"แค่สี่ปีก็เหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์ ธิดารู้แล้วว่าตกนรกทั้งที่ยังมีลมหายใจมันเป็นยังไง...“

ลมห่วงรัก - บทที่ ๑๒ บุรุษปริศนา 1/2 โดย ณ มหรรณพ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,แอคชั่น,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,ชาย-หญิง,แอคชั่น,สืบสวน ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ลมห่วงรัก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,แอคชั่น,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,ชาย-หญิง

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่น,สืบสวน

รายละเอียด

ลมห่วงรัก โดย ณ มหรรณพ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"แค่สี่ปีก็เหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์ ธิดารู้แล้วว่าตกนรกทั้งที่ยังมีลมหายใจมันเป็นยังไง...“

ผู้แต่ง

ณ มหรรณพ

เรื่องย่อ

เพียงเพื่อสร้างสุสานของตน ราณี ปรเมศศิวะวงศ์ หญิงโรยวัยจึงยื่นคำขอสุดท้ายให้หลายชายคนโต  ทำให้ปราณนารายณ์ ปรเมศศิวะวงศ์ หมั้น กับ ธิดา ฤทธิ์นาคา หญิงสาววัย 18 ปี เพียงเพื่อจองสิทธิ์ในที่ดินที่เธอเป็นเจ้าของตามพินัยกรรมประจำตระกูล

แต่สัญญาหมั้นหมายที่ดูเรียบง่ายนั้น กลับเต็มไปด้วยเงามืดที่ซ่อนตัวอยู่ในทุกย่างก้าวของชีวิตเธอ

เพราะระหว่างสี่ปีของสัญญา ปราณนารายณ์ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อ ปกป้องเธอ จากอันตรายที่เธอไม่เคยรู้ตัว และเขาคือคนเดียวที่จะปกป้องเธอได้

จากการหมั้นที่เริ่มด้วยหน้าที่ จึงกลายเป็นการต่อสู้เพื่อ ความรัก และ การเอาชีวิตรอด เมื่อภัยร้ายที่เขาไม่เคยคาดคิดคืบคลานเข้ามา อันตรายที่แฝงอยู่ในทุกวันอาจเป็นจุดจบของความสัมพันธ์ หรือเป็นจุดเริ่มต้นของหัวใจที่เขาไม่อาจปฏิเสธ

 

ปฐมบทแห่งซีรี่ย์พี่น้องตระกูลฤทธิ์นาคา ภาคแรกของกลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา

สารบัญ

ลมห่วงรัก-บทที่ ๑ บทนำ,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑ แรกเริ่ม ณ ดินแดนแห่งรัก,ลมห่วงรัก-บทที่ ๒ แรกพบกับลมหวน,ลมห่วงรัก-บทที่ ๓ เธอคือ... ธิดา ฤทธิ์นาคา,ลมห่วงรัก-บทที่ ๔ ลงทุน,ลมห่วงรัก-บทที่ ๕ ความซวยมาเคาะประตู,ลมห่วงรัก-บทที่ ๕ ความซวยมาเคาะประตู,ลมห่วงรัก-บทที่ ๖ แพ้,ลมห่วงรัก-บทที่ ๗ ก้านดอกอ้อเอนไหวตามสายลม,ลมห่วงรัก-บทที่ ๘ ปาปารัสซี่,ลมห่วงรัก-บทที่ ๙ ความหวังเดียว,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๐ หมั้นหมายที่หมางเมิน,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๑ เดือด 1/3,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๑ เดือด 2/3,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๑ เดือด 3/3,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๒ บุรุษปริศนา 1/2,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๒ บุรุษปริศนา 2/2,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๓ เจ้ามะลิกลิ่นกำจร 1/3,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๓ เจ้ามะลิกลิ่นกำจร 2/3,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๓ เจ้ามะลิกลิ่นกำจร 3/3,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๔ ไฟ

เนื้อหา

บทที่ ๑๒ บุรุษปริศนา 1/2

 

บทที่ ๑๒ บุรุษปริศนา

เสียงเม็ดฝนกระหน่ำกระทบหน้าต่างกระจกห้องปลุกหญิงสาวที่ฝังตัวเองกับเตียงข้ามวันให้ลืมตาขึ้น ใบหน้านั้นซีดเซียวไร้สีสัน เส้นผมสลวยสยายเต็มหมอน กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งออกจากตัว

ปวดหัวแทบระเบิด...ความรู้สึกแรกหลังจากสติฟื้นคืนมา อยากเมาจนลืมทุกอย่าง แม้จะรู้ว่าตัวเองปวกเปียกเละเทะแค่ไหนยามน้ำเมาเข้าปาก หากมันช่วยให้ลืมความเจ็บช้ำได้ก็ขอซดให้หมดทุกขวดที่หามาได้ แต่มันก็ไม่เป็นอย่างใจต้องการ เพราะยิ่งดื่มหนักเท่าไรก็ยิ่งตอกย้ำให้จดจำความน่าละอายของตัวเอง

งานหมั้นที่เธอตั้งใจไปเหยียบเพื่อประกาศศักดาของคนมาก่อนให้ยายเด็กคนนั้นได้รับรู้ ทั้งคุณหญิงราณีและแม่ผู้หญิงที่ชื่อธิดาอะไรนั่นจะต้องรู้ว่า ปริมประภา รังสิตานนท์ ไม่ใช่ผู้หญิงบ้าน ๆ ที่จะให้ใครมาเหยียบหัวข่มกันได้ง่าย ๆ และยายเด็กคู่หมั้นก็ได้เห็นตำตาแล้วว่าใครกันที่มีสิทธิ์เหนือตัวปราณนารายณ์

‘ผมต้องเข้าพิธี’

เขาตบหน้าเธอด้วยคำพูดและแววตารวดร้าวหลังจากภีฆาเนตรพาแม่เด็กนั่นออกจากห้องไป และน้ำตาหลั่งทันใดนั้นเป็นเพราะอับอายเหลือแสนหรือเพราะความคับแค้นที่ไม่อาจผูกใยสวาทในหัวใจของเขาได้

‘ตอนคุณสวมแหวนหมั้นให้เธอ ก็ให้คิดถึงหัวใจของฉันด้วยแล้วกัน’ จึงฝากเหล็กในให้ทิ่มแทงหัวใจชายหนุ่มให้ร้าวระบม แต่สิ่งที่เขาตอบกลับคือความเงียบงัน แววตาไร้ความรู้สึก ก่อนจะหันหลังเดินจากไป

เธอหลีกลี้ความเจ็บปวด ไม่อยากเห็นภาพการสวมแหวนหมั้น และความชอกช้ำก็พัดพาเธอไปดำดิ่งบนภัตตาคารรูฟท็อป ที่แห่งความหลัง ความเสียอกเสียใจและเสียดายย้อนกลับมาทุกครั้งที่รู้สึกว่าอาจสูญเสียชายหนุ่มไปจริง ๆ ทั้งเหล้าทั้งไวน์จึงถูกเติมไม่ยั้งตามการชี้นำของตัวเอง

แต่หนี้รักหนนี้ ปราณนารายณ์จะชดใช้คืนเธอได้อย่างไร และในขณะเดียวกัน เธอก็ต้องหาเงินมาใช้หนี้นายพนาให้ได้ แต่ลำพังแค่เขียนคอลัมน์คงไม่พอจ่ายหนี้ก้อนโตให้เจ้าหนี้มหาโหด

หญิงสาวรู้สึกอ่อนแออย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทุกข์ใจจนคิดอยากปลดแอกจากทุกสิ่ง อยากหนีความจริงที่แสนตรอมตรม หรือฟ้าที่ส่งสายฝนกระหน่ำเทลงมาคงต้องการให้หัวใจของเธอเปียกปอน ดวงตาแดงช้ำเหลือบมองไปทางโต๊ะข้างเตียง ลุกขึ้นเดินตัวลอยไปเปิดลิ้นชักแล้วหยิบขวดยาออกมา กลั้นใจแล้วเทใส่มือจนหมด

หากไม่มีเขาแล้ว นี่อาจเป็นทางออกของชีวิตหมองหม่น

หญิงสาวหลับตา ยกมือขึ้นเพื่อกรอกยาในอุ้งมือเข้าปาก แต่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงลมกระโชกแรงซัดสาดสายฝนเข้ามา จึงหันไปทางหน้าต่างที่เปิดกว้าง แปลกใจที่ก่อนหน้านั้นมันปิดสนิทดี

พอดีกับที่เสียงโทรศัพท์ดัง ปริมประภาจึงรีบไปหยิบขึ้นจากพื้น หากแต่คนในสายไม่ใช่คนที่เธอเฝ้ารอ กระนั้นก็ยังเป็นสายจากคนที่เธอไม่คิดว่าเขาจะโทรมา จึงสไลด์หน้าจอเพื่อสนทนาจะได้รู้ว่าเขาผู้นี้ต้องการอะไร

“ปริมประภาพูดค่ะ” กรอกเสียงแล้วครู่หนึ่งคิ้วเรียวบางก็ย่นเข้าหากัน “ฉันจะไปเดี๋ยวนี้!”

ตอบกลับด้วยหัวใจเต้นแรง นี่เป็นข่าวร้ายที่น่าตกใจที่สุดในชีวิต แต่พลันคิดถึงเรื่องที่เธอกำลังจะทำกับตัวเอง เธอมองกองยานอนหลับที่อยู่ในมือ กำแน่นแล้วเดินไปทางหน้าต่างที่เปิดอยู่ จากนั้นโปรยมันลงไปยังเบื้องล่างให้สายฝนชะล้างความคิดชั่ววูบที่ส่งมาจากมัจจุราชที่ฝากมากับน้ำเมา

แต่ในเสี้ยวความคิดนั้นทำให้ปริมประภาฉุกคิด เธอมานอนบนเตียงนี้ได้อย่างไรในสภาพเมามาย ภาพความทรงจำยามไร้สติก็แสนรางเลือน มันเหมือนกับว่าใครบางคนหอบร่างอ่อนเปลี้ยของเธอออกจากบาร์เหล้า

ใครบางคนที่...

หญิงสาวพยายามเค้นสมองย้อนภาพ แต่ก็ไม่อาจรื้อความทรงจำได้ จึงสะบัดความคิดในหัวออกแล้วพาตัวเองอาบน้ำล้างคราบนางเมรี จากนั้นก็สตาร์ตเครื่องยนต์ขับรถออกจากลานจอด สวนทางกับขบวนรถเก๋งสีดำของเสี่ยใหญ่ที่ขับเข้าสู่บริเวณบ้านมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาล

 

 

ภาพชายหนุ่มผู้บาดเจ็บที่นอนนิ่งบนเตียงพักฟื้น ทำเอาปริมประภาอกสั่นใจสั่นเดินตรงเข้าไปหา น้ำตาเอ่อรื้นตามขอบตา จับมือของเขาขึ้นบีบแน่น

“ปราณ” เอ่ยเรียกชายหนุ่มเสียงเบา แต่เขาไม่ขยับแม้แต่น้อย ยังคงหลับใหลโดยมีมารดาคอยดูแลอย่างชิดใกล้ ซึ่งก็ดูอิดโรยอย่างคนอดนอนมาทั้งคืน

“ปริมขออาสาดูแลปราณให้ค่ะคุณป้า ถ้าคุณป้าล้มป่วยไป เขาคงไม่สบายใจ”

โจเอลผ่อนลมหายใจ มองลูกชายด้วยแววตาห่วงใย ฝากฝังลูกชายไว้กับหญิงสาวก่อนเดินออกจากห้องไป “ถ้าอย่างนั้นป้าขอกลับไปพักผ่อนก่อน ฝากหนูด้วยนะจ๊ะ”

ปริมประภารับคำเป็นมั่นเหมาะแล้วนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียง พิศใบหน้าของคนบนเตียงที่นอนหลับใหล เขาซีดเซียวไม่สดใส เปลือกตาคล้ายจะลืมแต่ก็คงเป็นเพียงอาการของกล้ามเนื้อกระตุก

“ปราณ คุณได้ยินเสียงฉันไหม” เธอเอ่ยถามเบา ๆ ข้างใบหู แต่ไม่มีการตอบสนองกลับต่อเสียงเรียก หญิงสาวจึงถอนหายใจด้วยความวิตก

“ปกติมันไม่ได้เป็นคนขี้เซา” เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้นหลังเสียงปิดประตูห้องผู้ป่วย

“ขอบใจที่โทรบอกข่าวเรื่องปราณ” เพราะรู้ว่าจะพบกับสายตาแบบไหนจากผู้มาใหม่ หญิงสาวจึงไม่ได้หันไปมอง แต่อีกฝ่ายก็ยังเดินอ้อมไปอีกฝั่งของเตียงผู้ป่วย

“ก็คิดว่าคนรักกันก็น่าจะได้มาดูแลกัน...จริงไหม” แม้ใบหน้าชายหนุ่มจะดูเรียบเฉย แต่น้ำเสียงที่ถามก็คล้ายกับประชดในที

ปริมประภาตัดสินใจลุกขึ้นยืนแล้วสะพายกระเป๋า “ฉันต้องกลับแล้ว ตอนนี้คุณป้าโจเอลกลับไปพักผ่อน หวังว่านายคงดูแลปราณได้”

“ทำไมรีบกลับล่ะปริม ไม่อยู่รอให้มันตื่นมาเห็นหน้าก่อนเหรอ เดี๋ยวมันจะไม่รู้ว่าเธอมาเยี่ยมเป็นคนแรก”

เธอส่ายหน้า “ไม่ต้องห่วงแทนฉันหรอกนะเนตร ฉันจะมาเยี่ยมเขาทุกวันแน่นอน ก็อย่างที่เธอบอก คนรักกันก็ต้องดูแลกัน”

“ฉันก็หวังให้เป็นอย่างนั้น”

ปริมประภารีบรุดออกจากห้อง แต่ยังหยุดยืนทอดอาลัยที่หน้าประตู อยากจะอยู่เฝ้าเขาให้นานกว่านี้แต่ไม่อยากถูกจับจ้องพฤติกรรม เพราะคำพูดสุดท้ายของภีฆาเนตรสร้างกระแสความกดดันหนักอึ้ง คล้ายว่าถูกเขาจ้องจับผิด

เธอคิดเรื่องในหัวจนกระทั่งมาหยุดอยู่หน้าห้องพักฟื้นผู้ป่วยรายหนึ่งที่อยู่ไม่ห่างกัน มองป้ายชื่อหน้าห้องระบุว่า ธิดา ฤทธิ์นาคา คือผู้ป่วยที่กำลังพักฟื้นอยู่ภายในห้องนี้

‘ทางตำรวจสงสัยว่าพวกคนร้ายต้องการชิงทรัพย์แล้วพยายามฆ่าข่มขืน’

เป็นคำบอกกล่าวของภีฆาเนตรในตอนที่เขาโทรศัพท์มาบอกว่าปราณนารายณ์ช่วยชีวิตคู่หมั้นจากคนร้ายจนตัวเองต้องมาบาดเจ็บสาหัส ซึ่งหญิงสาวจะมีสภาพยับเยินแค่ไหน เธอก็ไม่จำเป็นต้องอยากรู้ หรือไม่ก็เดินผ่านเลยไปด้วยความรู้สึกสมน้ำหน้า แต่ปริมประภากลับยืนนิ่งหน้าห้องครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจเอื้อมมือไปแตะที่ประตูเพื่อจะผลักเข้าไป

“ขออภัยครับคุณผู้หญิง หมดเวลาเยี่ยมแล้วครับ” เสียงเตือนของบุรุษพยาบาลที่ปกปิดใบหน้าด้วยหน้ากากอนามัยโผล่ให้เห็นเพียงแค่ดวงตาหยุดมือเธอไว้

“เวลานี้ยังให้ญาติเยี่ยมได้อยู่ไม่ใช่หรือคะ” หญิงสาวไม่สนใจ แล้วทำท่าจะผลักประตูเข้าไป แต่เขากลับคว้าข้อมือเธอไว้แน่น

“ผู้ป่วยห้องนี้ยังถูกจำกัดการเยี่ยม และในรายละเอียดของผู้ป่วย ระบุว่าเธอมีญาติเป็นผู้ชายเพียงแค่สองคน...” บุรุษพยาบาลจ้องหญิงสาวไม่วางตา เอ่ยบอกเงื่อนไขของการเยี่ยม “ไม่มีผู้หญิง”

ปริมประภาพยายามชักมือกลับ แต่เขายังไม่ยอมปล่อย เธอจึงแสดงออกทางสีหน้าบอกให้รู้ว่าไม่พอใจชัดเจน

“ฉันคงจำห้องผิด” จนต้องบอกปัดเพื่อยุติเรื่อง เขาจึงยอมคลายมือออก หากดวงตาเรียวมองจ้องเธอแน่วนิ่งไม่เกรงกลัว