"แค่สี่ปีก็เหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์ ธิดารู้แล้วว่าตกนรกทั้งที่ยังมีลมหายใจมันเป็นยังไง...“

ลมห่วงรัก - บทที่ ๒๑ ผู้ชายขี้แพ้ โดย ณ มหรรณพ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,แอคชั่น,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,ชาย-หญิง,แอคชั่น,สืบสวน ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ลมห่วงรัก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,แอคชั่น,ดราม่า,สืบสวนสอบสวน,ชาย-หญิง

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่น,สืบสวน

รายละเอียด

ลมห่วงรัก โดย ณ มหรรณพ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"แค่สี่ปีก็เหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์ ธิดารู้แล้วว่าตกนรกทั้งที่ยังมีลมหายใจมันเป็นยังไง...“

ผู้แต่ง

ณ มหรรณพ

เรื่องย่อ

เพียงเพื่อสร้างสุสานของตน ราณี ปรเมศศิวะวงศ์ หญิงโรยวัยจึงยื่นคำขอสุดท้ายให้หลายชายคนโต  ทำให้ปราณนารายณ์ ปรเมศศิวะวงศ์ หมั้น กับ ธิดา ฤทธิ์นาคา หญิงสาววัย 18 ปี เพียงเพื่อจองสิทธิ์ในที่ดินที่เธอเป็นเจ้าของตามพินัยกรรมประจำตระกูล

แต่สัญญาหมั้นหมายที่ดูเรียบง่ายนั้น กลับเต็มไปด้วยเงามืดที่ซ่อนตัวอยู่ในทุกย่างก้าวของชีวิตเธอ

เพราะระหว่างสี่ปีของสัญญา ปราณนารายณ์ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อ ปกป้องเธอ จากอันตรายที่เธอไม่เคยรู้ตัว และเขาคือคนเดียวที่จะปกป้องเธอได้

จากการหมั้นที่เริ่มด้วยหน้าที่ จึงกลายเป็นการต่อสู้เพื่อ ความรัก และ การเอาชีวิตรอด เมื่อภัยร้ายที่เขาไม่เคยคาดคิดคืบคลานเข้ามา อันตรายที่แฝงอยู่ในทุกวันอาจเป็นจุดจบของความสัมพันธ์ หรือเป็นจุดเริ่มต้นของหัวใจที่เขาไม่อาจปฏิเสธ

 

ปฐมบทแห่งซีรี่ย์พี่น้องตระกูลฤทธิ์นาคา ภาคแรกของกลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา

สารบัญ

ลมห่วงรัก-บทที่ ๑ บทนำ,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑ แรกเริ่ม ณ ดินแดนแห่งรัก,ลมห่วงรัก-บทที่ ๒ แรกพบกับลมหวน,ลมห่วงรัก-บทที่ ๓ เธอคือ... ธิดา ฤทธิ์นาคา,ลมห่วงรัก-บทที่ ๔ ลงทุน,ลมห่วงรัก-บทที่ ๕ ความซวยมาเคาะประตู,ลมห่วงรัก-บทที่ ๕ ความซวยมาเคาะประตู,ลมห่วงรัก-บทที่ ๖ แพ้,ลมห่วงรัก-บทที่ ๗ ก้านดอกอ้อเอนไหวตามสายลม,ลมห่วงรัก-บทที่ ๘ ปาปารัสซี่,ลมห่วงรัก-บทที่ ๙ ความหวังเดียว,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๐ หมั้นหมายที่หมางเมิน,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๑ เดือด 1/3,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๑ เดือด 2/3,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๑ เดือด 3/3,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๒ บุรุษปริศนา 1/2,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๒ บุรุษปริศนา 2/2,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๓ เจ้ามะลิกลิ่นกำจร 1/3,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๓ เจ้ามะลิกลิ่นกำจร 2/3,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๓ เจ้ามะลิกลิ่นกำจร 3/3,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๔ ไฟ,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๕ ปิดปาก,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๖ แมลงปอปีกหัก,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๗ ห่วง,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๘ ยื้อ,ลมห่วงรัก-บทที่ ๑๙ แถลงไขสัญญาหมั้น,ลมห่วงรัก-บทที่ ๒๐ วายุ ปรเมศศิวะวงศ์,ลมห่วงรัก-บทที่ ๒๑ ผู้ชายขี้แพ้,ลมห่วงรัก-บทที่ ๒๒ สายสืบสายสูบ,ลมห่วงรัก-บทที่ ๒๓ ขัดดอก,ลมห่วงรัก-บทที่ ๒๔ ชิงนาง,ลมห่วงรัก-บทที่ ๒๖ ตามหา,ลมห่วงรัก-บทที่ ๒๗ ร่างปริศนา,ลมห่วงรัก-บทที่ ๒๘ บุก,ลมห่วงรัก-บทที่ ๒๙ เลือก,ลมห่วงรัก-บทที่ 30 สงบแต่ไม่สุข,ลมห่วงรัก-บทที่ ๓๑ แผนสองของคุณหญิง,ลมห่วงรัก-บทที่ ๓๒ ถอนหมั้น,ลมห่วงรัก-บทที่ ๓๓ จดหมายจากอดีต,ลมห่วงรัก-บทที่ ๓๔ แม้ไม่ได้ครอบครอง

เนื้อหา

บทที่ ๒๑ ผู้ชายขี้แพ้

ตอนที่ ๒๑ ผู้ชายขี้แพ้

 

 

ยามสายของวันนี้อากาศร้อนอบอ้าวผิดปกติ แม้จะปิดภาคเรียนแล้วแต่ธิดาก็ยังคงตื่นเช้าเพื่อสะสางโครงการโรงเรียนบ้านในฝันที่กำลังเป็นรูปเป็นร่าง ซึ่งเหลือเพียงแค่แก้ไขแบบนิดหน่อยหลังจากการแจ้งผลการยื่นเรื่อง ขออนุมัติงานก่อสร้างรอบแรก และเธอจะต้องเข้าไปอธิบายงานที่บริษัทในบ่ายนี้

หญิงสาวทำตัวเองให้ยุ่งเข้าไว้ เหตุเพราะไม่อยากให้เหลือเวลาคิดฟุ้งซ่าน ภีฆาเนตรกลับฝรั่งเศสไปหลายวันก่อน ส่วนนายคู่หมั้นนั้นไม่ปรากฏตัวอีกเลยหลังจากยื้อยุดขอให้เธอหมั้นต่อ จะด้วยการงานรัดตัวหรือยุ่งกับการเอาใจใส่คนรักตัวจริงที่กำลังตั้งครรภ์ก็ตามที ซึ่งตัวธิดาเองก็ยังไม่พร้อมเจอหน้าเขา ก้องปฐพีจึงกลายเป็นสารถีไปรับไปส่งเธอทั้งที่พี่ชายคนนี้งานก็รัดตัว

“ธิดาเดินนำไปก่อนนะคะ” เธอบอกกับก้องปฐพีเมื่อเขาเอารถเข้าจอดในอาคารจอดรถ เพื่อให้ทันกับลิฟต์ที่เคลื่อนตัวลงมา

หญิงสาวหอบข้าวของพร้อมกับหอบหิ้วกล่องข้าวกลางวันที่ทำมาให้บิดากับพี่ชายเดินกึ่งวิ่ง แต่เพราะเป็นเวลาใกล้เริ่มงานหลังจากพักกลางวัน บรรดาพนักงานจึงต่างเฮโลเร่งฝีเท้าขึ้นเพื่อให้ทันลิฟต์ที่กำลังจะมาถึง

“อุ๊ย!”

เธออุทานเมื่อถูกชายผู้หนึ่งชนจากด้านหลัง แรงกระแทกของเขาทำให้กล่องแฟ้มตกจากมือเธอ เอกสารในกล่องกระจัดกระจายเต็มพื้นรวมทั้งถุงข้าวกลางวัน ส่วนคนที่ชนเธอรีบเดินจากไปทันทีโดยไม่คิดที่จะช่วยเธอเก็บของสักนิด

หญิงสาวได้แต่ส่ายหน้าแล้วย่อตัวเก็บของใส่กล่องอย่างเร่งรีบ แต่เมื่อมีมือเรียวมีแหวนทองกลมเกลี้ยงสวมตรงตำแหน่งนิ้วนางข้างซ้ายเข้ามาช่วยเก็บข้าวของ หญิงสาวจึงเงยตามองผู้มีน้ำใจทันทีด้วยความรู้สึกสั่นไหว แล้วก็พบว่าเป็น เขาจริง ๆ

“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวเอ่ยบอกเสียงเบา ลุกขึ้นยืนได้แล้วก็เห็นคนรักของเขายืนถัดไปด้านหลัง

“ฉันมาหาคุณลุงเกรียงไกรกับก้องปฐพี”

เขาบอกเหตุผลของการปรากฏตัวโดยไม่สบตาเธอตรง ๆ แล้วเงียบงันไปจนเสียงลิฟต์ดัง ธิดาจึงหันหลังเดินเข้าลิฟต์ ก้มหน้าไม่มองเขาเช่นกัน แต่ก่อนประตูลิฟต์ปิดลง ไฮโซสาวก็ก้าวเข้ามา ธิดาจึงเงยหน้าขึ้น แต่คู่หมั้นหนุ่มยังคงยืนสงบอยู่ตรงนั้นพร้อมกับพี่ชายที่เข้าสมทบ

จนเมื่อถึงชั้นเป้าหมาย ธิดาจึงทำหน้าที่เจ้าบ้านนำแขกสาวไปนั่งพักยังห้องรับรองแขกที่มีบิดานั่งรออยู่แล้ว

“คุณปริมนั่งพักที่นี่ก่อนนะคะ ทำตัวตามสบายเลยค่ะ” เธอบอกกับแขกสาวด้วยรอยยิ้มและหันไปทางพ่อ “ข้าวกล่องค่ะพ่อ วันนี้ธิดาทำโคโรเกะเนื้อปู ของโปรดของพ่อกับพี่ก้องมาด้วยนะคะ”

“ทำไมน้อยจัง ถ้ามื้อนี้พี่ไม่อิ่มละก็ อย่าหวังว่าจะได้ไปออกค่ายอาสาที่ราชบุรี” เสียงของก้องปฐพีที่ดังจากทางเข้าห้องทำให้ธิดาใจหายวาบเพราะคิดว่าคนที่ยังไม่พร้อมเจอคงมาถึงแล้วเช่นกัน แม้คำขู่ของพี่ชายเรื่องออกค่ายจะทำให้เธออยากโต้เถียงกลับ แต่ขอเก็บไว้หลังจากนี้

“ธิดาจะไปเอาน้ำมาให้นะคะ” เพราะอยากรีบออกจากตรงนั้นจึงต้องหาเรื่องอ้าง

แต่ในจังหวะที่หมุนตัว ร่างบางก็ประจันหน้ากับชายหนุ่ม ดวงตาสีนิลสบประสานกันกับดวงตาสีน้ำตาลชั่วขณะก่อนเธอสร้างเกราะกำบังความรู้สึกด้วยการเชิดหน้าขึ้นอย่างกิ้งก่าที่เขาเคยให้ฉายาไว้ แล้วเบี่ยงตัวเดินหาทางรอดสถานการณ์อึดอัดใจไปได้

แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งหญิงสาวที่อยากตามธิดาออกไป ปริมประภาได้แต่นั่งเงียบฟังบทสนทนาของเหล่าผู้ชายที่คุยกันถึงเรื่องงานที่หญิงสาวไม่ได้นึกสนใจอยากจะฟัง แต่ในทางกลับกันเธอก็นึกหวั่นเกรงในใจตลอดเวลาว่าจะถูกพวกเขาล้วงหาความลับ ยิ่งกับปราณนารายณ์แล้ว เขามีวิธีพูดชี้นำหลอกล่อให้เธอเผยไต๋ได้อย่างแยบยล

การถูกนำพาตัวมาที่นี่ตามที่เขากล่าวอ้างว่ามีธุระสำคัญก่อนพาเธอไปฝากครรภ์นั้น ทำให้เธอระแวงและเกิดความเครียดได้ดีกว่าฮอร์โมนแปรปรวนของผู้หญิงท้องแรก

แล้วสายตาพลันเห็นอาหารในกล่องที่เหลือเพียงชิ้นสุดท้าย ปริมประภายิ้มที่มุมปากเมื่อมองเห็นวิธีพาตัวเองออกจากที่นี่ เธอใช้ตะเกียบตัดชิ้นอาหารออกให้เห็นไส้ครีมสีเหลืองนวลแล้วพลิกเอาไส้ออก ปิดส่วนนอกที่เป็นสีเหลืองทองจนมิด

“ปราณคะ ฉันรู้ว่าคุณยังไม่ได้ทานกลางวันมา ทานอะไรรองท้องสักหน่อยนะคะ ท้องจะได้ไม่ว่าง”

ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองอาหารที่เธอคีบไว้ตรงปลายตะเกียบเอ่ยปฏิเสธ “ไม่เป็นไรครับ ผมยังไม่หิว”

“แต่นี่ฝีมือธิดาเชียวนะ โคโระเกะครีมเนื้อปูกับมันฝรั่ง...ล้วน ๆ” มือบางยื่นจ่อที่ปากแบบนี้ ถ้าจับปากเขาง้างออกได้เธอก็จะทำ

ชายหนุ่มลังเลเล็กน้อยก่อนยอมอ้าปากกินอย่างเสียไม่ได้ แต่รสชาติอาหารอร่อยจนอยากชิมอีก ราวกับปริมประภารู้ความคิดเมื่อส่วนที่เหลือถูกยื่นป้อนเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัวคล้ายกับการยัดมากกว่าป้อน

“อย่ากินนะ!”

เสียงตะโกนห้ามของธิดาดังทันทีเมื่อเธอก้าวเข้ามาในห้องขณะเห็นโคโรเกะเข้าปากของชายหนุ่มไปต่อหน้าต่อตา

“อะไรกันธิดา ทำไมหวงกับเขาล่ะ” เกรียงไกรถามลูกสาวด้วยความงง

“ไม่ได้หวงค่ะ แต่ในโคโรเกะมันมีแป้งสาลี!” หญิงสาวพูดแล้ววางถาดน้ำลงหันกลับมาทางแขกสาวเสียงดุราวกับว่าทำความผิดร้ายแรงไม่น่าอภัย

“ให้เขากินไปกี่ชิ้นแล้วคะ!”

“หนึ่ง...หนึ่ง เอ๊ย สอง...สองชิ้น” ปริมประภาตอบตะกุกตะกัก

แล้วไม่กี่วินาทีถัดมา อาการของคนแพ้แป้งสาลีก็กำเริบ เขาเริ่มรู้สึกคันตามตัว ดวงตาร้อน ปากและมือบวมชา อาการที่เคยหายไปกลับมาอีกครั้งต่อหน้าคนทั้งหลายที่มองเขาเป็นตาเดีย วเมื่อเจ้าแป้งสาลีกำลังออกฤทธิ์ร้ายกับร่างกายปราณนารายณ์รู้ว่าสภาพของเขาตอนนี้ดูไม่ได้เชียวละ เพราะทุกพื้นที่บนใบหน้าและตามตัวของเขาคงมีแต่ผื่นลมพิษขึ้นเต็มไปหมดทุกตารางนิ้ว

“รอแป๊บนึงนะคะ” ธิดาพูดอย่างร้อนรนแล้วรีบเดินกลับไปที่แพนทรี คว้ายาลดน้ำมูกและคาราไมน์จากตู้ยาของบริษัท จากนั้นกลับมาที่ห้องแล้วยื่นซองยาให้ปริมประภา

“นี่เป็นยาลดน้ำมูกค่ะช่วยลดอาการคันได้”

ปริมประภาที่รับมาอย่างงง ๆ เกิดมาไม่เคยต้องป้อนยาใคร เธอหยิบยาออกจากซองหนึ่งเม็ดแล้วยื่นให้ผู้ป่วย ตามด้วยแก้วน้ำที่ถูกยื่นมาจ่อใกล้กับใบหน้า เธอจึงต้องรับแก้วน้ำมาแล้วส่งต่อให้ผู้ป่วย

และถัดไปคือขวดคาราไมน์ที่ธิดายิ้มพยักหน้าเป็นการบอกว่าการรักษาเบื้องต้นยังมีต่อ พยาบาลจำเป็นจึงต้องรับขวดยาทาแก้ผื่นคันจากธิดาอย่างลังเล มองใบหน้าเต็มไปด้วยผื่นบวมแดงของชายหนุ่มที่ดูเหมือนว่าจะบวมขึ้นมากกว่าเดิมแต่ปริมประภายกมือขึ้นปิดปาก แล้วทำท่าเหมือนจะอาเจียน

“ปริมคุณเป็นอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงทั้งที่ตัวเขาก็น่าเป็นห่วงพอกัน

“ฉะ... ฉันรู้สึกคลื่นไส้นิดหน่อย สงสัยจะแพ้ท้องค่ะ” เธอพยายามตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงแล้วทำท่าวิงเวียน “ฉันว่าฉันกลับไปพักผ่อนที่บ้านดีกว่า แต่ถ้าคุณยังไม่เสร็จธุระ ฉันจะเรียกคนขับรถมารับ”

“คุณแน่ใจนะว่าไม่ไปหาหมอกับผม” น้ำเสียงถามอย่างเป็นกังวล

หญิงสาวพยักหน้าหงึก ๆ สะพายกระเป๋าขึ้นแล้วเดินออกจากห้องนั้นไปทันที ส่วนคนแพ้แป้งสาลีก็ลุกขึ้นเดินออกไปพร้อมกับขวดคาราไมน์ในมือ แล้วทุกอย่างในห้องรับแขกก็กลับมาสู่สภาพเงียบสงบ เว้นแต่ในจิตใจของธิดาที่เธอกลับคิดเป็นห่วง

“ก้อง ตามไปดูปราณหน่อยสิ” เกรียงไกรสั่งบุตรชาย

“มันไม่เป็นอะไรหรอกพ่อ คงกระพันอย่างมันถูกมีดปักตั้งสามแผลยังไม่ตาย”

พี่ชายของเธอโบกตะเกียบไปมาไม่สนใจคำสั่ง นั่งกินข้าวต่อหน้าตาเฉย แต่คนที่เฉยไม่อยู่ต้องก้าวขาเดินตามไป ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องห่วง แต่จากที่เห็นทำให้เกิดความรู้สึกสงสารจับจิต ไม่คิดว่าอาการแพ้แป้งสาลีของเขาจะรุนแรงถึงเพียงนี้

หญิงสาวลังเลใจอยู่หน้าประตูห้องน้ำแล้วสูดหายใจเข้าลึกรวบรวมความกล้าที่อยู่ในอากาศแล้วผลักประตูเข้าไป แต่ในทันใดนั้นหัวใจก็กระจัดกระจายร่วงหล่นตอนที่เห็นแผ่นหลังกว้างเปล่าเปลือยเผยจากเสื้อที่เขากำลังปลดเปลื้องออก แล้วก็เป็นทันทีที่เงาของเธอสะท้อนในกระจก ชายหนุ่มจึงหันหน้ามาเผชิญ ดวงตาสองดวงเบิกกว้างประสานกัน

“ฉันจะมาช่วยทายาให้” หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ

“ไม่... ไม่เป็นไร” ฝ่ายเขาก็เกิดอาการติดอ่างขึ้นมา

แต่ในเมื่อตัดสินใจแล้วและสภาพผื่นที่ผุดขึ้นทั่วร่างกายชายหนุ่มตั้งแต่ใบหน้าลามไปจนถึงหน้าท้อง ทำให้ธิดากลั้นใจละความกระดากอาย เดินตรงไปหาแล้วคว้าขวดคาราไมน์มาไว้ พร้อมเอ่ยน้ำเสียงคล้ายสั่ง

“หันหลัง”

เขาคว้าขวดยากลับคืน พูดด้วยปากเห่อบวม “ไม่เป็นไร ฉันทำเองได้”

“อย่าดื้อสิคะ ทาเองจะทั่วได้ยังไง” แล้วเธอก็คว้าขวดยากลับไปอีก

“ผิวมันตะปุ่มตะป่ำ” เขาพูดไม่เต็มเสียง “น่าขยะแขยง”

คงมีเพียงแค่ดวงตาอย่างเดียวกระมังที่ไม่ได้แปรเปลี่ยนไปเพราะอาการแพ้ นัยน์ตาสีน้ำตาลสวยของเขายังเข้มข้นชัดเจนเสมอ จนธิดาร้อนวูบที่ใบหน้าจึงหลบตาแล้วเอื้อมมือไปแตะต้นแขนแกร่งที่บัดนี้มีแต่รอยนูนปกคลุม เอ่ยบอกเขาอีกครั้ง

“หันหลังเถอะค่ะ ยิ่งช้าคุณก็จะยิ่งคัน”

เวลาผ่านไปนานหลายนาทีกว่าร่างสูงจะพลิกหันหลังให้ ธิดาเทยาลงฝ่ามือแล้วสำรวจผิวกายของชายหนุ่มก่อนลงยาบนเนื้อตัวตั้งแต่หลังคอ ไล่ลงมาที่บ่าทั้งสอง ความนูนของผื่นสากไม่ได้ราบเรียบนุ่มมืออย่างที่เขาเตือน แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอหวาดวิตกเท่ากับรอยแผลเป็นนูนสามแห่งบนแผ่นหลังในตำแหน่งต่างกัน

รอยแผลเป็นเหล่านั้นย้ำเตือนจิตใจให้แน่ชัดว่าเธอไม่ควรโกรธเขาเลยไม่ว่าเรื่องใด ๆ ไม่ว่าจะดีหรือจะร้าย ชายหนุ่มผู้นี้ก็ถือเป็นผู้มีพระคุณ แม้จะเจ็บปวดใจเพราะเขาเห็นเธอเป็นเพียงทางผ่านไปสู่เป้าหมาย และพอได้สิ่งที่ต้องการเขาก็โยนเธอให้ภีฆาเนตรเป็นสิ่งของที่ไม่คิดจะใส่ใจดูแล เป็นแค่คู่หมั้นตามสัญญา จะหาความแท้จริงอะไรได้จากผู้ชายคนนี้

“หันหน้าค่ะ”

เธอสั่งอีกครั้งและเขาก็ทำตามทันทีเหมือนตัวเองเป็นนายทหารชั้นผู้น้อยที่ทำตามคำสั่งนายพล ดีแล้วที่ระดับความสูงของเธออยู่ตำแหน่งที่เห็นแผงอกกว้างชัดเจนเต็มสายตา เพราะใบหน้าของเขาเป็นอย่างไรในตอนนี้ ธิดาไม่กล้าแหงนมอง กลัวความอ่อนแอจะสำแดงฤทธิ์ในตอนที่สบตา

“ที่วิมานอิงฟ้า... เป็นยังไงบ้าง” เสียงคำถามทุ้มต่ำแผ่วเบากระทบหัวใจหญิงสาว

“ดีค่ะ ดีมาก ที่นั่นสวยเหมือนสวรรค์” เธอพยายามกดเส้นเสียงไม่ให้สั่น

“ดีใจที่เธอชอบ อยู่กับเนตรเธอคงมีความสุข”

เรียวปากบางเม้มแน่นจนแม้ตัวเองยังรู้สึกเจ็บ “คุณไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้ฉันเลยก็ได้ ต่างคนต่างอยู่ก็คงมีความสุขพอแล้ว”

“ก็บอกแล้วว่าห่วงแมลงปอปีกหัก อยากบริการให้มีความสุขเท่าที่ทำให้ได้”

มือบางหยุดชะงักงัน แหงนตามองผู้พูด เห็นแวววูบไหวในดวงตาคม “ก่อนหน้านั้น...ฉันมีความสุขดี มีปีกที่แข็งแรงสมบูรณ์ บินไปทุกที่ที่อยากไปได้อย่างอิสระ...”

ในที่สุดน้ำตาก็ไหลออกมา แต่ก็ยังเทยาลงฝ่ามือแล้วลูบรอยผื่นที่ลามเต็มใบหน้า ปากก็ยังพูดปนเสียงน้ำตา ไม่หยุด “กระทั่งคุณเข้ามาในชีวิต ชีวิตฉันก็เปลี่ยนไปกลายเป็นแมลงปอพิการ คุณคิดหรือคะว่าแมลงปอพิการมันจะมีความสุขได้อย่างเดิม”

“ธิดา...” คิ้วเข้มขมวดเป็นปม “ฉัน...”

“แต่ถ้าคุณอยากให้ฉันมีความสุขแบบสุด ๆ” เธอปิดฝาขวดยาแล้วยัดใส่มือหนา จ้องตาเขาแน่วนิ่ง “ก็ทำให้ฉันได้ไปออกค่ายอาสาที่ราชบุรีแบบอิสระ”

“อยากไปมากขนาดนั้นเลยหรือ” ชายหนุ่มหรี่ตามองอย่างใคร่ครวญ

“อยากมาก แต่ก็ไม่ได้มากเท่ากับอยากยกเลิกสัญญาหมั้นกับคุณ!”

พูดแล้วสะบัดตัวเดินห่างแต่ความรู้สึกอีกอย่างที่คั่งค้างในอกหยุดขาเธอไว้ให้ยืนนิ่ง ก่อนเอี้ยวเสี้ยวหน้าหันกลับไปเอ่ยน้ำเสียงตัดพ้อ

“แต่ก็ต้องขอบคุณที่ให้ความกรุณาสนับสนุนความสัมพันธ์ของฉันกับพี่เนตรให้ก้าวข้ามไปมากกว่าการเป็นพี่เป็นน้อง แต่ฉันเป็นคนไม่ใช่สิ่งของที่ใครจะยกให้ใครได้!”

แล้วก้าวขาเดินออกมา เช็ดน้ำตาที่ไหลอาบนองแก้มก่อนเดินเข้าไปกำชับพี่ชายให้พาเขาไปโรงพยาบาล จากนั้นขังตัวเองภายในห้องทำงาน จะร้องไห้จนไม่เหลือน้ำตาให้เขาอีกต่อไป