เกิดใหม่มีพ่อเป็นพญาครุฑ มีแม่ เป็น พญานาค มีพี่ชายเป็นพญาครุฑ 2 ตัวร้อย ขยันสร้างความบันเทิงให้(ประชด) แต่ว่าเเม่ครับพี่มันจะเอาผมไปทำซาชิมิแล้วครับ;-;
ชาย-ชาย,ตลก,แฟนตาซี,เกิดใหม่,ครอบครัว,พี่เถื่อน,หิมพานต์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บันเทิงชีวิตใหม่ครอบครัวหิมพานต์หรรษาเกิดใหม่มีพ่อเป็นพญาครุฑ มีแม่ เป็น พญานาค มีพี่ชายเป็นพญาครุฑ 2 ตัวร้อย ขยันสร้างความบันเทิงให้(ประชด) แต่ว่าเเม่ครับพี่มันจะเอาผมไปทำซาชิมิแล้วครับ;-;
สวัสดีผมวารินคนดีคนเดิมเพิ่มเติม เดินได้แล้ว หลังผ่านไปสามเดือนหลังไปเยือนสวรรค์ร่างจำแลงมนุษย์ก็โตประมาณเด็กสามขวบ ส่วนร่างพญานาคก็ตัวโตน้องๆ ไอหลามแล้ว รัดตัวเวหาได้สองรอบแหนะ แม่นาวียังสอนผมใช้มนต์ย่อขยายร่างพญานาคให้ตัวเล็กตัวใหญ่ตามที่ต้องการให้ด้วย เลยยังสามารถหดตัวเป็นงูน้อยไปนอนหลับในไข่น้อยได้
“วาริน”
เสียงเรียกของแม่ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์ที่แม่ให้เป็นของขวัญ ผมก็เอาไว้หาข่าวแล้วก็เรียนรู้โลกหิมพานต์
“หนูเตรียมตัวเสร็จหรือยังคะ คนเก่ง”
ตอนนี่เรากำลังไปโลกมนุษย์กันเพราะแม่นาวีมีธุรกิจเปิดอยู่ที่นั่นต้องกลับไปดูแล พ่อธานิลเองก็ต้องกลับไปประสานงานจัดการดูแลความเรียบร้อยเหล่าชาวหิมพานต์ที่ข้ามไปแดนมนุษย์
“รอบนี้ไปอยู่นาน อยากเอาอะไรบ้างก็ขนไปให้หมดนะ”
พ่อธานิลที่เดินตามหลังท่านแม่กล่าวบอกผม
“คับ เตียมคบหมดแย้ว”
ผมกึ่งวิ่งกึงเดินไปกอดเอวแม่นาวีและฉีกยิ้มหวานเพื่อออดอ้อน
“น่ารักใส่อย่างนี้จะเอาอะไรหืม”
“พิโยบอกว่า แม่จะให้ไปโยงเยียน...หนูไม่ไปได้มั้ย”
ผมพยายามส่งสายตาที่คิดว่าแป๋วที่สุดเพื่อหวังให้แม่นาวีใจอ่อน
“ไม่ได้ครับ หนูต้องฝึกเข้าสังคมปะปนกับมนุษย์”
แม่นาวีอมยิ้มถึงจะเป็นเด็กดีแต่ก็คงมีมุมแอบดื้อ ตอนนี้งอแงไม่อยากไปเรียนเสียแล้ว
ผมยู่หน้าเมื่อเผลอนึกถึงอดีตที่เคยโดนเพื่อนร่วมห้องรังแก อดกังวลไม่ได้อยู่ดีแม้จะรู้ดีว่าตัวเองยามนี้แตกต่างจากในอดีตมากก็ตาม
“ว้ายตรงนี้มีเด็กไม่อยากไปโรงเรียน หนึ่งตัวครับ”
ไม่ต้องเดาครับเสียงล้อเลียนผมแบบเล่นใหญ่ใส่เกินเบอร์ก็มีแค่ไอพี่เวหาคนโฉดคนนั้นนั่นแหละครับ ผมแยกเขี้ยวใส่ทันทีเมื่อหันไปเจอ พร้อมพุงตัวกะเอาหัวโหม่งท้องเอาให้จุกเลย!!!
“ลูกรักวีวี่คลั่งแล้ว ฮ่าฮ่า”
แต่ด้วยขนาดตัวที่ต่างกัน ผมที่ตัวเท่าหน้าแข่ง เวหาใช้มือเดียวยันก็ขยับเข้าใกล้เจ้าตัวไม่ได้แล้ว เลยเปลี่ยนร่างกลับเดิมจะเลื้อยไปฉกหน้าพี่มัน แต่ก็โดนรู้ทัน
เวหาจับตัวผมชูขึ้นและสลับมือสาวตัวผมไปมาไม่ให้เลื้อยไปฉกหน้าได้ คล้ายเลื้อยอยู่บนลู่วิ่ง จะไปต่อก็ไปไม่ถึง แถมเจ้าลู่วิ่งยังไม่คิดจะปล่อยด้วย!! จากบทนักล่า (?) กลายเป็นเหยื่อเฉย!
“อย่าแกล้งน้อง ไหว้ละ”
เสียงของแม่นาวีเอ่ยปรามอย่างเหนื่อยอ่อนใจ ใช่แล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เวหาอุกอาจรังแกต่อหน้าต่อตาแม่เช่นนี้
“วีวี่ลำเอียงอีกแหละ ลูกวีวี่มันจะสวบเราก่อนนะ”
“มากับแม่มา วาริน ฟันลูกเฉาะหน้าพี่ลูกไม่เข้าหรอกแม่ว่า”
“วีวี่หลอกด่าเราล่ะ”
ผมเปลี่ยนร่างกลับเป็นเด็กสามขวบห้อยต่องแต่งอยู่ในมือเวหา ที่จับผมชูยกขึ้นประหนึ่งลูกสิงโตในเรื่องไลออนคิงที่ผมดูเมื่อคืน
ผมกระตุกยิ้มมุมปากอาศัยจังหวะที่เวหาหันไปสนใจคุณแม่ ยกขาขึ้นกะเสยเตะคางเวหาสักที โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อยเสียด้วย
วืด
ใช่ครับวืดเพราะขามันสั้นเกินไป...
“หืม?”
เวหาหันมาหาผมคล้ายสงสัยว่าผมทำอะไรลงไป แน่นอนว่าผมไม่มีทางแฉตัวเอง
“จะเตะพี่แต่ขาไม่ถึงน่ะครับ”
แต่มันมีเจ้าคนปากไม่มีหูรูดมองอยู่นี่แหละ!!!! วาโยที่เข้ามาทันเห็นฉากผมเตะวืดกล่าวบอกพี่ชายคนโตที่กำลังทำหน้างงกับลมที่ผ่านหูไปก่อนหน้า
“ฮาฮาฮา เจ้าจิ๋วของพี่จะเตะพี่เหรอ กำแหงใหญ่แล้วนะเราอะ”
พี่เวหาหัวเราะร่วน ผมได้แต่ต้องกำกลืนความอับอาย ปล่อยให้พี่มันดึงตัวเข้าไปกอดรัด ชูผมที่หน้าแดงก่ำหมุนเหวี่ยงไปมา
“เวหาบอกว่าอย่าแกล้งน้อง! พี่ธานิลห้ามลูกพี่ดิ รุมแกล้งน้องกันอีกแล้ว ผมยังเก็บของไม่เสร็จ”
แม่นาวีที่เห็นผมไม่เดินเข้าไปหาเขาสักทีเลยเงยหน้าขึ้นจากของที่กำลังตรวจเช็ค เห็นเวหากำลังเหวี่ยงผมหมุนติ้ว ๆ ก็เอ็ดเสียงแข็งอีกครั้ง แต่ก็นั่นแหละเจ้าพวกนี้มันฟังแม่นาวีที่ไหน สุดท้ายก็ต้องเรียกหาตัวช่วยอย่างคุณพ่อ
“เฮ้อ เตรียมของครบกันแล้วใช่ไหม พวกลูกต้องจ่ายค่าปรับกันก่อนแล้วเขียนใบชี้แจงเสร็จหมดหรือยัง”
พ่อโผล่มาหยุดยืนตรงหน้าเวหาและดึงผมออกจากมือพี่ชาย มาอุ้มประคองไว้ มุมสายตาผมเลยสูงขึ้นมองต่ำลงไปหาพี่มันอย่างท้าทาย พร้อมกับแลบลิ้นส่งท้าย สมน้ำหน้าโดนพ่อดุ
พวกเราเดินทางผ่านช่องทางปกติกัน หรือที่เรียกว่า ตม. หิมพานต์ ผมคุณแม่แล้วก็พ่อไม่มีปัญหาแต่ เวหากับวาโยที่มีคดีแดงติดตัวจากการเดินทางผ่านไปโลกมนุษย์ด้วยช่องทางธรรมชาติต้องเขียนชี้แจงเหตุผล และจ่ายค่าปรับกันก่อนถึงจะได้รับอนุญาตให้ผ่านไปโลกมนุษย์ได้
“ผมจ้างวาโยเขียนเรียบร้อย เชิญตรวจสอบครับคุณพ่อที่เคารพ”
วาโยวางกระดาษรายงานปึกหนึ่งลงบนฝ่ามือที่หงายขึ้นรอของเวหา แทนที่ปึกเงินของเวหาที่วางรอไว้ก่อนหน้า
“....”
สองพี่น้องนี่มันความสัมผัสแบบธุรกิจสุด ๆ ส่วนวาโยค่าผ้ามันแพงสินะถึงได้รับเหมามันทุกงานที่เวหาโยนให้ทำ
“รบกวนฝากพ่อที่เคารพรักยื่นให้ด้วยนะครับ”
เวหายัดรายงานชี้แจงกับเช็คเงินค่าปรับของเขาให้คุณพ่อจัดการต่อ วาโยที่เห็นพี่ทำก็ทำตาม ดูทรงแล้วคงไม่อยากไปต่อแถวยื่นเอกสารและฟังคำบ่นของพี่เจ้าหน้าที่กันสินะ
“ฝากด้วยนะครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับคุณพ่อ”
แต่ยังดีที่พี่วาโยมันยังเอ่ยขอบคุณพ่อธานิล ส่วนเวหาปล่อยมันไปครับ รายนั้นเกินเยียวยา!!!
ผมที่ถูกพ่ออุ้มด้วยแขนข้างเดียว วาดแขนเล็กๆ โอบกอดรอบคอพ่อและ หันไปซุกกอดปลอบใจพ่อที่ถูกเจ้าพวกนั้นโยนเรื่องมาให้จัดการแบบหน้าด้าน ๆ แน่นอนว่าในฐานะผู้ปกครองของลูก ๆ ก็ทำได้แค่ทำใจ...
“เจริญมากลูกกู เฮ้อ มาพี่เอามาเดี๋ยวผมจัดการเอกสารพวกนี้เองครับ วาโยเวหา! มานี้เลยไอตัวดีจะหนีไปไหน ไปใช้พ่อแบบนั้นได้ไง นี่มันความผิดลูกเว้ยย อย่ามาสร้างความลำบากให้คนอื่นไอสองตัวร้อยเวรนี่!”
แม่นาวีสมเป็นคุณแม่ รับเอกสารจากพ่อไปม้วนเป็นกระบอง (?) แล้วก็ไปวิ่งไล่ตีหัวเวหากับวาโย ที่เหมือนจะรู้ตัวว่าจะโดนพากันออกวิ่งบินหนีไปอย่างรวดเร็ว
“ชิบแล้วโย ไปไป! วีวี่ควันออกหูแล้ว”
“ไอครุฑเวรพวกนี้นิ คิดว่ามีปีกแล้วจะหนีพ้นเหรอฮะ!”
แม่นาวีถอดรองเท้าคู่โปรดของตัวเอง ก่อนจะจับเหวี่ยงปาใส่ไอพี่สองตัวที่บินอยู่บนฟ้า
ผมกับพ่อ มองความวุ่นวายที่บังเกิดด้วยสายตาว่างเปล่า
“หึ”
พ่อธานิลยกยิ้มมุมปาก ก้าวเดินช้า ๆ ตามหลังแม่นาวีที่วิ่งไล่กวาด สองพี่น้อง ด้วยเท้าเปล่า ก่อนที่แม่จะเปลี่ยนร่างเป็นพญานาคเลื้อยไล่กวาดพวกพี่มัน ที่อยู่ ๆ ก็ร่วงจากฟ้าตกพื้นดังตุบ เมื่อพ่อยกมือร่ายมนต์บางอย่าง
“กรี้ดดด วีวี่ ผิดไปแล้วจ้า แอ็กแม่ใจเย็น!!!”
แว่วได้ยินเสียงเวหากรีดร้องอย่างโหยหวน เมื่อแม่นาวีตวัดหางเวี่ยงใส่พี่มันจนหน้าทิ่มพื้น แม่นาวีที่ได้ตัวพี่เวหาเปลี่ยนร่างกลับเป็นมนุษย์ใช้ม้วนกระดาษทุบพี่มันพลางเทศนาบ่นด่าพี่มันไปด้วย
“วาโย! ถ้าไม่อยากโดนแบบพี่ลูก มาช่วยแม่จับพี่มันไว้”
วาโยรีบตรงดิ่งไปช่วยจับตึงขอมือของพี่ชายไว้โดยไว ไม่ให้พี่ชายขัดขืนแม่นาวีที่รัวม้วนกระดาษตีพี่เวหา เปลี่ยนฝั่งไวมากพี่ชายคนนี้
พ่อธานิลยกมือขึ้นลูบหัวผมทำให้ผมล่ะสายตาจากฉากตรงหน้าเงยหน้ามองเขาตาแป๋ว จากสายตาพ่อธานิลเองก็มองแม่นาวีที่กำลังทุบพี่เวหาอยู่เช่นกัน ก่อนจะก้มลงมาหาผมเมื่อรับรู้ถึงสายตาของผม
“สงบสุขดีเนอะ”
สงบสุขตรงไหนก่อนพ่อ!!!!! ผมตาโตทันทีเมื่อได้ยินคำที่พ่อกล่าว พี่เวหามันจะตายคามือแม่แล้ว!!! แต่คิดอีกที ตรงผมกับพ่อก็สงบสุขจริง...
ลมเย็นพัดผ่านผมกับพ่อที่เฝ้ามองกรรมในรูปของแม่ที่ตามสนองเวหาลูกเวร..พี่มันสมควรโดนแล้วจริงๆ คิดได้ถึงตรงนี้ก็รู้สึกว่า ภาพตรงหน้า ช่างสงบสุขจริงๆ ....
“กรี้ดดดดดดด ซาชิมิช่วยพี่ด้วย”
ตุบๆ
เสียงลมเพราะจังเลย...
---------
ตอนนี้เรากำลังอยู่บนเครื่องบินครับ ฟังไม่ผิดเราต้องข้ามผ่านโลกผ่านทางเครื่องบิน เพราะตัวตนพ่อกับแม่ในโลกมนุษย์คือนักธุรกิจที่บินไปมาระหว่างประเทศ ตบตาเป็นข้ออ้างเวลาที่พวกเขากลับหิมพานต์ก็สามารถอ้างได้ว่าไปดูงานที่ต่างประเทศ ถ้าโดนเช็คประวัติก็จะได้รู้ว่าบินไปมาจริง เครื่องบินเราบินลงที่สนามบินของมนุษย์จริงแต่จะมีช่องทางพิเศษที่รู้กัน ที่ถูกร่ายมนตร์พรางตาไว้แล้ว
พนักงานในส่วนนี้ก็จะเป็นคนของหิมพานต์ที่ช่วยเช็คและสร้างประวัติตัวตนปลอมให้เรา ว่าบินมาจาก อเมริกาหรือที่ใดใดในโลก จากนั้นก็จะถูกร่ายเวทปลอมแปลงเปลี่ยนสีผมสีตาให้เหมือนประวัติที่ถูกแต่งขึ้น แต่ผมเด็กเกินกว่าที่จะควบคุมคาถาเปลี่ยนสีผมสีตา ทำให้อาจโป๊ะได้ทางเจ้าหน้าที่จึงสร้างประวัติให้ว่า ผมเป็น ลูกบุตรธรรมของแม่กับพ่อที่ไปรับเลี้ยงมาจาก ต่างประเทศแถบประเทศที่มีผมและดวงตาสีอ่อน ยังลงประวัติไว้ด้วยว่าเป็นโรคผิดปกติทางเม็ดสีในร่างกายทำให้เนียนเข้าไปอีก แล้วเราก็จะผ่านประตูมนตราปะปนไปกับมนุษย์ปกติได้อย่างเนียนๆ
ทางเวหากับวาโยมีประวัติอยู่ก่อนแล้ว พอผ่านประตูมนตราแปลงกายคาถาก็ทำงาน เวหากลายเป็นมนุษย์เด็กเกรียน ตาดำ ผมดำ ยิ่งทำให้พี่มันดูหล่อแบดขึ้นไปอีก! ส่วนวาโยเลือกสีตาเป็นสีน้ำตาลอ่อนเหมือนแม่นาวีแต่ความหล่อไม่ได้ลดน้อยลงจากตอนที่ตาสีทองเลย เป้าหน้าพ่อธานิลการันตีโตไปพี่มันก็หล่อไม่แพ้ใคร ส่วนคุณพ่อที่เปลี่ยนมาใส่แว่นบอกเลยว่า ผมนี่ถึงกับยกมือทาบอกทุกคนต้องอิจฉาแม่นาวี พ่อผมหล่อมากครับ!! ส่วนแม่นาวีคือที่สุดของความหล่อเท่ห์ครับด้วยความเป็นเจ้าพ่อแฟชั่นอยู่แล้วด้วยแม่ไม่ได้เปลี่ยนจากร่างแปลงมนุษย์ในหิมพานต์เลย นอกตาสีตา
“ร้อนไหม”
ผมพยักหน้ารับคำแม่นาวีที่อุ้มผมอยู่ รอพ่อกับพี่ไปเอากระเป๋า
“ทนหน่อยนะคนดี เดี๋ยวแม่เอาน้ำให้ดื่ม”
นาวีเปิดกระเป๋าที่ภายในบรรจุของใช้จำเป็นของผมอย่างขวดนมและขวดน้ำ ของใช้ที่จำเป็นสำหรับเลี้ยงเด็ก ทั้งใช้กับผมและตบตาเหล่ามนุษย์ แม่หยิบขวดน้ำที่บรรจุน้ำทิพย์มายื่นให้ผมดูด แก้คลายร้อน
“มามัดผมให้ เอาไหม”
ผมพยักหน้ารับ เส้นผมผมค่อนข้างยาวแล้ว แม่นาวีที่เห็นผมร้อนจึงกะจะมัดผมที่สยายบังคอออกให้ เลยพาผมไปนั่งที่ม้านั่งและค้นหาหนังยางในกระเป๋าโดเรม่อน (?) ของตัวเองคุ้นๆ ว่า เป็นแบรนด์เมนที่ราคาขั้นต่ำแต่ล่ะใบไม่น้อยเลย แต่แม่นาวีรวยมากผมไม่แปลกใจถ้าเขาจะใช้ของแพง ผมสงสัยมากกว่าว่า เขายัดอะไรลงไปบ้าง เพราะถึงกับคว้านหายางรัดผมไม่เจอจนต้องเอามานั่งงมหาอย่างยากลำบาก
ผมนั่งดูดน้ำรอแม่อยู่ข้างๆ พลางมองไปรอบๆ อย่างสนใจ นี่คือโลกทางฝั่งมนุษย์ ก่อนข้ามมาก็ตื่นเต้นอยู่หรอกแต่พอข้ามมาแล้วกลับรู้สึกงั้น ๆ เสียมากกว่า โลกฝั่งหิมพานต์ยังสร้างความตื่นตาตื่นใจได้มากกว่า อาจเพราะผมเคยเป็นมนุษย์มาก่อนล่ะมั้ง
“ว้ายตรงนี้มีเด็กติดขวดนมด้วย”
เวหาที่โผล่หัวมาถึงก็ตรงดิ่งเข้ามาจิ้มแก้มที่กำลังดูดขวดน้ำของผมเล่น
เพี้ย!
ผมล่ะมือข้างหนึ่งจากขวดน้ำ ตีเพี้ยที่มือพี่มันให้หยุดแกล้ง มองค้อนตาเขียวใส่ ยิ่งร้อน ๆ อยู่ไอพี่บ้าเดี๋ยวก็ฝังเขี้ยวใส่เลย
“อย่ากวนน้อง แม่ขอล่ะ อากาศมันร้อนคนก็เยอะ น้องไม่ชินเหมือนเราที่เคยมากัน แล้วพ่อเราอะ”
นาวีว่าพลางรวบผมหน้าม้าผมมัดเป็นจุกให้หนึ่งจุก แล้วก็ไปมัดแกะเพิ่มให้อีกสองข้าง บนหัวผมเลยประดับด้วยจุกสามจุก...แม่ไม่ถามเลยว่าอยากได้ทรงอะไรอะ ;-;
“กระเป๋าหายไปใบหนึ่งพ่อไปตามเรื่องอยู่ ให้ผมกับวาโยมาบอกแม่ก่อน อาจล่าช้าไปชั่วโมงกว่าเลย”
“สงสัยเป็นใบนั้นแน่เลย”
ใบนั้นที่แม่นาวีว่าคือใบที่แม่หิ้วน้ำทิพย์ใส่มาด้วย...เอาไว้ให้ผมชงนมดื่มนั่นแหละครับ...เนื่องจากมันเป็นของที่วิเศษมากๆ ทั้งตัวคุณสมบัติแสนวิเศษและวิธีการได้มาในครอบครอง เจ้าหน้าที่ตรวจกระเป๋าหิมพานต์คงขอตรวจสอบที่มาก่อนว่าใครเป็นเจ้าของ ได้มาอย่างไร ถูกต้องตามกฎหมายไหม ก็เข้าใจพวกเขาได้
“แม่ติดอันนี้ด้วย”
วาโยที่เห็นแม่มัดผมให้ผมด้วยหนังยางเสร็จ คล้ายว่าพี่มันรู้สึกว่าหัวผมมันยังโล่งเกินไปเลยยื่นกิ๊บดอกทานตะวันที่เป็นต้นทานตะวันดึ๋งดึ๋งแกว่งไปมาได้ให้แม่...ผมสงสัยมากว่าพี่มันพกของพวกนี้ติดตัวด้วยเหรอ เจตนาชัดเจนมากว่าพกมาแกล้งผมเพราะผมไม่เคยเห็นวาโยใช้ของพวกนี้เลย
“อันนี้น่ารัก”
แม่นาวีรับมาติดเหน๊บไอผมน้ำพุจุกแรก อย่างรวดเร็ว
“ฮาฮา เรียกซาชิมิไม่ได้แล้วสิต้องเรียกว่าหนูน้อยทานตะวันแล้วปะ”
แชะ
พี่เวหามันไม่ว่าเปล่า ถ่ายรูปผมในสารรูปหนูน้อยทานตะวันส่งเข้ากรุ๊ปครอบครัวที่มีคุณปู่คุณย่าคุณทวดคุณเทียดอย่างรวดเร็ว เรื่องประจานผมไว้ใจพี่มันได้เลย เร็วมาก ทั้งเวหาวาโย ทำอะไรพี่มันคืนไม่ได้ จะเอาออกก็กลัวแม่เสียใจ เลยได้แต่ยกน้ำขึ้นดูดอย่างไม่สบอารมณ์
“ฮาฮา ไม่ล้อล่ะ โอ๋โอ๋ วีวี่ผมพาน้องไปเดินเล่นได้ไหม”
เวหาว่าขึ้นพลางอุ้มผมขึ้นไม่ถามสักคำว่าผมอยากไปกลับเขาหรือเปล่า ไอพี่บ้ามันมัดมือชกอีกล่ะ ผมเอามือยันหน้าพี่มันที่จะเข้ามาหอมแก้มที่ป่องเพราะดูดน้ำอยู่ไว้ ไม่ให้เข้ามาฟัดแก้มผมได้
“เฮ้อ ไปเถอะ เดี๋ยวแม่ไปช่วยพ่อเราก่อน ห้ามแกล้งน้อง วารินถ้าพี่มันแกล้งหนู หนูฟ้องได้เลยไม่ต้องกลัว แม่จะตีพี่มันให้”
ผมพยักหน้ารับคำแม่ ที่ดูเหมือนจะมีเรื่องต้องไปจัดการ ผมเลยไม่ขอไปด้วย โลกมนุษย์พี่มันใช้มนต์รังแกผมไม่ได้ คงรับมือได้ไม่ยาก
“เก่งมาก เดี๋ยวแม่มาแปบเดียว ให้ตายสิ บอกให้เอาเงินยัดก็จบแล้วพี่ธานิลนี่ให้ตายสิ”
“....”
แม่นาวีเดินมาลูบหัวผมก่อนเดินออกไปคำบ่นด้านหลังของแม่นาวีขอให้ทุกคนลืมๆ มันไปนะครับเพราะมันเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีสุดๆ ว่าแล้วแม่ก็เดินจ้ำอ่าวออกไป ทิ้งผมไว้กับพี่ชายที่แสนดี ดีแตกน่านะ!!!
“หึหึหึ แม่ไม่อยู่แล้วนะวารินนน”
ผมกลืนน้ำลายเหนียวลงคอเมื่อพี่มันกระซิบเสียงเย็น หันไปมองหน้าพี่มันช้าๆ แม่ยังไปไม่พ้นสายตาพี่มันก็กะเล่นผมเลยเหรอวะครับ!!
“ฮาฮา ดูทำหน้าเข้า พี่ไม่ใช่ยักษ์ใช่มารเสียหน่อย ทำหน้าดีดี สัญญาว่าจะไม่แกล้ง จนกว่าแม่จะมา”
“คนโกหกต้องจืนเข้มพันเย่มนะ”
ผมว่าขู่พี่เวหาที่เอ่ยยกสัญญาขึ้นมาให้ผมลดการ์ดกับพี่มันลง ปรายตามองพี่มันอย่างไม่เชื่อใจสุด ๆ ขึ้นชื่อว่าเวหาด้วยแล้ว วาโยยังว่าไปอย่าง
“อืมสัญญา พี่เป็นพี่ชายวารินเลยนะเชื่อได้อยู่แล้ว”
“ถ้าเอานิ้วชี้ไคว้กับนิ้วกลาง ขณะทำสัญญา สัญญาจะถือเป็นโมฆะนะครับ”
วาโยปรายตาลงมองนิ้วที่ไคว้กันอยู่ของเวหาให้ผมมองตาม ผมกลับหันกลับมามองเวหาด้วยสายตานิ่ง ๆ ใช้สายตาสื่อความนัย
“เหลี่ยมทุกดอก บอกพี่ชาย”
ดูเหมือนวาโยจะแปลความสายตาผมที่มองพี่เวหาออก
ใช่แล้ว ไอพี่บ้านี่มันเชื่อใจไม่ได้!!!!
“ฮาฮาฮา ครั้งนี้ไม่แกล้งจริง ๆ จะพาไปซื้อของเล่น ไปไหม ปู่ให้เงินมาตอนส่งรูปหนูน้อยทานตะวันไปให้ท่านดู พี่เลยเอามาซื้อของให้เรานี่ไง”
คุณปู่ก็โอนไวมาก
“คุณทวดกับคุณเทียดก็โอนมานิครับ”
วาโยกล่าวเสริมประโยคพี่ชาย พลางเลื่อนอ่านแชทในโทรศัพท์หันมาให้ผมดู
ทุกคนโอนไวมากแต่ไม่เข้ากระเป๋าผมสักคน ทำไมต้องโอนเข้ากระเป๋าตังไอพี่เวหาด้วยครับ ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน นั่นรูปผมน่ะ อาจเพราะผมยังไม่มีบัญชีธนาคารสินะ แม่เปิดบัญชีให้ผมด่วน!!!
“ผมว่าเราทำโฟโต้บุควารินขายกันดีไหมครับ”
“ความคิดดีวาโย”
“...”
ดีกับพี่มันสิ!!! แม่อยู่ไหนครับพวกนี้มันกำลังวางแผนสร้างความอับอายให้ผมอีกแล้วครับ
ผมหน้าบึ้งมองพี่มันสองตัวที่ไอเดียบรรเจิดสรรหาความบันเทิงให้ผมกันอีกแล้ว
“ไม่อ้าว ไม่ท่าม จะฟ้องแม่”
ผมสะบัดหน้าใส่ไอพวกพี่บ้าที่อยู่ๆ ก็ได้ไอเดียบรรเจิดในการหลอกตบทรัพย์เหล่าคุณปู่ เรื่องอะไรผมจะยอมละทิ้งศักดิ์ศรีตัวเองอีกครั้งกัน
ครั้งที่แล้วผมโดนพวกพี่มันหลอกลวงครั้งนี้ผมจะไม่พลาดอีกแล้ว!!
“นายแบบน้อย คิดดี ๆ สนใจหาค่าของเล่นไหมจ๊ะ”
ผมพยักหน้าขึ้นลงประหนึ่งต้องมนต์เมื่อเวหาหันโทรศัพท์ที่โชว์จำนวนเงินค่าตัวมาให้ ศักดิ์ศรีผมมันราคามากกว่า 5 หลักเลยนะ นาทีนี้ ศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้!!!
“พิต้องจ่ายมัดจำมาก่องนะ”
เพราะผมยังไม่มีบัญชีทำให้ ไอยี่สิบเปอร์เซนจากคลิปเต้นอันน่าอับอายนั่นก็ยังไม่ได้รับ เวหาบอกรอโอนตอนมีบัญชีแต่ผมว่าคนชั่วอย่างเวหากะบิดผมแน่ ๆ รอบนี้เลยว่าจะให้ซื้อของที่มีมูลค่ามาค้ำประกันไว้ก่อน จะได้ไม่อับอายฟรีเหมือนรอบนั้น
“รอบนี้ซาชิมิมันฉลาดขึ้นว่ะโยเอาไงดี”
เวหาเอียงตัวไปกระซิบวาโยคล้ายปรึกษากันผสมนินทาผมไปด้วย
แต่ขอร้อง!!! พี่มันอุ้มผมอยู่ไง ได้ยินชัดทุกคำ!
“เดี๋ยวเราอัพราคาของเพิ่มเอาได้ พี่ หก ผม สี่ เหมือนเดิมนะ”
“โอเคดิล”
ว่าจบพี่มันก็จับมือกัน ประหนึ่งนักธุรกิจที่เจรจากันเสร็จสิ้น...จากรูปประโยคของพี่มันผมแน่ใจล่ะว่าพี่มันกะบิดผมเต็มที่ชัด ๆ ไม่มีความเกรงกลัวหรือเกรงใจเลยสักนิด!!!!
“ว่าแต่นายแบบอยากได้อะไรเป็นของจ่ายมัดจำจ้ะ จิ๋วพี่”
ไอพี่เวหากลับมาคุยกับผม ด้วยน้ำเสียงยียวนประหนึ่งจิกโก๋หน้าปากซอยทักสาวสวย
ผมชี้ไปที่ร้านตุ๊กตาก่อนเป็นอันดับแรก
“เงินค่าหนมปู่ชื้อ ตุกตา เงินพิชื้อ อันนั้น”
บอกเลยว่าผมยังไม่ลืมว่าเวหาจะซื้อของขวัญให้ก่อนซึ่งเป็นเงินของปู้ เงินค่าตัวผมต้องควักมาจากกระเป๋าเวหาเท่านั้น!!! ไม่ต้องมาเนียน ผมรู้ว่าพี่มันกะซื้อของให้ชิ้นเดียวแล้วโมเมว่าเป็นค่าจ้างไปในตัวเลย พี่เวมันเหลี่ยมจัดจะตาย ไม่ได้ไม่ได้ ครั้งนี้ผมต้องได้อะไรติดมือกลับไปบ้าง
“หึ รู้ดีจริงไอจิ๋วนี่ ไปไป เอาเงินปู่ซื้อตุ๊กตา เงินพี่ซื้อทองใช่ไหม”
ผมพยักหน้าหงึก ๆ เมื่อเวหาทวนความต้องการผม
“แต่เงินปู่มันรวมอยู่กับเงินพี่เวหาแล้วนะวาริน”
“...”
วาโยหยุดจี้ดิ ใช่สุดท้ายแล้วเวหาก็กำไรอยู่ดีครับเพราะเงินที่ปู่โอนให้ซื้อของ สามารถซื้อได้ทั้งทองคำทั้งตุ๊กตาได้แบบเหลือเงินทอนด้วยซ้ำ และเงินทั้งหมดอยู่ในกระเป๋าไอพี่เวมันครับ ;-;
....
“ตุ๊กตาเชี่ยไรว่ะโคตรแพง”
ผมยิ้มหน้าบานออกมาในมือก็หิ้วตุ๊กตาที่พี่เวหากำลังบ่นถึงราคานั่นแหละครับ เนื่องจากร้านค้าในสนามบินเป็นร้านแบรนด์เนมและถูกอัพราคาขึ้นให้แพงกว่าท้องตลอด เวหาน่าจะไม่เคยซื้อของในนี้มั้งเลยไม่ทราบข้อนี้ ตุ๊กตาที่ผมอยากได้มีราคาถึง 5 หมื่น ตอนรู้ราคาก็แอบอึ้งเหมือนกันแต่ผมไม่ได้จ่ายเลยไม่ได้คิดอะไรมากแถมน้องหมียังมีฟังก์ชันพิเศษที่ผมต้องการพอดีด้วย เลยยื่นคำขาดให้เวหาว่าต้องเป็นตัวนี้เท่านั้นถ้าไม่ซื้อให้จะไม่เป็นนายแบบให้ด้วย สุดท้ายเวหาเลยต้องยอม
มาต่อกันที่ร้านทอง ผมก็ให้เวหาซื้อทองคำแท่งให้ 2 บาท แล้วก็เอามาเก็บยัดไว้ในตุ๊กตาหมี ใช่แล้วน้องหมีของผมมีช่องเก็บของถ้าลูดซิบตรงคอน้องจะสามารถถอดหัวน้องหมีได้ ตรงกลางลำตัวน้องจะมีช่องว่างให้สามารถใส่ของได้ น้องคือตู้เก็บสมบัติเคลื่อนที่ของผม
“เข้าตัวเฉย ไอซาชิมินี่มันร้ายจริงๆ ”
เวหาเอ่ยบ่นผมพร้อมรอยยิ้ม พลางยีหัวผมที่กำลังกอดน้องหมีเล่น เชื่อเถอะอย่างไงเวหาก็กำไร พี่มันบ่นไปงั้น ตามสไตล์เวหา โอเวอร์เล่นใหญ่ไว้ก่อน
“ได้เวลาทำงานแล้วนายแบบ”
เวหาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเข้าโหมดกล้องพร้อมกดชัตเตอร์ วาโยตรงเข้ามาดูกิ๊บดอกทานตะวันให้เข้าที่และช่วยอุ้มผมไปอยู่หน้าซุ้มที่เขาทำไว้ให้ถ่ายรูป
“อ้าวยิ้ม~”
ผมยิ้มกว้างพลางชูตุ๊กตาเล่น เปลี่ยนท่าไปเรื่อยให้พี่มันถ่ายได้หลายๆ มุม ได้รับค่าจ้างมาแล้ว มีกำลังใจทำงานขึ้นเยอะครับ
“โปรมากน้องกู หึหึ บอกว่าถูกบังคับมาไม่มีใครเชื่อแล้วนะ”
เวหายกยิ้มขำ ก็นะ เงินมาอะไรก็ง่ายเหมือนพี่นั่นแหละ ดูเหมือนผมจะติดนิสัยเสียมาจากไอพี่สองตัวแล้วสินะ!!!
เอาเถอะครับ เพื่อตังซื้อขนมท่องไว้ ถ้าเก็บได้เยอะเพื่อไว้ซื้อพี่มันในอนาคตได้ด้วย พวกพี่มันหน้าเงินกันพอตัว แต่ทำไปทำมาก็แอบสนุกอยู่เหมือนกัน
นาวีเดินกลับมาเห็นลูกชายคนเล็กกับลูกชายคนโตที่มักไม่ถูกกัน ตอนนี้เข้าขากันได้ดีก็หยุดยืนดูนิ่ง ๆ อย่างไม่เชื่อสายตา วารินที่เขม่นคนพี่เสมอ พี่เผลอเป็นจะกระโดดฉกพี่ เจ้าตัวเล็กกำลังยิ้มให้กล้องโทรศัพท์ของเวหาที่กำลังยกถ่ายเจ้าตัว พี่ชายบอกให้ทำท่าอะไรก็ทำตามไม่มีบ่น มีวิ่งไปกอดคอพี่ชายดูรูปที่พี่ถ่ายด้วยว่าโอเครไหม จะมองว่าน่ารักก็น่ารักอยู่หรอก แต่ไม่ชินตาเลยสักนิดที่ลูกๆ ญาติดีกันโดยที่ไม่มีตนกำกับ
“ความสัมพันธ์แบบธุรกิจน่ะครับ”
วาโยที่เห็นพ่อกับแม่เดินมามองสองพี่น้องคู่กัดที่อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขได้ด้วยใบหน้าแปลกใจก็ช่วยไขความกระจ่างให้
“พี่เวจ้างด้วยทอง 2 บาทครับ”
“...”
ทั้งนาวีและธานิลได้แต่นิ่งเงียบ...กับข้อเท็จจริงที่ได้รู้ว่าทำไมลูกชายคนเล็กถึงยอมเล่นไปตามพี่ชายคนโต
“เพราะไอพี่ชายสองตัวมันชอบไถเงินให้น้องเห็นบ่อย ๆ สินะ วารินเลยหน้ามืดไปกับเงินตรา...”
นาวียกมือขึ้นกุมขมับที่ลูกคนเล็กติดเชื้อเหล่าพี่ชาย ยอมถูกอำนาจเงินตราควบคุมได้
“...”
ธานิลปรายตามองคนรักข้างกาย ผู้เป็นหนึ่งในบุคคลที่ชอบใช้เงินแก้ปัญหาและมีความเชื่อที่ว่า เงินเท่านั้นที่น็อคเอวี้ติง...เอาเป็นว่าเขาจะไม่พูดว่าต้นต่อของนิสัยเสียของลูก ๆ มาจากใคร
ว่าด้วยเรื่อง ทาสเงินตรา
วาริน:รักพี่เวหาที่สุดในโลกเลย! //หยิบสร้อยทองคล้องคอ
วาโย:รายงานที่สั่งเสร็จแล้วครับ //หยิบปึกเงินเข้ากระเป๋า
นาวี:เลิกเเกล้งน้องเอากี่บาทว่ามา// พร้อมโอน
เวหา:ราคาคนกันเองครับ// แสยะยิ้ม ลูบมือ
ธานิล:เฮ้อ....//กุมขมับ