ชาย-ชาย,รัก,ตลก,ดราม่า,ไทย,คลั่งรัก,ครอบครัว,วัยรุ่น,เพื่อน,ธงเขียว,หล่อรวย,รุ่นพี่วิศวะ,น่ารัก,ชีวิตประจำวัน,ดราม่า,โรแมนติก ,รัก,มหาลัย,วาย,YAOI,BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
แม่ครับ เด็กคนนั้นเก่งกาจถึงขนาดสอบชิงทุนได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยดังเชียวนะ ทีนี้ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินค่าเทอม เงินค่ากินค่าอยู่เขาก็ซัปพอร์ตหมดเลย ดีมากจริง ๆ นะครับแม่
บรรยากาศช่วงเปิดเทอมเป็นอะไรที่คึกคักชวนให้หัวใจเต้นตึกตักระรัวเร็ว ตื่นเต้นไปกับกิจกรรมสนุก ๆ ที่พวกรุ่นพี่เตรียมมาเพื่อรับน้อง
อาคารขนาดใหญ่ถูกใช้เป็นสถานที่ทำกิจกรรมโดยเฉพาะ เป็นการรับน้องแบบรวมเพื่อให้เหล่านักศึกษาได้มาทำความรู้จักเพื่อสร้างคอนเน็กชั่นแก่กัน
เพราะเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์เป็นลูกหลานคนใหญ่คนโต ลูกคนมีเงินทั้งนั้นที่เข้ามาเรียนที่นี่ ส่วนอีกหนึ่งเปอร์เซ็นต์เป็นเด็กทุนจากทุกคณะรวมกัน กลุ่มเล็ก ๆ ไม่ถึงร้อยคนด้วยซ้ำ
"คหกรรมทางนี้เลยจ้า ทางนี้ ๆ"
ผมฉีกยิ้มดีใจเมื่อหาคณะของตัวเองเจอเสียทีหลังจากเดินวนหาอยู่นาน รีบพุ่งเข้าไปรายงานตัวเพื่อรับป้ายชื่อ
"ชื่ออะไรคะ" รุ่นพี่ที่ประจำอยู่ที่โต๊ะลงทะเบียนเอ่ยถาม
"ปวริศครับ ปวริศ แสงไพทูรย์"
พี่เขาไล่หารายชื่อพอเจอก็ทำเครื่องหมายลงไปในช่องว่าง กิจกรรมมีสามวันหากเข้าร่วมครบจะได้รับคะแนนพิเศษ แน่นอนว่าเด็กทุนอย่างเราจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด เพราะทุกคะแนนมีผลต่อทุนที่ได้รับ
"เราชื่อเล่นว่าอะไรเอ่ย เดี๋ยวพี่เขียนป้ายชื่อให้"
"ชื่อปลาวาฬครับ"
"ว้าววว ชื่อน่ารักจัง หน้าตาก็น่าเอ็นดูนะเรา"
"ขอบคุณครับ" ผมยิ้มแห้งเล็กน้อยแอบเขินนิด ๆ ทำตัวไม่ถูกหน่อย ๆ
ครั้งแรกเลยไหมที่มีคนชม ปกติจะได้ยินแต่คนเขาว่าว่าผมชอบทำหน้าอมทุกข์ ไม่ค่อยยิ้ม หรือถ้ายิ้มก็มักทำหน้าแหย ๆ อย่าว่างั้นงี้เลยครับคือผมแสดงสีหน้าไม่ค่อยเก่ง
พูดก็พูดเถอะทั้งชีวิตเอาแต่เก็บสีหน้าเพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าเรารู้สึกยังไง ซึ่งมันแย่...แม้แต่เสียใจก็ยังแสดงออกมาไม่ได้
แต่ตอนนี้ชีวิตไม่ต้องคอยอยู่กับความกดดันแบบนั้นแล้วครับ และผมก็กำลังพยายามฝึกยิ้มฝึกพูดคุยให้เก่งอยู่ หวังว่าวันนี้จะหาเพื่อนได้สักคน
รับป้ายชื่อมาห้อยคอไว้แล้วเดินไปนั่งต่อแถวรวมกับคนอื่น คณะคหกรรมศาสตร์เป็นคณะที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาเมื่อสองปีที่แล้วนี่เอง นักศึกษาของคณะนี้จึงน้อยกว่าใครเพื่อน
เสียงพูดคุยเสียงคลอไปกับบรรยากาศอันเรียบง่าย คนอื่นทำความรู้จักกันส่วนเรานั่งเกร็ง บ้างก็มากับเพื่อน บ้างก็เจอคนรู้จัก เรียกได้ว่าต่อกันติดง่ายมาก วกกลับมาดูตัวเองอีกทีก็อดขำไม่ได้ แหะ ๆ ไม่รู้จักใครเลยสักคน
"นี่ ๆ"
"หืม?"
นั่งอยู่สักพักก็มีคนสะกิดจากด้านหลัง ผมหันไปมองพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตรแบบสุด ๆ อีกฝ่ายก็ยิ้มสดใสกลับมาจนผมเขินอาย
"หวัดดี ชื่ออะไรเหรอ เราชื่อหมีพูห์นะ"
โหย... ชื่อน่ารักเหมือนหน้าตาเลย
"เราชื่อปลาวาฬ"
"อื้ม ยินดีที่ได้รู้จักนะปลาวาฬ เรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ โอเคไหม"
"อะ...อะ โอเคก็ได้"
ง่าย ๆ แค่นี้เองเหรอ? อยากเป็นเพื่อนกับใครก็แค่เอ่ยทักทาย ต้องใจกล้าเข้าไว้ เห็นทีผมต้องลองทำดูบ้างแล้ว
"เย่! งั้นเราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ"
หมีพูห์ดีใจดึงผมไปกอด ทำเอาอึ้งแต่ก็แอบรู้สึกดีเหมือนกัน ผมเคยมีเพื่อนคนหนึ่งคบกันตั้งแต่มอหนึ่งพอจบมอสามอีกฝ่ายก็ตามครอบครัวไปต่างประเทศ ช่วงแรกติดต่อพูดคุยกันปกติส่วนช่วงหลังมานี้หายเงียบไปเลย สงสัยจะยุ่งกับการเข้ามหาวิทยาลัยอยู่แน่ ๆ
"เละมากกกก แต่ก็สนุกดีเหมือนกัน" หมีพูห์ทิ้งตัวลงนั่งแผ่อยู่บนพื้นหญ้าใต้ต้นหูกวางเพื่อหลบแดดของช่วงบ่ายแก่ ๆ เกือบจะสี่โมงเย็น
หลังจากผ่านการตะลุยด่านต่าง ๆ มาอย่างสมบุกสมบัน มีพี่ ๆ คอยเอาสีมาป้ายให้เลอะเทอะกันถ้วนหน้า ยิ่งฝั่งวิศวะนะด้านแต่ละด้านเน้นเปียกน้ำทั้งนั้น กว่าจะผ่านมาได้ถูกแกล้งแล้วแกล้งอีก เหนื่อยมากกว่าจะครบด้าน เรียกได้ว่าวิ่งวนรอบมหาวิทยาลัยเพื่อไปให้ครบทุกคณะ แอบหนีไม่ได้เพราะต้องให้พี่เขาปั้มตัวปั้มใส่สมุดด้วย
"นายพักอยู่แถวไหนเหรอปลาวาฬ"
"หอพักหลังมอนี่เอง ที่เป็นตึกแฝดสีฟ้าอ่อน"
"อ๋าาาา เราเองก็อยู่ที่นั่นเหมือนกัน"
"บังเอิญจังเนาะ"
"นั่นสิ เป็นเพื่อนกันแล้วยังอยู่หอเดียวกันอีก อเมซิ่งงงงง"
เรื่องโอเว่อร์แอคติ้งต้องยกให้เขาล่ะ แต่ก็บังเอิญจริง ๆ นั่นแหละ หอพักนั่นเป็นตึกแฝด คือสร้างและตกแต่งเหมือนกันเป๊ะ ๆ คนอยู่จะรู้จักกันในชื่อบีหนึ่งกับบีสอง เจ้าของเป็นคุณลุงกับคุณป้าที่เป็นพี่น้องฝาแฝดกันด้วยนะ คอนเซ็ปต์เจ๋งสุด ๆ เลยครับ
"แล้วหมีพูห์อยู่ตึกไหน"
"บีสองน่ะ เราจองช้าเกือบไม่ได้แล้วนะ ดีที่ป้าเขาเคลียร์ห้องบนดาดฟ้าให้"
"ของเราบีหนึ่ง ห้องบนดาดฟ้าเหมือนกัน"
"เฮ้ย! จริงป่ะเนี่ย จะพรหมลิขิตเกินไปแล้วเราสองคน"
เจ้าตัวกอดอกทำหน้าภูมิใจ ผมยิ้มพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมนึกขอบคุณที่อีกฝ่ายมาเป็นเพื่อนกัน ไม่คิดว่าจะหาเพื่อนได้ตั้งแต่วันแรก โล่งอกไปทีนะครับ
ส่วนใหญ่หมีพูห์จะเป็นคนชวนคุยเสียมากกว่า ขณะที่ผมตอบบ้างฟังบ้าง ประสบการณ์ในการเจอเรื่องราวต่าง ๆ ยังน้อย ชีวิตจำเจไม่มีความตื่นเต้น ต่างจากอีกคนที่มีเรื่องมาเล่าให้ฟังเยอะแยะไปหมด
"ซื้อข้าวกลับไปกินที่ห้องกันเถอะ เราอยากอาบน้ำนอนเล่นเกมจะอยู่แล้ว"
"อื้ม กลับกันเถอะ พรุ่งนี้ก็ต้องมาบุกตะลุยอีก ได้ยินว่าแต่ละวันด้านไม่เหมือนกันด้วยนะ"
"โอ๊ยตาย ช่างคิดกันจริง ๆ ถึงงั้นก็สนุกเนอะ"
"เฮ้อ! เหนื่อยออก"
"ฮ่า ๆ ๆ นายเป็นพวกอ่อนพละใช่ไหมเนี่ย"
"ถูกเผง"
"กร๊ากกกก ขี้ร้อนด้วยใช่ป่ะ"
"อาฮะ เป็นคนเหงื่อออกง่ายสุด ๆ"
"ผิวพรรณเอย รูปร่างหน้าตาเอย การสงวนท่าทีเอย นี่มันลูกคุณหนูชัด ๆ"
"เราเป็นเด็กทุนเหอะ"
"แสดงว่าเรียนเก่งมาก"
"แล้วหมีพูห์ล่ะ"
"เราเหรอ? ธรรมดาเหมือนหน้าตา การเรียนก็งั้น ๆ ที่เลือกเข้าคหกรรมเพราะชอบกิน มีความฝันอยากเป็นหนุ่มเมืองกรุงเท่ ๆ เลยขอพ่อมาเรียนที่นี่ ง่าย ๆ จบไม่มีอะไรน่าสนใจ"
"อ่อ... ก็ง่ายจริงแฮะ"
เราเดินคุยกันไปเรื่อย ๆ ลัดเลาะไปทางด้านหลังของมหาวิทยาลัย ซึ่งเต็มไปด้วยร้านรวงมากมาย แวะซื้อข้าวเย็นที่ร้านตามสั่ง ขนมกับเครื่องดื่มอีกนิดหน่อย แล้วตรงกลับหอพักไปกินด้วยกัน
Tbc.