เกิดใหม่มีพ่อเป็นพญาครุฑ มีแม่ เป็น พญานาค มีพี่ชายเป็นพญาครุฑ 2 ตัวร้อย ขยันสร้างความบันเทิงให้(ประชด) แต่ว่าเเม่ครับพี่มันจะเอาผมไปทำซาชิมิแล้วครับ;-;
ชาย-ชาย,ตลก,แฟนตาซี,เกิดใหม่,ครอบครัว,พี่เถื่อน,หิมพานต์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บันเทิงชีวิตใหม่ครอบครัวหิมพานต์หรรษาเกิดใหม่มีพ่อเป็นพญาครุฑ มีแม่ เป็น พญานาค มีพี่ชายเป็นพญาครุฑ 2 ตัวร้อย ขยันสร้างความบันเทิงให้(ประชด) แต่ว่าเเม่ครับพี่มันจะเอาผมไปทำซาชิมิแล้วครับ;-;
“เฮ้อ มานี่มา วาริน”
ผมรีบเลื้อยไปหาพ่อธานิลทันทีที่เขาเอ่ยเรียก พ่อวางมือบนพื้นให้ผมเลื้อยขึ้นมือเขาขึ้นมาบนตั้งนั่งและกกไว้ในมือลูบหัวปลอบผมที่โดนเหล่าปีศาจที่เรียกว่าพี่แกล้ง
“แม่ขอโทษที่ปล่อยเราไว้บ้านกับพี่ ลำบากมากเลยสินะคนเก่ง”
แม่นาวีเหมือนได้สติยกมือขึ้นเกาคางผม กล่าวปลอบด้วยเสียงอ่อนใจ
“มี้”
ผมน้ำตาคลอเคลียมือแม่นาวีที่ลูบปลอบ
“หึหึ เป็นโชว์ที่น่ารักมากจ้ะ”
คุณย่าเองก็ดูเหมือนจะหายตกใจกับโชว์ของผมท่านส่งเสียงขบขันก่อนจะเอ่ยชมผม แต่ผมอายเกินกว่าจะสบตาท่านเลยหันไปมุดอกพ่อธานิลที่ประคองผมไว้บนฝ่ามือแทน
ยิ่งโดนชมก็เหมือนตัวจะระเบิดด้วยความอับอาย น้ำตาเลยคลอหน่วงที่ดวงตาจนพ่อธานิลต้องเปลี่ยนจากลูบปลอบมาตบเบาๆ
“หึหึ ฮาฮาฮา พี่เรานี่มันจริง ๆ เดี๋ยวปู่ตีพี่เราให้ไม่ร้องนะ”
พอได้ยินเสียงปู่ปลอบอย่างเอ็นดูก็เหมือนผมโดนตอกย้ำว่าผมได้ตกเป็นเหยื่อให้พี่บ้าหลอกตุ๋นให้แสดงโชว์บ้า ๆ นั่น
“แล้วปู่ไม่ชอบ”
เวหาเลิกคิ้วถามคุณปู่ด้วยใบหน้าทะเล้น ตามสไตล์พี่มันไม่มีหรอกคำว่าสลงสลด
“ หึ ก็น่ารักดี หน้าจุ้มพื้นตอนลงเจ็บไหมนั่น”
คุณปู่เอ่ยถาม พ่อธานิลเลยเชยคางผมขึ้นสำรวจ แม่นาวีเองก็ช่วยสำรวจอย่างเป็นห่วง
“เจ็บไหม”
ผมผงกหัวบอกพ่อธานิลที่เอ่ยถาม โดยเฉพาะใจ ผมเจ็บใจมากที่สุดเลย ความอับอายนี้จะถูกจดจำไปตลอดชีวิต!
“เพี้ยง หายแล้วคนเก่ง”
แม่นาวีเป่ากระหม่อมเพี้ยงเบา ๆ ให้ผม
“มามา ให้ย่าดูหลานตัวน้อยใกล้ ๆ หน่อย”
คุณพ่อขยับลุกจากที่นั่งประคองผมไปหาคุณปู่กับคุณย่าที่นั่งอยู่บนตั้งที่สูงขึ้นไป
“งดงามจริงๆ นานแล้วที่ไม่ได้เห็นนาคตระกูลฉัพพะยาปุตตะ มาหาย่ามา”
ท่านย่าส่งมือมาให้ผมเลื้อยขึ้นมือท่าน ผมหันไปมองพ่อธานิลเห็นท่านพยักหน้าให้ก็เลื้อยขึ้นมือคุณย่าพลางร้องทักทายท่าน
“มี้” สวัสดีครับ
“สวัสดีจ้ะ ยินดีต้อนรับสู่ตระกูลนะคะเด็กดี ธาราริน”
ท่านย่าลูบหัวผมและยิ้มละมุนส่งให้แถมยังช่วยเช็ดน้ำตาที่คลอดวงตาให้อย่างใจดี ปู่ ย่า พ่อ พญาครุฑในตระกูลเวทไตยวงศ์สุบรรณต่างใจดีกันหมดพวกพี่มันหลุด QC มาจากไหนโดยเฉพาะเวหา!
“อันนี้ย่าให้ ไว้คุ้มครองหนู”
กำไลทองที่ประดับอัญมณีสีทับทิมถูกถอดจากข้อมือท่านและสวมลงบนหัวผม กำไลนั่นดูเหมือนจะเป็นกำไลวิเศษมันปรับขนาดให้พอดีกับขนาดลำตัวส่วนคอของผม แถมยังเบามากไม่รู้สึกเลยว่าใส่กำไลอยู่
กิ๋ง
ผมขยับตัวโยกตัวสำรวจของวิเศษที่ได้รับทำให้กระดิ่งที่หางส่งเสียงกังวาล
“โฮ่ มาถึงก็ได้สมบัติตระกูลล่ะหนึ่ง”
แว่วได้ยินเสียงเวหาเอ่ยแซวด้วยน้ำเสียงกวนประสาท ผมบึนปากเมินเสียงของเวหาคลอเคลียมือย่าที่ยังคงลูบหัวเอ็นดูผม ขออนุญาตไม่คุยกับคนนิสัยไม่ดี
“ย่าให้เราเอาไหม”
“ไม่อะ อยู่กับผมไปก็ไร้ประโยชน์”
แล้วจะบ่นเพื่อผมหันไปมองจิกเวหา ยังอยู่กับคุณย่าผมไม่กลัวพี่มันหรอก! คุณย่าเหมือนรู้คำตอบของเวหาอยู่แล้วท่านส่ายหัวยิ้ม ๆ คล้ายระอาไอพี่ชายคนนี้เหมือนกัน ก่อนหันไปหาหลานอีกคนที่นั่งอยู่ข้างหลานคนโตอย่างวาโยที่กำลังยกน้ำขึ้นจิบ วาโยที่รับรู้ถึงสายตาของคุณย่าที่มองไปก็ชิงเอ่ยตอบก่อนโดนคุณย่าถาม
“ผมก็ไม่เอาไม่ชอบใส่กำไล มันไม่สะดวกตอนเย็บจักร”
“...”
วาโย....นายกลายเป็นช่างตัดเสื้อเต็มตัวแล้วสินะ ผมมองพี่ชายคนรองด้วยสายตาว่างเปล่าดูเหมือนพี่มันจะค้นพบเส้นทางที่ตัวเองชอบเข้าให้แล้ว....
“เฮ้อ ผมขอโทษครับคุณแม่”
แม่นาวีคลึงขมับตัวเองพลางขออภัยต่อแม่สามีที่ถูกลูกชายสองตัวร้อยปฏิเสธเหล่าน้ำใจด้วยเหตุผลแต่ล่ะคนน่าจับดีดปาก คุณย่าที่เห็นท่าทีของแม่นาวีก็ยิ้มหัวเราะ
“ฮาฮ่าฮา ลำบากหนูนาวีแล้ว แม่สิต้องขอโทษเราเจ้าครุฑพวกนี้คงทำหนูปวดหัวน่าดู”
ผมผงกหัวยืนยันคุณย่าจนหัวโยกว่าพวกพี่มันทำเเม่ปวดหัวมาก ท่านก็ยิ่งหัวเราะขำ
“เอานี่เงินขวัญถุงรับขวัญหนู ฝากคุณแม่เก็บไว้นะ”
คุณย่ายื่นห่อถุงผ้าสีแดงให้ผมตาโต เลื้อยพันอย่างหวงแหนทันที นี่แหละเป้าหมายวันนี้ของผม
พ่อธานิลพาผมกับมาหาคุณแม่พร้อมถุงเงินที่ผมกกกอดไว้
“แม่ใส่ไว้ในตะกร้าบ้านลูกให้ มากินข้าวกันก่อนมา”
“มี้”
ผมยิ้มรับแม่นาวีคลายกอดออกจากถุงเงินและเลื้อยพันข้อมือแม่เตรียมไปทานข้าว
“ได้เท่าไหร่ มาแบ่งพี่เลย”
ผมเชิดหน้าขึ้นสะบัดบ๊อบใส่อย่างงอน ๆ ส่งให้พี่ชายสองตัว เรื่องอะไรจะแบ่งให้
“เหมือนจะโดนงอนนะครับ พวกเรา”
วาโยว่าขึ้น พลางตบไหล่ปลอบพี่ชาย งอนนายด้วยวาโยไม่ต้องมาทำเนียน ถ้าเวหาคือตัวตั้งตัวตี วาโยก็คือผู้สนับสนุนหลักทำมาเป็นปูเรื่องสินสอดแม่ที่คุณปู่คุณย่าให้แม่ ทำให้ผมหน้ามืดอยากได้บ้างหลงกลเข้าเต็มเปา ยังไม่นับรวมพร็อพบนตัวผมที่ตัดเย็บให้ ความผิดน่างอนพอพอกับพี่เวหานั่นแหละครับ
“ใช่สิเรามันหมดผลประโยชน์แล้วนิ ก็คงเฉดหัวเราทิ้ง กระซิก ชุดก็ตัดให้ พร็อพก็เสกให้ การแสดงก็ซ้อมให้ ฮึก ลืมบุญคุณกันเสียแล้ว ฮึ”
ผมกลอกตามองบน เวหาการละครมาอีกแล้ว ครั้งนี้เป้าหมายที่โดนดราม่าใส่คือผม
“เฮ้อ เดี๋ยวพี่ลูกก็โต ทนหน่อยคนดี”
ผมว่าทรงนี้มันไม่ยอมโตนะสิครับแม่!
....
พรึบ
เสียงลมที่เกิดจากการกระพือปีกดังขึ้นทำให้พวกเราชะงักรออยู่ที่ลานด้านหน้าห้องโถง
“ใจร้อนกันจริงจริง เหล่าคนแก่นิ”
ท่านย่ามองไปบนฟ้าพลางเอ่ยบ่นด้วยรอยยิ้ม ผมกะพริบตาปริบ ๆ ยืนงงในดงครุฑ แม้แต่คุณแม่ก็ดูเหมือนจะรู้ว่าใครมา
“เทียดกับทวดมาช้าไปนะ พลาดของดีเลยละขอบอก”
เมื่อเห็นสองบรุษบินลงจากท้องฟ้าเดินเข้ามาทางพวกเราที่ยืนรออยู่เวหาก็เริ่มเอ่ยทัก ผมตาโตอย่าบอกนะว่าคนตรงหน้าผมตอนนี้คือพญาเวนไตยกับท้าววิฬหก เพราะเจ้าพี่ชายจะเรียกท้าวท่านว่าเทียดและเรียกพญาเวนไตยว่าทวด คงเพราะบารมีสินะพวกท่านดูไม่แก่เลยแต่ก็ยังดูน่าเกรงขามมาก
“หึ เล่นซนอะไรอีก เวหา วาโย”
ท่านถามเหมือนรู้นิสัยพี่มันดีว่าก่อเรื่องเอาไว้
“เฮ้ออะไรซ่ะอีกละครับ ก็แกล้งน้องกันน่ะสิ สวัสดีครับ”
แม่นาวีเป็นผู้เอ่ยตอบท้าวท่านพลางโค้งกายเคารพทักทายผู้ใหญ่ พ่อที่ยืนอยู่ด้านข้างแม่ก็ก้มหัวทักทายท่าน
“ไหนเรามาทักทายหลานคนเล็ก”
ทวดเอ่ยเรียกหาผม ผมหันไปมองท่านแม่ที่ก้าวเดินออกมาหาท่านที่เรียกหา
“โอ้ โอ้ งามมากฮาฮา เห็นถึงเคล้าความวุ่นวายมาแต่ไกลเลย หึ”
ท่านทวดที่เห็นผมก็ร้องชมก่อนจะหัวเราะร่วนลูบคางจ้องผมอย่างพินิจ ผมก็มีใจบริการเซอร์วิสซ่ะด้วยสิจากการถูกพี่ชายล้างสมองยิ้มกริ่มทักทายแขก ด้วยตัวสั่น ๆ อย่างไรคนคนนี้ก็คือต้นกำเนิดแห่งความฉิบหายของนาคมาหลายแสนปีเพราะพรที่ถูกประทานให้
“หึ เจ้าก็กล่าวไปเวนไตย ส่งเขามานี่มาข้าจะให้พร”
ท่านแม่ส่งผมให้เลื้อยขึ้นฝ่ามือของท่านเทียดหรือท้าววิฬุหก มือท่านอุ่นมากกลิ่นก็หอม
“อยู่ในร่างนี้คงอึดอัดใช่ไหม”
ร่างของผมเปล่งแสง รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว
“แอ้”
ผมถูกส่งคืนแม่นาวีที่ใช้ผ้าห่อตัวผมไว้ กะพริบตาปริบอย่างฉงนว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะถูกแม่นาวีอุ้มด้วยสองมือ ไหนจะสองมือป้อม ๆ ของตัวเองที่ชูไปกอดคอท่านแม่ไว้ตามสัญชาตญาณ
“น่ารักน่าชังจริงโตไปก็คงงดงามอย่างที่ท่านว่า”
ท่านย่าเดินมาจ้องพินิจและลูบหัวผม ผมเลยส่งเสียงเรียกท่าน
“ย่า”
“โอ้ะ ใช่แล้วข้าเป็นย่าเจ้า”
ผมตาโต ผมพูดได้แล้ว! รีบหันไปมองคุณแม่นาวีอย่างตื่นเต้นในที่สุดผมก็สามารถสื่อสารกับทุกคนได้
“แม่ วี พูด”
แม่นาวีผมพูดได้แล้ว!
แต่ดูเหมือนคำที่ออกมาจะไม่ค่อยครบเท่ากับคำที่ผมต้องการพูดมันจึงออกมาแปลก ๆ
“พ่อ นิล แม่ วี ยัก”
ผมหันไปยิ้มให้พ่อกับแม่และเอ่ยเรียกพวกเขา ดีจังที่เอ่ยเรียกพวกท่านได้แล้วอยากจะขอบคุณสุดหัวใจที่เก็บผมมาเลี้ยง
ว่าแล้วก็ซุกหัวไถอกแม่อย่างออดอ้อนตอนนี้ผมอยู่ในร่างแปลงของมนุษย์ ที่คงเป็นเด็กอายุประมาณขวบปี แม่นาวีจึงอุ้มประคองหัวและหลังอย่างระมัดระวัง
“ช่างอ้อนจริง”
คุณย่าลูบหัวผมที่ซุกกอดแม่นาวี
“แล้วพี่อะ ไม่รักเหรอ”
แว่วเสียงเวหาเอ่ยเรียกร้องความสนใจ ผมมุ่ยหน้าพลางหันไปหาคุณพี่ชายสองตัวร้อยที่ยืนอยู่ข้างกัน
“พี่ บ้า เจียด”
ว่าจบก็เชิดหน้าขึ้นเหมือนที่ชอบทำในร่างนาคน้อย ในที่สุดผมก็ด่าพี่มันได้แล้วครับ ปลื้มปริ่มจนน้ำตาไหลเลยครับ!
“โถ่ ไอซาชิมิมันเอาเรื่องว่ะโย”
เวหายื่นมือมาบีบแก้มผมขย้ำแผ่วเบา ผมสะบัดหน้าหนีรีบหันเข้าหาซอกคอแม่นาวีหลบภัย
เพี้ย!
“อย่าแกล้งน้อง”
แม่นาวีจัดการไปให้หนึ่งเพี้ย เสียงสะใจอีช้อยอีกแล้ว สมน้ำหน้า!
“สม แม่ จี อีก พิ ชอบ แกล้ง จิ อีก”
ได้ทีผมก็ฟ้องสิครับรอไร ทีเดียวไม่พอครับนาทีนี้อีกเอาอีก!
“ฮาฮา ดูท่าจะเก็บกด มาปู่ช่วยตี พี่เราคนไหนมันชอบแกล้งเรา”
ท่านปู่หัวเราะร่วนเข้าร่วมกับแม่นาวีในการช่วยผมเอาคืนเหล่าพี่ๆ
“สอง เย้ย”
ผมชูสองนิ้วประกอบคำพูดตัวเองด้วย
“โอ้ะปู่เจ็บนะ ใช่สิหลานคนนี้มันไม่น่ารัก”
ไอพี่เวหามันเริ่มตัดพ้อตามสไตล์พี่มัน ทำท่าร้องไห้กระซิก ประหนึ่งนางเอกถูกรังแก สมกับที่ชอบโดนแม่นาวีด่าว่า ตอ---นั่นแหละครับ ปู่ยังไม่ทันได้ตีเลย!
“ผมถ่ายคลิปตอนวารินแสดงโชว์ไว้ ปู่สนไหม”
"!”
วาโยที่มาจากไหนไม่รู้ โพล่งขึ้นมาเรียกความสนใจจากเหล่าคุณปู่คุณทวด
“เท่าไหร่ว่ามาหลานรักวาโยของปู่”
ปู่!!!! อย่าพึ่งโดนเจ้าพวกนั้นล่อซื้อกันสิครับ ผมอ้าปากค้างเมื่อได้ยินเสียงซาวด์คุ้นหูดังมาจากโทรศัพท์ของวาโย ท่านทวดเองก็ชะโงกหน้าไปดูอย่างสนใจ
ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่เหล่าครุฑตีวงล้อมท่านแม่ที่อุ้มผมไว้เริ่มพากันไหลไปดูคลิปอันน่าอับอายในมือวาโย ย่าคนดีของผมก็ไปด้วย!
“ยินดีต้อนรับสู่สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกานะ”
ท้าววิฬหก ลูบหัวผมที่กำลังช็อกด้วยความอับอายเพราะคลิปที่กำลังถูกเผยแพร่โดยพี่ชายคนรอง
ท่านส่งยิ้มละมุนให้ผม ก่อนจะโยกตัวไปรุมดูคลิปผมในมือวาโยอีกคน...หัวจุมกันเลยให้ตายสิ ;-;
“ฮาฮา เราขอด้วย เท่าไหร่ไปเขียนเอานะ”
ท่านเทียด! ท่านจะยื่นเช็คเปล่าให้สองคนนั้นไม่ได้ คลิปผมนะ ให้ผมสิ!!!!
ผมกรีดร้องไร้เสียงอยู่ในอ้อมกอดแม่ คนอับอายคือผมนะ เดี๋ยวผมเต้นให้ดูใหม่ก็ได้นะ!
“แอ้!”
“เดี๋ยวแบ่งให้ ยี่สิบเปอร์เซนท์ ตกลงก็หยุดร้อง”
เวหาที่รอดพ้นจากมือปู่เดินมาก้มกระซิบที่ข้างหูผม ผมนี่หุบปากที่ร้องโวยวายโดยฉับพลัน
“หึหึ เก่งมาก มานี่มา”
ผมยื่นแขนกอดคอของเวหาให้อุ้มอย่างไม่อาจขัดบัญชาแม่เล้าได้เดี๋ยวเปอร์เซนท์ที่ได้จะจางหายไป แม่นาวียอมส่งผมให้เวหาอุ้มเมื่อผมเอียงตัวไปให้พี่มัน
"อุ้มน้องดี ๆ ห้ามแกล้งน้องด้วย"
"คราบบ"
เวหาตบหัวผมบุบุอย่างชอบใจที่ผมอยู่ในกำมือ
...ฮึมฝากไว้ก่อนเถอะเจ้าพี่บ้าแค้นนี้จะต้องถูกชำระ
“เฮ้อ ทำไมผมรู้สึกเหนื่อยอย่างนี้ ลูกเรามันมิจฉาชีพชัดๆ นิสัยนายทุนนี่มันมาจากใครกัน”
นาวีเซถลาซบอกธานิลที่ลูบหัวปลอบ
ธานิลปรายตามองคนรัก มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยจากการทำธุรกิจหลากหลายทั้ง เทคโนโลยีของมนุษย์อย่างสมาร์ตโฟน ที่ถูกพัฒนาให้ใช้ได้ในหิมพานต์ก็เป็นนาวีที่เริ่มลงมือทำ ทั้งติดตั้งเครือข่ายสัญญาณ ดัดแปลงกล้องให้สามารถถ่ายติดชาวหิมพานต์ได้ โกยงบประมาณจากรัฐบาลไปพัฒนาไม่น้อยแถมทำกำไรเป็นกอบเป็นกำ...เขามันก็แค่ข้าราชการ....ถ้าถามนิสัยหน้าเงิ--- นายทุนนี่มาจากใครก็ดูเอาเถอะ...
(ว่าด้วยเรื่องการลงทุนของนักธุรกิจ(?))
วาโย: เป็นนักธุรกิจลงทุนต้องหวังผลกำไรแต่ถ้ามันเป็นสิ่งที่ชอบ ขาดทุนช่างหัวมัน // กดสั่งผ้าและอะไหล่สำหรับตัดชุด
เวหา: การลงทุนมีความเสี่ยงในการโดนสวบ(?)ผู้ลงทุนควร รู้วิธีการล่อลวงเงินทุน//ส่งวิ้ง
วาริน:ความน่าอับอายจะหมดไปเมื่อมันขายได้ครับ!// งับเงินที่เวหาเอาเป็นเหยื่อติดเบ็ด