"แค่สี่ปีก็เหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์ ธิดารู้แล้วว่าตกนรกทั้งที่ยังมีลมหายใจมันเป็นยังไง...“
รัก,แอคชั่น,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,ชาย-หญิง,แอคชั่น,สืบสวน ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ลมห่วงรัก"แค่สี่ปีก็เหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์ ธิดารู้แล้วว่าตกนรกทั้งที่ยังมีลมหายใจมันเป็นยังไง...“
เพียงเพื่อสร้างสุสานของตน ราณี ปรเมศศิวะวงศ์ หญิงโรยวัยจึงยื่นคำขอสุดท้ายให้หลายชายคนโต ทำให้ปราณนารายณ์ ปรเมศศิวะวงศ์ หมั้น กับ ธิดา ฤทธิ์นาคา หญิงสาววัย 18 ปี เพียงเพื่อจองสิทธิ์ในที่ดินที่เธอเป็นเจ้าของตามพินัยกรรมประจำตระกูล
แต่สัญญาหมั้นหมายที่ดูเรียบง่ายนั้น กลับเต็มไปด้วยเงามืดที่ซ่อนตัวอยู่ในทุกย่างก้าวของชีวิตเธอ
เพราะระหว่างสี่ปีของสัญญา ปราณนารายณ์ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อ ปกป้องเธอ จากอันตรายที่เธอไม่เคยรู้ตัว และเขาคือคนเดียวที่จะปกป้องเธอได้
จากการหมั้นที่เริ่มด้วยหน้าที่ จึงกลายเป็นการต่อสู้เพื่อ ความรัก และ การเอาชีวิตรอด เมื่อภัยร้ายที่เขาไม่เคยคาดคิดคืบคลานเข้ามา อันตรายที่แฝงอยู่ในทุกวันอาจเป็นจุดจบของความสัมพันธ์ หรือเป็นจุดเริ่มต้นของหัวใจที่เขาไม่อาจปฏิเสธ
ปฐมบทแห่งซีรี่ย์พี่น้องตระกูลฤทธิ์นาคา ภาคแรกของกลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา
เจ้ามะลิกลิ่นกำจร 2/3
“ขอให้เขาฟื้นตัวในเร็ววันด้วยเถอะค่ะแม่”
เป็นคำขอถึงมารดาผู้ล่วงลับก่อนที่เธอจะล้มตัวลงนอนกอดสมุดบันทึกหน้าปกสีแดง หญิงสาวยังคงความหวาดวิตกในจิตใจ คิดอยากให้เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นแค่ฝันร้าย รู้แล้วว่าทำไมพี่ชายถึงเตือนเธอนักหนาเรื่องความปลอดภัยของเพศหญิง เพิ่งมาเข้าใจตอนนี้ก็เกือบจะสายไป
แม้จะไม่ได้ถูกย่ำยีทางเพศจนอาจทำให้เธอต้องขมขื่นไปตลอดชีวิต แต่ร่องรอยความหยาบช้าของคนใจโฉดยังติดอยู่ในจิตใจ แม้จะขัดถูร่างกายแรงแค่ไหนก็ไม่สามารถลบร่องรอยของพวกมันออกไปได้
‘เขาช่วยธิดาไว้’
คำบอกของภีฆาเนตรครั้งที่เธอยังรักษาตัวในโรงพยาบาลสร้างความรู้สึกสะท้านไปทั่วร่าง หัวใจปวดร้าว จนทนฟังสภาพชายหนุ่มที่ถูกคนร้ายแทงอย่างโหดเหี้ยมต่อให้จบไม่ได้
เธอเอนหลังล้มตัวลงบนเตียง ดึงผ้าห่มผืนหนาคลุมกาย ทอดสายตามองยอดไม้ไหวที่ถูกสายลมพัดโบก หลับตานอนฟังเสียงหยาดฝนตกกระทบหน้าต่างสลับกับเสียงของสายลมที่พัดแผ่วในหัวใจ
แต่ในเช้าวันถัดมา หญิงสาวก็ได้ทราบข่าวว่าเขาฟื้นแล้วจากแม่ครัวใหญ่ของปรเมศศิวะวงศ์ ที่นำข่าวดีมาพร้อมกับอาหารบำรุงร่างกายเธอ
“นี่ ดูสิ วันนี้ป้าได้ของดีมาด้วยนะ”
แม่ครัวใหญ่มีน้ำเสียงยินดี แล้วก็หยิบบางสิ่งจากตะกร้าจ่ายตลาดขึ้นมา เป็นถุงพลาสติกรัดปากแน่น
“นี่ไงคะ คุณธิดา ป้าได้ไก่ดำเนื้อแน่นมาเชียวละ เป็นไก่สาวเสียด้วยนะคะ คุณโจเอลบอกว่าจะตุ๋นให้คุณปราณกับคุณธิดากินบำรุงร่างกาย วันนี้เธอก็จะลงครัวเองเลย”
“ให้คุณปราณกินให้เต็มที่เถอะค่ะ อย่าแบ่งธิดาเลย ธิดาไม่ได้เป็นอะไรแล้ว” เธอกล่าวเพราะเกรงใจ
“ได้ยังไงกันคะ หน้าตาคุณธิดายังดูเซียว ๆ อยู่เลย กินด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละค่ะ จะได้แข็งแรงด้วยกัน”
ธิดายิ้มอ่อน “ถ้าอย่างนั้น...” แล้วหยุดคิดชั่วครู่ “หนูขอไปเยี่ยมคนป่วยด้วยได้ไหมคะ”
“ค่ะ ได้สิคะ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ งั้นเดี๋ยวป้าจะมารับนะ” คนฟังได้ยินก็แย้มยิ้มกว้างจนหุบไม่ลง
คล้อยหลังแม่ครัวใหญ่ไป ธิดาก็เดินเข้าครัว หยิบอุปกรณ์และเครื่องปรุงอย่างระวังไม่ให้กระทบกระเทือนบาดแผล สวมผ้ากันเปื้อนผูกเอวแล้วเริ่มบรรเลงเมนู ถ่ายทอดความตั้งใจไปถึงชายหนุ่มผ่านขนมเพื่อเป็นของเยี่ยม ขนมคำหวานจะเป็นตัวแทนเอ่ยคำขอบคุณที่มาจากหัวใจ
กล่องสีม่วงอ่อนหวานบรรจุขนมชิ้นเล็กกลิ่นหอมละมุนถูกวางอย่างบรรจงในตะกร้าสำรับของเยี่ยมผู้ป่วย ซึ่งหญิงสาวอาสาเป็นผู้ถือแทนแม่ครัวใหญ่ เธอก้าวเดินตามคุณอติภพ คุณโจเอล และคุณป้าแม่ครัวด้วยหัวใจเต้นรัว อีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงห้องพักฟื้นของชายหนุ่มแล้ว
เมื่อทั้งหมดมาหยุดที่หน้าประตู โจเอลและคุณป้าแม่ครัวหันมายิ้มให้หญิงสาว ก่อนที่อติภพจะผลักประตูเข้าไป ทว่าทั้งสามไม่ได้เป็นกลุ่มแรกที่มาเยี่ยมชายหนุ่ม ภายในห้องนั้นมีแขกที่มาก่อนหน้านั้นแล้ว
“สวัสดีค่ะคุณลุง คุณป้า”
ปริมประภารีบทักทายพร้อมยกมือไหว้ ปรายตามองหญิงสาวร่างเล็กที่ยืนแอบก้มหน้างุดอยู่หลังร่างอวบของแม่ครัวใหญ่
“ปราณคะ ดูสิว่าวันนี้คุณมีคนมาเยี่ยมแบบอุ่นหนาฝาคั่งเชียว” พูดแล้วหมุนตัวกลับไปนั่งไขว่ห้างกอดอกบนโซฟา
“วันนี้แม่มีของบำรุงมาให้ ตื่นมาทำให้ตั้งแต่เช้ากับป้าแม่ครัว” โจเอลบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
แม่ครัวใหญ่จึงหมุนตัวไปรับตะกร้าจากหญิงสาวด้านหลังแล้วนำตะกร้าสำรับไปวางบนโต๊ะ คนที่หวังซ่อนตัวจึงเกิดอาการประหม่า ทำตัวไม่ถูกขึ้นมา
“สวัสดีค่ะ...คุณปราณ” ก่อนอื่นต้องกล่าวทักทายคนเจ็บก่อน แต่พอเงยหน้ามองก็รีบหลุบตาลง เพราะเห็นสายตาไม่พอใจจากหญิงสาวอีกคน
“โจเอล ผมว่าเราต้องตามหมอด่วน หัวใจลูกเราเต้นเร็วมาก” บิดาของชายหนุ่มกล่าวด้วยสีหน้าตกใจ ขณะจับชีพจรบุตรชายแต่ปราณนารายณ์รีบชักข้อมือกลับ
“คุณปราณของป้าซูบไปเยอะเชียวค่ะ กินไก่ตุ๋นยาจีนเลยนะคะ กำลังร้อน”
“อา...ยาจีน” ชายหนุ่มทำหน้าเบ้ ครวญเสียงอ่อย
“ปราณเขาไม่ชอบกลิ่นยาจีนค่ะคุณป้าโจเอล” คนที่นั่งอยู่บนโซฟายิ้มมุมปาก เอ่ยบอกเมื่อรู้ความหมายของเสียงนั้น
โจเอลจึงหันไปส่งยิ้มให้หญิงสาวบนโซฟาแล้วบอกว่า “เรื่องนั้นป้ารู้ดีจ้ะ”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีใบหน้าเฝื่อนจึงหันมาทางลูกชายของตน “ไก่ดำตัวนี้เป็นไก่สาวที่ต้องไปจองก่อนล่วงหน้า และยาจีนที่อยู่ในซุปทั้งหมดก็ได้มาจากการเสาะหาของใหม่ ๆ ทั่วตลาดเยาวราช เครื่องปรุงทุกอย่างคัดสรรมาด้วยความตั้งใจของป้าแม่ครัว ส่วนกรรมวิธีการทำ เราจะต้องตุ๋นด้วยเตาถ่านเท่านั้น เพราะจะทำให้ไก่นุ่ม เนื้อยาจีนเข้ากันดี กลิ่นไม่ฉุน ซึ่งแม่และคุณป้าผลัดกันเฝ้าจนได้ที่”
อธิบายเสร็จก็ปิดฝาลงทันที “แต่แย่หน่อยที่ลูกไม่ชอบ” หันไปทางหญิงสาวที่ยังก้มหน้ามองเท้าตัวเอง “ป้าจะให้ธิดาเก็บไว้กินกับเนตรสองคนเป็นดินเนอร์ฉบับบำรุงกำลังก่อนเนตรขึ้นเครื่องไปฝรั่งเศสคืนนี้”
“ผมยังไม่ได้พูดว่าจะไม่กินนี่ครับ” เขาทักท้วง
คุณป้าแม่ครัวใหญ่จึงได้จัดวางสำรับทุกเมนูที่ล้วนแต่มีคุณประโยชน์ลงบนโต๊ะวางอาหาร ยกเว้นขนมกล่องสีม่วงสวยที่ยังเก็บไว้ในตะกร้ารอให้หญิงสาวผู้เป็นคนทำหยิบออกเอง ด้วยเกรงว่าจะซุ่มซ่ามทำกล่องขนมหล่นมือเหมือนอย่างคราวที่ผ่านมา
“ปริมป้อนให้นะคะ” ปริมประภาเข้ามาอาสา
“จริงด้วย” แต่จู่ ๆ โจเอลก็อุทาน “ป้านึกขึ้นได้ว่าอยากให้หนูปริมช่วยเลือกชุดสำหรับงานน้ำชาคืนมะรืน ป้าต้องขึ้นเครื่องคืนนี้แล้วสิ หนูปริมพอจะมีเวลาไปช็อปปิงกับป้าไหมจ๊ะ”
ปริมประภามีสีหน้างงงวยชัดเจน “เอ่อ...ร้านบูติกที่ฝรั่งเศสน่าจะมีชุดสวย ๆ ให้เลือกมากกว่านะคะ”
“ไม่หรอกจ้ะ นี่หนูเชื่อไหมว่าฝีมือดีไซเนอร์ไทยนี่แหละประณีตสุดแล้ว และแบบก็ไม่เหมือนใคร” พูดแล้วเกี่ยวแขนหญิงสาวประหนึ่งคุ้นเคยกันมานาน “แล้วยิ่งถ้าได้สไตลิสต์อย่างหนูปริมช่วยเลือกแล้วละก็ รับรองงานนี้ป้าต้องเจิดกว่าใคร”
“เฮ้ คุณมีนัดงานเลี้ยงน้ำชาเมื่อไหร่ ทำไมผมไม่รู้” คนไม่รู้อะไรโพล่งขึ้น แต่พอถูกแววตาคมส่งกระแสพิฆาตมาก็รีบรูดซิปปากทันที
“คุณภพ คุณต้องเป็นคนขับรถให้ฉันนะคะ” แล้วสั่งสามีที่กำลังจะหย่อนตัวลงบนโซฟาแต่ก้นยังไม่ทันได้สัมผัสก็ต้องลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้น อิฉันขอติดรถไปด้วยนะคะ ว่าจะไปรับโสมที่สั่งไว้ ถ้าไม่รีบไปเอาเดี๋ยวถูกสลับเปลี่ยนของ ได้ของไม่ดีมาละแย่เลย เดี๋ยวคุณปราณกินแล้วจะเสาะท้อง” แม่ครัวก็เพิ่งรู้ตัวว่ามีธุระ
“เดี๋ยวค่ะคุณป้า เดี๋ยว...”
ปริมประภาไม่ทันได้พูดอะไร โจเอลก็เกี่ยวแขนพาเดินออกไป เอ่ยฝากบุตรชายไว้กับหญิงสาวคนที่เหลือ “เฝ้าเขาให้กินไก่ตุ๋นจนหมดไม่เหลือน้ำซุปสักหยดนะจ๊ะธิดา”
แล้วทิ้งชายหนุ่มผู้ป่วยบนเตียงพักฟื้นกับหญิงสาวที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลได้ไม่นาน