เกิดใหม่มีพ่อเป็นพญาครุฑ มีแม่ เป็น พญานาค มีพี่ชายเป็นพญาครุฑ 2 ตัวร้อย ขยันสร้างความบันเทิงให้(ประชด) แต่ว่าเเม่ครับพี่มันจะเอาผมไปทำซาชิมิแล้วครับ;-;
ชาย-ชาย,ตลก,แฟนตาซี,เกิดใหม่,ครอบครัว,พี่เถื่อน,หิมพานต์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บันเทิงชีวิตใหม่ครอบครัวหิมพานต์หรรษาเกิดใหม่มีพ่อเป็นพญาครุฑ มีแม่ เป็น พญานาค มีพี่ชายเป็นพญาครุฑ 2 ตัวร้อย ขยันสร้างความบันเทิงให้(ประชด) แต่ว่าเเม่ครับพี่มันจะเอาผมไปทำซาชิมิแล้วครับ;-;
ผมมาอยู่เมืองบาดาลได้สามวันเเล้วครับ กิจวัตรก็ค่อนข้างวนวูบ เช้าตื่น มากินข้าว โดนเวหาแกล้ง เที่ยงกินข้าว โดนวาโยจับฟิตติ้งชุดที่ขยันสรรหามาให้ใส่ ไม่วายโดนไอคุณชายเวหามันหยอกอีกรอบแล้วก็นอนยาว เย็นๆ ไปเดินเล่นรอบๆ เมืองบาดาลฟังแม่เม้าท์กับป้ารอบเมือง กลับมากินข้าว โดนไอคุณพี่ๆ หน้าเดิมจิ้มพุงกะทิเล่น จากนั้นก็ชมละครดร่าม่าที่นำเเสดงโดยเวหา ที่โดน คุณแม่ สั่งสอน
“วันนี้เดี๋ยวแม่จะพาไปดูละคร เห็นป้าอัมรินว่าไปซื้อลิขสิทธิ์จากโลกมนุษย์มาฉายกัน จะว่าไปก็ไม่ได้ไปโลกมนุษย์หลายเดือนเเล้ว หญ้ารกท่วมบ้านแล้วมั้งนั่น”
“ยังครับ เเต่มิดหัวแล้ว ”
“…”
วาโยเป็นคนเอ่ยตอบแม่นาวีและคงค่อนเซปตอบกวนตีนให้แม่รู้สึกตีนกระตุก
“ทีหลังแวะไปดูก็ช่วยตัดให้แม่หน่อยเถอะ ถือว่าแม่ขอเถอะ”
“อืม ได้ครับ ครั้งละ สามหมื่นนะครับ”
ไม่เก็บต้นล่ะพันเลยละพี่ชาย ราคาสร้างบ้านมาก!
“โอเคร ถือว่าแม่ไม่ได้พูดล่ะกัน ”
ไอพวกนี้มันเป็นโจรในคาบลูกเเน่ๆ คุณแม่! ผมเลื้อยขึ้นแขนของแม่ไปเกาะไหล่เเล้วเอาหน้าถูๆ ปลอบใจคุณแม่คนเก่งที่ช่วงนี้โดนไถตังจนตัวซีด เห็นพวกพี่ชายมันขอตังประหนึ่งไม่มีไรจะกินกัน อยากจะบอกว่าคุณแม่ก็ไม่ได้ขาดความรับผิดชอบขนาดนั้น เงินเดือนเจ้าพวกนั้น ได้ต้องคนละแสนต่อเดือน ไม่น้อยเลย ยังไม่รวมตังขวัญถุง เงินที่ได้พิเศษในวันสำคัญๆ ข้าวปาสามมื้อก็ไม่ได้ซื้อกินเอง บ้านก็ไม่ต้องเช่า มีเป็นวิมานลอยฟ้า ในโลกมนุษย์นี่ยศคงไม่ต่างจากเจ้าชายองค์หนึ่ง
“หนูจะเอาตระกร้าไข่ไปด้วยเหรอ”
ผมพยักหน้ารับ ตัวติดกับตระกร้าไข่นี่ไม่ต่างจากอวัยวะชิ้นหนึ่งในร่างกาย ถ้าอยู่ห่างมันมากๆ ผมต้องอึดอัดใจ ลงไปดิ้นแด่วๆ แน่ นาวีอุ้มผมใส่ตระกร้า ผมเลื้อยพันขวดนมเป็นเสา ชูหัวให้เหนือตระกร้าเพื่อชมวิวรอบๆ
หนังกลางแปลงจัดขึ้นริมสระอโนดาต นาวีพาผมขึ้นมาโดยการใช้ลิฟท์ แต่ก็มีนาคหลายตนที่ใช้ทางน้ำวนเป็นที่ขึ้นไปเหนือน้ำ มันดูน่าสนุก ถ้าตัวโตเเล้วผมจะให้แม่นาวีพามาเล่น
ว่าเเต่วันนี้ผมยังไม่เห็นเวหาเลย ปกติพี่คนนี้เสนอหน้าทุกช่วงเวลาอาหารเช้ากลางวันเย็น ประหนึ่งถ้าไม่ได้หยอกผมจะ กินข้าวไม่อร่อย นอนไม่หลับ
“สวัสดีซาชิมิ มาอาบแดดเหรอ เรา “
พูดถึงผี ผีก็โผล่เลย เสียงเวหาเอ่ยทักมาแต่ไกล พี่มันยิ้มแฉ่งหน้าบานเมื่อเห็นแม่นาวีหิ้วผมมาด้วย ดูจากสายตามัน ผมโดนแกล้งอีกแล้ว ล็อคเป้าหมายมาแต่ไกลเลย ;-;
โอเคร ผมผิดเองที่คิดถึงไอพี่ชายคนนี้ ที่คงตายยากอยู่แล้ว
“อู้งาน หักแสนหนึ่ง ”
แม่นาวีโยกตระกร้าผมหนีลูกชายที่กำลังยื่นหน้าอ้าปาก โชว์เขี้ยวทำท่าจะกลืนผมเข้าไป ผมโยกตัวถอยหนีเลยเกือบหงายหลังลงจากขวดนม
ปัก!
“อย่าแกล้งน้อง ไอนี่นิ”
ฝ่ามืออรหันต์ประเคนเต็มแผ่นหลังของพี่ชาย เสียงดังฟังชัดยังคงรู้สึกสะใจทุกครั้งที่ได้ยินเสียงนี้ หรือผมจะโรคจิตตามพวกพี่บ้าไปแล้ว ให้ตายเถอะ!
“อัก ทำร้ายร่างกาย จ่ายค่าปรับมาเลยครับคุณนาวี ถ้าไม่อยากโดนเเจ้งความ”
เวหาการละครเริ่มแล้ว เล่นบทประหนึ่งมิจฉาชีพท่านหนึ่งที่วิ่งไปให้รถชนเเล้วเรียกค่าเสียหาย
“ไปแจ้งสิ นี่ก็จะเเจ้งกลับเหมือนกันที่คุณเวหา มาคุกคามลูกของฉัน”
คุณแม่รอบนี้เองก็ไม่น้อยหน้า โต้กลับคืนเหมือนกัน ผมกระดิกหางชมอย่างชอบใจ มีวาโยยื่นข้าวเกียบกุ้งที่บิเป็นชิ้นเล็กส่งให้ มีมพวกเราตอนนี้ประหนึ่งใส่เเว่นสามมิติ จกป๊อบคอนชมภาพยนตร์
“วีวี่ เราก็ลูกเธอนะ ไอเจ้าก้อนซาชิมินั่นมีดีอะไร”
โอเครดูเหมือนเวหาจะเปลี่ยนไปเล่นบท นางร้ายในละครหลังข่าวที่กำลังหึงหวงพระเอก
“โอ้โห้ ไม่น่าถามเลยคุณลูก น้องทั้งน่ารัก เป็นเด็กดี ว่านอนสอนง่าย เรียบร้อย สรุปง่ายๆ คือ ดี กว่า ลูก ทุกตรง”
โอ้คุณแม่สวนได้อร่อยมาก ผมใช้หางสะกิดขอข้าวเกียบจากวาโยเมื่อเคี้ยวหมดแล้ว พี่มันก็จับป้อนให้ถึงปากอย่างเข้าใจความต้องการ
“กระซิก คุณได้ฉันเเล้วคุณก็จะทิ้งฉันเหรอ”
อันนี้บทนางเอกโดนพระเอกรังแก เวหาเปลี่ยนบทตัวเองอีกครั้ง
“พูดให้ถูก ฉันได้กับพ่อแกนู่น หยุดการละครได้และเวหา แม่จะพาน้องไปดูหนังกลางแปลงเดี๋ยวไม่ทัน อย่าขวางทาง แล้วก็เลิกอู้ไปทำงานได้แล้ว”
แม่นาวีดูจะเริ่มเอื้อมระอา กรอกตาใส่พี่มันอย่างเหม็นเบื่อกับความขยันสรรหาบทมาตอแหลของลูกชายคนโต
โชคดีที่แถวนี้เป็นทางขึ้นจากวิมานโดยตรงเลยไม่ค่อยมีนาค ฉากการละครของเวหาจึงไม่ได้สร้างความอับอายให้แก่วงตระกูล
“ใจร้าย แม่เลี้ยงใจร้ายมาก ที่ไม่ยอมให้ฉันไปหาเจ้าชาย ”
อันนี้ บทซินโดเรล่าก็มา เอาว่ะ
เเต่แม่นาวีเมินเสียงลูกชายและเดินถือตระกร้าผมออกมาหนีมือพี่เวหา ที่ทำท่าประหนึ่งเจ็บปวดจากการถูกพรากจากเจ้าชาย …เหมือนผมจะได้บทรับ้ชิญเป็นเจ้าชายที่โดนกีดกัน
“ทนหน่อยลูก ว่างๆ เดี๋ยวแม่พาพี่เราไปเช็คสมอง”
ทรงนี้หมอน่าจะบอกว่าไม่มีทางรักษานะครับแม่ เวหาที่เห็นแม่ไม่เล่นด้วยแล้วก็กลับเข้าสู่โหมดปกติ นิ่งๆ ยิ้มๆ ดูเป็นผู้เป็นคนปกติขึ้นมาหน่อยแต่ไม่รู้ทำไมชอบทำให้ตัวเองเป็นบ้าเวลาอยู่กับครอบครัว เวหามันหลอกลวงสังคมชัดๆ มีโซเชียลจะแฉให้หมด คล้ายรู้ว่าผมมองอยู่เวหาก็ขยิบตาข้างหนึ่งวิ้งใส่ให้หนึ่งที ทำเอาตกใจนมที่อมไว้หลังกัวล้างขนมในปากเกือบพุ่ง
วาโยเดินมาข้างๆ ตระกร้าผม ส่วนเวหาดูเหมือนจะเดินตามมาเหมือนกัน พอเข้างานก็ดูจะเปลี่ยนไปเป็นโหมด เข้าถึงยาก เเม้จะยังคงยิ้มเรี่ยราดตามสไตล์ก็ตามโคตรจะแอ็ค เอาเป็นว่าพวกนาค หรือ แม้เเต่เผ่าพันธุ์อื่นนี่ตีวงล้อมออกเป็นวง ประหนึ่งพวกเราเป็นเชื้อโรค
“มาดูหนังเหรอ”
ลุงนทีที่เห็นกลุ่มครอบครัวเราเดินเข้ามาทักทาย
“ใช่ครับ ว่าเเต่ พี่นที รอบต่อไปเป็นหนังอะไรเหรอครับ”
“หนังผีฝรั่งน่ะ”
“….”
แม่นาวีก้มลงมามองผมโดยอัตโนมัติ
“งั้นรอรอบต่อไป เเล้วกัน เราไปหาอะไรกินกันก่อนเนอะ ”
ผมส่ายหัว หนังผีก็น่าดู หนังผีฝรั่งก็ไม่ได้น่ากลัวเท่าไหร่ ผมเคยดูผ่านแปลงหนังที่วัดอยู่บ่อยๆ เหมือนกัน ที่เขาจะมาฉายแก้บน
“หนูไม่เคยดูเลยไม่รู้ว่าผีคืออะไร มันน่ากลัวมากนะ”
แม่นาวีเอ่ยเตือนผมด้วยคงามหวังดี ผมชี้ปลายหางไปหาพี่เวหาสลับกับโปรเตอร์โปรโมตรอบหนัง เเละดูเหมือนแม่นาวีจะเข้าใจที่ผมจะสื่อ
“เเต่น่าจะน่ากลัวน้อยกว่าพี่ลูกแน่ๆ”
“วีวี่! เราออกจะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”
“หมายถึงสิ่งแวดล้อมในโลกนรก”
วาโยยังอดแขวะพี่ชายอย่างอดไม่ได้อะคิดดูดิ
“วาโย เราพวกเดียวกัน “
พี่เวหากล่าวพร้อมยื่นเงินให้พี่วาโย เจ้าตัวกรีดนิ้วนับเงินที่ได้ก่อนเริ่มหันไปจับมือพี่ชาย
“พี่เว ใจดีที่สุดแล้ว ใครๆ ก็ชม ดีกว่านี้หาไม่ได้แล้ว หน้าตาก็หล่อเหลา ไปที่ไหนก็มีเเต่คนต้อนรับ”
มิตรภาพถูกซื้อได้ด้วยเงินตรามีอยู่จริง แถมคนซื้อยังมั่น ทำหน้าภูมิใจมากด้วย ส.ส.ส.วในสภาดูอ่อนไปเลยเมื่อเทียบกับพี่เวหาคนนี้
“เอาพี่ลูกไปไกลๆ ที แม่ให้ห้าหมื่น”
วาโยขมวดคิ้วมองเงินในมือสลับกับพี่ชายที่เลิกคิ้วมอง ผมมองอย่างสนใจว่าพี่วาโยจะใช้วิธีไหน เพราะถ้าว่ากันด้วยพละกำลังพี่เวหานำทะลุเพดานเลย คนคนนี้ถ้าไม่อยากไปก็บังคับไปไหนไม่ได้
“ผมแบ่งให้พี่ หกสิบ ผมสี่สิบ เดินไปซื้อไอติมกับผม”
“ขอ เจ็ด กับ ไอติมแท่งหนึ่ง ”
“โอเครดิล”
“…..”
ว่าแล้วพี่เวหาก็กอดคอวาโยเดินไปต่อเเถวซื้อไอติมกินกัน นาวีถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนกับลูกชายครุฑสองตัวของตนที่ช่วงนี้ไถเงินกันเก่งมาก
“ฮาฮา เชื้อเเม่มันเเรงอยู่”
“อะไรพี่นที”
“เปล่า เห็นเเล้วคิดถึงตอนที่เราเอาเรื่องที่พี่ทำเขื่อนแตกจนน้ำท่วม มาขู่รีดเงินกับพี่ โบราณว่าบางครั้งเวรกรรมก็มาในรูปแบบของลูก”
“เหอะ เหอะ ขำไม่ออกเลย ไปตัวเล็กไปดูหนังกัน”
แม่นาวีขำแห้งเมื่อนึกย้อนถึงวีรกรรมตัวเองที่ไม่ได้น้อยหน้าลูกชายสองตัวร้อยของตัวเอง
“เเล้วเจ้าพวกนั้นจะเอาเงินไปทำอะไรกัน”
อันนี้ผมก็ส่งสัยเหมือนกัน เลยเงยหน้าขึ้นจากขวดนมรอฟังแม่เล่า
“เวหารายนั้นอยากเล่นเป็นเจ้าพ่อ เลยจะไปเปิดร้านเหล้าที่โลกมนุษย์กับที่หิมพานต์สองที่หุ้นกับติน..พี่ธานิลก็อนุญาตแล้ว คงเปิดไว้เป็นแหล่งให้ลูกช่วยสืบหาข่าวด้วย ส่วนไอรายหลังนี่ไม่แน่ใจเห็นพี่เริ่มก็เลยเก็บตาม แถมเก็บทุกเม็ดด้วย เเต่ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ช่วงนี้ที่แพงๆ ก็มีเเต่ค่าตัดชุดวาริน ขยันสั่งตัดมาให้น้องใส่มาก”
“ฮาฮาฮา คงเอ็นดูน้องนั่นเเหละ”
“เฮ้อ เลี้ยงน้องกันประหนึ่งเลี้ยงเสบียงฉุกเฉิน เรียกน้องเป็นของกิน ซาลาเปาบ้าง ซาชิมิบ้าง ปลาไหลย่างบ้าง บ้างที่ก็นึกพิเรนทร์ จับน้องจะใส่ปาก เอาไฟลนเปลือกไข่น้องเล่นบ้าง แกล้งอ้าปากจะงับ จนเดี๋ยวนี้วารินดูจะหายกลัวลงไปเยอะ เปลี่ยนเป็นระอาแทน ถ้าน้องด่าได้คงด่าไปแล้ว”
“จะว่าไปวารินพูดได้หรือยัง….เห็นหลานมีพรรู้แจ้งเเต่กำเนิดเหมือนพวกที่เกิดแบบโอปปาติกะ “
“ยังครับ ถึงจะรับรู้คุยรู้เรื่องเหมือนกัน แต่ร่างกายยังไม่ต่างจากทารก เเต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรในการสื่อสาร เจ้าตัวน้อยคุยรู้เรื่องกว่าเจ้าพวกพี่ชายเยอะ ใช่ไหมคนเก่ง”
“มี้~”
ผมขานรับคุณแม่ที่อวยผมให้ลุงนทีฟัง โชว์ยิ้มเห็นเขี้ยวน้อยๆ ส่งให้
“น่ารัก น่าเอ็นดูขนาดนี้ลูกใครกันน้าา”
“มี้~~”
ผมชี้ปลายหางไปหานาวี ก่อนจะกระดึบขึ้นพันแขนของนาวีและถูใบหน้าไปมาอย่างออดอ้อน
“งื้อ น่ารักที่สุดเลยครับลูกแม่”
“หึ ขี้อ้อนขนาดนี้แม่เรารักตายเลย”
คุณลุงนทีวางนิ้วเคาะหัวผมเบาๆ อย่างเอ็นดู เพื่อความผาสุขในชีวิตต้องอยู่ให้เป็นครับจังหวะนี้
“ไปเข้าประจำที่ได้เเล้ว หนังจะเริ่มเเล้ว”
คุณแม่พาผมเดินตามคุณลุงเข้ามาในเขตฉายหนังกลางแปลง ที่นั่งของผู้ชมเป็นเก้าอี้ขอนไม้ยาว วางเป็นเเถวแนวนอนแถวละห้าตัว และเเนวยาว 10 ตัว
หนังที่แสดงเป็นหนังผีที่เกี่ยวกับปีศาจที่เป็นตัวตลก มาจับเด็ก ผมนอนขดหางในเปลือกไข่ของตนเอง กระดิกปลายหางดูอย่างชอบใจเนื้อเรื่องน่าตื่นเต้นขึ้นเป็นลำดับ ผมสะดุ้งหลายรอบเลย เเต่ก็ดูเพลินมาก
“ดูท่าจะชอบ เรื่องต่อไปเป็นเรื่องเจ้าหญิงซินเดอเลอร่าที่แม่เคยเล่านิทานให้หนูฟังน่ะเเต่เป็นรูปแบบมนุษย์เเสดงจะดูไหม”
ผมพยักหน้ารับ ที่เเท้ไอพี่เวหามันมาซึมซับบทละครที่เล่นเมื่อเย็นที่หนังกลางแปลงนี่เอง น่าจะเอาแต่อู้อยู่ที่นี่ดูทรง ต่อบทได้เป็นวรรคเป็นเวรขนาดนั้นจนนาวีต้องใช้เงินฟาดให้ไปที่ชอบที่ชอบ
หนังรอบนี้ มีเด็กเข้ามาดูเยอะขึ้นที่นั่งถูกจับจ้องจนเเน่นขนัด เเต่ก็ดูจะไม่มีใครกล้ามานั่งกับแม่นาวีและผม
“ผมนั่งตรงนี้ด้วยได้ไหมครับ”
เเต่ก็มีเด็กคนหนึ่งเดินทำหน้าหวาดๆ เข้ามาถามที่นั่งที่ว่างด้านข้างของเรา ดูจะเป็นเด็กอายุประมาณ สิบเอ็ด สิบสอง ตัวเล็กกว่าวาโยพอสมควร นาวีเลยเลื่อนตระกร้าของผมเข้าหาตัวเขามากขึ้นให้พื้นที่เด็กคนนั้นกว้างขึ้นพอสมควร
“มาเที่ยวกับพ่อแม่เหรอ”
“…เออ ครับ พวกเขารออยู่ในตลาด….ผมขอมาดูหนัง”
เด็กคนนั้นดูกระอักกระอ่วนเล็กน้อยเมื่อถูกชวนคุย ผมเอียงคอมองเขาอย่างสำรวจ ระหว่างปีนขึ้นมาดูดนมรอเขาฉายหนังเรื่องต่อไป
“…เป็นนาคที่ตัวเล็กจัง”
“หึหึ น่ารักใช่ไหมละ ลูกน้าเอง เขาดูเหมือนจะฟักก่อนกำหนดน่ะ ก็เลยตัวเล็กกว่าเพื่อน แต่น้องแข็งเเรงดี”
“….ดี…ดีแล้วครับ…ผมเตโช เรียกโชก็ได้ครับ…น้องชื่ออะไร…เหรอครับ”
“วารินจ้ะ”
ผมมองเด็กคนนั้นที่จ้องผมตาไม่กระพริบก่อนชี้ไปที่ถุงขนมที่เวหากับวาโยซื้อมาให้ แล้วก็ชี้ไปที่ตัวเตโชกับปากของตัวเองที่ทำท่าอ้าปาก เขาดูงงเล็กน้อย เเต่ไม่เป็นไรเพราะผมมีสุดยอดล่ามที่เข้าใจผมดีที่สุด
“น้องชวนกินขนมน่ะ ทานไหม”
“ไม่—”
โครกกก~
เสียงท้องของเขาดังขึ้นก่อนที่เขาจะเอ่ยประโยคปฏิเสธจบดีเสียอีก ผมยกยิ้มเอ็นดู คุณแม่นาวีเองก็ขำอย่างเอ็นดู เตโชที่ตอนนี้แก้มแดงด้วยความเขินอายไปเสียแล้ว
“นี่จ้ะ น้าให้ “
นาวียื่นของว่างที่ซื้อมาทานเล่นให้เตโชพร้อมขนมอีกเล็กน้อย
“…ขอบคุณครับ”
หนังเริ่มฉาย…ไฟรอบๆ จึงเริ่มหลี่ลง…เราจึงหันไปสนใจหน้าจอ
“หืม?”
ผมรู้สึกถึงแรงสั่นไหวของตระกร้าที่ถูกเลือนห่างจากแม่นาวี เลยเงยหน้าขึ้นมองเตโชอย่างสงสัย ใบหน้าของเตโชตอนนี้ดูน่าสงสารมาก เพราะเขาเหมือนมีน้ำตาคลอ…ทำเอาผมงงงวยเล็กน้อยว่าเกิดอะไรขึ้น ฉาก พ่อซินรถม้าคล้ำมันเศร้าขนาดนั้นเลยเหรอ
“ขอโทษนะ…”
“หืม!?”
สิ้นคำกระซิบแผ่วเบา ตระกร้าที่ใส่ผมอยู่ก็ถูกรวบยกอุ้มหนี้แม่นาวีทันที!
ความวุ่นวายบังเกิดทันที ผมโดนวิ่งราวครับ! ไม่สิต้องเป็นแม่นาวีโดนวิ่งราวเพราะตัวผมโดนฉกจากนาวีไป ;-;
“เดี๋ยว อัก!!”
เสียงตื่นตกใจของแม่นาวีดังไล่หลังมา เหมือนเขาจะสะดุดล้มตอนออกวิ่งตามด้วย เตโชสยายปีกของตนออกเพื่อใช้เป็นเเรงผลักให้เคลื่อนที่ได้เร็วขึ้นทำให้ผมรู้ว่าเขาเป็นเผ่าพันธุ์จำพวกนก
“สัสเอ้ย! กูว่าแล้ว!”
เสียงของเวหา ที่ดูอารมณ์เสียอย่างที่ผมไม่เคยพบเคยเจอ เจอเเต่ตอนเพี้ยนๆ ดังไล่หลังมา
“อย่า เวหาพลังลูกอันตรายเกินไป! ห้ามฆ่าเด็กคนนั้นด้วย!”
พลังของเวหาคือไฟ ทางที่เด็กคนนี้วิ่งผ่านมามีเเต่เหล่านาคและเหล่าผู้มาร่วมงานที่กำลังตื่นตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น และหากเวหาเเปลงกลับเป็นพญาครุฑก็สามารถเหวี่ยงกงเล็บทะลุอกอีกฝ่ายได้ทันทีเเต่อาจทำให้ผมเป็นอันตรายได้
“บัดซบ วาโยเเค่ให้ล้มพอ ”
“เล็งอยู่ เดี๋ยวดูแม่เอง ไม่ต้องห่วงตามไปเลย”
วาโยกำลังง้างคันศรสีทอง ที่ลูกธนูคือลมที่ก่อตัวเป็นรูปร่างของศร บนแผ่นหลังปรากฎปีกของครุฑสีแดง ก่อนส่งตัวเองขึ้นสูงและปล่อยลูกศรพุ่งออกไปแหวกอากาศก่อนปักลงที่ข้อเท้าของเตโชที่กำลังวิ่งหนี เขาล้มลงหน้าแม่น้ำกว้างที่อยู่ตรงข้ามกับสระอโนดาต มันทอดยาวไม่ต่างจากทะเล ถึงเตโชจะล้มลงโชกเลือดเเต่ก็ฝืนยกตัวตะกร้าผมให้ตั้งขึ้น ผมจึงไม่กระเด็นออกจากตระกร้า ผมสะบัดหัวไล่ความมึนงงหลังกระเด็นกระดอนอยู่ในตระกร้าจากเเรงวิ่งของเตโช
ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อกับดวงตาสีเหลืองที่อ่อนกว่าของเวหา จ้องมองมาโดยไม่ปิดบังความหิวกระหาย เขาย่างสามขุมเข้ามาหาทันที ผมรีบมุดเข้าไปหลบในไข่อย่างหวาดกลัว อย่างน้อยผมก็รู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ข้างในนี้
ผมรู้สึกว่าตระกร้าถูกยกขึ้น
“เก่งมาก”
“คุณ ต้องรักษาสัญญาด้วย…ปล่อยแม่ผมคืนมา”
“โทษทีวะ มึงช้ากูหิว เลยเผลอกินแม่มึงไปเสียแล้ว…”
“อ้ากก!”
พรึบเสียงของปีกที่กางออกพร้อมกับตระกร้าของผมที่ถูกพญาครุฑในชุดคุมดำอุ้มขึ้นฟ้าไปทั้งตระกร้า…ผมเห็นเขาใช้มือตวัดข่วนเตโชจนเลือดสาด
“ไอเวร กล้าดียังไงมาเเตะต้องน้องกู”
เสียงของเวหาที่กำลังพุ่งเข้ามาพร้อมกับเสียงกรีดอากาศเมื่อคนที่หิ้วผมเพิ่มความเร็วบินหนีเวหาที่แปลงเป็นพญาครุฑบินไล่หลังมา
“ชิ..เด็กเวรพวกนี้กัดไม่ปล่อยจริงๆ”
ผมรู้สึกถึงมือที่กำลังจะจับออกจากตระกร้าเพื่อหวังจะกัดกินผม!!!
วินาทีนั้น ผมเริ่มเข้าใจเรื่องราว ลำตัวเริ่มสั่นเทาหางขดเข้าหากันทันทีถึงชะตากรรมของตนเองที่ถูกลักพาตัวมา
“อึก”
น้ำตาพากันไหลบ่าออกมาด้วยความหวาดกลัว เวหา ช่วยด้วย ฮึก วาโย พี่ คุณแม่ คุณพ่อ…ใครก็ได้ฮึก ไม่เอาไม่อยากตาย!!!
ตูม!
ซ่า
เสียงของสิ่งมหึมาพุ่งตัวขึ้นจากน่านน้ำที่ดำมืด
ตระกร้าของผมหลุดออกจากกรงเล็บของพญาครุฑที่ยามนี้ถูกสิ่งมีชีวิตสีดำที่พุ่งขึ้นจากน้ำกัดทึง และรัดเเน่นฉุดลงสู่น่านน้ำ เกิดการต่อสู้ขึ้นเเน่ๆ ผมได้กลิ่นเลือดฉุนจมูกเเต่ก็ไม่กล้าที่จะออกจากเปลือกไข่ของตน คดตัวอยู่ในนั้นเเน่น ตระกร้าของผมคล้ายอยู่บนบางสิ่งที่กำลังขยับสั่นไหว ไม่ได้จมลงสู่ก้นน้ำ
แฉลก!
อ้าากกกกก!
ฉึบ
เสียงของเนื้อที่ฉีกขาดดังมาพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนที่ผมจำได้ว่าเป็นเสียงของพญาครุฑจับผมมากิน
ง้ากกก!!!
เสียงคำรามประกาศศักดาชัยชนะลั่นก่อนที่ตระกร้าผมจะสั่นไหวอีกครั้ง
งื้ออ รอดจากเป็นซาชิมิให้พญาครุฑ มาเป็นซาชิมิให้ตัวอะไรอีกละครับที่นี้ ….บันเทิงเกินไปแล้ว!!!
“ส่งน้องกูมานี่!”
เสียงของเวหาที่ดังอย่างกราดเกี้ยวดังอยู่ไม่ไกล นี่เป็นครั้งเเรกเลยที่ผมดีใจมากๆ ที่ได้ยินเสียงของเวหา
เวหา: น้องข้าอยู่ไหน//เลียนแบบท่าในตำนาน (ช้างข้าอยู่ไหน)
? : ข้าต้องเล่นตามหรือไม่...
วาริน:...//มุดรูหนี