นี่เป็นรอบที่ 7 แล้วที่ผมวนกลับมาเล่นฉากนี้ และมันกำลังจะจบลงด้วยการที่ผมถูกฆ่าอีกครั้ง — Lucky seven ทั้งทีลองทำอะไรที่ต่างออกไปดีไหมนะ ลอง 'ยั่ว' ฆาตกรสักหน่อยดีกว่า…
แฟนตาซี,ระทึกขวัญ,ชาย-ชาย,เลือดสาด,ดาร์ค,เกม,ติดลูป,เกมสยองขวัญ,ติดอยู่ในเกม,เกมเมอร์,ฆาตกร,ผู้รอดชีวิต,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Dead Trap เกมสยอง กับดักมรณะนี่เป็นรอบที่ 7 แล้วที่ผมวนกลับมาเล่นฉากนี้ และมันกำลังจะจบลงด้วยการที่ผมถูกฆ่าอีกครั้ง — Lucky seven ทั้งทีลองทำอะไรที่ต่างออกไปดีไหมนะ ลอง 'ยั่ว' ฆาตกรสักหน่อยดีกว่า…
คำเตือน
นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น มีการใช้ถ้อยคำหยาบคาย, มีการบรรยายฉากการฆ่า, เลือด, ความรุนแรง และบรรยายฉากการร่วมเพศที่ละเอียด โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
'อารัญ' นักศึกษาชีวิตอาภัพที่หลุดเข้าไปในเกมสยองขวัญ ทุกครั้งที่ถูกฆาตกรฆ่า เกมจะรีเซตกลับมาที่จุดเริ่มต้น ทางเดียวที่จะหยุดลูปนรกและออกจากเกมได้ คือต้องกำจัดฆาตกร
•
•
•
•
•
ถ้าพร้อมแล้ว ขอให้สนุกกับเกม Dead Trap ค่ะ
รอบนี้มันจะต้องไม่เหมือนเดิม
ผมบอกตัวเองแบบนั้น ความจริงแล้วเลข 7 เนี่ยเป็นเลขที่ผมชอบมากที่สุดเลยนะ แม้ไอ้รัก 7 ปีนั่นจะทำให้ผมชอกช้ำมากก็ตาม
ผมยิ้มให้อเล็กซ์ ก่อนจะเมินคำถามของเขาไป อาหารเป็นพิษอะไรกันล่ะ ไอ้ที่เป็นพิษน่ะ มันเกมนี้ต่างหาก!
หากการที่ผมเจอฆาตกรในห้องนอนของตัวเองแล้วรอดมาได้ จะทำให้เกิดการปลดล็อกฉากจนได้กุญแจที่เป็นไอเทมมา ถ้าอย่างนั้นรอบนี้ผมจะล่อฆาตกรไปที่ห้องอีกครั้ง
“อารัญ นายมา...”
“ขอโทษทีนะ นิค แต่ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร พวกนายไปตั้งแคมป์กินบาร์บีคิวกันเลย ไม่ต้องรอนะ” ว่าจบผมก็แบกเป้แล้วเดินขึ้นบันไดไป
“อารัญรู้ได้ยังไงว่าฉันจะทำบาร์บีคิว”
“ไม่รู้สิ”
อเล็กซ์หันไปตบไหล่นิคก่อนจะเป็นฝ่ายช่วยนิคขนของตั้งแคมป์ไปแทน
ผมก้าวขึ้นบันไดไปพร้อมกับใช้ความคิด ระยะทางจากบันไดกลางมาจนถึงห้องนอนของผมที่อยู่ริมสุดมันก็ไกลพอสมควร แต่ทำไมฆาตกรถึงตรงดิ่งมาที่ห้องของผมเลย ทั้งที่ห้องของบิลลี่และไอแซคอยู่ใกล้บันไดที่สุด มิหนำซ้ำผมยังจำได้ว่ารอบก่อนตอนที่วิ่งผ่านห้องของสองคนนั้น แสงไฟมันเปิดอยู่ขณะที่ห้องของผมมืดสนิท
เหตุผลเดียวที่ผมพอจะสรุปได้ว่าทำไมมันถึงล่าผม ก็คงเป็นเพราะผมเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียว แต่ว่า... มันกลับยิ่งทำให้ผมติดใจข้อความในกระดาษโน้ต ผมเปิดประตูห้องของตัวเองก่อนจะเดินไปเช็กดูที่ลิ้นชักตรงหัวเตียง
ไม่มีจริงด้วย
ไอเทมจะไม่ปรากฏจนกว่าผมจะปลดล็อกฉาก ผมคิดว่าฉากนั่นคงจะเป็นหนึ่งใน Challenge[1] ของเกม ต้องทำการท้าทายให้ผ่านเพื่อที่จะได้รับไอเทมมา
ผมหันไปมองตู้เสื้อผ้าที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นจุดตายของผมก่อนจะถอนหายใจ ผมต้องจำเอาไว้ว่าห้ามหลบในตู้เสื้อผ้าโดยเด็ดขาด
กระดาษโน้ตใบนั้นยังคงเป็นเบาะแสเดียวในห้อง ผมพับมันแล้วยัดลงกระเป๋ากางเกง ก่อนจะเดินไปสำรวจห้องของคนอื่น ถัดจากห้องของผมมาเป็นห้องของนิค
ขอโทษที่เสียมารยาทนะ แต่ผมจำได้ว่านิคเก็บกล้องเอาไว้ แม้จะยังคิดไม่ออกว่าประโยชน์ของมันคืออะไร แต่เก็บมาก่อนดีกว่า
การตกแต่งในห้องของนิคไม่ได้ต่างอะไรจากห้องของผม แต่ทว่ารูปวาดของป่ารกทึบตรงหัวเตียงมันทำให้ผมรู้สึกแปลก ๆ ผมเดินเข้าไปใกล้พร้อมกับมองดูรายละเอียด มันถูกวาดด้วยสีน้ำมัน สีเขียวหลากหลายเฉดรังสรรค์ภาพออกมาได้น่าขนลุกชอบกล
จากนั้นผมก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบนภาพ รายละเอียดของภาพแม้มันจะเล็กมากแต่ผมก็พอจะมองออกว่า มันคือรูปวาดของนายพรานกำลังเล็งปืนไปที่กวางตัวหนึ่ง ซึ่งที่ขาของมันถูกมัดตรึงด้วยเชือก
สัณชาตญาณของเกมเมอร์บอกให้ผมยกภาพนั้นออกมา มุมปากของผมฉีกยิ้มลำพองด้วยความพึงพอใจเพราะที่ด้านหลังภาพมันมีกระดาษโน้ตอยู่หนึ่งแผ่น
‘ไร้หนทางหนี’
อืม... ยังปะติดปะต่อเรื่องราวของเบาะแสไม่ได้ แต่เก็บไปก่อนก็แล้วกัน
ผมไปสำรวจที่ห้องอื่นต่อ ห้องของฟินน์ไม่มีอะไร ห้องของเดวิดและอเล็กซ์เองก็ว่างเปล่าเช่นเดียวกัน แต่ว่าห้องเดียวที่ผมเข้าไม่ได้คือห้องของบิลลี่และไอแซค ห้องของสองคนนั้นถูกล็อกเอาไว้ แม้จะอยากเข้าไปสำรวจแค่ไหนแต่สุดท้ายผมก็ต้องตัดใจแล้วลงไปที่ชั้นสองแทน
ผมมั่นใจว่าห้องนี้มันต้องมีอะไรบางอย่างอยู่แน่นอน และผมต้องหาวิธีปลดล็อกประตูนั้นให้ได้
ห้องหนังสืออยู่ปีกขวา ส่วนห้องทำงานอยู่ปีกซ้าย ขวาร้ายซ้ายดี งั้นไปซ้ายก่อนก็แล้วกัน
ผมมองบานประตูแต่ละห้องที่ทำมาจากไม้แบบเดียวกัน รูปทรงเดียวกัน สีเดียวกัน แม้แต่การแกะสลักก็ยังเหมือนกัน นี่ผู้พัฒนาขี้เกียจปั้นโมเดลใหม่หรือยังไง
เมื่อเข้ามาในห้องทำงาน อาการภูมิแพ้ของผมก็กำเริบทันที ฝุ่นในนี้เยอะมากจนทำให้จมูกของผมระคายเคืองและจามไม่หยุด เพราะแบบนั้นผมจึงตัดสินใจล้มเลิกปีกซ้ายแล้วไปสำรวจปีกขวาแทน...
ขึ้นชื่อว่าห้องหนังสือมันก็ต้องมีเบาะแสแน่นอนอยู่แล้ว ผมเก็บกระดาษโน้ตจากในห้องนี้ได้ถึงสองแผ่น!
‘เชือกอยู่ที่โรงรถ’
‘ต้องรออีกนานแค่ไหน’
นี่คนที่เขียนโน้ตกำลังจะบอกอะไรกับผมกันแน่ ‘รอ’ งั้นเหรอ? เจ้าของโน้ตหมายถึงอะไรกัน
แม้จะดีใจที่ได้ไอเทมและเบาะแสมาพอสมควร แต่ผมก็ยังรู้สึกไม่ดีอยู่ ไม่ว่าจะไปห้องไหน ไอ้ของที่พอจะเป็นจุดเซฟอย่างโทรศัพท์ เครื่องเล่นเทปหรือแม้แต่เครื่องพิมพ์ดีดที่ควรจะมีวางให้เห็นในคฤหาสน์ก็ไม่มีเลย
เฮ้อ ให้ตายสิ อยากเจอ GM จัง จะได้ถามว่าจุดเซฟของเกมนี้คืออะไร
ผมยืนเศร้าคนเดียวได้ไม่นานก็ลงไปสำรวจที่โรงรถต่อ ตอนนี้เพิ่งจะหนึ่งทุ่ม พวกนั้นคงไม่กลับมาง่าย ๆ หรอก
โรงรถอยู่ห่างจากตัวคฤหาสน์ไปประมาณสี่ร้อยเมตร รถที่พวกเราขับมากันคือรถตู้สีขาวขนาดสำหรับครอบครัว
เชือกอยู่ที่โรงรถสินะ
ผมเดินวนดูรอบ ๆ ก่อนจะเห็นเชือกที่ม้วนอย่างสวยงามอยู่ตรงหัวมุม
เจอง่ายไปไหมเนี่ย
ผมหยิบเชือกกองนั้นขึ้นมาก่อนจะเดินหันหลังออกเพื่อเอามันไปเก็บที่ห้อง แต่แล้วผมก็ชนเข้ากับใครบางคน ร่างกายอันบอบบางของผมปลิวถอยออกมาก่อนจะหงายหลังล้มก้นจ้ำเบ้า
“นายมาทำอะไรที่นี่?”
ผมเงยหน้ามองเจ้าของหุ่นนักกีฬาที่ยืนนิ่งอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ฉันมาเอาของที่รถ” ผมโกหกออกไปหน้าด้าน ๆ และอเล็กซ์ที่มีกล้ามเนื้อเยอะกว่าสมองก็ดันเชื่อด้วย
“งั้นเหรอ ฉันก็มาเอาของเหมือนกัน”
อเล็กซ์กดกุญแจรถรีโมตก่อนจะเปิดฝาท้ายรถตู้ แล้วหยิบดัมเบลออกมา
ผมยื่นนิ่งด้วยความอึ้งไปพักหนึ่ง ขนาดมาพักร้อนไอ้หมอนี่ยังจะมีอารมณ์มาเวทเทรนนิ่งอีก
แต่ประเด็นมันไม่ใช่ตรงนั้น เพราะที่สำคัญคือ อเล็กซ์มีกุญแจรถ
“:♡•♬✧⁽⁽ଘ (ˊᵕˋ) ଓ⁾⁾*+:•*∴
ฟาร์มซะเยอะ แต่ยังไม่เจอจุดเซฟ ถ้าตายนี่เสียดายมากนะ