นี่เป็นรอบที่ 7 แล้วที่ผมวนกลับมาเล่นฉากนี้ และมันกำลังจะจบลงด้วยการที่ผมถูกฆ่าอีกครั้ง — Lucky seven ทั้งทีลองทำอะไรที่ต่างออกไปดีไหมนะ ลอง 'ยั่ว' ฆาตกรสักหน่อยดีกว่า…
แฟนตาซี,ระทึกขวัญ,ชาย-ชาย,เลือดสาด,ดาร์ค,เกม,ติดลูป,เกมสยองขวัญ,ติดอยู่ในเกม,เกมเมอร์,ฆาตกร,ผู้รอดชีวิต,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Dead Trap เกมสยอง กับดักมรณะนี่เป็นรอบที่ 7 แล้วที่ผมวนกลับมาเล่นฉากนี้ และมันกำลังจะจบลงด้วยการที่ผมถูกฆ่าอีกครั้ง — Lucky seven ทั้งทีลองทำอะไรที่ต่างออกไปดีไหมนะ ลอง 'ยั่ว' ฆาตกรสักหน่อยดีกว่า…
คำเตือน
นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น มีการใช้ถ้อยคำหยาบคาย, มีการบรรยายฉากการฆ่า, เลือด, ความรุนแรง และบรรยายฉากการร่วมเพศที่ละเอียด โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
'อารัญ' นักศึกษาชีวิตอาภัพที่หลุดเข้าไปในเกมสยองขวัญ ทุกครั้งที่ถูกฆาตกรฆ่า เกมจะรีเซตกลับมาที่จุดเริ่มต้น ทางเดียวที่จะหยุดลูปนรกและออกจากเกมได้ คือต้องกำจัดฆาตกร
•
•
•
•
•
ถ้าพร้อมแล้ว ขอให้สนุกกับเกม Dead Trap ค่ะ
“เราเลิกกันเถอะ”
แฟนที่คบกันมาเจ็ดปีเพิ่งจะบอกเลิกผมไปอย่างหน้าด้าน ๆ นี่เขาไม่เสียดายเวลาที่เราร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาเลยหรือไง ผมเงยหน้ามองใบหน้าของคนที่สูงกว่า
อ่า… นี่สินะ ใบหน้าของคนหมดรัก
“บอกเหตุผลหน่อยได้ไหม”
ผมถามคนที่เพิ่งจะกลายเป็น ‘แฟนเก่า’ เมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้ว ดวงตาสีดำมองผมด้วยสายตาที่เรียบเฉยเพราะเขาไม่รู้สึกอะไรกับผมอีก
น่าแปลกที่แม้ตอนนี้พวกเราจะอยู่กันที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัยซึ่งมักจะมีเสียงดังในช่วงพักกลางวัน แต่เสียงเดียวที่ผมได้ยินกลับเป็นเสียงของแฟนเก่า
“นายน่าเบื่อ”
โห นี่กำลังจะบอกว่าเขาทนเบื่อผมมาเจ็ดปีเลยอย่างนั้นเหรอ
“อืม”
ให้ตายเถอะ อารัญ นายจะตอบแค่นั้นจริงเหรอ
อย่างน้อยผมน่าจะด่าเขาสักฉอดที่ทำให้ผมเสียเวลาชีวิตเจ็ดปีไปโดยไม่เกิดประโยชน์
เฮ้อ แต่สุดท้าย ผมก็ไม่ได้ด่าเขา
แฟนเก่าเดินออกจากโรงอาหารไปแล้ว เขาทิ้งให้ผมยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางสายตานับร้อย
เดี๋ยวนะ! แล้วไหงมันไปควงคนอื่นต่อละวะ?! ไอ้เวรนี่ เล่นกับความรู้สึกฉันงั้นเหรอ
หน็อย... ฉันจะหาแฟนใหม่ที่ใหญ่กว่านายเลย คอยดู!
ขณะที่ผมกำลังฉุนเฉียว โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็สั่นครืด ผมล้วงหยิบโทรศัพท์รุ่นเก่าที่ถนอมเอาไว้อย่างดีจนสามารถยืดอายุมันได้ แต่ถึงอย่างนั้นหน้าจอสัมผัสที่เริ่มสัมผัสไม่ติดก็เปรียบเหมือนเสียงตะโกนของโทรศัพท์ที่กำลังบอกผมว่าให้ปล่อยมันไปเถอะ
ผมอ่านชื่อของคนที่กำลังโทรเข้าอย่างตะบี้ตะบัน ก่อนจะกดย้ำที่ปุ่มเพื่อรับสาย
“ครับ พี่นัท”
พี่นัทเป็นเจ้าของร้านคาเฟ่แมวหน้ามหาวิทยาลัย ส่วนผมก็เป็นลูกจ้างพาร์ตไทม์ให้กับร้านพี่เขา การที่พี่นัทโทรมานอกเวลางานมันทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเท่าไร ก็เมื่อวานผมเผลอพูดจารุนแรงกับลูกค้าไปหน่อยน่ะสิ หรือคงจะไม่หน่อยสำหรับพี่นัทล่ะมั้ง
“นายเป็นเด็กที่ขยันนะ อารัญ”
เกริ่นมาแบบนี้ มันต้องเป็นเรื่องไม่ดีชัวร์ ให้ตายสิ คนเรามันจะซวยได้ขนาดนี้เลยเหรอ
“เข้าเรื่องเถอะ พี่นัท”
“เฮ้ย ทำไมเสียงเป็นแบบนี้”
“ช่างเถอะพี่ พูดเรื่องของพี่เถอะ”
เสียงของผมสั่นมากเพราะเพิ่งจะเสียน้ำตาให้กับคนเฮงซวย พี่นัทเองก็คงรับรู้ได้จากน้ำเสียงของผม
“เอ่อ... นายแน่ใจนะ”
“ครับ ผมไม่เป็นไร”
ไม่เป็นไรกับผีน่ะสิ ตอนนี้น้ำตาของผมกำลังไหลพรากเหมือนเขื่อนแตกเลยแม้คนในโรงอาหารจะพากันมองแค่ไหน แต่ผมก็ไม่สน
“คือว่า... ลูกค้าคนเมื่อวานที่นายไปทะเลาะด้วย เขาเป็นลูกเจ้าของตึกที่พี่เช่าอยู่...”
แค่พี่นัทบอกมาแบบนั้น ผมก็เข้าใจได้ทันที แม้จะหงุดหงิดที่รู้ว่าไอ้เด็กเวรนั่นดันเป็นลูกเจ้าของตึก แต่เพื่อไม่ให้พี่นัทต้องเจอปัญหา ผมก็มีแต่จะต้องรับผลของการกระทำ…
“เจ้าของตึกเขาโทรมาหาพี่ว่าถ้านายยังอยู่...”
“ผมเข้าใจครับพี่นัท”
ผมเข้าใจจริง ๆ แม้ตอนนี้จะเสียใจที่เมื่อวานไม่ได้ตะบันหน้าไอ้เด็กวีไอพีเมื่อวานก็ตาม ก็จะไม่ให้ผมโมโหได้ยังไง แมวในคาเฟ่น่ะ! มีกฎตัวโตเขียนไว้ทุกมุมห้องเลยว่าห้ามอุ้ม! แต่ไอ้เด็กบ้านั่นมันอุ้มจับแมวไปทั่ว แถมยังเล่นกับแมวแรงจนแมวเริ่มรำคาญ นี่ถ้าผมไม่หวังดีเข้าไป มีหวังไอ้เด็กเปรตนั่นได้เลือดสาดเข้าโรงพยาบาลไปแล้ว
แต่ว่าความหวังดีของผมดันกลายเป็นประสงค์ร้ายซะงั้น เพราะเด็กนั่นดันคิดว่าผมจะไปแย่งแมวจากมัน...
เฮ้อ... นี่มันไม่เห็นผ้ากันเปื้อนกับหมวกแก๊ปที่มีโลโก้ร้านเลยหรือไง
“พี่ขอโทษนะ อารัญ”
เสียงของพี่นัทช่วยเรียกให้ผมหลุดจากภวังค์ ก่อนจะที่จะเตลิดไปไกลกว่านี้
“งั้น... วันนี้รัญมาเก็บของนะ ส่วนค่าจ้างพี่จะโอนทั้งหมดของเดือนนี้ให้นะ”
“เฮ้ยพี่! แต่เดือนนี้ผมเพิ่งทำงานไปแค่สองอาทิตย์เอง พี่จ่ายแค่ส่วนที่ผมทำงานเถอะ”
“ไม่เป็นไร”
พี่นัทเป็นแบบนี้เสมอ เป็นคนใจดี รักพี่รักน้อง ใครขาดเหลืออะไรก็พร้อมช่วยเหลือเสมอ
“ผมเกรงใจพี่”
“รับไปเถอะ ถือว่าเป็นโบนัสของคนขยันก็แล้วกัน เฮ้ย! รัญ! เป็นอะไร? หยุดร้องก่อน!”
ผมไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป ความรู้สึกมากมายในวันนี้มันถาโถมและผสมปนเปกันไปหมด ทั้งโดนแฟนทิ้ง โดนให้ออกจากงาน และได้รับไมตรีจากพี่ที่เคารพในเวลาเดียวกัน เอาจริง ๆ ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองควรจะต้องรู้สึกยังไง
“ฮึก พี่นัท... ผ... ผม... ฮึก”
ผมพยายามจะขอบคุณพี่เขา แต่น้ำตาที่ไหลพรากกำลังเป็นอุปสรรคอยู่
“ใจเย็น ๆ นะ รัญ”
ผมสูดลมหายใจเข้า ดึงสติให้อยู่กับเนื้อกับตัว ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา
“ผม... ขอบคุณพี่มากเลยนะครับ”
“อืม อารัญคนขยันไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
แล้วบทสนทนาของผมกับพี่นัทก็จบลงแค่นั้น ผมกดวางสายเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง เดินไปล้างหน้าล้างตาที่ห้องน้ำแล้วเข้าเรียนวิชาภาคบ่ายต่อไป
แต่คงเป็นเพราะวันนี้ผมเจอเรื่องมาเยอะเกินไป สภาพจิตใจผมก็เลยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไร
“รัญ”
“ฮะ… มีไรวะ ภู”
ผมหันไปถามเพื่อนสนิทที่นั่งเรียนอยู่ข้าง ๆ มันมีชื่อว่า ‘ภูมิ์วา’ เป็นเพื่อนกับผมมายี่สิบปีแล้ว เรารู้จักกันตั้งแต่เกิดเลยก็ว่าได้ บ้านอยู่ติดกัน เรียนโรงเรียนเดียวกันแถมยังสอบติดเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกันอีก แม้ว่าจะเรียนคนละคณะก็ตาม
พวกเรามาเรียนภาคบ่ายวิชาเดียวกันได้เพราะพวกเราเลือกลงทะเบียนวิชาภาษาอังกฤษเซคเดียวกัน
“มึงไหวปะเนี่ย”
“แล้วคิดว่าไง” ผมถามทั้งที่ตาสองข้างยังบวมเป่ง
“กูบอกละ สุดท้ายเดี๋ยวก็เลิก”
“แต่ก็ยังคบมาได้ตั้งเจ็ดปีนะมึง”
“นั่นเพราะมึงยื้ออยู่คนเดียวไง”
นั่นสินะ ที่ผ่านมา เป็นผมเองที่พยายามอยู่คนเดียว
“นั่นสินะ”
“กูดีใจนะ ที่มึงตาสว่างได้สักที”
“ไอ้ภู นี่มึงด่ากูเหรอ”
“กูเพื่อนรักมึงนะ”
ผมกำลังจะดีใจที่อย่างน้อยก็มีไอ้ภูอยู่ข้าง ๆ เสมอ ดวงตาแววประกายขึ้นมาก่อนที่แสงจะดับลงเมื่อมันพูดต่อว่า
“กูก็ต้องด่ามึงอยู่แล้ว”
“ไอ้ห่า”
ผมด่าไอ้เพื่อนรักที่กำลังหัวเราะร่วน มุมปากของผมขยับยกขึ้นหัวเราะตามมันเบา ๆ
“ยิ้มได้สักทีนะมึง”
“ขอบใจมึงมากนะ ที่อยู่ข้างกูเสมอ”
หลังจากที่เรียนวิชาภาษาอังกฤษเสร็จ ผมก็แยกกับไอ้ภู แม้มันจะเป็นห่วงผมเพราะกลัวว่าจะกลับไปทำเรื่องบ้า ๆ แต่สุดท้ายมันก็ยอมให้ผมกลับไปคนเดียวเพราะมันมีเรียนต่อ
อืม… ก็นั่นแหละ
ผมดูเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง ตอนนี้บ่ายสามแล้ว ไปเก็บของที่ร้านพี่นัทดีกว่า
“:♡•♬✧⁽⁽ଘ (ˊᵕˋ) ଓ⁾⁾*+:•*∴
จริง ๆ ภูก็ห่วงเพื่อน แต่เรื่องเรียนต้องมาก่อน 😆