"แค่สี่ปีก็เหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์ ธิดารู้แล้วว่าตกนรกทั้งที่ยังมีลมหายใจมันเป็นยังไง...“

ลมห่วงรัก - บทที่ ๑๙ แถลงไขสัญญาหมั้น โดย ณ มหรรณพ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,แอคชั่น,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,ชาย-หญิง,แอคชั่น,สืบสวน ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ลมห่วงรัก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,แอคชั่น,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,ชาย-หญิง

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่น,สืบสวน

รายละเอียด

ลมห่วงรัก โดย ณ มหรรณพ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"แค่สี่ปีก็เหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์ ธิดารู้แล้วว่าตกนรกทั้งที่ยังมีลมหายใจมันเป็นยังไง...“

ผู้แต่ง

ณ มหรรณพ

เรื่องย่อ

เพียงเพื่อสร้างสุสานของตน ราณี ปรเมศศิวะวงศ์ หญิงโรยวัยจึงยื่นคำขอสุดท้ายให้หลายชายคนโต  ทำให้ปราณนารายณ์ ปรเมศศิวะวงศ์ หมั้น กับ ธิดา ฤทธิ์นาคา หญิงสาววัย 18 ปี เพียงเพื่อจองสิทธิ์ในที่ดินที่เธอเป็นเจ้าของตามพินัยกรรมประจำตระกูล

แต่สัญญาหมั้นหมายที่ดูเรียบง่ายนั้น กลับเต็มไปด้วยเงามืดที่ซ่อนตัวอยู่ในทุกย่างก้าวของชีวิตเธอ

เพราะระหว่างสี่ปีของสัญญา ปราณนารายณ์ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อ ปกป้องเธอ จากอันตรายที่เธอไม่เคยรู้ตัว และเขาคือคนเดียวที่จะปกป้องเธอได้

จากการหมั้นที่เริ่มด้วยหน้าที่ จึงกลายเป็นการต่อสู้เพื่อ ความรัก และ การเอาชีวิตรอด เมื่อภัยร้ายที่เขาไม่เคยคาดคิดคืบคลานเข้ามา อันตรายที่แฝงอยู่ในทุกวันอาจเป็นจุดจบของความสัมพันธ์ หรือเป็นจุดเริ่มต้นของหัวใจที่เขาไม่อาจปฏิเสธ

 

ปฐมบทแห่งซีรี่ย์พี่น้องตระกูลฤทธิ์นาคา ภาคแรกของกลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา

สารบัญ

ลมห่วงรัก-บทที่ ๑ บทนำ,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑ แรกเริ่ม ณ ดินแดนแห่งรัก,ลมห่วงรัก-บทที่ ๒ แรกพบกับลมหวน,ลมห่วงรัก-บทที่ ๓ เธอคือ... ธิดา ฤทธิ์นาคา,ลมห่วงรัก-บทที่ ๔ ลงทุน,ลมห่วงรัก-บทที่ ๕ ความซวยมาเคาะประตู,ลมห่วงรัก-บทที่ ๕ ความซวยมาเคาะประตู,ลมห่วงรัก-บทที่ ๖ แพ้,ลมห่วงรัก-บทที่ ๗ ก้านดอกอ้อเอนไหวตามสายลม,ลมห่วงรัก-บทที่ ๘ ปาปารัสซี่,ลมห่วงรัก-บทที่ ๙ ความหวังเดียว,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๐ หมั้นหมายที่หมางเมิน,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๑ เดือด 1/3,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๑ เดือด 2/3,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๑ เดือด 3/3,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๒ บุรุษปริศนา 1/2,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๒ บุรุษปริศนา 2/2,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๓ เจ้ามะลิกลิ่นกำจร 1/3,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๓ เจ้ามะลิกลิ่นกำจร 2/3,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๓ เจ้ามะลิกลิ่นกำจร 3/3,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๔ ไฟ,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๕ ปิดปาก,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๖ แมลงปอปีกหัก,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๗ ห่วง,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๘ ยื้อ,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๙ แถลงไขสัญญาหมั้น,ลมห่วงรัก-บทที่ ๒๐ วายุ ปรเมศศิวะวงศ์,ลมห่วงรัก-บทที่ ๒๑ ผู้ชายขี้แพ้,ลมห่วงรัก-บทที่ ๒๒ สายสืบสายสูบ,ลมห่วงรัก-บทที่ ๒๓ ขัดดอก,ลมห่วงรัก-บทที่ ๒๔ ชิงนาง,ลมห่วงรัก-บทที่ ๒๖ ตามหา,ลมห่วงรัก-บทที่ ๒๗ ร่างปริศนา,ลมห่วงรัก-บทที่ ๒๘ บุก,ลมห่วงรัก-บทที่ ๒๙ เลือก,ลมห่วงรัก-บทที่ 30 สงบแต่ไม่สุข,ลมห่วงรัก-บทที่ ๓๑ แผนสองของคุณหญิง,ลมห่วงรัก-บทที่ ๓๒ ถอนหมั้น,ลมห่วงรัก-บทที่ ๓๓ จดหมายจากอดีต,ลมห่วงรัก-บทที่ ๓๔ แม้ไม่ได้ครอบครอง

เนื้อหา

บทที่ ๑๙ แถลงไขสัญญาหมั้น

ตอนที่ ๑๙ แถลงไขสัญญาหมั้น

 

ความรู้สึกที่เธอเผชิญอยู่ตอนนี้คืออะไร...

ธิดาเฝ้าไถ่ถามตัวเองหลายต่อหลายครั้ง แต่คำตอบที่ได้ทุกครั้งก็แทบทำให้เธอสั่นศีรษะแรงบอกกับตัวเองว่ามันไม่ใช่ แล้วคำพูดของเขาในวันพรีเซนต์งานมีความหมายอะไรลึกซึ้งมากไปกว่าการกระทบกระเทียบเปรียบเปรยหรือไม่

แต่รองประธานบริษัทเงินทุนขนาดยักษ์จะมาสนอะไรในตัวลูกสาวเจ้าของธุรกิจก่อสร้างปลายแถว นอกจากผู้ร่วมชะตากรรมในพันธกิจกำมะลอ ที่ดินของเธอต่างหากคือเป้าหมายของเขา สิ่งที่เขาทำก็แค่ต้องการปั่นหัวเธอให้สับสนไปเท่านั้น คิดแล้วก็น่าโมโหนักที่เขาเล่นกับความรู้สึกเธอแบบนี้

แต่ฉับพลันนั้น เสียงกระดิ่งหน้าบ้านที่ดังขึ้นทำให้หญิงสาวสะดุ้งโหยง จนทำมีดที่กำลังคว้านผลไม้บาดมือตัวเองเป็นแผลลึก ทั้งมีดคว้านทั้งชิ้นผลไม้ที่เปื้อนเลือดก็ร่วงหล่นตกลงในอ่างล้างจาน พอหันไปมองทางภาพของกล้องวงจรปิดก็ตาโตเมื่อเห็นชายหนุ่มที่ไม่คาดว่าจะเห็นยืนโบกมือให้กล้อง จึงหยิบกระดาษทิชชู่ซับห้ามเลือดแล้วรีบเดินออกจากครัวไปรับผู้มาเยือน

“พี่เนตร กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ!”

คนถูกทักทายกำลังจะอ้าปากตอบ แต่คิ้วเข้มก็ย่นเข้าหากันเมื่อเหลือบเห็นคราบสีแดงบนกระดาษที่เธอใช้มือ ข้างหนึ่งกดไว้กับนิ้วมืออีกข้าง

“อ้อ...” คนที่รู้ตัวว่าถูกจับความผิดปกติได้จึงอธิบาย “ธิดาถูกมีดบาดค่ะ กำลังปอกผลไม้อยู่แล้วตกใจตอนเสียงกระดิ่งดัง”

“ค่อยคุยกันทีหลัง รีบทำความสะอาดแผลเถอะ” ภีฆาเนตรคว้าแขนบางพาเธอไปล้างคราบเลือดที่อ่างล่างมือ แล้วถามหาอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเพื่อทำแผลให้เธอจนเรียบร้อยดี

“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวกล่าวด้วยความซึ้งใจตอนที่เขาติดเทปรอบผ้าพันแผลให้

“พี่อยากได้อย่างอื่นแทนคำขอบคุณ”

เพราะคำพูดที่เขาเอ่ยมาแฝงความหมายอัดแน่นไว้ในดวงตาที่สบมองกับมือเล็ก ๆ ของเธอก็ยังอยู่ใน การครอบครองของเขาทำให้แก้มนวลร้อน

“ไม่เห็นพี่เนตรเล่าให้ฟังว่าจะกลับมาเมืองไทย” จึงหาเรื่องพูดเบี่ยงเบน

“พี่กลับมาเมื่อคืนวานเพราะที่บ้านมีเรื่องด่วน จริง ๆ ไม่ต้องกลับก็ได้แต่ใจมันห่วง”

“แสดงว่าเป็นเรื่องสำคัญมากเลยใช่ไหมคะ”

ปากหยักคลี่ยิ้มอ่อนโยน “มากขนาดตัดสินเส้นทางชีวิตของคนสองคน ไม่สิอาจจะมากกว่าสองคน”

แม้หญิงสาวจะมีนิสัยไม่ชอบละลาบละล้วงเรื่องครอบครัวผู้อื่น แต่ร่องรอยความกังวลบนใบหน้าของชายหนุ่มที่น้อยครั้งจะได้เห็น จึงทำให้ต้องเอ่ยปาก

“พี่เนตรมีอะไรไม่สบายใจเล่าให้ธิดาฟังได้นะคะ”

แววตาสีนิลเต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงใย แต่เขาไม่มีหน้าที่บอกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น ทว่าอยากรู้ความรู้สึกของ หญิงสาวหลังจากทราบเรื่องราว และหากว่าฟ้ากำลังประทานโอกาสให้เขาก็ไม่อยากให้หลุดมือไป เขาจึงเพียงแค่ยิ้มรับ แล้วเอ่ยบอกไปว่า

“ที่บอกว่าที่บ้านมีเรื่อง...แล้วเกี่ยวกับชีวิตของคนมากกว่าสองคน หนึ่งในนั้นมีธิดาด้วย”

 

ภีฆาเนตรไม่บอกอะไรเลยกระทั่งพาตัวเธอมาถึงห้องรับแขกใหญ่ของคฤหาสน์ปรเมศศิวะวงศ์ และดูเหมือนว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องนอกจากเธอแล้วยังมีบิดา พี่ชาย คุณหญิงราณี และสุดท้ายคือคู่หมั้นหนุ่ม

สำหรับสายตาของบิดาและพี่ชายที่มองมาก็คงมีความรู้สึกงุนงงคล้ายกับเธอ ส่วนสายตาของคุณหญิงราณีเคลือบความกังวลบางอย่าง จะผิดแผกแปลกแยกก็คงเป็นสายตาคู่หมั้นหนุ่มที่ยังคงไว้ซึ่งความทะนงตน

“ขอโทษด้วยที่ฉันต้องเรียกตัวมาพบด่วน” สตรีผู้อาวุโสเป็นฝ่ายเริ่มต้น

“ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่คุณหญิงมีอะไรจะคุยกับพวกผมหรือครับ” เกรียงไกรกล่าวอย่างถ่อมตน

คุณหญิงราณีสูดหายใจเข้าลึกสุดปอด หันไปทางหลานชายที่ยังคงสงบนิ่ง ส่งสายตาเป็นสัญญาณเตือนว่า ต่อจากนี้คือหน้าที่ของเขา แต่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มยังสนใจมองใบหน้าของหญิงสาวนิ่งและเนิ่นนาน จนคนถูกจ้องเริ่มรู้สึกร้อนหน้า แต่เมื่อก้องปฐพีกระแอมดังจึงรู้ว่าถึงเวลาปริปากเสียที

“สิ่งที่ผมกำลังพูดนี้อาจฟังดูแปลกพิสดาร แต่ถ้าการหมั้นระหว่างผมและคุณธิดาก็เรียกว่าไม่ปกติเช่นกัน”

“อย่าอ้อมค้อม” ก้องปฐพีพูดเร่งเร้าเสียงเข้ม

“ผมกับปริมกำลังมีลูกด้วยกัน”

แต่เมื่อชายหนุ่มประกาศออกมาชัดเจนตามคำเรียกร้องทันที ก็ทำเอาคนทั้งหมดเกือบหยุดหายใจ โดยเฉพาะคุณหญิงราณีที่ไม่คาดคิดว่าหลานชายจะพูดออกมาตรงขนาดนั้น

“แต่ผมจะไม่เลิกสัญญาระหว่างผมกับคุณธิดา” แถมยังพูดต่อด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“คุณพูดอะไรออกมา” ธิดาเปรยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่น

แม้เธอจะยังคิดอ่านอะไรไม่ทัน แต่ความร้ายกาจของเขาเป็นสิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในห้วงความคิด ยิ่งได้รู้จักก็ยิ่งเหมือนไม่รู้จัก และในที่สุดเขาก็ยังคงเป็นโจทย์คณิตศาสตร์ที่ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ แล้วจำเป็นหรือที่เธอจะต้องทนอยู่กับความรู้สึกจำยอมแบบนี้ต่อไป

“ดิฉันคงต้องบอกว่าไม่ใช่คนที่เห็นดีเห็นงามในเรื่องผิดศีลธรรม ดังนั้นดิฉันขอยกเลิกสัญญาหมั้นค่ะ!” พูดแล้วก็ถอดแหวนเพชรวางบนโต๊ะแล้วเลื่อนมันให้ไปอยู่หน้าเขา

“คิดให้ดีนะครับคุณธิดา เรื่องผิดศีลธรรมที่คุณบอกจะเอามาเป็นเหตุผลในการยกเลิกสัญญาไม่ได้หรอก” เขาคลี่ยิ้มเหมือนไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วยังเลื่อนแหวนกลับมาให้เธอ

“แต่ฉันสามารถบอกเลิกสัญญาได้หากไม่พอใจในบริการ ใช่ไหมคะ” หญิงสาวยังไม่ยอมความ

“ใช่ครับคุณธิดา” ใบหน้าคมมีรอยยิ้ม “คุณสามารถบอกเลิกสัญญาได้ถ้าคุณไม่พอใจในบริการ แต่ผมขอทราบเหตุผลได้ไหมว่า คุณไม่พอใจผมตรงไหน”

เธอเม้มปากพ่นลมหายใจนึกตำหนิชายหนุ่มในใจที่ตีหน้าซื่อได้ราวกับนักแสดงชั้นดี “ก็คุณ... กับคุณปริม”

“เอ ผมคิดว่าเราหมั้นกันแค่เรื่องที่ดิน” ปราณนารายณ์กอดอกเอียงคอทำท่าครุ่นคิด “หรือว่าไม่ใช่... ช่วยผมคิด ทีสิว่าเราหมั้นกันด้วยเรื่องอะไร แต่ถ้ายังคิดไม่ออก ขอให้คุณกลับไปอ่านสัญญาให้ดี มีข้อไหนที่เขียนว่าหากนายปราณนารายณ์ ปรเมศศิวะวงศ์ ทำผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่นางสาวธิดา ฤทธิ์นาคาท้องก่อนครบสัญญาหมั้น สัญญาหมั้นจะต้องถูกยกเลิก”

“คุณนี่มัน...” ธิดากัดปากแน่น แล้วสะบัดหน้าหนี

ฝ่ายบิดาของหญิงสาวก็ใช่ว่าจะพอใจ เกรียงไกรผ่อนลมหายใจแล้วพูดด้วยความรู้สึกที่กดให้นิ่งที่สุด “ก็จริงอย่างปราณว่า ไม่มีเงื่อนไขใดในกรณีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ระบุในสัญญาหมั้น ซึ่งตามจริงแล้ว ถ้ามีใครขอยกเลิกสัญญาหมั้นมันก็ต้องมีการชดใช้ ซึ่งหวังว่าปราณจะไม่ใช้วิธีนี้บีบให้ธิดาเป็นฝ่ายเลิกหมั้นเพื่อเรียกค่าชดใช้เป็นที่ดิน”

“คุณลุงเกรียงไกรครับ ผมยังต้องการหมั้นกับคุณธิดาต่อไปและตามกฎหมายแล้วผมก็ไม่ได้ผิดสัญญาหมั้น เพราะการผิดสัญญาหมั้น หมายถึงการที่คู่หมั้นฝ่ายหนึ่งปฏิเสธไม่ยอมทำการสมรสกับคู่หมั้นอีกฝ่าย”

เกรียงไกรต้องตั้งสติมั่นอีกครั้งแล้วทบทวนสิ่งที่ชายหนุ่มเอ่ย มันขัดแย้งกันสิ้นดีที่คู่หมั้นของลูกสาวกำลังจะกลายเป็นสามีของผู้หญิงอีกคนนั้นกำลังจะบอกว่าธิดาต่างหากที่กำลังจะทำผิดสัญญาหมั้น

“ผมคิดไว้แล้วว่าจะต้องเป็นแบบนี้ ผมจึงเตรียมกฎหมายเกี่ยวกับการผิดสัญญาให้คุณลุงเกรียงไกรอ่าน”

กระดาษหลายใบที่มีแต่ตัวอักษรถูกเลื่อนไปยังด้านหน้าเกรียงไกรและก้องปฐพี คนทั้งสองมองหน้ากันก่อนตกลงให้ผู้เป็นบิดาหยิบขึ้นมาอ่านทุกตัวอักษร

 

การผิดสัญญาหมั้น

หมายถึง การที่คู่หมั้นฝ่ายหนึ่งปฏิเสธไม่ยอมทำการสมรสกับคู่หมั้นอีกฝ่ายหนึ่ง

ผลการผิดสัญญาหมั้น (มาตรา 1440)

หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดสัญญาหมั้น คู่หมั้นอีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิดังนี้

1. เรียกค่าทดแทนความเสียหายต่อกายหรือชื่อเสียงแห่งชายหรือหญิง

2. เรียกค่าทดแทนความเสียหายเนื่องจากการที่คู่หมั้น บิดา มารดา หรือบุคคลผู้กระทำการในฐานะเช่น บิดา มารดา ได้ใช้จ่าย หรือ ต้องตกเป็นลูกหนี้เนื่องในการเตรียมการสมรสโดยสุจริตและตามสมควร

3. เรียกค่าทดแทนความเสียหายเนื่องจากการที่คู่หมั้นได้จัดการทรัพย์สิน หรือ การอื่นอันเกี่ยวแก่อาชีพ หรือ ทางทำมาหาได้ของตนไปโดยสมควรด้วยการคาดหมายว่าจะได้มีการสมรส

การระงับของการหมั้น

1. ด้วยความยินยอมของคู่หมั้นทั้งสองฝ่าย

ให้เป็นไปตามหลักทั่วไปของการเลิกสัญญากันโดยความยินยอมทั้งสองฝ่าย หากยกเลิกสัญญาหมั้นแล้ว ต้องคืนของหมั้นและสินสอดให้แก่ฝ่ายชาย และ คู่หมั้นไม่สามารถเรียกร้องค่าทดแทนได้

2 . ชายหรือหญิงคู่หมั้นถึงแก่ความตาย

หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดถึงแก่ความตายก่อนจะได้ทำการสมรส ถือว่าสัญญาหมั้นเป็นการระงับโดยปริยาย อีกฝ่ายหนึ่งเรียกค่าทดแทนไม่ได้ และของหมั้นและสินสอดไม่ต้องคืนเพราะมิใช่การผิดสัญญา

3. การหมั้นระงับเพราะมีเหตุสำคัญ

หากปรากฏว่าคู่หมั้นอีกฝ่ายหนึ่งประพฤติตนไม่เหมาะสม หรือเกิดความบกพร่องทางร่างกาย หรือจิตใจ ทำให้ไม่สมควรจะสมรสด้วย คู่หมั้นอีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ แต่ไม่มีสิทธิเรียกค่าทดแทน โดยการหาเรื่องเหตุหย่า มาพิจารณาได้

 

เหตุสำคัญอันเกิดแก่ชาย

มาตรา 1443 ในกรณีมีเหตุอันสำคัญอันเกิดแก่ชายคู่หมั้นทำให้หญิงไม่สมควรสมรสกับชายนั้น หญิงมีสิทธิบอกเลิกสัญญาหมั้นได้ โดยมิต้องคืนของหมั้นแก่ชาย

เช่น เป็นคนไร้สมรรถภาพทางเพศ คนพิการ วิกลจริต นักโทษ เป็นชู้กับภริยาผู้อื่น หรือข่มขืนกระทำชำเราผู้หญิงอื่น ฯลฯ

 

เสียงถอนหายใจดังขึ้นพร้อมกับกระดาษถูกวางลงเมื่ออ่านจนถึงตัวอักษรตัวสุดท้าย ชายสูงวัยจึงเงยหน้าจากกระดาษมองชายหนุ่มที่กำลังเฝ้ารอ

“ผมขอให้คุณลุงดูข้อความที่ขีดเส้นใต้นะครับ ผมไม่ได้มีความบกพร่องทางร่างกายและจิตใจ และผมไม่ใช่คน ไร้สมรรถภาพทางเพศ พิการ วิกลจริต นักโทษ เป็นชู้กับภริยาผู้อื่น หรือข่มขืน... ซึ่งปริมประภาก็ยังไม่ได้แต่งงานกับใคร และผมก็ไม่ได้ข่มขืนเธอ”

“แล้วตรงใจความที่บอกว่าหากคู่หมั้นอีกฝ่ายประพฤติตนไม่เหมาะสมนี้ล่ะ ปราณจะอธิบายลุงว่ายังไง”

ชายหนุ่มยิ้มแล้วถามกลับ “คำว่าประพฤติตนไม่เหมาะสมของคุณลุงคืออะไรครับ ผมประพฤติตนไม่เหมาะสมอย่างไร”

“ก็... เอ่อ” จะบอกว่าทำผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ลูกสาวตัวเองท้องก็ไม่ได้ พวกเขายังไม่ได้คบหากัน แถมเป็นการหมั้นเพื่อที่ดิน จึงหาเหตุผลที่ดีพอจะทักท้วงได้ไม่เจอ

“ถ้าไม่มีข้อโต้แย้ง ผมกับธิดายังหมั้นกันต่อจนกว่าจะครบอายุสัญญา”

มันเร็วจนจับความไม่ทัน รู้อย่างเดียวคือ ลูกสาวที่นั่งนิ่งคนนี้ยังคงถูกจำจองต่อไปอีกโดยไม่ต้องสงสัย ก็การหมั้นเพื่อจองที่มันทับซ้อนกับการหมั้นเพื่อแต่งงาน แบบนี้มันไม่สามารถชี้ชัดอะไรได้สักอย่าง จะให้พูดกันอีกแง่ ทั้งชายหนุ่มและลูกสาวของเขากลายเป็นของจำนองกันและกันเสียมากกว่าที่จะเป็นคู่หมั้น

“ลุงเข้าใจแล้ว แต่เมื่อครบสัญญาฉบับนี้แล้ว ลุงจะไม่ขอต่อสัญญา ไม่ว่าจะด้วยกรณีใด ๆ”

“คุณลุงเกรียงไกรครับ การต่อสัญญาฉบับนี้ ผู้ต่อคือผมกับธิดา เพราะเราเป็นคนทำสัญญาร่วมกัน ดังนั้น ถ้าหากจะมีการต่อสัญญา นั่นหมายความว่า อยู่ในการตัดสินใจของพวกเราสองคน”

เกรียงไกรนิ่งเงียบพยายามใช้ความคิดพลางมองใบหน้าลูกสาวที่เขาไม่สามารถบอกอารมณ์ของเธอได้ เรื่องนี้มันเกิดเพราะการยินยอมเซ็นสัญญาด้วยมือของเธอเองทั้งสิ้น

“แล้วลูกสาวกูล่ะ!”

เสียงแขกไม่ได้รับเชิญดังขึ้น ร่างอ้วนท้วมเดินดิ่งตรงเข้ามา ตามติด ๆ ด้วยปริมประภาที่มีสีหน้าซีดเผือดตรงข้ามกับเสี่ยองอาจที่มีใบหน้าแดงก่ำเพราะโกรธจัดที่ได้ยินประโยคสุดท้ายจากปากชายหนุ่ม

“อย่าบอกนะว่ามึงจะไม่รับผิดชอบเด็กที่อยู่ในท้องของลูกกู”

ไม่คิดว่าเสี่ยใหญ่จะมาก่อนเวลานัดเร็วไปหลายชั่วโมง แต่ในเมื่อถึงคราวที่ต้องเผชิญหน้า ปราณนารายณ์ก็ ไม่คิดหลบลี้

เขาลุกขึ้นแล้วก้าวเดินเข้าไปประชันกับเสี่ยใหญ่ แววตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองใบหน้าโกรธเกรี้ยวของชายอาวุโสรุ่นพ่อก่อนเหลือบแลหญิงสาวที่เบนสายตาไม่สบตอบ

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับเสี่ย เด็กในท้องของปริมประภาคนนั้น ถ้าเขาเป็นเลือดเนื้อของผมจริง ผมก็ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว เพียงแต่ผมคงยังแต่งงานกับปริมไม่ได้จนกว่าอายุสัญญาหมั้นระหว่างผมกับธิดาจะหมดลง ส่วนปริมเอง ก็จะได้รับการดูแลอย่างดีจากผม ถ้าใครถาม เสี่ยสามารถพูดได้เลยว่าปริมมีลูกกับผม”

คำพูดพร้อมรอยยิ้มกดลึกที่มุมปากเชิดของชายหนุ่มช่างร้ายเหลือรับ ปริมประภาแทบไม่กล้ามองเขาเลย หญิงสาวยอมรับว่าตกใจยิ่งกว่าครั้งไหนเมื่อได้ยินคำยืนยันว่าจะหมั้นกับธิดาต่อไป และแผนที่เธอคิดมาตลอดกำลังจะพังไม่เป็นท่า

“แล้วมึงจะปล่อยให้ลูกสาวกูท้องโย้อายชาวบ้านเขาหรือไง!” ชายอาวุโสกัดฟันแน่นข่มความโกรธไม่มิด พูดกึ่งคำราม

ชายหนุ่มกระตุกยิ้ม “อะไรกันครับเสี่ย... ผมก็บอกชัดเจนแล้วว่าถ้าทำผมรับผิดชอบ ผมเป็นผู้ชายและหน้าที่ การงานของผมอยู่เหนือทุกคำวิจารณ์ ผมไม่สนใจข่าวสังคม ไม่สนใจคำนินทา และไม่แคร์ถ้าจะมีใครบอกว่าผมทำผู้หญิงท้องก่อนแต่ง ดังนั้นมันจะไม่ดีต่อลูกสาวของเสี่ยเอง ถ้าเสี่ยคิดจะโวยวายเพียงเพื่อพิธีแต่งงานแค่ไม่กี่ชั่วโมงแลกกับชีวิตและหน้าตาในสังคมของลูกสาวตัวเอง!”

แล้วร่างสูงก็ขยับเข้าใกล้เสี่ยใหญ่จนชิด เคลื่อนหน้าเข้าให้ฝ่ายตรงข้าม พูดเสียงหนักแน่น ชัดถ้อยชัดคำได้ยินชัดกว่าเดิม “ผมหวังดีนะครับถึงได้เตือนกัน เพราะความเสื่อมเสียของผมมันคงไม่เท่ากับของปริมประภาแน่นอน”

เสี่ยองอาจมาถึงจุดสุดทน ความอดกลั้นขาดสะบั้น ในเมื่อใช้วิธีพูดกดดันจะสร้างข่าวฉาวกลับกลายเป็นตัวเขาเองนั่นแหละที่กำลังถูกกดดัน

“ถ้างั้นกูไม่รอ แต่มึงต้องชดใช้ค่าทำขวัญให้ลูกสาวกู!”

“ค่าทำขวัญ?” ปราณนารายณ์ทวนคำด้วยความสงสัย

“สิบล้าน สำหรับค่าทำขวัญ หวังว่ามึงคงเข้าใจ ปริมเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม ถ้าท้องแต่ไม่ได้แต่งงาน ก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” เสี่ยใหญ่แสนฉุนเฉียว ฉุดแขนลูกสาวเข้ามาหาตัวอย่างแรงไม่สนใจว่าจะกระทบกระเทือนท้องแรกของหญิงสาวหรือไม่

ในหัวของรองประธานหนุ่มตอนนี้ใช้เวลาไม่กี่วินาทีก็ประมวลผลความคิดออกมาได้ เขาปรายตามองไปทางปริมประภาที่เลี่ยงการสบตาชั่วแวบก่อนให้คำตอบที่เสี่ยองอาจพึงพอใจ

“เงินสิบล้านจะถูกโอนภายในพรุ่งนี้ และลูกสาวเสี่ยจะต้องย้ายเข้ามาเป็นคนบ้านนี้ภายในพรุ่งนี้เช่นกัน!”