"แค่สี่ปีก็เหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์ ธิดารู้แล้วว่าตกนรกทั้งที่ยังมีลมหายใจมันเป็นยังไง...“

ลมห่วงรัก - บทที่ ๑๑ เดือด 3/3 โดย ณ มหรรณพ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,แอคชั่น,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,ชาย-หญิง,แอคชั่น,สืบสวน ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ลมห่วงรัก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,แอคชั่น,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,ชาย-หญิง

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่น,สืบสวน

รายละเอียด

ลมห่วงรัก โดย ณ มหรรณพ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"แค่สี่ปีก็เหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์ ธิดารู้แล้วว่าตกนรกทั้งที่ยังมีลมหายใจมันเป็นยังไง...“

ผู้แต่ง

ณ มหรรณพ

เรื่องย่อ

เพียงเพื่อสร้างสุสานของตน ราณี ปรเมศศิวะวงศ์ หญิงโรยวัยจึงยื่นคำขอสุดท้ายให้หลายชายคนโต  ทำให้ปราณนารายณ์ ปรเมศศิวะวงศ์ หมั้น กับ ธิดา ฤทธิ์นาคา หญิงสาววัย 18 ปี เพียงเพื่อจองสิทธิ์ในที่ดินที่เธอเป็นเจ้าของตามพินัยกรรมประจำตระกูล

แต่สัญญาหมั้นหมายที่ดูเรียบง่ายนั้น กลับเต็มไปด้วยเงามืดที่ซ่อนตัวอยู่ในทุกย่างก้าวของชีวิตเธอ

เพราะระหว่างสี่ปีของสัญญา ปราณนารายณ์ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อ ปกป้องเธอ จากอันตรายที่เธอไม่เคยรู้ตัว และเขาคือคนเดียวที่จะปกป้องเธอได้

จากการหมั้นที่เริ่มด้วยหน้าที่ จึงกลายเป็นการต่อสู้เพื่อ ความรัก และ การเอาชีวิตรอด เมื่อภัยร้ายที่เขาไม่เคยคาดคิดคืบคลานเข้ามา อันตรายที่แฝงอยู่ในทุกวันอาจเป็นจุดจบของความสัมพันธ์ หรือเป็นจุดเริ่มต้นของหัวใจที่เขาไม่อาจปฏิเสธ

 

ปฐมบทแห่งซีรี่ย์พี่น้องตระกูลฤทธิ์นาคา ภาคแรกของกลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา

สารบัญ

ลมห่วงรัก-บทที่ ๑ บทนำ,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑ แรกเริ่ม ณ ดินแดนแห่งรัก,ลมห่วงรัก-บทที่ ๒ แรกพบกับลมหวน,ลมห่วงรัก-บทที่ ๓ เธอคือ... ธิดา ฤทธิ์นาคา,ลมห่วงรัก-บทที่ ๔ ลงทุน,ลมห่วงรัก-บทที่ ๕ ความซวยมาเคาะประตู,ลมห่วงรัก-บทที่ ๕ ความซวยมาเคาะประตู,ลมห่วงรัก-บทที่ ๖ แพ้,ลมห่วงรัก-บทที่ ๗ ก้านดอกอ้อเอนไหวตามสายลม,ลมห่วงรัก-บทที่ ๘ ปาปารัสซี่,ลมห่วงรัก-บทที่ ๙ ความหวังเดียว,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๐ หมั้นหมายที่หมางเมิน,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๑ เดือด 1/3,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๑ เดือด 2/3,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๑ เดือด 3/3,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๒ บุรุษปริศนา 1/2,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๒ บุรุษปริศนา 2/2,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๓ เจ้ามะลิกลิ่นกำจร 1/3,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๓ เจ้ามะลิกลิ่นกำจร 2/3,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๓ เจ้ามะลิกลิ่นกำจร 3/3,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๔ ไฟ

เนื้อหา

บทที่ ๑๑ เดือด 3/3

 

สายฝนยังเทกระหน่ำ ลมกระโชกโหมแรงจนกำแพงต้นอ้อหนาล้มเอน ลำแสงสว่างวาบจากท้องฟ้าฟาดลงมาจนเกิดเสียงดังเลือนลั่นปฐพีสั่นสะเทือน ร่างบางถูกจับนอนหงายกับพื้นดิน หนึ่งคนรวบแขนทั้งสองของเธอขึ้นเหนือหัวพร้อมกับใช้ปลายมีดคมจ่อที่ลำคอ หนึ่งคนขึ้นคร่อมร่างของเธอไว้ไม่ให้ดิ้นหนี

เสื้อนักศึกษาเปียกชื้นถูกฉีกออกกระดุมหลุดกระเด็น ร่างบางสะดุ้งวาบ รู้สึกถึงเม็ดฝนชโลมร่างชะเลือดจากแผลลึกที่ยังไหลไม่หยุด เธอเกร็งตัวฝืนแต่ไม่อาจต่อกรกับหัวใจดำมืดที่ถูกอารมณ์ดำฤษณาเข้าครอบงำ จึงเว้าวอนร้องขอด้วยเสียงขาด ๆ หาย ๆ

“ปล่อย...ปล่อย...ฉันเถอะ”

แต่มันมอบอีกหมัดกระทุ้งท้องน้อยอีกครั้ง ปิดเสียงของหญิงสาวเฮือกสุดท้ายให้เบาบาง และให้เสียงที่ดังกว่าเป็นเสียงหัวเราะของชายหื่นกาม

คนใจหยาบใช้เศษเสื้ออาบเลือดของเธอมัดปากเธอเอง ฉีกกระชากบราเซียร์ขาดวิ่นเผยเนินเนื้ออิ่มที่ไม่เคยเปิดเผยต่อสายตาใคร มันส่งเสียงซี้ดซ้าดแลบลิ้นเลียปากแห้งด้วยความกระหายอยากตัณหา แล้วก้มหน้าซุกไซ้หน้าอกเปลือยเปล่า ใช้มือแห่งราคะตะโบมกายสาวรุนแรงไร้ความปรานี

น้ำตาหญิงสาวหลั่งไหล ร่ำร้องส่งเสียงในใจ เจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งกาย

อย่า...

แขนทั้งสองยังถูกพันธนาการเหนือหัวแน่น ชายกระโปรงนักศึกษาถลกขึ้นถึงเอวเปิดเผยผิวสาวต่อสายตา อาภรณ์ชิ้นสุดท้ายถูกรูดลงจากบั้นท้าย สองขาเรียวถูกจับแยกออกจากกัน ได้ยินเสียงหัวเราะครื้นเครงของสัตว์ทั้งสองที่เธอไม่อยากนับเป็นคน

หยุด ได้โปรด...

น้ำตาหญิงสาวไหลริน ขืนเกร็งร่างกายที่กำลังแปดเปื้อนไปด้วยมืออันแสนโสมม ดวงตาสีนิลริบหรี่ สติใกล้เลือนลับเต็มที

“ธิดา!”

เสียงเรียกชื่อเธอดังแว่วเข้าโสตประสาท

“ไอ้ชั่ว!”

คำสบถกร้าวดังลั่น ตามด้วยเสียงร่างกายคนถูกกระทบด้วยบางสิ่งอย่างแรง และลำแขนที่ถูกจับขึงนั้นก็ถูกปล่อยออกพร้อมกับมีดที่จ่อคอหอยก็ลอยหวือไปไกล

ฟ้าผ่าสนั่นลั่นแผ่นดินอีกครั้ง ดวงตาสีนิลพร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำจากฟ้า เธอปรือตามองเห็นแสงแวบวาบสาดกระทบแผ่นหลังของชายหนุ่มผู้ยืนผงาดที่ปลายขา ก่อนที่เปลือกตาจะปิดลงอย่างอ่อนแรง

ร่างสูงก้าวอาด ๆ เข้าไปกระชากตัวคนชั่วอย่างบ้าคลั่ง ยกขายาวขึ้นถีบยอดอกของมันจนหงายหลังออกห่างจากร่างหญิงสาว เขาเลือดขึ้นหน้าจนไม่อาจหยุดตัวเอง จึงตามไปชกหน้ามันด้วยหมัดหนักซ้ำอีกหลายครั้ง ใบหน้าอีกฝ่ายแตกยับเลือดไหลอาบ

มันส่งเสียงพูดบางสิ่งที่จับใจความไม่ได้ แต่ชายหนุ่มไม่สนใจ และสัญชาตญาณไวพอที่จะหันมาถีบอีกคนที่กระโจนเข้าทำร้ายให้ล้มหงาย ทว่าเมื่อเห็นพวกมันอีกคนวิ่งตรงไปยังร่างบางที่อาภรณ์หลุดลุ่ยใจเขาก็พะวงจึงหันไปมอง เปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้ยึดจับคอเสื้อเชิ้ตของเขาและออกแรงโน้มให้ชายหนุ่มล้มลง ก่อนพลิกตัวขึ้นคร่อมเขาอย่างเร็ว

เมื่อกลับมาเป็นต่อในเกมรุก มันก็ซัดหมัดใส่ใบหน้าไม่มีหยุด ถึงไอ้เลวคนนี้จะไม่เป็นมวยแต่แรงดีคล้ายคนใช้แรงงาน หากโดนซัดจัง ๆ อาจทำให้เขามึนงงได้ ชายหนุ่มจึงต้องปัดป้องและหาจังหวะสวนกลับ แต่เมื่อเห็นคนร้ายอีกคนกำลังลากร่างหญิงสาวครูดไปกับพื้น และจุดหมายปลายทางคือด้านหลังที่เป็นทะเลสาบ แขนที่จะยกขึ้นป้องกันจึงชะงัก ปล่อยให้กำปั้นหนัก ๆ ทะลวงเข้ากระแทกกราม เล่นเอาเขามึนงงตาพร่า

หมัดที่สองและสามตามมาซ้ำเติมที่ปากและเบ้าตา มันรัวชกใบหน้าเขาราวกับอยากแข่งกับห่าฝนที่ตกลงมาเป็นสาย ชายหนุ่มขบกรามที่เจ็บระบมแน่น ในใจคิดว่าหากไม่รีบจัดการเจ้านี่คงช่วยหญิงสาวไม่ทัน มือหนาจึงคว้าหมับเข้าที่ข้อแขนด้านในของมันแล้วจับพลิกบิดให้ข้อมือหมุนผิดธรรมชาติ แค่แรงบิดธรรมดาก็ทำให้ผู้อยู่เหนือร่างร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด เรี่ยวแรงอ่อนเปลี้ย แต่ชายหนุ่มต้องการเพิ่มความเจ็บปวดให้มันมากขึ้นไปอีก

กร๊อบ!กระทั่งเกิดเสียงกระดูกข้อมือหักตามด้วยเสียงร้องโหยหวนครวญคราง

มันทิ้งตัวนอนดิ้นกับพื้นดิน พูดบางสิ่งคล้ายการอ้อนวอนด้วยใบหน้าหวาดกลัว แต่บัดนี้เขาไม่มีเวลาให้มัวตัดสินความผิด ชายหนุ่มรีบหันขวับไปทางทะเลสาบ คำรามลั่นเมื่อเห็นหญิงสาวกำลังถูกกดน้ำอย่างทารุณ

“ไอ้ระยำ!” เขาตะโกนเสียงดุดัน ปล่อยให้คนที่เขาเพิ่งหักกระดูกโกยหนี แล้วก้าวขายาววิ่งพุ่งออกไป

พระพายพัดโบกปลุกพระเพลิงแห่งความเกรี้ยวโกรธเดือดดาลให้พวยพุ่งสูงทะยานจนสายฝนที่โปรยปรายไม่อาจดับลงได้ ชายหนุ่มกระชากคอเสื้อของคนร้ายเมื่อถึงตัว แล้วซัดหมัดลุ่น ๆ ใส่กกหูเต็มเหนี่ยวจนมันสลบ ปล่อยมือหยาบที่ขยุ้มผมเปียกชื้นของร่างบางไร้สติที่คว่ำหน้าจมกับแผ่นน้ำ

“ธิดา!” เขารีบพลิกร่างบางที่แน่นิ่งเรียกเธอให้ฟื้นตื่น ทว่าหญิงสาวไม่ได้สติแม้จะร้องเรียกเธอดังแค่ไหน จึงอุ้มย่ำขากลับเข้าฝั่ง ถอดเสื้อเชิ้ตตัวเองออกคลุมร่างเปลือยโชกเลือด ปลดเศษผ้าที่ผูกปากจนเกิดรอยช้ำออก แล้วตบแก้มเรียกเธอให้ฟื้นอีกครั้ง

“ธิดา ฟื้นสิ!”

ไม่มีอะไรตอบสนองเสียงเรียก สองมือจึงรวบประสานกันบนหน้าอกหญิงสาว แล้วเริ่มกดเป็นจังหวะ แหงนคอเธออ้าปากแล้วประกบริมฝีปากเป่าลมเข้าไป

“ธิดา อย่ายอมแพ้ ลุกขึ้นมา!”

ตะโกนเรียกแข่งกับเสียงฝนและเสียงฟ้าคำราม มือหนายังกดบนหน้าอกกระตุ้นร่างบางให้หายใจ ก้มหน้าแนบปากเป่าลมเข้าร่างกายหญิงสาวครั้งแล้วครั้งเล่า

“ยายเด็กรั้น หายใจแล้วตื่นมาต่อล้อต่อเถียงกับฉันเดี๋ยวนี้!”

ชายหนุ่มก้มหน้าแนบปากประทับอีกครั้งอย่างไม่ย่อท้อ ส่งต่อลมหายใจตัวเองเพื่อต่อชีวิตหญิงสาวให้ฟื้นขึ้นมารับรู้ว่า เขาห่วงเธอมากแค่ไหน

“ได้โปรด ธิดา...กลับมา” วอนขอเทวดาฟ้าดิน เจ้าที่เจ้าทาง หรือแม้แต่วิญญาณที่ปกปักรักษาสรรพชีวิตในผืนดินแห่งนี้ พาเธอกลับมาหาเขา พาลมหายใจของเธอกลับคืนสู่ร่าง

เหมือนเทพยดานางฟ้าได้ยินคำขอ ส่งหิ่งห้อยตัวหนึ่งบินมาเกาะปลายจมูกเธอ ในตอนที่เขากำลังจะก้มลงผายปอด ร่างบางก็ผงกหัวสำลักเอาน้ำออกมามากมาย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มรื้นชื้นด้วยหยาดน้ำตาแห่งความหวัง ขอบคุณสวรรค์ที่ยังฟังเสียงเขา

“ธิดา ธิดา”

เขาร้องเรียก แต่ดูเหมือนสติของหญิงสาวยังกลับมาไม่เต็มที่ เขาจึงก้มหน้าแนบปากเป่าอีกครั้ง กระทั่งของเหลวที่เธอกลืนเข้าไปพุ่งพรวดออกมาจนหมด

“ช่วย...ช่วยด้วย” เธอพึมพำออกมา

“แข็งใจไว้ ฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้” บอกแล้วรีบโอบช้อนร่างบางที่โรยแรงขึ้น

แต่ก่อนที่จะหมุนตัวหันหลังให้สายน้ำ ก็เกิดความรู้สึกชาวาบที่กลางหลังฉับพลัน เขาสะดุ้งไหว

ฉึก!

ร่างสูงสะดุ้งอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มาพร้อมกับความเจ็บแปลบปลาบในตำแหน่งที่ต่างกัน เพราะเมื่อไร้เสื้อเป็นปราการ ปลายมีดคมจึงทะลุผ่านเนื้อหนังง่ายดาย

ไอ้ผีผุดจากนรกนั่นไม่ได้หนีไปไหน แต่มันไปควานหามีดกลับมาเสียบที่หลังเขานี่ไง ถึงมือมันหักไปข้างหนึ่งแต่ยังเหลืออีกข้างให้สำแดงพิษสง

ฉึก!

มีดที่จ้วงเข้ามาเป็นครั้งที่สามนั้นแสนลึก ทั้งยังมีการบิดด้ามมีดหวังให้ปลายคมทะลวงร่างกายให้เกิดแผลร้าย เขาขบกรามแน่นแม้จะเจ็บสะท้านไปทั่วร่าง แต่ต้องพยายามข่มความปวดเกร็งแขนโอบอุ้มหญิงสาวไว้แน่นแนบอก หยัดกายทรงตัวใช้แผ่นหลังบดบังเธอไว้ ในหัวคิดแต่ว่าถ้าเขาจบชีวิตตอนนี้แล้วเธอจะเป็นอย่างไร

แต่ก่อนคำตอบของคำถามจะตามมา ก็มีเสียงของแข็งกระทบกับร่างกายมนุษย์อย่างแรง มือมีดล้มหน้าคว่ำสลบเหมือด แต่มีดของมันเสียบคาแผ่นหลังฝังลึกในร่างกายชายหนุ่ม

“ยังไหวอยู่ไหม”

ปราณนารายณ์ค่อย ๆ หมุนตัวไปทางเสียงถาม เห็นใบหน้าหวาดวิตกของก้องปฐพีกับชะแลงเหล็กในมือ ส่วนหญิงสาวยังสะลึมสะลือในวงแขนที่โอบอุ้มเธอไว้อย่างแน่นหนา

“โทษที พระเอกมาช้าไปหน่อย”

ยังอุตส่าห์มีกะจิตกะใจพูดหยอก แต่ปราณนารายณ์ไม่อยู่ในสถานการณ์ที่จะหยอกกลับได้ เขาแข็งใจส่งร่างอ่อนแรงของธิดาคืนสู่อ้อมอกพี่ชาย

“รีบพาธิดา...ไปโรงพยาบาล...เร็ว”

เมื่อสิ้นพยางค์สุดท้าย ชายหนุ่มก็ทิ้งกายลงนอนแน่นิ่งบนพื้น