"แค่สี่ปีก็เหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์ ธิดารู้แล้วว่าตกนรกทั้งที่ยังมีลมหายใจมันเป็นยังไง...“
รัก,แอคชั่น,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,ชาย-หญิง,แอคชั่น,สืบสวน ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ลมห่วงรัก"แค่สี่ปีก็เหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์ ธิดารู้แล้วว่าตกนรกทั้งที่ยังมีลมหายใจมันเป็นยังไง...“
เพียงเพื่อสร้างสุสานของตน ราณี ปรเมศศิวะวงศ์ หญิงโรยวัยจึงยื่นคำขอสุดท้ายให้หลายชายคนโต ทำให้ปราณนารายณ์ ปรเมศศิวะวงศ์ หมั้น กับ ธิดา ฤทธิ์นาคา หญิงสาววัย 18 ปี เพียงเพื่อจองสิทธิ์ในที่ดินที่เธอเป็นเจ้าของตามพินัยกรรมประจำตระกูล
แต่สัญญาหมั้นหมายที่ดูเรียบง่ายนั้น กลับเต็มไปด้วยเงามืดที่ซ่อนตัวอยู่ในทุกย่างก้าวของชีวิตเธอ
เพราะระหว่างสี่ปีของสัญญา ปราณนารายณ์ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อ ปกป้องเธอ จากอันตรายที่เธอไม่เคยรู้ตัว และเขาคือคนเดียวที่จะปกป้องเธอได้
จากการหมั้นที่เริ่มด้วยหน้าที่ จึงกลายเป็นการต่อสู้เพื่อ ความรัก และ การเอาชีวิตรอด เมื่อภัยร้ายที่เขาไม่เคยคาดคิดคืบคลานเข้ามา อันตรายที่แฝงอยู่ในทุกวันอาจเป็นจุดจบของความสัมพันธ์ หรือเป็นจุดเริ่มต้นของหัวใจที่เขาไม่อาจปฏิเสธ
ปฐมบทแห่งซีรี่ย์พี่น้องตระกูลฤทธิ์นาคา ภาคแรกของกลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา
ตอนที่ ๑๗ ห่วง 100%
เธอวางสายภีฆาเนตรหลังพูดคุยกันพักใหญ่แล้วจึงเริ่มต้นเช็กรายละเอียดงาน แต่ก็ตรวจทานไปได้ไม่กี่หน้า เสียงเครื่องยนต์ก็ดังจากภายนอกบ้านจึงคว้าเก็บเอกสารลงกระเป๋าแล้วรีบออกจากห้องโดยไม่ลืมหยุดมองความเรียบร้อยของการแต่งกายหน้ากระจก
ในตอนที่เธอเดินมาพบเขาที่หน้าบ้าน เห็นเขายืนพิงรถบอกลาสนทนากับใครสักคนทางโทรศัพท์จึงเดินเข้าไปกล่าวคำทักทายตามมารยาท
“สวัสดีค่ะ คุณปราณ” เมื่อไม่ได้อยู่ต่อหน้าคุณหญิงราณี สรรพนามเรียกขานจึงกลับไปเหมือนเดิม
เขาทำเพียงพยักหน้ารับ ดวงตาเรียบเฉยไร้ความรู้สึก เดินขึ้นรถไปนั่งหลังพวงมาลัยโดยที่ธิดาต้องรู้เองว่าเธอควรเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่งยังที่ข้างคนขับ ซึ่งถ้าเขาชวนเธอถกเถียงกันไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็แล้วแต่ก็ยังดีกว่าเงียบเป็นหุ่นยนต์ขับรถได้ เพราะมันสร้างความอึดอัดและประหม่าให้กับคนที่ต้องนำเสนองานสำคัญ
“ระหว่างเดินทางฉันขออธิบายบางเนื้อหาที่ไม่จำเป็นต้องดูหน้างานก่อนนะคะ” หญิงสาวจึงกางแฟ้มเอกสารหาเรื่องทำลายความเครียดของตัวเอง
“เล่าเรื่องโรงเรียนในฝันของแม่เธอให้ฟังหน่อย”
แต่เขาอยากรู้เรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานเลยสักนิด ความรู้สึกประหลาดใจจึงเข้ามาบวกกับความเครียดที่มี
“คุณอยากฟังเรื่องโรงเรียนในฝันหรือคะ” หญิงสาวทวนถามเขาอีกครั้ง มีความประหลาดใจเผยชัดในดวงตากลม
“ก็ได้ยินแล้วนี่ หูตึงหรือไง” ดวงตาสีสวยผินจากถนนมาสบตา เอ่ยพูดจากวนอารมณ์
หญิงสาวแอบย่นจมูกใส่ ปิดแฟ้มแล้วนั่งกอดอกมองถนนสายยาว พลางคิดว่าจะเริ่มต้นเล่าอย่างไร แม้ภาพฝันของโรงเรียนจะแจ่มชัดทุกครั้งที่นึกถึง แต่มันก็ยังไม่ได้เริ่มก่อร่างเหตุเพราะทั้งบิดาและพี่ชายต้องเต็มที่กับงานสร้างโรงแรม งานโรงเรียนจึงถูกเลื่อนออกไปโดยไม่มีกำหนดตายตัว
เธอจึงหลับตาแล้วเริ่มต้นไล่เรียงจากภาพในภวังค์ “โรงเรียนของแม่เป็นโรงเรียนที่สร้างบนเนื้อที่กว้างบนเนิน เห็นทิวดอกอ้อและท้องทะเลกว้าง แต่พื้นที่ส่วนมากเป็นแปลงผัก เล้าไก่ กรงกระต่าย ส่วนห้องเรียนคือบ้านดินที่สร้างเป็นหลังเล็ก ๆ แต่พวกเด็ก ๆ จะได้เรียนกลางแจ้ง วิ่งเล่นในสายลมมากกว่าจับตำรับตำราท่องอ่านเขียน”
และเมื่อลืมตาขึ้น ก็รู้สึกโล่งใจประหลาด ความเครียดขึงที่ขมับก็บรรเทาลงเหมือนได้ยาคลายความตึงเครียด พอหันไปทางชายหนุ่มก็ได้สบกับรอยยิ้มทางแววตาชั่วแวบนาที ก่อนที่เขาจะหันหน้ากลับไปมองท้องถนนแล้วทั้งคู่ก็ไม่ได้มีคำพูดให้กันอีกเลยจนกระทั่งถึงไซต์งาน
รถของรองประธานหนุ่มเข้าจอดบนถนนหน้าเรือนริมน้ำ ซึ่งหากย้อนเวลาไปวันวานแล้ว ณ ตรงนี้เป็น จุดเดียวกับที่เขาพาเธอมาเหยียบย่ำที่ครั้งแรก
หากแต่บัดนี้มันกลายร่างเป็นชานเรือนไทยสำหรับใช้เป็นฝ่ายต้อนรับแขกที่สวยงามประณีต ที่ออกแบบให้โล่งโปร่งสบาย บานหน้าต่างที่เป็นกระจกใสกรุตั้งแต่พื้นจรดเพดานจึงไม่จำเป็นต้องปิด เพราะมีลมถ่ายเทพัดกลิ่นหอมของพุ่มดอกแก้วให้ตลบอบอวล
อีกทั้งเสาไม้ทุกเสาถูกแกะสลักเป็นลายไทยงดงามวิจิตร และเครื่องเรือนทุกชิ้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่กำหนดให้เป็นผลิตภัณฑ์จากทัณฑสถานทั้งสิ้น ซึ่งค่อนข้างผิดแผกไปจากที่อื่นที่มักเลือกเฟ้นเฟอร์นิเจอร์จากดีไซเนอร์ระดับโลก
และคงเป็นเพราะความเครียดขึงผ่อนคลายลงตั้งแต่ก่อนเริ่มนำเสนอ การพูดการจาของว่าที่มัณฑนากรสาวจึงเป็นไปอย่างคล่องแคล่ว น้ำเสียงน่าฟัง มือไม้ที่ขยับออกท่าทางยามนำเสนอมีประกายแวววาวจากเพชรหลายกะรัต และใบหน้าแสนมั่นใจก็ดึงดูดสายตาของกรรมการผู้ตัดสินให้ฝังอยู่กับรอยยิ้มที่เธออาจปั้นแต่งขึ้นเพื่อวันนี้
“ไม่ทราบว่าคุณปราณมีคำถามอะไรหรือไม่” หญิงสาวเอ่ยถามความเห็นหลังจากที่เธอนำเสนอให้ครบถ้วนสมบูรณ์
เขาเอนกายพิงพนักโซฟาหวายที่บุด้วยผ้าไหมทอมือสีน้ำครามเข้ม ลูบไล้ความเรียบลื่นพลางตั้งคำถามแก่ หญิงสาว “ทำไมถึงใช้ผลิตภัณฑ์จากทัณฑสถาน”
“เพราะชลธารคอนสตรักชั่นมีนโยบายให้โอกาสแก่ผู้ต้องการโอกาส ฉะนั้นเราจะสรรหาสิ่งที่พวกเขาอยากแสดงฝีมือให้สังคมเห็นว่าพวกเขาทำได้ แต่ก็ไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์จากทัณฑสถานเท่านั้น จากมูลนิธิผู้พิการ หรือผู้ด้อยโอกาสเราก็ดึงมาใช้ในงาน” ธิดาอธิบายได้ฉะฉาน
“แสดงว่าเธอประกาศนโยบายของชลธารคอนสตรักชั่นผ่านงานของควีนส์คอร์ปหรือ” ไม่ได้จงใจตั้งคำถามให้โมโห แต่อยากรู้ว่าเธอจะโต้ตอบกลับอย่างไร
หญิงสาวคลี่ยิ้ม เดินไปหยุดที่ริมชานเรือนหันหน้าออกไปทางแม่น้ำสายใหญ่แล้วหมุนตัวกลับมาทางชายหนุ่มที่นั่งจับจ้องเธออยู่บนโซฟา เอ่ยตอบคำถามด้วยใบหน้ากระจ่าง น้ำเสียงภาคภูมิใจ
“การที่บริษัทเล็ก ๆ ไร้สิทธิ์ไร้เสียงอย่างชลธารคอนสตรักชั่นนำนโนบายนี้มาใช้ในงานของควีนส์คอร์ปที่เป็นบริษัทมหาชน ก็เพราะอยากให้การให้โอกาสแก่กันขยายวงกว้างสู่ทั่วทุกมุมสังคม เหมือนกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่ทอดยาวผ่านหลายจังหวัดสำคัญ แต่ก็ยังแตกกิ่งก้านสาขาให้ความชุ่มฉ่ำแก่พื้นที่ห่างไกล”
แล้วเธอก็ตอบคำถามได้ดีจนเขานึกชื่นชมในใจ ปราณนารายณ์หมดคำถามและหมดความสงสัยในความสามารถของบริษัทปลายแถว ซึ่งความจริงแล้วจากการได้ร่วมงานกับก้องปฐพี ก็ทำให้มั่นใจในตัวพี่ชายของเธอแล้วว่างานนี้จะต้องออกมาสมกับคำยืนกรานของเธอในอดีต
“ภีฆาเนตรสอนเธอได้ดี ไม่เสียแรงจริง ๆ ...” ชายหนุ่มเอ่ยบอกแค่นั้น แล้วลุกขึ้นยืนล้วงมือลงในกระเป๋ากางเกงทั้งสอง เดินตรงเข้าไปหาหญิงสาวจ้องมองสิ่งที่สะกิดหัวใจชายหนุ่มตั้งแต่ย่างก้าวเข้ามาที่นี่ ไม่น่าเชื่อว่าเด็กมัธยมปลายผมหางม้าแสนรั้นในอดีตจะกลายเป็นหญิงสาวผู้งดงามได้เพียงนี้
“ฉันจะถือคำพูดนั้นเป็นคำตัดสินว่างานของฉันผ่าน” ดวงตากลมสีนิลแหงนมอง มีรอยยิ้มบางบนใบหน้าหวาน
“แน่ใจหรือว่าอยากให้งานผ่าน” ปราณนารายณ์คลี่ยิ้ม จ้องมองดวงตาสาวหัวรั้น
“แน่ใจสิคะ” ดวงตาหวานยังสบมองนิ่ง “หรือคุณยังมีอะไรต้องห่วงอีก ก็เห็นอยู่ว่าชลธารฯ ทำงานได้ตามกำหนดการถึงจะถูกให้แก้ไขงานหลายต่อหลายครั้ง
“นั่นสินะ” มุมปากหยักยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนสีลง “ฉันห่วงอะไร”
“ฉันตอบแทนให้ก็ได้ค่ะ” ธิดาเชิดหน้าทำคอตั้ง “คุณอาจห่วงสิทธิ์การซื้อที่ดินจนไม่อยากให้งานของชลธารฯ ผ่าน คุณอาจหาทางกลั่นแกล้งฉัน ไม่ยอมเซ็นอนุมัติงานแล้วฟ้องเรียกค่าเสียหายถ้าชลธารฯ ทำงานไม่เสร็จตามกำหนด”
ดวงตาสีนิลส่องประกายที่เธอใช้มองเขาอย่างท้าทายนั้น ทำให้เขาเอ็นดูมากกว่าจะขุ่นมัวตามแรงยั่ว “ถ้าฉันทำแบบนั้น จะมีอย่างอื่นที่น่าห่วงมากกว่า”
แทนที่จะยั่วให้เขาโกรธตามต้องการ แต่รอยยิ้มจางปรากฏบนใบหน้าของเขาทำให้หญิงสาวขัดใจ “ห่วงว่าฉันจะไม่ขายที่ให้ใช่ไหมคะ ก็ขอตอบเลยว่าคุณคิดถูกแล้วล่ะคะ ถ้าคุณเล่นเกมโกง คุณไม่มีทางได้เหยียบแผ่นดินผืนนั้น”
มุมปากหยักปรากฏรอยยิ้มกดลึก “เปล่า ไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นเลย”
แล้วเขยิบขาเข้าไปใกล้ ทว่าหญิงสาวตกใจก้าวขาถอยหลังจนเกือบตกเรือน แต่แขนแกร่งก็คว้าเอวบางไว้ทัน แล้วเคลื่อนใบหน้าคมคร้ามเข้าใกล้ เอ่ยกระซิบให้ลมหายใจอุ่นพัดแผ่วที่ใบหู
“ฉันห่วงแมลงปอปีกหัก กลัวเหลือเกินว่ามันจะตายคามือ”
แล้วถอยตัวออกมา หมุนตัวเดินออกจากเรือนรับรองพลางรับโทรศัพท์ที่ส่งสัญญาณเข้ามา และหลังจากกรอกเสียงทักทายปลายสายที่มีศักดิ์เป็นน้า คิ้วเข้มของรองประธานหนุ่มก็ขมวดชนกันยิ่งกว่าตัดสินใจทิ้งเงินให้กับบริษัทที่ขาดทุน
“แล้วผมจะรีบกลับไปให้ไวที่สุด”
บอกกับปลายทางแล้วหันหลังกลับไปมองหญิงสาวที่ยังยืนนิ่งตัวแข็งห่างจากเขาเพียงไม่กี่ก้าว แต่ทำไมถึงรู้สึกเหมือนเธอกำลังลอยห่างออกไปแสนไกล