"ระหว่างเป็นผู้พิพากษากับเป็นเมียผู้พิพากษาอันไหนเป็นง่ายกว่ากันคะ?" "...เอาเวลาที่จีบฉันไปอ่านหนังสือจะดีกว่าไหม..."
รัก,ชาย-หญิง,ยุคปัจจุบัน,ไทย,ผู้ใหญ่,nc,เย็นชา,เด็กฝึกงาน,ผู้พิพากษา ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก"ระหว่างเป็นผู้พิพากษากับเป็นเมียผู้พิพากษาอันไหนเป็นง่ายกว่ากันคะ?" "...เอาเวลาที่จีบฉันไปอ่านหนังสือจะดีกว่าไหม..."
ภายใต้แสงอาทิตย์สีส้มยามพระอาทิตย์อัสดง หญิงสาวผิวขาว ใบหน้าซูบตอบ ดวงตากลมโตยังคงบวมช้ำถึงแม้เวลาจะผ่านมาได้เดือนหนึ่งแล้วก็ตาม เธอก็ยังคงเสียใจกับการโดนทิ้งนั้นอยู่ ลัลน์ซึ่งนอนพักอยู่ในคอนโดของหนูนา สายตาเหม่อยลอยออกไปยังหน้าต่าง จ้องมองแสงอาทิตย์ที่ลาลับขอบฟ้าเห็นเพียงแต่แสงสีส้มด้วยจิตใจเศร้าหมอง เมื่อไหร่กันนะที่เธอจะลืมความรักครั้งนี้ได้คิดแล้วน้ำตาก็เอ่อรื้นที่ขอบตา
ก๊อกๆๆๆ เสียงเคาะประตูห้องพลันดึงสติหญิงสาวให้อยู่กับความเป็นจริง แล้วเปล่งเสียงดังเล็กน้อยบอกเพื่อนเธอให้เปิดประตูเข้ามาได้
“ลัลน์จ๋า คืนนี้ไปเปิดหูเปิดตากันหน่อยไหม เขาว่าอกหักต้องใช้เหล้าย้อมใจนะ” หนูนาวิ่งถลามาที่เตียง แล้วเอ่ยปากชวนเพื่อนไปเที่ยวอย่างออดอ้อนพร้อมกับเอาหน้าถือแขนลัลน์พลางทำตาปริบๆ ให้เพื่อนเอ็นดู
“พาเพื่อนไปย้อมใจหรืออยากไปเที่ยวเองคะ” ลัลน์พูดดักคอหนูนาอย่างรู้ทัน
“ก็แหมม อยากไปเที่ยวด้วยแล้วก็อยากพาลัลน์ไปด้วย นะๆลัลน์นะ ไปด้วยกันนะๆๆ” หนูนาทำหน้าตาอ้อนเพื่อนอย่างสุดฤทธิ์หวังว่าเพื่อนจะใจอ่อนยอมไปเที่ยวกับเธอ ที่ชวนลัลน์ไปนั้นเธอก็ไม่ได้หวังให้เพื่อนเธอเมาหัวราน้ำหรือได้ผู้ชายกลับมาหรอก คนเรียบร้อยหัวอ่อนแบบลัลน์ถูกหลอกได้ง่าย เธอต้องระมัดระวังเป็นไม้กันหมาให้เพื่อนเธอด้วย หวังเพียงการออกไปเจอโลกใหม่ของลัลน์จะช่วยให้เพื่อนเธอไม่ฟุ้งซ่านนัก
“แต่ลัลน์ดื่มแอลกอฮอล์ไม่เป็นนะ ถ้าเราดื่มไปหนูนาก็หมดสนุกซิ อีกอย่างลัลน์ไม่อยากไปผับสักเท่าไหร่ เราไม่ชอบมันเสียงดัง”
“โธ่ๆๆๆ คุณหนูลัลน์เจ้าคะ คุณมีเพื่อนไว้ทำไมคะคุณลัลน์ลลิต จะมานั่งอมทุกข์อุดอู้อยู่ในห้องทำไม รู้ไหมว่าอกหักเรายิ่งต้องเฉิดฉายสวยให้มันเสียดายเล่น ไม่แน่ว่าครั้งนี้ลัลน์อาจจะเจอรักครั้งใหม่ก็ได้นะ”
“หนูนาก็!!! เราพึ่งเลิกกับแฟนมาไม่ได้กี่วันจะให้เรามีคนใหม่เลยก็ใช่ทีหรอกนะ”
“สาวเธออย่าปิดกั้นตัวเองค่ะ อกหักต้องมีผู้ชายมาดามใจเพื่อลืมคนเก่าค่ะ ดูลัลน์ตอนนี้ซิตรอมใจจนเป็นไข้ผอมซูบไปหมดแล้ว จากที่เจ้าเนื้อๆตอนนี้แกผอมจนหุ่นเซี๊ยะแล้วเนี่ย” เธอก็ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเหมือนกันว่าเพื่อนเธอจะผอมลงไปได้ขนาดนี้ เคยเห็นเขาว่าอกหักจะทำให้น้ำหนักลงเร็วแต่ลัลน์นี่ไม่ผอมลงไปหน่อยรึ กลายเป็นว่าตอนนี้ลัลน์ใส่เสื้อผ้าเธอได้แล้ว
“แต่เราไม่มีเสื้อผ้าใส่ไปเลยนะหนูนา” เธอก็ไม่มีเสื้อผ้าที่เหมาะแก่การจะไปเที่ยวผับซะเดียว ทุกวันนี้เธอยังไม่มีเสื้อผ้าจะใส่เลย เนื่องจากเธอผอมลงไปมากทำให้เสื้อผ้าที่มีอยู่ค่อนข้างจะหลวมโพรก
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นเลยจ้ะ ฉันเตรียมชุดพร้อมไว้แล้วรอแค่ลัลน์คอนเฟิร์มรถก็พร้อมออกเสมอ ว่าแต่การเที่ยวผับครั้งแรกของลัลน์จะแต่งตัวยังไงไปดีน้า” หนูนากล่าวด้วยเสียงสดใส ตื่นเต้นกับการไปเที่ยวครั้งนี้เป็นอย่างมาก เธอจินตนาการอย่างมีความสุขคิดว่าจะให้เพื่อนแต่งตัวแบบไหนไปดี
“ไม่เอาแบบโป๊นะหนูนา ขอเป็นกระโปรงยาวๆ เสื้อผ้ามิดชิดยิ่งดี” หญิงสาวเอ่ยเมื่อเห็นเพื่อนเธอหยิบชุดเดรสแหวกหน้าแหวกหลังมาทางตน เห็นชุดแล้วสยิวแทนไม่รู้ว่าชุดแบบนี้ปกปิดอะไรได้บ้าง
“แม่คุณ!!! เธอจะไปเที่ยวผับหรือเข้าวัดคะแต่งตัวแบบนั้นอ่ะ ไปเที่ยวผับมันต้องแต่งตัวแซ่บๆ ยั่วๆจ้ะ ตัวนี้ดีไหม เอ๊ะ! หรือว่าตัวนี้ดี” หนูนาทาบเสื้อกับตัวเพื่อนไปฮัมเพลงไปอย่างมีความสุข ไม่ได้ดูสีหน้าเหยเกของลัลน์เลยว่าพอใจกับชุดเหล่านี้หรือไม่
เมื่อรถหรูคันขาวจอดลงหน้าผับ หญิงสาวก้าวขาออกจากรถด้วยความไม่มั่นใจชุดที่เธอใส่มาในวันนี้ ลัลน์สวมใส่เดรสดำมะหยี่สีดำ สายเสื้อผูกคล้องไปด้านหลังโชว์เนินอกอวบอิ่มที่ใหญ่เกินตัวนิดๆ ให้ดูยั่วยวนน่าค้นหา แต่ส่วนด้านหลังนี่ซิแหวกไปถึงกลางหลังแล้ว ส่วนกระโปรงด้านล่างยาวลงมาเพียงคืบเดียวพอปกปิดส่วนลับได้บ้าง ชีวิตนี้เธอไม่เคยแต่งตัวโชว์เนื้อหนังมากขนาดนี้มาก่อนเลย ถึงแม้หนูนาจะชมเธอไม่ขาดปากสร้างความมั่นใจให้เธอก็ตามก็ไม่อาจทำให้หญิงสาวมั่นใจในการแต่งตัวอยู่ดี แต่ยังดีที่เธอใส่เสื้อสูทสีดำมาคลุมทับไว้ทำให้เธอยังพอชื้นใจพอที่จะเข้าผับไปกับเพื่อนบ้าง
“ลัลน์!!! แกอย่าบอกฉันนะว่าแกจะใส่สูทคลุมชุดสุดเซ็กซี่ของฉันน่ะ แกถอดออกเดี๋ยวนี้เลย วันนี้เรามาเพื่อโชว์ค่ะสาว” หนูนาหวีดร้องเสียงดังจนคนบริเวณที่จอดรถต่างหันมามองหญิงสาว
“แต่ลัลน์ว่ามันโป๊ไปอ่ะหนูนา ลัลน์ไม่ชินกับการแต่งตัวแบบนี้” หญิงสาวอิดออดไม่ยอมถอดชุดคลุม
“โธ่ ลัลน์อ่า ขอแค่วันนี้เท่านั้นไม่ได้เหรอ เอาสูทไปก็ได้แต่แกห้ามใส่ทับเป็นพอโอเคไหม”
ดูเหมือนว่าลัลน์จะไม่สามารถต่อรองอะไรกับหนูนาอีกไม่ได้แล้ว หญิงสาวจำต้องเดินไปตามแรงฉุดกระชากลากถูตามเพื่อนของเธอไป บรรยากาศภายในมืดสลัวมีเพียงแสงจากไฟเธคเลเซอร์เท่านั้นที่พอจะให้แสงสว่างในการเดินไปตามทางได้ เสียงเพลงดังกระหึ่มปลุกเร้าชายหญิงให้ลุกขึ้นมาโยกตามเสียงเพลง หนูนาพาเธอเดินไปบนชั้น 2 ก่อนที่จะพาเดินเข้าไปในห้อง VIP ที่ภายในห้องกว้างขวางดูเป็นส่วนตัวแต่ยังคงไว้ซึ่งความครื้นเครงตามประสาผับ
เมื่อหญิงสาวทั้งสองต่างคนต่างนั่งโซฟาตามสะดวกของตน หนูนาจึงเปิดโต๊ะด้วยเหล้าราคาแพง แต่ก็ไม่ได้ลืมเพื่อนจึงสั่งเครื่องดื่มมิกเซอร์มามากมายเพื่อให้เพื่อนเธอได้ลอง ลัลน์ลองจิบแอลกอฮอล์เห็นว่าดื่มง่ายไม่บาดคอจึงได้ชนแก้วกับเพื่อนเธอหลายครั้ง ท่ามกลางบีทเพลงหนักๆ บวกกับแอลกอฮอล์ทำให้เลือดลมซูบฉีด ใบหน้าสวยเฉี่ยวหนูนาแดงก่ำแล้วเมื่อกรึ่มได้ที่จึงลุกขึ้นมาเต้นโยกย้ายส่ายสะโพก ผมเป็นลอนซึ่งจัดทรงมาพริ้วไหวไปตามสียงเพลง ยิ่งทำให้หนูนายิ่งดูเซ็กซี่ดึงดูดสายตาของผู้ชายฝั่งตรงข้ามได้เป็นอย่างดี
“หนูนาดื่มให้มันน้อยๆ ซิ ไหนว่าจะมาดูแลไง ดื่มเมาขนาดนี้แล้วเราจะกลับกันยังไง”
“ไม่ต้องห่วง ฉันตามอาร์มให้มาที่ผับนี้แล้ว สบายใจได้เรามาดื่มให้สะใจลืมผู้ชายเฮงซวยกันเถอะ”
เมื่อลัลน์ห้ามปรามเพื่อนไม่ได้จึงปล่อยอารมณ์ไปตามเสียงเพลง แต่หากไม่ได้ลุกขึ้นมาเต้นแบบเพื่อนเธอ ด้วยร่างกายของเธอนั้นค่อนข้างไม่ประสานไปกับดนตรี เธอจึงทำได้เพียงจิบแอลกอฮอล์ไปเรื่อย รอให้อาร์มเพื่อนรักของหนูนาอีกคนมาหิ้วพวกเธอกลับ
“เอ้า!!! ลัลน์หนูนาไปอยู่ไหนแล้วล่ะทำไมทิ้งเธอไว้อยู่คนเดียว”
“ไปออกเสต็ปอยู่ข้างล่างโน่นแหละ ดูเหมือนว่าจะเมาได้ที่เลย ว่าแต่คุณกฤษณะรีบบึ่งรถมาที่นี่เพื่อทำงานคะแนนกับเสาหินหรือจ๊ะ” หญิงสาวพูดแกมหยอกชายหนุ่มที่คอยตามดูแลห่วงใยเพื่อนเธอเสียเป็นอย่างดี แต่เสาหินอย่างหนูนาก็ไม่เคยรับรู้ถึงความรู้สึกของเพื่อนรักคนนี้เลย ไม่รู้ว่ารู้แล้วแกล้งทำเป็นไม่รู้กันแน่ ก็ได้แต่สงสารอาร์มที่รักเพื่อนเธอข้างเดียว
“เราไปดูหนูนาก่อนนะ ส่วนลัลน์ก็ระวังตัวอยู่แต่ในห้องไว้ล่ะ ใครมาชนแก้วด้วยก็ไม่ต้องไปกินล่ะ” อาร์มยิ้มน้อยๆตอบรับลัลน์ก่อนที่จะไปดูแลหนูนาก็มิวายสั่งสอนหญิงสาวประหนึ่งว่าเป็นเด็กน้อยอายุสิบขวบ
“ค่ารับทราบค่า จะระมัดระวังตัวนะคะคุณพ่อ” อาร์มส่ายหน้าให้กับความประชดประชันของลัลน์แล้วจึงเดินลงไปหาหญิงในดวงใจของตน ทีเธอตามเทียวไล้เที่ยวขื่อมาตั้งแต่สมัยมัธยม จนผ่านมา 7 ปีแล้วเขาก็ยังเป็นได้แค่เพื่อนสนิทของหนูนาเหมือนเดิม
เมื่ออยู่ตัวคนเดียวความเศร้าก็แล่นพาทำให้เจ็บ ถึงแม้เธอจะไม่ได้รู้สึกโหยหาเขาแล้วแต่ความเจ็บนั้นก็ยังไม่เสื่อมคลาย เมื่ออารมณ์พาไปลัลน์จึงกระดกเหล้าไม่พัก หันไปเทเหล้าที่หนูนาเปิดทิ้งไว้แล้วกระดกไม่ยั้งเพื่อให้คลายความเจ็บปวดในใจ หญิงสาวดื่มไปสักพักแล้วรู้สึกมึนหัวจึงได้หยุดดื่มก่อนที่เธอจะได้อาเจียนหมดสภาพอยู่ตรงนี้
ลัลน์เดินไปห้องน้ำเพื่อให้ตนเองสร่างเมา แต่เธอกลับเจอมาร์คกำลังจูบนัวเนียกับผู้หญิงซึ่งไม่ใช่ญดาอยู่หน้าห้องน้ำอย่างไม่กลัวใครจะมาเห็น แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเหมือนมาร์คจะเห็นและคุ้นตาเธอจึงเอ่ยเรียกหญิงสาว
“ลัลน์ นั่นเธอใช่ไหม” มาร์คผลักหญิงสาวหุ่นสะบึ้มที่ตนเองมั่วอยู่เมื่อสักครู่ออกเมื่อเจอลัลน์คนรักเก่าของเขาที่ดูเหมือนว่าเธอจะสวยและหุ่นดีขึ้นมาก
“ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะถ้าไม่มีต้องขอตัวก่อนค่ะ แฟนของหนูเขารออยู่” เธอโกหกคำแล้วรีบเดินจ้ำอ้าวออกมาจากห้องน้ำเพื่อหนีหน้ามาร์ค
“พี่ไม่เชื่อหรอกว่าลัลน์จะลืมพี่จนมีคนอื่นแล้ว” ลัลน์เป็นคนหัวอ่อนรักเขามากขนาดนี้ เขาไม่เชื่อหรอกว่าเวลาแค่เพียง 1 เดือนจะทำให้เธอลืมเขา
หญิงสาวยืนมองหน้ามาร์คอย่างเหลือจะเชื่อในความมั่นใจของเขา ถึงแม้ว่าเขาจะดถูกก็เถอะ แต่ไอ้อาการไม่สำนึกผิดอะไรเลยราวกับว่าตนทำสิ่งที่ถูกที่ควรแล้ว ยิ่งตอกย้ำให้เธอคิดว่าเธอไปหลงผิดรักคนแบบนี้ได้อย่างไร และเหมือนสวรรค์บันดาลโอกาสให้เธอเมื่อมีชายหนุ่มหน้าตาดีสูงกำยำ เธอจึงใจกล้าหันไปทักทายชายหนุ่ม
“หืมม คุณป๋ารอหนูไม่ไหวจนต้องเดินมาตามเลยหรือคะ” ไม่รู้ว่าด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรือไม่ทำให้หญิงสาวขาดความยั้งคิดวาดวงแขนโอบรอบคอชายหนุ่มแปลกหน้าโน้มลงมาแล้วประกบปากจูบ
คิณณ์ตกใจเล็กน้อยที่อยู่ๆ มีหญิงสาวใจกล้าฉุดเขามาจูบ จะเรียกว่าจูบก็คงไม่เชิงเมื่อหญิงสาวเพียงแต่หลับหูหลับตาขยี้ปากเขาอย่างเดียวด้วยความไม่ประสีประสา คนแก่กว่าทั้งอายุและประสบการณ์จึงเป็นนำเกมเรียวปากหนาไล่เลียขบริมฝีปากอวบอิ่มเพื่อให้เปิดกว้างรับลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากของสาวร่างเล็กหอมกรุ่นตรงหน้า บีบปากให้เธอรับจุมพิตอันหนักหน่วง ลิ้นหนาตวัดรัดรึงดูดลิ้นลิ้นเล็กพลันสลับกับดูดปากเธอไป เขาสัมผัสได้ถึงแอลกอฮอล์เจือจางอยู่ในของสาวน้อย ร่างกายทั้งสองโอบกอดแนบชิดอย่างไม่ช่องว่างให้แม้แต่อากาศเข้าได้โดยไม่ได้หันไปสนใจชายหนุ่มต้นเรื่องที่หัวเสียเดินจากไปแล้ว