานิลกลับมาก่อน”
หน้าของคุณธานิลเคร่งเครียดขึ้น คุณนาวีดึงผมประคองไว้ตรงอก เเละยกมือลูบหัวแผ่วเบา
“อืม พี่ยังไม่ได้บอกเรา วันนั้นน่านฟ้าของบ้านเราถูกบุกรุกพี่เลยกลับมาดู จึงเจอกับพวกอาชญากรที่กำลังหลบหนี…”
“…”
พวกเรานิ่งฟังคุณธานิลเล่า
“พวกนั้นลักลอบนำบ้างสิ่งเข้ามา…”
“ไม่ใช่อย่างที่น้องคิดใช่ไหม”
คุณธานิลไม่ตอบแต่พยักหน้ารับแทน ผมจึงพอเดาออก เขตนี้เป็นถิ่นอาศัยของครุฑ สิ่งที่พวกนั้นลักลอบเข้ามาคงไม่พ้นเป็นเนื้อของนาคผู้โชคร้าย
“พวกเขาอาศัยกันอยู่อย่างสันโดษและปลีกวิเวกเกินไป…ถึงเเม้หมู่บ้านจะเป็นความลับเเต่ถ้าถูกล่วงรู้โดยคนไม่ดี เราไม่รู้เลยว่าพวกเขากำลังถูกทำร้าย…แม้จะบอกว่าเป็นเคราะห์กรรมเพื่อบรรลุสู่การเป็นเทพก็ตาม…แต่กฎสวรรค์เปลี่ยนไปแล้ว ครุฑไม่ได้รับการอนุญาตให้ล่านาค อย่างไรพวกเขาก็สมควรได้รับการคุ้มครอง เเละไม่สมควรถูกล่าอย่างป่าเถื่อน ไม่ต่างอะไรไปกับเดนมนุษย์ที่กินเนื้อมนุษย์ด้วยกันหรืออาจจะ ต่ำยิ่งกว่าเสียอีก…”
นาวีเอ่ยออกมาอย่างเวทนาในชะตากรรมของเหล่านาค ที่ยังคงต้องหวาดผวากับการถูกไล่ล่าจากสัตว์เทพด้วยกันเอง
บทสนทนาของคุณธานิลกับคุณนาวีทำให้บรรยากาศในบ้านกระอักกระอ่วนขึ้น…เเละชวนหดหู่ไม่น้อย…ผมก้มหน้ามองฝ่ามือเรียวที่กำลังสั่นของคุณนาวี
ดูเหมือน ครอบครัวที่แท้จริงของผมจะถูกครุฑล่า และผมก็เป็นหนึ่งในไข่ที่ถูกขนย้ายมาอาจจะนำมาขายให้กับพวกครุฑที่สนใจทานเนื้อนาค ในปัจจุบันการล่านาคถือเป็นข้อห้ามและมีกฎหมายอย่างชัดเจน เพื่อปรับให้เข้ากับยุคสมัยที่กำลังก้าวไปข้างหน้า เเต่ก็มีพวกวิปริตที่ยังคงอยากลิ้มลองรสชาติของนาค ที่บรรพบุรุษเคยได้รับการอนุญาต จึงมีการลอบค้าขาย ไม่ต่างจากการค้าเนื้อมนุษย์ในโลกมนุษย์ ค้ากระทั่งตัวอ่อนที่ถูกพรากจากท้องแม่…
เเมะ
ผมรู้สึกดวงตาร้อนผ่าว หยดน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาจากไหนไม่รู้เต็มไปหมด
“อื้ออ อึก”
“อ้ะ…ไม่เป็นไรนะเด็กดี ปลอดภัยแล้วจากนี้แม่จะดูแลเราเองนะ”
นาวีรับรู้ถึงความสั่นเทาของตัวผม เเละเสียงสะอื้นให้ รีบโอบกอดประคองไว้แนบอก
“ชู่เด็กดี ขอโทษนะที่คุณพ่อเรามันมาพูดอะไรก็ไม่รู้ต่อหน้าลูก…โอ๋โอ๋ ขวัญเอ๋ยขวัญมาคนดี”
“ฮึก”
ชาตินี้ก็ดูเหมือนผมจะเกิดมากำพร้าอีกเแล้ว ฮึก อุตส่าห์คิดว่าได้เกิดใหม่จะมีคุณพ่อคุณแม่พร้อมหน้า อึก โหดร้าย โหดร้ายไปแล้ว ผมตีหางตัวเองไปมาอย่างไม่พอใจ
“ชู่ไม่ร้องนะคนดี ดูสิ หนูมีพี่ตั้งสองคน มีพ่อเป็นผู้ปกครองครุฑทั้งปวง เป็นหนึ่งในรัฐมนตรีกระทรวงหิมพานต์ เลยนะ ส่วนแม่ก็เป็นคนสวยที่รวยมาก ต่อจากนี้หนูจะเป็นลูกของแม่ที่น่ารักที่สุดในปฐพี หนูวาริน คนเก่งของแม่ ไม่ร้อง เห็นหนูร้องแล้วแม่ใจจะขาดตาม ลูกตัวเล็กพอสะอื้นที ดูทรมานมาก”
…ผมมองนาวีที่ลูบเช็ดน้ำตาให้ผมอย่างเบามือ โอเคคุณนาวีสวยจริงตามคำที่เขาคุยไว้ สมกับเป็นนาคที่ตามตำนานเล่าว่ามีรูปโฉมที่เป็นมหาเสน่ห์ตัวผมคล้ายได้สติเเละนิ่งคิดตาม….ในโลกใบนี้เสียงแรกที่ผมได้ยินก็คือเสียงของเขา มือที่โอบประคองผมขึ้นจากสายน้ำที่เงียบเหงาและวังเวงเเห่งนั้นก็คือ นาวี ที่เก็บผมมาฟูมฟัก…หากไม่นับสายเลือด..เขาเองก็ไม่ต่างจากแม่…เวหา ตั้งนามเรียกขานเล่นๆ ให้ว่า วาริน ที่ใช้ตัววอ ให้เข้ากันในสามพี่น้อง แม้จะชอบแกล้งหยอกผมแรงเแต่ก็เป็นเขาที่ช่วยสร้างเปลวไฟในตอนที่ผมรู้สึกหนาว คอยมาคุยเล่นอยู่ไม่ห่าง พอกับ วาโย ที่ชอบมาหยอกเล่นแรงไปบ้าง แต่เขาไม่เคยทำผมเจ็บเลย
พ่อธานิลเองก็ตัั้งชื่อจริง พร้อมยกนามสกุลของเขาต่อชื่อ ไม่ต่างจากการยอมรับผมเข้าสู่ตระกูลอันทรงเกียรติของเขา
“อืออ มี้”
ผมเอาหน้าถูอกเสื้อของแม่นาวี ครอบครัวของผมอยู่ตรงนี้…พวกเขาอยู่ข้าง ๆ ผมมาตลอดอยู่แล้ว…
“โอ้ะ! อื้อออ เขาเรียกผมว่าแม่ล่ะ น่ารักไปเเล้ว”
นาวียกตัวผมขึ้นมาถูกับเเก้มของเขา
“...”
จริงๆ ผมก็เเค่ครางอย่างเป็นสุข เพราะดูเหมือนลิ้นผมจะใช้ออกเสียงอะไรไม่ได้เลยไม่ต่างจากเด็กทารกที่ส่งเสียงได้เพียงอื้ออ่า เเต่ผมจะไม่ขัดจินตนาการของนาวี..ไม่สิ..แม่
“วีวี่ผมยังไม่ได้จับน้องเลย ขอลองจับบ้างสิ”
เวหาว่าอย่างเว้าวอน ผมกรีดร้อง เจ้านี่มันจะทำผมเป็นไข่ทอดดด แถมดูมือหนักด้วย!
“งื้ออออ”
“ดูสิน้องก็อยากให้ผมจับ”
ไม่เว้ยยยย ดูเหมือนเสียงผมจะส่งไปไม่ถึง
“จับน้องดี ๆ อย่าให้ร่วง เบา ๆ ด้วย น้องพึ่งออกจากไข่ เกล็ดยังไม่แข็งแรง”
นาวีค่อย ๆ ส่งต่อผมให้เวหาได้ลองจับประคอง
“ครับๆ โอ๊ะ นุ่มนุ่ม ลื่นลื่น เล็ก ๆ กลืนที นี่ไหนลงคอในคำเดียวเลยนะนี่ เจ้าซาชิมิน้อย อัก!”
ตุบ
เวหาที่ประคองผมอยู่บนฝ่ามือทั้งสองข้าง ชูไว้ตรงหน้าก่อนจะทำท่าอ้าปากเหมือนจะวัดขนาดตัวผม เขี้ยวแหลมสะท้อนกับแสงไฟ ทำให้ผมน้ำตาตก…แต่ก่อนที่จะได้พุ่งหลาวหนีก็ถูก แม่นาวีอุ้มกลับคืน และคุณแม่คนสวยไม่ลืมประเคนฝ่ามืออรหันต์ใส่หลังเวหา หนึ่งตุบ กลางหลังเน้นเน้น สะใจ อีช้อย ยิ่งนักครับ เข้าใจประโยคนี้อย่างลึกซึ้งก็วันนี้เหมือนกันครับ!
“ซาชิมิบ้านมึงสิ ไอเด็กเวรนี่นิ เล่นอะไรไม่เข้าเรื่อง ”
“แม่…เราบ้านเดียวกัน”
วาโย ยังคงสโลแกนช็อตฟิลนาวีไม่เสื่อมคลาย แต่ใดๆ ผมรู้สึกดีมากที่เวหาโดนตีไปหนึ่งปาบ ก็รู้ว่าแกล้งหยอกแต่มันก็แอบสั่นอยู่ดี ผมรู้ว่าเขาแกล้งก็เพราะเขาจับผมแผ่วเบามาก เเล้วก็ไม่เคยแกล้งอะไรที่มันอันตรายจริง ๆ ตอนที่กลิ้งจากโต๊ะ ในมือเขาก็มีสายลมหมุนอยู่บนฝ่ามือตอนเเรกผมไม่รู้ว่าเป็นอะไร เเต่ดูจากการที่พวกเขาเป็นพญาครุฑก็คงเป็นฤทธิ์เดช
คุณธานิลไม่สิต้องเรียกว่าคุณพ่อ ส่ายหน้าให้กับความวุ่นวายในครอบครัวของเรา..
“วาโยก็อีกคน ห้ามนำเรื่องพวกนี้มาทำเป็นเหมือนเรื่องตลก เข้าใจไหม ห้ามไปทำใส่นาคตนอื่นอย่างนี้ด้วย ถ้ารู้เเม่จะตามไปสั่งสอนถึงที่เลย”
“มี้”
ผมกระตุกยิ้ม เชิดคอขึ้นอยู่บนฝ่ามือของนาวี มองต่ำไปมองเวหากับวาโยที่เริ่มโดนคุณแม่นาวีสั่งสอน รสชาติของการมีคนหนุนหลังมันคืออย่างนี้นี่เอง
คุยกานไปปป: โอ๋น้าาถึงบ้านเเล้วลูกกก เจ้าพวกพี่ชายเเต่ละตัวนี่น่าจับตีมาก น้องออกจากไข่เเล้ววววน้าาา
เฮฮาหลังม่าน
อยู่บนฝ่ามือนาวี: มี้ /เชิดหน้าขึ้น
อยู่บนฝ่ามือธานิล: อู้ /มองเจ้าของฝ่ามือตาแป๋ว
อยู่บนฝ่ามือวาโย : ฮึก / ขดเป็นวงซาลาเปา
อยู่บนฝ่ามือเวหา : แงงงง /สั่นเป็นเจ้าเข้า