เวรกรรม !! "แฟนเก่า" ในคราบ "เพื่อนร่วมงาน" มันคงไม่วุ่นวายขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา พยายามจะกินฉันให้ได้น่ะสิ !!! ชเวฮัลวอล : เธอเสร็จฉันแน่ ยัยหมอแสบ
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,เกาหลี,ยุคปัจจุบัน,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,รัก,รักดราม่า,รักดุเดือด,รักโรแมนซ์,คุณหมอ,ความรัก,อีโรติก,NC,มหาลัย,วัยทำงาน,คลั่งรัก,โบ้,ฟินแซบ,ผู้ใหญ่,โรมานซ์,ง้อแฟนเก่า,ครอบครัว,ท้อง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
คุณหมอครับ ช่วยรักษาหัวใจผมทีเวรกรรม !! "แฟนเก่า" ในคราบ "เพื่อนร่วมงาน" มันคงไม่วุ่นวายขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา พยายามจะกินฉันให้ได้น่ะสิ !!! ชเวฮัลวอล : เธอเสร็จฉันแน่ ยัยหมอแสบ
ชเวฮัลวอล x คิมดายอน
“ ช่วงนี้คนไข้งดเหล้าด้วยนะคะ ”
“ งดไม่ได้ครับ ผมมีเรื่องเครียด…”
“ ตรวจเจอเอดส์หรอคะ ”
“ ปากแบบนี้ระวังโดนตบ ด้วยลิ้น นะครับหมอ ”
จากใจนักเขียน
นิยายเรื่องนี้ เป็นผลงานเขียนเรื่องแรกในชีวิตของไรท์ ซึ่งยังอยู่ในช่วงที่เรียกว่า “ มือใหม่ ” ลองผิด ลองถูก เรียนรู้สิ่งต่างๆในวงการนี้ ดังนั้น หากมีข้อผิดพลาด คำติ คำชม คำแนะนำใดๆ ไรท์ยินดีรับฟังเพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไข พัฒนาตัวเองต่อไป
ทั้งนี้ ขอให้คุณผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน ช่วยส่งเสริมและเป็นกำลังให้ไรท์ตัวน้อยๆ คนนี้ด้วยนะคะ
คำเตือน !
นิยายเรื่องนี้ ถูกสร้างขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งหมด ทั้งตัวละคร พฤติกรรม เหตุการณ์และสถานที่ เป็นเรื่องสมมุติ มิได้มีเจตนาส่งเสริมการกระทำใดๆ ทั้งในเรื่องเพศ การใช้ความรุนแรง รวมถึงคำที่ไม่เหมาะสม นิยายเรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป
ผู้เขียน : LNari
ภาพปก : LNari
นักวาดตัวละคร : Minnaree Panyapong
พิสูจน์อักษร : LNari
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามผู้ใดทำการคัดลอก เลียนแบบ หรือดัดแปลงเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของงานเขียนนี้ รวมทั้งการจัดเก็บ ถ่ายทอด สแกน บันทึก ถ่ายภาพ ไม่ว่าในรูปแบบหรือวิธีการใดๆ ในกระบวนการอิเล็กทรอนิกส์ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์เท่านั้น หากพบการฝ่าฝืนดังกล่าว จะดำเนินการทางกฎหมายอย่างถึงที่สุด
ฝากติดตาม Tik Tok และ Blusky ด้วยนะค้าาาา
…นี่ก็ผ่านมา 3 วันแล้ว ถึงเวลากลับมาทำงานปกติ แต่ที่ไม่ปกติคืออารมณ์ฉัน เพราะฮัลวอลเอาแต่หลบหน้า ไม่พูดไม่จา ไม่มากินข้าวพร้อมกัน อยู่คอนโดเดียวกันแท้ๆ ห้องก็ห่างแค่เอื้อม แต่กลับเหมือนอยู่กันคนละที่
“เฮ้ออออ...”
“เอ่อดายอน เราถอนหายใจรอบที่ร้อยแล้วมั้ง” พี่เจฮาพูดพลางยิ้มแห้งๆ
“อ้ะ ...ขะ ขอโทษค่ะพี่”
“มีเรื่องกลุ้มใจรึเปล่า เล่าให้พี่ฟังได้นะ”
ฉันยิ้มเจื่อนตอบ ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ จะเล่ายังไงล่ะ ฉันเองยังจับต้นชนปลายไม่ถูกเลยค่ะ
“สวัสดีครับสาวๆ” เสียงหล่อๆ ของพี่อุนกูทักขึ้น
“สวัสดีค่ะพี่อุนกู”
“วันนี้มีประชุมภาคบ่ายนะครับ”
“อ่อ ที่เรียกหมอทั้งบริษัทและหัวหน้าฝ่ายทุกฝ่ายใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ พี่เดาว่าเป็นเรื่องงานประจำปี”
“งานประจำปี…???” ฉันถามทวน
“อ่อ บริษัทเรามีจัดงานแข่งขันกีฬาภายใน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ของพนักงานและส่งเสริมสุขภาพน่ะครับ ตามปกติ ฝ่ายบริหารจะให้หมอเป็นคนคิดเกมส์การแข่งขัน เพื่อให้มีประโยชน์ต่อสุขภาพของพนักงานมากที่สุด…”
พี่อุนกูร่ายยาว ถึงการแข่งขันปีก่อนๆ จนถึงเวลาเข้าประชุม ตอนนี้หมอทุกแผนกนั่งรวมกันที่ห้องประชุมใหญ่ ไม่นานชายชราในคราบสูทเนี้ยบ ถือไม้เท้า มีเลขาเดินตามหลังมา ทุกคนพร้อมใจกันลุกคำนับ เพียงฝ่ามือนั้นยกขึ้นช้าๆ ทุกคนต่างนั่งลงอย่างรู้งาน
“...สวัสดีครับทุกท่าน ไม่ได้พบกันนานเลย อย่างที่ทุกท่านคงจะเดาออกอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องเครียดอะไรครับ… แค่งานประจำปีของบริษัทเรา”
ภายใต้ใบหน้าที่ดูเป็นมิตรนั้นกลับดูน่าเกรงขามและเด็ดเดี่ยวจนรู้สึกได้ ท่านกวาดสายตามองทั่วห้อง จนมาหยุดที่ฉัน แล้วทักทายอย่างเป็นกันเอง
“อ่อ นั่นหมอมาใหม่ใช่ไหมครับ พึ่งเคยเห็นหน้า…”
พรึ้บ!
“สะ สวัสดีค่ะ หมอคิมดายอนค่ะ อยู่ฝ่ายเครื่องล่าง… ขอฝากเนื้อฝากตัวกับบริษัทด้วยนะคะ”
ฉันสะดุ้งลุกโค้งคำนับและแนะนำตัวเสียงดังลั่นห้องด้วยความตื่นเต้น แม้จะแอบจิกนิ้วตัวเองเพื่อลดความประหม่า แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะเกร็งทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ โดยเฉพาะท่านที่มีตำแหน่งสูงเช่นนี้
“ฮึ่มม ตัวจริงสวยกว่าในรูปอีกนะเนี้ย”
คำแซวหยอกของท่านประธานทำฉันขนลุกซู่ เสียงขำแห้งๆ ตอบกลับด้วยความไม่เข้าใจถึงมุกตลกนั้น ..รูป งั้นหรอ รูปสมัครงานน่ะหรอ
“เอาล่ะๆ ก็คงจะเป็นเช่นเคย งานประจำปีปีนี้ คุณหมอแต่ละแผนก ไปวางแผนมานะครับ ว่าเราจะใช้กีฬาและนันทนาการอะไร”
ทั้งห้องประชุมเสียงอื้ออึง หมอแต่ละแผนกหันตัวเข้าพูดคุยปรึกษากันด้วยความตื่นเต้น จนไม่รู้ว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร
“อ่อ ปีนี้มีจุดพิเศษอยู่นิดหน่อย ทุกชนิดกีฬา ถ้านับแบบส่วนตัว ใครกวาดรางวัลได้มากที่สุด ผมมีบ้านพร้อมที่ดิน สิทธิ์ผูกขาด พร้อมโอนให้เขาครับ …และตามคำเรียกร้องของพนักงานส่วนมาก ปีนี้คุณหมอแต่ละแผนกต้องลงแข่งกีฬาด้วยนะครับ”
ทุกคนยกมือปล้องปากด้วยความตกใจ เพราะปกติหมอจะไม่ได้ลงสนาม เป็นเพียงผู้ชม ผู้เชียร์และแสตนบายรอรักษาผู้เข้าแข่งขันที่บาดเจ็บเท่านั้น ฉันหันมองหน้าพี่อุนกูกับพี่เจฮา ทั้งคู่ก็วิญญาณหลุดนั่งอ้าปากพะงาบๆ เช่นกัน
“ยังไงก็ ฝากไว้อีกปีด้วยนะครับ ท่านใดคิดเกมส์เสร็จแล้ว ส่งเรื่องให้ผู้ช่วยผมได้เลย”
แม้ความสงสัยจะยังครุกรุ่น หมอทุกคนต่างพยักหน้ารับคำสั่งด้วยความเข้าใจ ต่อจากนั้นเราก็ประชุมรายละเอียดทั่วๆ ไป รวมไปถึงปัญหา
หน้างาน หรือข้อเสนอที่อยากให้บริษัทแก้ไข จนจบการประชุม ทุกคนแยกย้ายกันกลับแผนกของตัวเอง
“แข่งอะไรดีล่ะ…” พี่อุนกูบุ่นแล้วทำท่ากุมขมับไปด้วย
“หนักใจขนาดนั้นเลยหรอคะ” ฉันถาม
“ครับ ปกติพี่เข้ายิมออกกำลังกาย แต่ไม่เคยลงเล่นกีฬาน่ะครับ”
“กีฬาเบาๆ วิธีเล่นไม่เยอะไหมคะ เช่น วิ่งเดี่ยว วิ่งผลัด กระโดดไกล”
“วิ่งก็ดีนะ เป็นพื้นฐานในการออกกำลังกาย แต่เสริมลูกเล่นไปหน่อย…”
“ยังไงครับพี่เจฮา”
“วิ่ง 4 ขา”
“ห้ะ!!...” ฉันกับพี่อุนกูร้องอุทานขึ้นพร้อมด้วยความงง
สรุปคือ หมอแต่ละแผนก มีอย่างน้อย 3 คนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราจะใช้ผู้แข่ง 3 คนเป็นเกณฑ์ มัดขาคู่วิ่งด้วยกัน 3 คนก็จะได้ 4 ขาอย่างว่า…
โป๊ะเชะ หลังจากส่งเรื่องไป ไม่นานก็ได้รับการอนุมัติกลับมา หมอทั้งแผนก (ของฉัน) เดินตัวปลิวเพราะภารกิจลุล่วงแล้ว เหลือรอเวลาแข่งเท่านั้น…
ก๊อกๆๆ
“เชิญครับ” พี่อุนกูขานรับ
แกร้ก
แขกแปลกหน้าท่านนั้นเปิดประตูเดินเข้ามา ฉันได้ยินแต่เสียงฝีเท้า ไร้ซึ่งเสียงทักทายหรือแจ้งถึงอาการ ฉันมัวก้มเก็บของเพราะเลิกงานแล้ว ไม่ทันได้หันไปมองว่าเขาเป็นใคร
“อ้าว คุณที่โดนตอกนิ้วนี่ครับ วันนี้มีอะไรหรอครับ…”
กึก
สองมือชะงักจากการเก็บของทันทีที่รู้ว่าใครมา ใจดวงน้อยสั่นระรัวไม่รู้เพราะคาดหวังว่าเขาจะมาหาหรือกลัวว่าเขาจะหลุดปากเรื่องที่เราอยู่ด้วยกัน ฉันคว้าน้ำมาดื่มแก้ประหม่า เงี่ยหูรอฟังอย่างตั้งใจ
“ผมมีชื่อนะครับหมอ… ชเวฮัลวอลครับ” เขาพูดด้วยเสียงเรียบ
“อ่อ ขอโทษด้วยครับคุณชเว ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรให้หมอช่วยครับ”
“ผมอยากให้หมอ ตรวจหัวใจให้หน่อยครับ มันโหวงๆ เหมือนมีอะไรหายไป”
พรวดดดด
“อึก ..แค้กๆ ๆ ๆ”
น้ำในปากถูกพ่นกระจายในอากาศ ฉันสำลักไอจนน้ำหูน้ำตาไหล หายใจไม่ทัน อาการป่วยของฮัลวอล มันไม่ใช่อาการคนปกติ และฉันรู้ว่าเขากำลังหมายถึงอะไร
“เอ้า เป็นอะไรไหมครับดายอน”
ฉันโบกมือไปมาๆ แทนคำตอบ พลางก้มหน้างุด หนีสายตาคนทั้งห้องด้วยความอับอาย
“มะ ไม่เป็นอะไรค่ะ พี่อุนกู ไปดูพนักงานเถอะ”
“เอ่อ โอเคครับ… ว่าแต่คุณชเว นั่งลงตรงนี้เลยครับ หมอขอตรวจหน่อย”
พี่อุนกูผายมือให้ฮัลวอลนั่ง เขายังคงจ้องหน้าฉันไม่ยอมละ ทั้งๆ ที่ให้พี่หมออุนกูจับตรวจร่างกายอยู่
“เอ… อัตราการเต้นก็ปกตินะครับ ชีพจรก็ปกติ กินอาหารผิดประเภท หรือพักผ่อนน้อยหรือเปล่าครับ”
“ไม่ครับ ผมน่าจะอกหัก...”
เพล้ง!
คราวนี้เป็นแก้วกาแฟที่ถูกมือปัดจนเกือบล่วง คำตอบบ้าๆ ของฮัลวอลเปล่งด้วยเสียงแผ่วเบา ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ พี่อุนกูกับพี่เจฮามองตามสายตาของฮัลวอล และมาหยุดอยู่ที่ฉัน
ค่ะ… ตอนนี้ทั้งห้องกำลังมองฉันเป็นตาเดียว
“ดะ ดายอน กลับแล้วนะคะ สวัสดีค่ะ”
ฉันรีบยัดของลงกระเป๋า กล่าวล่ำลาอย่างลวกๆ และเดินจ้ำเท้าออกมาทันที เมื่อถึงหน้าป้ายบริษัท ฉันเอนตัวพิงเสายกมือขึ้นทาบอก ใจฉันเต้นแรงจนแทบจะระเบิด สาเหตุก็เพราะพฤติกรรมบ้าๆ ของเขานั่นแหละ
ปี้น!
ไม่นานจากนั้น เสียงแตรรถดังขึ้นสั้นๆ ดึงสายตาฉันให้หันไปมองรถเก๋งสีดำคันเดินจอดเทียบท่าอยู่ พร้อมเขาที่ลดกระจกลงมาสั่ง
“ขึ้นรถ..”
แม้อาการประสาทก่อนหน้าจะยังไม่หาย ครั้งนี้ฉันยอมขึ้นรถอย่างว่าง่าย เพราะขี้เกียจจะยืนเถียงด้วย ทั้งรถตกอยู่ในความเงียบ ท้ายที่สุดฉันก็ยอมเปิดปากพูดก่อน
“นาย… ทำแบบนั้นทำไม”
“ทำอะไร”
“ไปห้องพยาบาล แล้วเล่นมุกอย่างนั้น”
“เปล่าเล่น ฉันไปเพราะฉันไม่สบายจริงๆ”
“ไม่สบายแล้วบอกว่าอกหักน่ะหรอ หมอบ้านนายรักษาอาการอกหักได้รึไง”
“ฉันไปเพราะที่นั่น มีหมอรักษาอาการอกหักของฉันได้….”
“นายมัน... ไอ้บ้า”
ริมฝีปากบางสั่นระริกด้วยความโกธร ฉันนั่งกำมือแน่นเพราะไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาด่าเขา อาการปวดหัวพุ่งปรี้ดจนต้องยกมือมากุมขมับ
ฉันต้องไปตรวจไมเกรนบ้างแล้วล่ะ