เกิดใหม่มีพ่อเป็นพญาครุฑ มีแม่ เป็น พญานาค มีพี่ชายเป็นพญาครุฑ 2 ตัวร้อย ขยันสร้างความบันเทิงให้(ประชด) แต่ว่าเเม่ครับพี่มันจะเอาผมไปทำซาชิมิแล้วครับ;-;

บันเทิงชีวิตใหม่ครอบครัวหิมพานต์หรรษา - บทที่ 3 ซาชิมิชอบกินปลาส้ม โดย wah_cherly @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ตลก,แฟนตาซี,เกิดใหม่,ครอบครัว,พี่เถื่อน,หิมพานต์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

บันเทิงชีวิตใหม่ครอบครัวหิมพานต์หรรษา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ตลก,แฟนตาซี,เกิดใหม่,ครอบครัว

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พี่เถื่อน,หิมพานต์

รายละเอียด

บันเทิงชีวิตใหม่ครอบครัวหิมพานต์หรรษา โดย wah_cherly @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เกิดใหม่มีพ่อเป็นพญาครุฑ มีแม่ เป็น พญานาค มีพี่ชายเป็นพญาครุฑ 2 ตัวร้อย ขยันสร้างความบันเทิงให้(ประชด) แต่ว่าเเม่ครับพี่มันจะเอาผมไปทำซาชิมิแล้วครับ;-;

ผู้แต่ง

wah_cherly

เรื่องย่อ

สารบัญ

บันเทิงชีวิตใหม่ครอบครัวหิมพานต์หรรษา-บทนำ ขอไข่ในน้ำ ฉอฉิบ ไปไหน,บันเทิงชีวิตใหม่ครอบครัวหิมพานต์หรรษา-บทที่ 1 ตัวน้อยตัวนิด ๆ ตัวนิดเดียว คำเดียวก็หมดแล้ว,บันเทิงชีวิตใหม่ครอบครัวหิมพานต์หรรษา-บทที่ 2 ซาลาเปาขาวๆ อ้วนๆ หอมๆ อร่อยหรือเปล่าต้องชิม,บันเทิงชีวิตใหม่ครอบครัวหิมพานต์หรรษา-บทที่ 3 ซาชิมิชอบกินปลาส้ม,บันเทิงชีวิตใหม่ครอบครัวหิมพานต์หรรษา-บทที่ 4 โบราณว่าอย่าพูดอะไรบ่อย ๆ เดี๋ยวได้เป็นจริง,บันเทิงชีวิตใหม่ครอบครัวหิมพานต์หรรษา-บทที่ 5 เผลอเอาเข้าปาก ดันอร่อยเฉย!?,บันเทิงชีวิตใหม่ครอบครัวหิมพานต์หรรษา-บทที่ 6 นาคน้อยเด็กเอนสังกัดแม่เล้าเวหา!,บันเทิงชีวิตใหม่ครอบครัวหิมพานต์หรรษา-บทที่ 7 ครอบครัวบันเทิง,บันเทิงชีวิตใหม่ครอบครัวหิมพานต์หรรษา-บทที่ 8 โลกมนุษย์มันเหลี่ยมแต่พี่มันเหลี่ยมกว่า

เนื้อหา

บทที่ 3 ซาชิมิชอบกินปลาส้ม

บทที่3 

ซาชิมิชอบกินปลาส้ม

ลุงนทีพาเรามาที่ตลาดนาคเดิน ที่ตั้งแผงรอบสระอโนดาต ที่นี่มีรถขับนะครับ และมีถนนหนทางไปเมืองต่างๆ เเต่ก็สามารถใช้วิธีเดินทางตามเผ่าพันธุ์ได้เช่นกัน อย่างทางที่ไปเมืองบาดาลก็มีทั้งลิฟต์และทางน้ำวนสำหรับนาคที่อยากว่ายไป

เวหาเองก็ใช้วิธีการบินมาที่นี่เช่นกัน

รอบๆ เลยตื่นๆ เล็กน้อยที่เห็นพญาครุฑมาในเขตนาค เเต่ก็ไม่ได้แปลกใจเมื่อเห็นคุณลุงนทีกับคุณแม่นาวีเดินเข้ามาในตลาดพร้อมกับพี่เวหาและวาโย

“ก็ว่าครุฑที่ไหนมาเที่ยวไกลขนาดนี้ บ้านนาวีนี่เอง กลับมาเยี่ยมท่านหญิงหรือ”

“ครับท่านแม่ท่านมาเที่ยวบาดาลเลยถือโอกาสเเวะมาเยี่ยมท่านก่อนที่ท่านจะกลับสวรรค์”

ท่านแม่รับคำทักทายของคนในเผ่าพันธุ์ ที่มีมณีมรกตฝังเป็นหยดน้ำอยู่ที่หน้าผากเช่นเดียวกับท่านแม่

“โอ้ นี่ลูกใครกันหรือหนูนาวี งดงามมาก นานเเล้วที่ไม่ได้เห็นนาคตระกูลสีรุ้ง”

“ลูกผมเองครับ…ผมรับเขามาเลี้ยง”

ผมคลอเคลียกับมือบางของนาวีที่ยื่นมาลูบ นาวีไม่ได้เอ่ยอะไรไปมากกว่านั้นเเต่ก็เหมือนพวกเขาจะรับรู้ ข่าวเรื่องของหมู่บ้านนาคตระกูลสีรุ้งที่ถูกครุฑล่าโด่งดังไม่น้อย และมีชาวเผ่าพันธุ์ในหิมพานต์มากมายนอกจากนาคหรือแม้เเต่ครุฑด้วยที่ออกมาประณามความโหดเหี้ยมนี้

“อ่า ยินดีด้วยกับสมาชิกใหม่นะ ส่วนเจ้าหนูน้อยไม่เป็นไรเเล้วน้าาเด็กดี อยู่กับนาวี หนูปลอดภัยแล้ว”

ผมหันไปยิ้มอย่างสดใสให้กับคุณป้าที่กล่าวปลอบ

“น่าเอ็นดูเสียจริง เด็กดี อ่ะนี่ป้าให้”

แพคเกจที่ภายในมีเนื้อปลาสีส้มที่พอคุ้นตาอัดแน่นอยู่ถูกยื่นส่งให้

“เขาทานปลาได้แล้วเหรอครับ…เขาตัวเล็กมากผมเลยให้เขาทานน้ำนมที่ต้มกับน้ำทิพย์ของท้าวท่านที่ให้พี่ธานิลมา”

“ฮาฮาๆ โอย ป้าล่ะเอ็นดู เลี้ยงเเต่ลูกครุฑ จนไม่รู้วิธีเลี้ยงนาคเสียเเล้ว”

อยากจะบอกป้าเขาหรือเกินครับว่าไอพี่สองตัว ตนหนึ่งเกิดมาก็ 16 เลย อีกคนก็ 7 ขวบเลย นาวีไม่ได้เลี้ยงดูเด็กทารกเลย

ด้วยซ้ำ เขาจึงต้มนมผสมน้ำทิพย์ให้ผมทานตามความรู้โลกมนุษย์ผสมวิทยาการหิมพานต์

“ทานได้ลูก ฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ ให้เขาทานก็ไม่มีปัญหาแล้ว ระวังก้างหน่อยก็ดี”

“ขอบคุณครับ”

นาวีรับแพคปลาส้มมาวางไว้ในตะกร้าของผม ไม่ลืมก้มหัวขอบคุณ คุณป้าที่เอ่ยสอนวิธีการเลี้ยงผม

“พี่พึ่งรู้ว่าเราชงนมผสมน้ำทิพย์ให้ลูกกิน ”

นทีเลิกคิ้วมองน้องชาย สลับกับผมในตะกร้าที่เลื้อยขึ้นพันขวดนม ก่อนก้มดูดนมจากขวดที่นาวีเตรียมไว้ให้ในตะกร้า มันแก้กระหายได้ดีมาก เเถมทานเเล้วไม่ค่อยหิวบ่อย สบายท้องมากด้วย

“ทำไมเหรอ…”

นาวีเลิกคิ้วขึ้นมองพี่ชายอย่างสงสัยว่าวิธีการเลี้ยงผมมันแปลกตรงไหน

“หึ บ่อน้ำที่นาวีทำไว้ให้เจ้านี่เเช่ตัวก็น้ำทิพย์จากสระท่านเทียดเหมือนกัน นะ”

เวหาเอ่ยบอกอีกข้อเท็จจริง ผมปรายตาขึ้นมองจากขวดนมที่ยังดูดอยู่อันนี้ผมก็พึ่งรู้เหมือนกัน นาวีทำบ่อน้อย ๆ ให้ผม จริงๆ เป็นอ่างสระบัวที่ยกมาตั้งอยู่ห้องนั่งเล่น กับ ในตะกร้าบ้านน้อยของผมก็มีอ่างให้ไปเเช่เล่นเหมือนกัน เเต่อันนี้จะเล็กๆ หน่อยเเล้วก็มีฝาปิดเวลาจะเล่นหรือลงไปแช่ต้องสะกิดบอก

“น้ำทุกอย่างที่เอามาใช้กับวาริน มันก็น้ำทิพย์จากวังท่านเทียดหมดนั่นแหละ”

วาโยกล่าวสรุป พลางเลียไอติมโคนในมือที่ซื้อได้จากแถวนั้น ดูน่าอร่อยมาก เเต่ผมอยากกินปลาส้มก่อนถ้ากินของหวานก็กลัวจะเสียรสชาติของธรรมชาติ

“ฮะ .ขำไม่ออกจริง ๆ น้ำทิพย์ที่ว่ารวยอย่างเดียวไม่ได้ต้องเส้นใหญ่ด้วยใช้กันเป็น น้ำแร่เลยบ้านนี้ ”

ถึงแม้คุณลุงนทีจะเป็นลูกหลานท้าววิรูปักษ์ และครองนครนาคที่หิมพานต์เเต่ก็ไม่ได้มีอำนาจถึงขั้นใช้น้ำทิพย์หรือน้ำอัมฤทธิ์มาใช้ได้ตามใจชอบอาจเพราะเผ่าพันธุ์นาคเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีราคะในกายสูงมาก จึงมีลูกหลานเเตกสายย่อยไปเยอะมาก ลุงนทีก็ถือว่าเป็นหลานที่ห่างไกลจากท้าวท่านพอสมควรเลยไม่ได้สนิทถึงขนาดที่ท้าวท่านจะประทานน้ำทิพท์ให้ประหนึ่งน้ำแร่เหมือนพ่อธานิล

“ถึงว่าเกล็ดวาริน เงาใส งดงามมาก”

ลุงนทีส่งมือมาลูบลำตัวผม พร้อมกล่าวชม ผมไม่ลืมที่จะเชิดชูคอ อวด ไม่อยากบอกพอเกล็ดต้องเเสงเเดดเเล้วมันสวยมากเพราะจะสะท้อนออกมาเป็นเจ็ดสี สมชื่อนาคตระกูลสีรุ้ง ประหนึ่งเพชรเคลื่อนที่ วิบวับ วิบวับ สุด ๆ โฮะโฮะ

“อันนี้ปลาแซลม่อน ลองทานดูว่าถูกปากลูกไหม”

นาวีที่หาร่มข้างสระอโนดาตแวะทานข้าวกลางวัน โดยปูเสื่อและเอาข้าวที่ซื้อมา มาวางทาน คล้าย ๆ กับไปปิกนิกเลย

ผมอ้าปากรับปลาส้มเข้าปากชาติที่เเล้วไม่มีวาสนาได้ทาน รสชาติอร่อยมากหวานๆ นุ่มละมุนลิ้นมาก ผมทำหน้า เคลิ้ม ก่อนอ้าปากรอรับคำต่อไปที่นาวีกำลังฉีกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ส่งให้

“อืมม” อร่อยยย

“ดูท่าจะชอบ”

นาวีว่าอย่างชอบใจที่เห็นท่าทางของผมที่สะบัดหางกระทบพื้น ส่ายตัวบิดไปมายามเคี้ยวปลาส้มหรือปลาเเซลม่อม อย่างถูกใจ

“ว้าว ซาชิมิชอบทานแซลม่อน เกิดมาพึ่งเคยเห็น”

งั้นก็เห็นซ่ะสิ ผมเมินเสียงแซวของเวหา ที่ปากก็ชอบหาเรื่องประมาณนี้อยู่แล้ว งดตบตี (?) กันสักครู่นะคุณพี่ชาย

“ซาชิมิกินซาชิมิ”

ผมสะบัดคอหนีเจ้าพี่ชายที่เริ่มพากันเอ่ยแซว นี่มันดงนาค ผมจะปล่อยให้กรรมตามสนองพวกเขาเอง

“เดี๋ยวเถอะเจ้าพวกนี้ บอกว่าอย่าเรียกน้องว่าซาชิมิ!”

แม่นาวีหันไปแว้ดด่า ผมที่เชิดคอรอดูเลย บอกเเแทบจะที่นี่ถิ่นนาค การเปรียบนาคเป็นซาชิมิช่างเป็นการหมิ่นเกียรติมาก โดยเฉพาะจากพวกครุฑ แถมตรงนี้มีพญานาคผู้ปกครองนครบาดาลอย่างท่านลุงนทีด้วยบอกเลย เจ้าพวกนี้เละ

“อืมจะว่าไปก็แอบคล้ายเนื้อปลา ฮิราเมะอยู่นะ ”

ปัก

“หงิง”

หน้าผมทิ่มไปจิ้มกับแซลมอนที่ยังไม่ได้ฉีก เมื่อได้ยินท่านลุงกล่าว ลูบคางพินิจรูปร่างผม ท่านแม่ตรงนี้มีกบฏ ครับ!!!

“วาริน เป็นไรไหม! พี่ก็นะ ถึงคล้ายก็ห้ามพูด ”

คุณแม่นาวียังคงเเสนดีที่หนึ่ง หันมาเช็ดปากเห็นหน้าให้ผมพร้อมกับหันไปเอ็ดพี่ชายตัวเองที่เห็นดีเห็นงามกับความคิดของเวหากับวาโย….เเต่ว่าผมเหมือนเนื้อก้อนปลาขาวขนาดนั้นเลยเหรอ แม้แต่นาวีก็ยังมีแอบคิด…;-;

ผมขดตัวเอาหน้าทิ่มลงไปในขดหางอย่างเหนื่อยอ่อน ท่าซาลาเปาที่โดนแซวบ่อย ๆ นั่นเเหละครับ พอเลื้อย ก็ว่าเป็นปลาไหลย่าง ขดตัวก็เป็นซาลาเปา อยู่เฉย ๆ ก็เป็นซาชิมิ ชีวิตยิ่งคิดยิ่งเศร้า

“เห็นไหมเจ้าพวกนี้นิ น้องนอยแล้ว โอ้เอเด็กดี ไม่ต้องไปฟังเจ้าพวกนี้หนูสวยสุด น่ารักที่สุดแล้วลูก”

อ่ามีคนซัปพอร์ตแล้วใจฟูมาก อารมณ์เหมือนโดนเพื่อนอวย ต่อให้เราไม่สวย เเต่ถ้าเพื่อนเราบอกสวย เราก็สวย

ผมเชิดหัวขึ้นและทำท่าสะบัดบ๊อบใส่สามหนุ่มที่บังอาจหาว่าผมเหมือนปลาขาว ก้มลงทานแซลอุตส่าห์ที่นาวีฉีกไว้ให้ ต่อ นี่สินะรสชาติสวรรค์ ที่ช่วยบำบัดความเศร้าหมองในจิตใจได้ ผมใช้ปลายหางสะกิดมือแม่นาวีชี้ไปทางก้อนเนื้อปลาส้มก้อนต่อไป ว่าอยากทานต่อ

“แม่คงต้องไปซื้อมาเพิ่มให้หนูแล้วสินะนี่ ชอบขนาดนี้”

แม่นาวีเอ่ยบอกเมื่อป้อนแซลม่อนคำสุดท้ายให้ผม ที่ตอนนี้ตัวพองจนเลื้อยไปไหนไม่ได้แล้ว

“เอิก~”

ผมเร่อออกมาเมื่อแม่ป้อนน้ำทิพย์ให้ ก่อนจะจับเข้าตะกร้า ค่อย ๆ ฝืนสังขารที่คล้ายตัวจะอุตส่าห์ตกของตนกลับเข้ารูไข่ ไปนอน หนังท้องตึงหนังตามันก็หย่อนตาม ๆ กันไป

“กินอิ่มเเล้วนอนได้เลย งูนี่มันดีจริง ๆ ”

เวหาช่วยประคองผมเลื้อยกลับเข้าไข่ เมื่อเห็นว่าผมเลื้อยไม่ค่อยไป เขาพูดถูกเป็นงูก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นกรดไหลย้อนจากการกินแล้วนอน ปัญหานี้จะหมดไปเมื่อคุณเกิดเป็นงู!

“หนาวไหม”

ผมพยักหน้ารับ ที่สระอโนดาตค่อนข้างหนาวเมื่อเทียบกับที่วิมานฉิมพลีของครุฑ เพราะเริ่มชินกับสถานที่

ที่อุ่น ๆ ด้วยเลยดูจะหนาวง่ายขึ้น ลูกไฟเล็ก ๆ ลอยอยู่หน้าทางเข้าเปลือกไข่ของผมประหนึ่งกองผิงไฟ สร้างความอบอุ่นให้นอนสบายตัวขึ้น ผมพาดหัวเกยหางที่ขดกันไม่เเน่นนักให้หัวยื่นออกไปทางเปลวไฟ

“แกล้งอะไรน้องอีก”

“เปล่า นาวีอคติอีกแหละ ซาชิมิมันหนาวเลยช่วยผิงไฟให้”

ทำไมผมรู้สึกว่ารูปประโยคเหมือนผมกำลังถูกไอพี่เวหามันจับย่างไฟอ่อน ๆ ให้สุกแบบมีเดียม แรร์วะ คำพูดคำจาสมควรเเล้วที่นาวีจะเข้าใจผิด

“นาคตระกูลสีรุ้งชอบอยู่ตามถ้ำตามป่าและปรับตัวไปตามสภาพของป่าเขา ไม่เหมือนเราที่ชอบอยู่ในบาดาล อากาศที่สระอโนดาตก็ค่อนข้างเย็นกว่าปกติมาก แดนฉิมพลีก็ร้อน รินรินคงยังไม่ชิน”

คุณลุงนทีเอ่ยบอกข้อสันนิษฐานของตนเอง คงอย่างที่เขาบอก ผมชอบซุกที่อุ่น ๆ มากกว่าจริงจริงนั่นแหละไม่รู้เพราะไอพี่เวหามันชอบเอาไฟมาแกล้งลนบ่อย ๆ หรือเปล่าเลยติดอากาศที่มันอุ่น ๆ นารายณ์ต่ก็ยังชอบแช่น้ำอยู่นะ เเต่แช่เสร็จก็มาหาที่ซุกอุ่น ๆ หลับอยู่ดี

อ่า ชีวิตดี้ดี กินเเล้วก็นอน

….

..

“เป็นไงมาไงล่ะ นาวี ไหนตอนเเรกว่าจะไม่มาหาแม่”

“แฮร่ พอดีพี่นทีชวนพาวารินมาเดินตลาดให้หลานเปิดหูเปิดตาในแดนนาคบ้าง”

“ไหนแม่ขอดูหน้าหลานคนเล็กหน่อย เห็นเจ้านทีบอกว่างามนักงามหนา งามกว่ารูปที่ส่งมาให้แม่ดูหลาย”

ตอนนี้ผมวาบมาอยู่ที่เมืองใต้บาดาลแล้วถึงจะบอกว่าใต้บาดาลแต่ก็ไม่ถึงกับมีน้ำอยู่ทุกที มีทั้งตรงส่วนที่มีน้ำ และส่วนที่เป็นเมืองปกติเพียงเเต่อยู่ใต้น้ำ หากคุณเลยดูอนิเมะหมวกฟาง ก็คล้าย ๆ เมืองของมนุษย์เงือกไม่ได้อยู่ในฟองสบู่แต่อยู่ในมนต์เขตแดนที่ไม่ทำให้น้ำทะลุเข้ามา

ผมชะโงกหน้าขึ้นมองหาคุณยายตามที่ท่านเรียกหา ท่านเองก็สวยมาก ดวงตาสีเขียวมรกตเข้มตัดกับเกศาสีดำตรงกลางหน้าผากสวมรัดเกล้าประดับอัญมณีสีทองงดงาม ดูไม่แก่เลยด้วย ประมาณผู้หญิงวัย 30 ที่ดูภูมิฐานสุดๆ

ผมเลื้อยขึ้นมาตามมือที่ยื่นเข้ามาหาของคุณยาย

“งดงาม สมเป็นนาคตระกูลสีรุ้งที่ขึ้นชื่อเรื่องความงามสุดในสี่ตระกูลนาคเรา…”

ผมถูมือกับนิ้วเรียวขาวที่ยกขึ้นมาคลอเคลียกลิ่นหอมของดอกไม้อบจากกายของท่านยิ่งทำให้รู้สึกผ่อนคลาย

ไม่รู้เพราะพึ่งตื่นหรือเปล่า พอมาเจอที่อุ่นๆ หอมๆ ชวนสบายก็ดูจะง่วงนอนขึ้นมาอีกเเล้ว จึง หาวโชว์เขี้ยวน้อยๆ ให้คุณยายดูไปหนึ่งรอบ

“น่าเอ็นดูเสียจริง ชื่อวาริน สินะ”

คุณยายวางผมกลับตะกร้า อย่างเบามือเมื่อเห็นผมทำท่าจะนอน ก่อนหันไปสนทนากับคุณแม่ต่อ

“ครับเวหาเป็นคนตั้ง ชื่อจริงพี่ธานิลตั้งให้ว่า ธาราริน”

“หึ เอาตัวธาของตัวเองมาใส่สินะ ”

“หึหึ สงสัยจะใช่ครับ เพราะชื่อวาโยกับเวหา เอามาจากชื่อผมเสียส่วนใหญ่”

เวหาชื่อจริงว่า ชลานนท์ ผมเห็นจากใบสีเหลือง ๆ ที่เขาเอามาเผาเล่น ใบเตือนว่าผ่านไปเมืองมนุษย์แบบผิดกฎนั่นเเหละครับ

ส่วนวาโย ชื่อจริงว่า ธนาชล อันนี้ผมเห็นจากใบเสร็จในถุงใส่ชุดที่วาโยซื้อมาให้ผมใส่ ต่างมีคำว่าชลที่มาจากชื่อ ชลรธีย์ของชื่อจริงแม่นาวี

“พี่เขาเอ็นดูเจ้าตัวเล็กมาก ๆ กลับมาจากทำงานก็จะแวะลูบหัวตลอด”

“หึหึ เป็นบุญของเจ้าหนูนี่แล้วที่ธานิลเอ็นดู เเต่ดูท่าจะลำบากตอนโตน่าดู…คุณพ่อคงหวงไม่น้อย”

“ฮาฮาฮา ผมก็หวงนะ ลูกต้องสวยมากแน่ ๆ หัวบันไดของแดนฉิมพลีคงไม่มีโอกาสได้แห้ง”

“เดี๋ยวผมทำให้แห้งเองครับ”

เวหาโพล่งขึ้นกลางประโยคแซวกันเล่น ๆ ของผู้ใหญ่…แถมยิ้มด้วยรอยยิ้มประจำตัวที่ทำให้คนขวัญอ่อนหนาวสั่นได้เลย

“….”

“...ฮาฮาฮา หนูวาลำบากเสียเเล้ว พี่ชายก็หวง คุณพ่อก็หวง คุณแม่ก็หวง คู่ครองของหนูคงต้องวาสนาเทียมฟ้าเสียแล้ว…หลานยาย พวกพี่ชายกับพ่อของหนูถึงวางใจ”

คุณยายหัวเราะขึ้นท่ามกลางความเงียบที่ก่อตัวขึ้นหลังพญาครุฑว่าที่ผู้สืบทอดตำแหน่งผู้ปกครองของเหล่าครุฑ และผู้สืบเชื้อสายของ ท้าววิรุฬหก ประกาศกราวว่าจะทำให้บันไดฉิมพลีแห้ง

“หึ ต่อให้เทียมฟ้า มาจากไหน ผมก็ไม่มีข้อยกเว้นให้หรอกครับ ถ้าวารินไม่ต้องการ เนอะ ซาชิมิน้อยของพี่”

“….”

เวหาส่งมือมาลูบ ๆ แก้มผมที่ถูกมือหนากึ่งบังคับให้ชูหัวขึ้นรับสัมผัส เอาเป็นว่าจากที่เคลิ้มอยู่ตื่นเลย มานงมาเนอะ แถมอีกฝ่ายยังเรียกผมว่าซาชิมิต่อหน้าพญานาคี ธารกำนัลนาคานาคีอีกนับสิบที่ตามมาถวายรับใช้คุณยาย ถ้าพี่มันถูกรุมตีนสาบานว่าผมจะ…นั่งหัวเราะ….

“….”

ผมเห็นนาวีเอื้อมมือไปด้านหลังเวหาเดาว่าคงหยิกเอวพี่เวหาที่ดูพูดจาไม่ให้เกียรติผู้อาวุโสของเผ่านาค ที่เป็นถึงพญานาคีคู่ครองของลูกชาย ท้าววิรูปักษ์ เเต่พี่ชายของผมดูจะหนังเหนียวมากไม่มีสะดุ้งสะเทือน ถ้าเป็นที่บ้านคงร้องโอดโอยไปแล้ว ถึงว่านาวีชอบด่าว่าเวหาเป็นครุฑการละคร แอคติ้งเจ็บเกินเบอร์ไปงั้น ถ้าอยู่ต่อหน้าคนอื่น เจ้าพี่ชายนี่ดูนิ่ง ๆ อันตรายมาก แม้หน้าจะยิ้มอยู่ก็ไม่ได้ดูจะเป็นมิตรเลยด้วยซ้ำ ส่วนวาโยรายนั้นนิ่งมาก แต่คิดว่าถ้าได้พูดคงเกิดการซ๊อตไฟฟ้าแสนล้านโวลล์ในหมู่คณะที่ได้ฟัง เพราะ ที่บ้านนาวีก็โดนพี่วาโยซ็อตฟิลจนเกียมแล้ว 

“ขอประทานอภัยครับ ท่านเเม่เด็กนี่มันไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไร”

นาวีคร่อมหัวขอโทษ ผู้อาวุโสของตน เวหาขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อเห็นเช่นนั้น

“ไม่เป็นไรแม่เข้าใจ อีกอย่างลูกไม่ต้องก้มหัวขอโทษแม่ขนาดนั้น ลูกเป็นภรรยาของ ธานิล หลานของ ท้าววิรุฬหก มีตำแหน่งเป็นถึง เทวีเอกในครุฑานคร แม่เป็นเพียงสนมเอกของพญาตรีธารา ตำแหน่งต่ำกว่าลูก”

“ถึงอย่างไรแม่ก็คือแม่ของผมครับ ผมไม่เคยถือยศพวกนี้อยู่แล้วพี่ธานิลก็บอกว่าอยากทำอะไรก็ทำ ถ้ามีคนมาดูแคลนก็บอกพี่เขา เดี๋ยวเขามาดักตีหัวให้”

“….”

โอเครผมพอรู้เเล้ว ว่าพี่ชายสองตัวมันได้นิสัยด้านการพูดเรื่องไม่ขำหน้าตาเฉยจากใคร

“ฮาฮา ล้อเล่นครับ คุณแม่อย่าเครียดเลยอยู่กันเเค่นี้คนกันเองอย่าพูดถึงตำแหน่งอะไรเลยครับ”

“เฮ้อ ตามใจลูกจ้ะ แล้วนี่นทีไม่ได้ลงมาด้วยหรือ”

“พี่เขาอยู่คอยดูแลความปลอดภัยที่ตลาด ด้านบน น่ะครับ”

ลุงนทีไม่ได้ตามลงมาเพราะต้องคอยดูเเลเหล่านาคที่มาเที่ยวกัน เพราะช่วงนี้มีเหล่าพวกนิสัยไม่ดีพยายามล่านาคไปกิน

“เฮ้อ ช่วงนี้ลูกก็ระวังหน่อยเเล้วกัน…โดยเฉพาะเจ้าตัวเล็ก พวกครุฑนี่ก็ช่างปะไร ทั้งที่กฎสวรรค์ปลดปล่อยเหล่านาคเป็นอิสระเเล้ว…เเต่ก็ยังไม่วายปล่อยเราไป ต้องสร้างความแค้นก่อบาปต่อกันไปถึงเมื่อไรกัน…”

“….”

นัยน์ตาสีมรกตเข้มโชนแสงลงเมื่อนึกถึงความหลังยามจับจ้องไปที่นาวี…

“เเต่ก็ต้องขอบคุณเรากับธานิล ที่ช่วยทำให้ความบาดหมางของสองเผ่าพันธุ์จางลงไปไม่น้อยเลย…เก่งมากเด็กดีที่ยอมเปิดใจให้ธานิลและปล่อยวางความแค้นเคืองในจิตใจของตนที่มีต่อเผ่าครุฑ…มันไม่ง่ายเลย”

“ท่านแม่ก็กล่าวเกินไป ต้องขอบคุณพี่ธานิลที่มาหลงชอบผมฮาฮา”

“เเต่เพราะการอภัยของลูกในครั้งนั่นถือเป็นบุญคุณใหญ่มาก…ต่อนาคทั้งเผ่าพันธุ์”

ผมเองก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาเล็กน้อย ตอนพ่อกับแม่ก่อนเเแทบจะงานกันวุ่นวายมาก พ่อแม่ที่แท้จริงของเเม่นาวีถูกครุฑฆ่า นาวีมีความแค้นต่อครุฑและอคติอย่างรุนแรง คุณพ่อธานิลก็เกือบตายเพราะพิษของคุณแม่อยู่หลายรอบ เจอกันตีกันตลอด สุดท้ายไม่รู้ผีผลักหรือไรรักกันปานจะกลืนกิน อันนี้คุณลุงนทีนินทาให้ฟัง

พอทั้งสองประกาศแต่งงานกันอย่างเป็นทางการ พ่อธานิลก็เดินหน้ายื่นเรื่องต่อสวรรค์ชั้น 6 ว่าขอคืนพรที่มอบให้กับบรรพบุรุษอย่างพญาครุฑเวนไตย ซึ่งพญาเวนไตยเห็นพ้องเเละเป็นผู้นำเอกสารไปยื่นต่อพระนารายณ์ผู้มอบพรด้วยตนเอง โดยนี่ถือเป็นความประสงค์ตามความต้องการของลูกหลานที่อยากหยุดความบาดหมางนี้ลง มีเหล่าครุฑร่วมลงนามเห็นชอบ เกินกว่าครึ่งของประชากร สวรรค์จึงมีรับสั่งตั้งกฎสวรรค์ขึ้นใหม่ ไม่อนุญาตให้พญาครุฑหรือครุฑ จับ เหล่านาคกิน อีกต่อไปนับเเต่นั้น…นำไปสู่ข้อกฎหมายต่าง ๆ ที่บัญญัติขึ้นเพื่อลงโทษผู้กระทำผิดโดยเฉพาะ

มือของเวหาค่อนข้างอุ่นกว่ามือของนาวี นอนไปเรื่อย ๆ ก็ชวนให้อยากหลับอยู่เหมือนกัน เวหายกตัวผมขึ้นมานอนเล่นอยู่บนฝ่ามือของเขาลูบลำตัวยาวของผม ที่สะบัดปลายหางไปมา อย่างสบายตัวที่ถูกลูบ

“ดูเหมือนจะทานได้สี่คำแล้วนะนี่”

นั่นคือการวัดการเจริญเติบโตของผมตามฉบับของเวหาครับไม่ต้องตกใจครับ เมื่อตอนออกจากไข่ คำหนึ่ง ตอนนี้สี่คำแล้วครับ เย้! (ประชด)

“ดูนิ่มขึ้นด้วยนี่…เห็นเขารีวิวว่าตรงมันพุงกะทิ อร่อยดี”

วาโยที่คล้ายเริ่มเบื่อ เขยิบเข้ามาหาพี่เวหาที่ถือผมไว้บนฝ่ามือ ส่งมือมาจิ้ม ๆ พุ่งที่ป่องเพราะพึ่งทานเเซลม่อนมาของผม ให้ตายเถอะเจ้าพวกนี้ ไม่ได้เกรงกลัวพญานาคที่นั่งหัวโด่อยู่เลยสักคนทั้งพี่ทั้งน้อง

เเปะ

ผมสะบัดหางไปตีมือวาโยที่จะยื่นมาหา

“เย็นนี้ ทานซาชิมิฮิรามะดีไหมพี่ ที่ตลาดเมื่อกี้ซื้อซอสมาเยอะเลย”

แต่คุณพี่ไม่ได้ซื้อปลามาสักตัวเถอะ!!! ไอพี่บ้านี่นิ ล้อผมเป็นปลาขาวอีกแล้ว

ผมลดการ์ดลง อมลมให้ปากอย่างไม่พอใจให้แก้มป่อง ก่อนม้วนตัวขดหางเป็นก้อนซาลาเปา 

“ของหวานเอาเป็นซาลาเปา ก็ดี”

“ฟ่อ”

ผมขู่สู้มือที่จะมาคลี่ผมออกจากก้อนกลมที่ขดไว้

“โอ้ เดี๋ยวนี้ซาชิมิของพี่มันขู่สู้เว้ย! เห็นพวกเยอะสินะ หึหึ ”

“เเฮ่”

ผมแยกเขี้ยวโชว์

เอาดิ! หัวเท่านิ้วโป้ง เเต่เขี้ยวน้องทะลุหนังพี่ได้นะเว้ย ยกเว้นหนังหน้าพี่มันเพราะดูจะหนาเกิน!

“เวหาอย่าแกล้งน้อง ส่งน้องมานี่เลย”

นาวีหันมาเอ็ดด้านหลังตนที่เริ่มวุ่นวายเพราะเหล่าพี่ชายดูจะเริ่มเบื่อเลยพากันมารุมแกล้งน้องน้อย

“ครับ”

ครับแต่ไม่เคยสลดตามเดิมนั่นแหละครับ ไอเจ้าพี่ชายสองคนนี้ ผมแทบจะกระโดดพุ่งไปหามือคุณแม่ที่ยื่นมาหา หางตาดูจะมีน้ำตารินไหล เพราะรอความช่วยเหลือนี้มาตลอด อยากจะฉกพี่มันสักรอบเหมือนกันเเต่กลัวเขี้ยวหัก รอให้ฟันเเข็งแรงกว่านี่ก่อน จะเจาะให้เลือดซิบเลย! ฝากไว้ก่อนเถอะ!

“แล้วก็ถ้าเบื่อก็ไปช่วยลุงนทีดูความปลอดภัยที่ตลาด ที่นี่วิมานชลน่าน การคุ้มกันหนาแน่นอยู่แล้ว ”

“แสนหนึ่ง”

วาโยปรายตาขึ้นมองนาวีและแบมือไปหา

“ของผมสามแสน พอดีเป็นพญาครุฑ น่านะ นี่ลดให้สุดๆ เเล้วเห็นว่าแม่อุตส่าห์ออกปากให้”

ทำไมเจ้าสองตัวนี้มันดูร้อนเงินกันจังวะ ไถตังนาวีกันอีกแล้ว

“….” (ไอลูกเวร)

นี่เป็นคำที่ผมอ่านจากปากที่ขยับไร้เสียงของคุณแม่ที่หันไปทางเจ้าพี่ชายสองคน

“ของฟรีไม่มีในโลก วีวี่ หาเงินจ่ายค่าปรับให้วีวี่ไง นี่ช่วยแบ่งเบาภาระวีวี่เลยนะนี่”

อ่า ก็คือเงินไม่กระเด็นออกจากกระเป๋าคุณชายเขาเลยสักบาทนั่นเอง แล้วถ้าไม่อยากเสียค่าปรับก็อย่าพากันแหกกฎสิครับ

“…..เออ แม่ออกให้เองนาวี ”

ผู้มีศักดิ์เป็นท่านแม่ของนาวีเอ่ยบอกอย่างเกรงใจลูกชาย และเหล่าครุฑตระกูลเวทไตยวงศ์สุบรรณ

“เฮ้อ ไม่เป็นไรครับคุณแม่ เจ้าพวกนี้ก็เเค่อยากหาเรื่องไถตังผม…เดี๋ยวโอนให้ทีหลัง แต่ถ้ามีเรื่องอะไร ขออนุญาต หักนะจ๊ะ”

นาวีแสยะยิ้ม ยักคิ้วให้พี่ชายสองตัว ที่พยักหน้ารับเนือยๆ กับเงื่อนไขที่ผู้เป็นแม่เพิ่มเข้ามา ไม่ได้เดือดร้อนอะไรมาก

“พี่ไปทำงานหาตังให้ซาชิมิกินแซลม่อนก่อนน้าา เดี๋ยวซื้อมาฝากเยอะ ๆ เลย อย่าคิดถึงกันละ เดี๋ยวมันจะชนกับของพี่”

พี่เวหาลุกขึ้นมาเอานิ้วบีบเเก้มผมเล่นเบา ๆ ก่อนเดินออกไปไม่ลาใครด้วย ไร้มารยาทเสมอต้นเสมอปลายสุด ๆ ไอพี่บ้า

“บาดาลมันหนาวใส่ไว้เดี๋ยวเป็นหวัด”

ส่วนวาโยก็เดินมาดึงหมวกถักเป็นหูหมี กับผ้าคลุมถักลายดอกไม้มาใส่ให้ผม เหอะขอบคุณมากที่ช่วยเพิ่มความลำบากในการใช้ชีวิตให้ผมครับ…;-;

 

“….เฮ้อ สงบสุขขึ้นมาหน่อย เหนื่อยหน่อยนะลูก เดี๋ยวพี่ลูกก็โต”

“หงิง~”

ผมครางรับ เเต่ดูท่าสมองมันจะไม่โตตามตัวมันอะครับแม่ เราจะทำไงกันดี

 


คุยกานน:

ช่วงนี้ต้องเลี้ยงน้อง เลยต้องหาตังซื้อขนมให้น้องกิน นมชงน้องทำมาจากน้ำทิพย์ ราคาซื้อขายต้องประมูลกันอย่างเอาเป็นเอาตายตกลิตรละ สิบล้าน โดยน้ำทิพย์สวรรค์จะได้จากการประทานของเทพ เป็นน้ำที่ผสมน้ำอัมฤทธิ์ ช่วยให้ไม่หิวกระหาย เเละ บำรุงร่างกาย ทำให้ผิวพรรณผ่องใส และสรรพคุณล้านแปด รวยอย่างเดียวไม่ได้ คอนเนคชั่นต้องถึง ส่วนบ้านนี้ พ่อต่อสายตรงเข้าบ้านมาใช้ฟรี 55555


เฮฮาหลังบ้าน

:เมื่อ เล่นทายคำจากท่าทาง:

วาริน:จับได้ คำว่า ตาย : นอนหงายท้องโชว์พุ่งขาว หลับตาแลบลิ้นออกมา

เวหา:ซาชิมิ ปลาขาว!

วาโย: ปลาไหลย่างเกลือ!

นาวี: หิวก็ไปกินข้าว!!!//คนทำฉลาก ที่ใส่เเค่คำว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย แล้วบอกแล้วว่ามีอะไรบ้างอยู่หมวดไหน