"ระหว่างเป็นผู้พิพากษากับเป็นเมียผู้พิพากษาอันไหนเป็นง่ายกว่ากันคะ?" "...เอาเวลาที่จีบฉันไปอ่านหนังสือจะดีกว่าไหม..."

ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก - 4 ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก โดย Dogsmile @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,ยุคปัจจุบัน,ไทย,ผู้ใหญ่,nc,เย็นชา,เด็กฝึกงาน,ผู้พิพากษา ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง,ยุคปัจจุบัน,ไทย,ผู้ใหญ่

แท็คที่เกี่ยวข้อง

nc,เย็นชา,เด็กฝึกงาน,ผู้พิพากษา

รายละเอียด

ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก โดย Dogsmile @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"ระหว่างเป็นผู้พิพากษากับเป็นเมียผู้พิพากษาอันไหนเป็นง่ายกว่ากันคะ?" "...เอาเวลาที่จีบฉันไปอ่านหนังสือจะดีกว่าไหม..."

ผู้แต่ง

Dogsmile

เรื่องย่อ

สารบัญ

ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก-1 ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก,ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก-2 ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก,ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก-3 ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก,ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก-4 ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก,ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก-5 ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก,ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก-6 ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก Nc18+,ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก-7 ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก,ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก-8 ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก,ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก-9 ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก,ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก-10 ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก,ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก-11 ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก,ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก-12 ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก,ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก-13 ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก

เนื้อหา

4 ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก

          ภายในห้องพักผู้พิพากษามีเพียงชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคมคาย ร่างกายหนากำยำภายใต้เชิ้ตสีขาวนั่งอ่านสำนวนคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบของตนอยู่บนโต๊ะอยู่ในห้องเพียงลำพัง เมื่อมีเสียงประตูห้องเปิดเข้ามาชายหนุ่มจึงเงยหน้าจากเอกสาร มองชายอายุอานามประมาณสี่สิบกว่าสวมชุดครุยผู้พิพากษาเปิดประตูเข้ามาในห้องพักแล้วจึงเดินไปนั่งยังโต๊ะทำงานของตน

          “พี่บอกหลายครั้งแล้วนะคิณณ์ ไอ้อาการเย็นชาไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมเนี่ยให้ลดๆ ซะบ้าง ทุกวันนี้นอกจากพี่แล้วก็ไม่มีใครกล้าคบค้าสมาคมกับแกแล้วนะ เป็นแบบนี้การทำงานมันจะลำบากเอานะ” ณรงค์ผู้พิพากษาซึ่งเป็นทั้งพี่เลี้ยงและผู้พิพากษาบัลลังก์เดียวกับคิณณ์บ่นกับพฤติกรรมของชายหนุ่มที่ไม่เคยจะสนใจอะไร แต่ก็นับว่าดีขึ้นกว่าห้าปีที่แล้วนักที่เขายอมลดความเย็นชาลงและยอมพูดจากับคนแปลกหน้าบ้าง ไม่เช่นนั้นตอนนี้คงไม่มีผู้พิพากษาที่ชื่อคิณณ์ณภัทรมานั่งพิจารณาคดีร่วมกับเขาได้!!!

“ผมว่าผมพูดไปมากแล้วนะครับพี่ณรงค์” กล่าวจบก็ก้มหน้าเซ็นเอกสารของตนปล่อยให้คนพูดโมโหอยู่คนเดียว

“เออ!!! ใช่ที่นายพูดมากขึ้นน่ะนายพูดถูก แต่ไอ้อาการเย็นชาทำตัวน่ากลัวเมื่อไหร่จะปรับลดให้เป็นผู้เป็นคนเหมือนคนอื่นมากกว่านี้”

"ครับพี่" ชายหนุ่มขานรับคำรุ่นพี่อย่างเสียไม่ได้

"ดูมันพูดมากกว่านี้กลัวดอกพิรุณจะร่วงจากปากรึไง" ณรงค์หงุดหงิดกับหนุ่มรุ่นน้องวิชาชีพเดียวกันกับตนนักที่เป็นคนประหยัดถ้อยคำ ถ้าไม่คุยถึงปัญหากฎหมายปรึกษาคดีกันแล้ว อย่าหวังว่ามันจะพูดประโยคยาวๆกับคนอื่นได้

"ครับ ผมจะพยายามเป็นมิตรดับคนอื่นตามที่พี่บอกนะครับ" ปกติเขาก็เป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว แต่เมื่อมาทำงานก็เป็นการบีบบังคับให้เขาพูดมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาอยากคบหาใครมากยิ่งขึ้นไปด้วย

"คิณณ์ วันนี้ไปนั่งกินเหล้าชิวๆ กันที่บาร์ไหม เครียดๆแบบนี้ต้องไปนั่งมองสาวๆแล้วจิบเหล้าไปนี่แหละ" เรื่องแบบนี้ก็ต้องมีกันบ้างล่ะ ผู้พิพากษาก็คนเหมือนกันใช้ชีวิตเหมือนปุถุชนคนธรรมดาที่ต้องมีการสังสรรค์กันบ้าง

"เมียพี่?"

"เมียฉันก็อยู่บ้านซิวะ จะหิ้วมาทำพระแสงอะไร เดี๋ยวเปลี่ยนจากการนั่งชิวกินเหล้ามองสาวเป็นกินเหล้าอาบเลือดแทน" ดูมันยอกย้อน พูดถึงเมียที่บ้านแล้วก็ขนลุกซู่ด้วยว่าเขาเคยมีประวัติอย่างโชกโชนเมียเขาเลยหวาดระแวงเป็นพิเศษ ถึงแม้ตอนนี้เขาจะแก่แล้วเรื่องแบบนั้นก็เลิกไปแล้วแต่ดูเหมือนว่าเมียเขาจะไม่เลิกจ้องจับผิดเรื่องผู้หญิงตามไปด้วย

"พูดอย่างนี้พี่จะหิ้วสาว?"

"ไอ้น้องเวรนี่ ฉันมีลูกมีเมียแล้วนะเห้ย น่าซัดสักหมัดจริงเชียว "

ก๊อกๆๆๆ เสียงเคาะประตูห้องเหมือนการห้ามปรามเสียงทะเลาะของทั้งคู่ จะเรียกว่าทะเลาะกันก็ไม่เชิงในเมื่อณรงค์เป็นฝ่ายโมโหซะฝ่ายเดียว

"น้องคิณณ์ทานอะไรรึยังคะ พี่ซื้อข้าวร้านโปรดของคิณณ์มาให้เลยนะคะ" หญิงสาวร่างเล็กสูง 158มาตรฐานหญิงไทยก้าวเข้ามาในห้องพลางเดินตรงไปหาชายหนุ่มที่ตนหมายปอง

“แหมๆ มีพี่อยู่ตรงนี้ทั้งคน แต่ท่านกุลนันท์บัลลังก์ 10 กลับสนใจซื้อข้าวมาให้แต่เจ้าคิณณ์รึเนี่ย”

“พี่ณรงค์ก็หยอกหนูไป เห็นว่าปกติคิณณ์เขาทำงานจนลืมทานข้าวหนูเลยเป็นห่วงซื้อมาฝากน้องเขาเท่านั้นเอง” หญิงสาวเขินอายแก้มแดงเมื่อถูกณรงค์แซวกับการกระทำที่ดูเหมือนว่าจะชอบคิณณ์หนุ่มรุ่นน้องจนออกหน้าออกตา ตั้งแต่ชายหนุ่มมาประจำอยู่ที่ศาลนี้เธอก็ตกหลุมรักในใบหน้าอันหล่อเหลาราวกับนายแบบซึ่งขัดกับลุคผู้พิพากษาทั่วไปที่ถึงแม้จะมีหน้าตาดีแต่ก็ไม่อาจเทียบได้กับความหล่อของคิณณ์

“ไม่เป็นไรครับ ผมจะออกไปทานกับพี่ณรงค์พอดี ไม่รบกวนท่านกุลนันท์ให้คอยเป็นห่วงผม” ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาติดห่างเหิน เมื่อกล่าวจบคิณณ์จึงคว้ากุญแจรถและโทรศัพท์เครื่องหรูใส่กระเป๋ากางเกงแบรนด์เนม แล้วเดินออกไปไม่สนใจใยดีกล่องข้าวที่กุลนันท์ซื้อมาให้เขาแม้แต่น้อย

กุลนันท์ถึงกับหน้าม้านน้ำตาเอ่อรื้นขอบตาที่ชายหนุ่มปฏิเสธเธออย่างไม่ไยดีถึงแม้ว่าคิณณ์จะเป็นเช่นนี้มาตลอด 2 ปี ชายหนุ่มรุ่นน้องจะไม่มีท่าทีชอบพอตนแต่ก็รับของที่เธอซื้อมาฝากให้ตลอด การที่ชายหนุ่มปฏิเสธน้ำใจตนขนาดนี้ทำให้เธอเสียใจยิ่งนัก

“ไม่เป็นไรนะนันท์ เจ้าคิณณ์ก็เป็นแบบนี้แหละ ใช่ว่าเธอจะพึ่งรู้จักมันเสียเมื่อไหร่ เดี๋ยวพี่ไปกินข้าวกับมันก่อนนะ” ณรงค์พูดปลอบใจกุลนันท์เสร็จจึงรีบเดินตามคิณณ์ออกไป

“แกก็ไม่น่าไปปฏิเสธกับนันท์รุนแรงขนาดนี้เลย ไม่คิดจะรักษาน้ำใจเพื่อนร่วมงานบ้างหรือว่ะ”

“ตัดไฟแต่ต้นลม” เขารู้ตั้งแต่ที่เข้ามาประจำอยู่ที่ศาลนี้แล้วว่ากุลนันท์ชอบพอเขาเป็นอย่างมาก แต่ที่ผ่านมานานๆครั้งเธอถึงจะซื้อของมาฝากบ้าง เขาก็รับไว้เพื่อไม่ให้เธอเสียน้ำใจ แต่ดูเหมือนว่าพักหลังมานี้เธอจะเทียวไปเทียวมาหาเขาถี่เกินไปนัก ครั้งนี้เขาจึงต้องปฏิเสธเพื่อไม่ให้มีปัญหาเรื่องชู้สาวในภายภาคหน้า

“ฉันก็รู้นะว่าความรักมันห้ามกันไม่ได้และบีบบังคับให้รักกันไม่ได้ด้วย แต่ทำไมแกถึงไม่สนใจนันท์เขาว่ะคิณณ์ รูปร่างหน้าตาเธอก็ดีแถมยังเป็นคนเก่งอีกต่างหาก หรือเป็นเพราะว่านันท์เขาแก่กว่าแกห้าปี แกเลยไม่ชอบเขา”

เมื่อคิณณ์เดินถึงรถลัมโบร์กีนีคันสีดำซึ่งจะดูเหมือนว่ารถหรูคันนี้จะจอดอยู่ผิดที่ผิดทาง ไม่ใช่ว่าที่จอดรถนี้จะไม่มีรถหรูคันอื่นเสียเลย แต่มีเพียงรถของชายหนุ่มเท่านั้นที่เป็นรถสปอร์ตอยู่คันเดียว คิณณ์เปิดประตูรถเข้าไปแล้วจึงหันไปตอบณรงค์

“เปล่าครับ ถ้าคนมันใช่ต่อให้ไม่ทำอะไรก็เป็นคนที่ใช่อยู่ดี” เมื่อคิณณ์พูดจบภาพของหญิงสาวน้ำตานองหน้าคนหนึ่งก็ลอยเข้ามาในความคิดเขา

"แกยังลืมแม่เม็ดทรายไม่ได้อีกหรือว่ะ เรื่องก็ผ่านมาจะสิบปีอยู่แล้ว มันทำให้แกไม่ลืมความเจ็บพอที่จะเริ่มต้นใหม่กับใครได้บ้างรึไง" ณรงค์กล่าวถึงอดีตแฟนสาวของคิณณ์ ตัวเขาเองก็ไม่เคยเจอผู้หญิงคนนี้เพียงแต่เคยได้ยินจากปากรุ่นน้องที่เคยเรียนอยู่ด้วยกันกับคิณณ์เพียงเท่านั้น

"มันไม่ใช่ว่าทำใจไม่ได้ แค่ขยาดกับการถูกทรยศหักหลังเท่านั้น อยู่เป็นโสดแบบนี้ก็ดีผมจะทำอะไรไปต่อกับใครก็ได้"

“ครับๆๆ พ่อหนุ่มหล่อเลือกได้ แล้วสรุปว่าคืนนี้จะกินไหมล่ะเจ้าคิณณ์”

“ครับ เดี๋ยวผมชวนเจษไปด้วย พี่สะดวกใจไหมครับ” นานๆทีเขาจะออกไปสังสรรค์จึงคิดถึงเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันข้างนอกมานาน เจอกันทีก็เจอแต่ในห้องพิจารณาไม่มีโอกาสได้พูดคุยตามประสาเพื่อนสักที

“อ่อเจ้าเจษรึ เอาซิชวนมันมากินด้วยกันเลย มีพวกกินเยอะๆสนุกดี” ณรงค์เคยเจอหน้าเพื่อนคนนี้ของคิณณ์อยู่บ่อยครั้ง เพราะส่วนใหญ่แล้วคดีของเจษนั้นเขามักจะเป็นเจ้าของสำนวนจึงรู้จักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

“เมียอนุญาตแล้ว?”

“ยัง ค่อยไปอ้อนขอตอนกลับบ้าน”

“ฮึๆๆ” คิณณ์หัวเราะเบาๆอยู่ในลำคอ ขำในความกลัวเมียของรุ่นพี่ตน ชีวิตใครชีวิตมันรับผิดชอบตัวเองไป มนุษย์เราย่อมมีเสรีภาพในการดำเนินชีวิต จะมาถูกจำกัดเพียงเพราะผู้หญิงคนหนึ่งแล้วนั้นเป็นเขาๆก็ไม่ยอมเสียหรอก!!!