"ระหว่างเป็นผู้พิพากษากับเป็นเมียผู้พิพากษาอันไหนเป็นง่ายกว่ากันคะ?" "...เอาเวลาที่จีบฉันไปอ่านหนังสือจะดีกว่าไหม..."
รัก,ชาย-หญิง,ยุคปัจจุบัน,ไทย,ผู้ใหญ่,nc,เย็นชา,เด็กฝึกงาน,ผู้พิพากษา ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก"ระหว่างเป็นผู้พิพากษากับเป็นเมียผู้พิพากษาอันไหนเป็นง่ายกว่ากันคะ?" "...เอาเวลาที่จีบฉันไปอ่านหนังสือจะดีกว่าไหม..."
ลัลน์กับกุลธิดามาถึงศาลก็เป็นเวลาบ่ายโมงแล้ว พระอาทิตย์กำลังขึ้นตรงหัวแผ่กระจายความร้อนไปทั่วทุกอณูจนแสบร้อนผิวไปตามๆ กัน หญิงสาวถือเอกสารสำนวนเดินตามกุลธิดาเข้าศาลไป
"ลัลน์พี่ฝากไปเลื่อนคดีของเจษที่บัลลังก์ 3 ของท่านณรงค์ให้พี่ที เอาสมุดนัดพี่ไปลงวันให้พี่ด้วยนะ" กุลธิดาไหว้วานพร้อมยื่นเอกสารมาให้เธอเสร็จสรรพก่อนจะเดินจากไปไม่ให้ลัลน์ทักท้วงอันใดได้อีก เสียงข้อความโทรศัพท์แจ้งเตือนขึ้นมา
Pkinn: ลุกขึ้นมากินข้าวหรือยัง?
หาใช่คนอื่นคนไกลที่ไหนแต่เป็นคนที่เธอพยายามหลบหน้าอยู่ในตอนนี้ส่งข้อความมา ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนกีดกันเธอเองรึไงเธอถึงต้องทำตัวแบบนี้กับเขา
ไม่กี่อึดใจหญิงสาวนั่งทำใจได้แล้ว สูดลมหายใจเข้าหนักๆ ไม่เข้าไปตอบข้อความของเขา เขากับเธอต่างกันเกินไปเขาเป็นถึงผู้พิพากษาจะมาสนใจเด็กกะโปโลอย่างเธอทำไมกัน สู้คบกับผู้พิพากษาด้วยกันจะไม่สมฐานะกว่ากันหรือเมื่อลัลน์ทำใจได้แล้วจึงนั่งตรวจเช็คเอกสารที่จะต้องยื่นเซ็นเอกสารตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนที่จะทำการยื่นเอกสาร
"หู้ยย ท่านนันท์วันนี้ไปทานข้าวกับท่านคิณณ์มาหรือคะ อย่าบอกนะคะว่าคบกันแล้ว" เสียงวีดว้ายดังขึ้นทางด้านหลังเธอ
บทสนทนาที่ทำเอาลัลน์ใจกระตุกเมื่อปรากฏชายหนุ่มที่ชอบพออยู่ในใจนั้นไปทานข้าวกับผู้พิพากษาด้วยกันกุลนันท์ไม่กล่าวตอบอะไรเพียงแต่ยิ้มอย่างขวยเขินก่อนที่จะเดินลับสายตาเธอไป
พลันรู้สึกเจ็บลึกในหัวใจเมื่อพบว่าท่านคิณณ์ผู้นั้นมีคนที่คบหาด้วยเสียแล้ว ยิ่งทำให้เธอน้ำเอ่อรื้นขอบตา ท่านนันท์ทั้งสวย ร่างเล็กตามรสนิยมของชายไทย ฐานะทางสังคมก็เชิดหน้าชูตาเขาได้เป็นอย่างดี ซึ่งตรงข้ามกับเธอทุกอย่างที่ไม่อาจเชิดหน้าชูตาเขาได้ยังไม่พออาจฉุดรั้งทำให้ชื่อเสียงของเขามัวหมองเสียด้วยซ้ำ
เมื่อหญิงสาวทำใจได้แล้วจึงเดินเข้าห้องจารณายื่นเอกสารให้แก่เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ ก่อนจะนั่งลงคนละฝั่งเพื่อไม่ให้ตรงกับเขา
"ท่านกำลังจะลงมาแล้ว กรุณาปิดเสียงโทรศัพท์และไม่เล่นในระหว่างการพิจารณาคดีนะคะ" เสียงพี่เก๋เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์เอ่ยเตือนให้ทุกคนเตรียมพร้อม
หัวใจเธอเต้นตุ้มๆต่อมๆ เพราะไม่อาจทราบได้ว่าท่านคนใดจะลงมาก่อนกัน ถึงแม้จะเตรียมใจมาแล้วก่อนเข้าห้องมาแต่ก็ไม่อาจทำให้เธอรู้สึกพร้อมที่จะเจอหน้าเขา
ผู้พิพากษาร่างสูงใหญ่ค่อนไปทางเจ้าเนื้อเปิดประตูออกมา ลัลน์ลุกขึ้นยืนทำความเคารพถอดถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอแค่มาเลื่อนคดีคงไม่นานมากนัก ถ้าโชคดีก็คงไม่ต้องพบหน้ากันหากโชคร้ายสักหน่อยก็คงพบเจอกันเพียงครู่เดียวเท่านั้น
"คดีของนายกุณฑล วิรหเสนา โจทก์ กับนางสาวเพ็ญศรี อ่อนฤทัย จำเลย"
"ค่ะท่าน"
"เสมียนทนายรึ" เสียงทุ้มอย่างใจดีหันมองหญิงสาวนักศึกษาซึ่งลุกขึ้นเดินมาคุยกับตน
"ค่ะท่าน" เสียงหวานตอบท่านอย่างประหม่าที่ต้องมาเจรจากับผู้พิพากษาคนเดียว ถึงแม้ว่าจะมาเพียงเลื่อนคดีก็ตาม
"ทนายว่าอย่างไร ให้มาเลื่อนคดีเป็นวันไหน"
"ขอเป็นวันที่ 15 ธันวาคม ช่วงเช้าค่ะท่าน"
"ทนายจำเลยสะดวกหรือไม่" ณรงค์หันไปถามทนายความฝ่ายตรงข้าม
"สะดวกครับท่าน เอาเป็นศาลสั่งอนุญาตให้เลื่อนคดีไปเป็นวันที่ 15 ธันวาคม เวลา 9.00 นาฬิกานะ"
"ค่ะ/ครับท่าน" เธอและทนายความของจำเลยต่างขานรับท่านณรงค์
ในขณะที่เธอกำลังจดคดีในสมุดนัดของพี่กวาง ชายหนุ่มตัวต้นเรื่องปัญหาหัวใจของลัลน์ก็เดินออกมานั่งบนบัลลังก์เคียงข้างกับท่านณรงค์ คิ้วหนาขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด สายตาคิณณ์จับจ้องเขม็งดุดันไปยังร่างบาง ที่ตั้งแต่เขาเดินเข้าห้องพิจารณาเธอกลับไม่ชายตามองเขาเลยสักนิด หนีมาฝึกงานพอทำเนา แชทไปถามก็ไม่ตอบ มาเจอเขาในห้องนี้ยังทำเมินเขาอีก!!!
ลัลน์แสร้งทำตัวปกติไม่หันไปมองสบตาคมที่จ้องมองมาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อเธอ ตัวเองมีแฟนแล้วอยู่แล้วจะมายุ่งวุ่นวายกับเธอไปอีกทำไม หญิงสาวเซ็นรับทราบในกระบวนรายงานพิจารณาเสร็จจึงค้อมศีรษะทำความเคารพศาลก่อนเดินออกจากห้องพิจารณาไป
"จ้องน้องเขาทำไมสนใจรึเจ้าคิณณ์" ณรงค์กระซิบถามอย่างหยอกเย้า ไม่เคยเห็นท่านคิณณ์ผู้นี้ชายตามองหญิงใด
"เปล่าครับ" เสียงทุ้มเอ่ยปฏิเสธอย่างเย็นชา หันหน้าเรียกขานคดีของตนต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไว้เขาค่อยไปคิดบัญชีกับหญิงสาวทีหลังแล้วกัน
เธอเดินตามโถงทางเดินเพื่อไปยังห้องพิจารณาคดีอย่างใจลอย ในหัวใจเจ็บหนึบกับรักครั้งใหม่ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นรักข้างเดียวของเธอฝ่ายเดียวเสียด้วย ลัลน์ทำใจให้มีแรงไล่ความคิดฟุ้งซ่านจะได้เรียนรู้งานอย่างที่ตั้งใจไว้
"ยื่นเลื่อนคดีให้พี่เจษเขาแล้วใช่ไหมลัลน์" กุลธิดาเอ่ยปากถามเมื่อสาวรุ่นน้องเดินเข้าห้องพิจารณามาทรุดตัวลงนั่งข้างตน
"เรียบร้อยค่ะพี่กวางลงวันนัดไว้วันที่ 15 ธันวาช่วงเช้าค่ะ" เสียงใสกระซิบตอบกุลนันท์อย่างแผ่วเบา เกรงว่าหากพูดดังกว่านี้ท่านจะเขม่นเธอเอา
"คดีพี่ของท่านนันท์ รอท่านเรียกไม่นานเราคงได้กลับกัน"
"ค่ะ" เสียงแผ่วรับอยู่ในลำคอจนกุลธิดาแทบไม่ได้ยินแต่เห็นหญิงสาวพยักหน้าอย่างรับรู้จึงไม่ได้ว่ากล่าวอะไรต่อไป
เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดของเธอจริงๆ ก่อนหน้านี้เธอไปบัลลังก์ของท่านคิณณ์แฟนของท่านนันท์บัลลังก์นี้พอดิบพอดี ยิ่งเห็นร่างเล็กทะมัดทะแมงในชุดครุยผู้พิพากษาท่วงท่ามีสง่าราศีน่าเคารพช่างเหมาะสมกับท่านคิณณ์เสียนี่กระไร
ถึงแม้ภายในใจเธอจะถูกบีบคั้นด้วยความเจ็บปวดมากสักเพียงใด เธอก็ต้องยอมรับในความแตกต่างนี้ในส่วนที่เธอไม่อาจเป็นให้เขาคนนั้นได้ ถึงว่าเมื่อคิณณ์ถึงผลักไสเธอเช่นนั้นเพราะเขามีคนของใจของเขาอยู่แล้ว เธอคงเป็นเพียงดอกไม้ริมทางที่เขาแวะมาเชยชม
ดวงตากลมโตหวานฉายแววเศร้าหมอง ก้มหน้างุดกัดริมฝีปากล่างอย่างแรงพลางกลั้นน้ำตาที่รื้นขังคลอหน่วยตา เสียงของกุลนันท์ดังขึ้นตลอดการพิจารณายิ่งทำให้ตอกย้ำความคิดเกินเลยของเธอหัวใจเจ็บปวดรวดร้าวราบกับมีเข็มนับหมื่นมาทิ่มแทงหัวใจ แต่เธอก็ต้องฝืนทนฟังไปจนเสร็จสิ้นกระบวนพิจารณา
"เป็นไงบ้างลัลน์น่าเบื่อจนหาวตาแดงเลยรึ" กุลธิดาเอ่ยหยอกเย้าหญิงสาวอย่างเอ็นดูเมื่อหันมาพบว่าสาวน้อยดวงตาแดงกร่ำ การพิจารณาคดีในศาลไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจหากไม่ได้ซักค้านพยานแล้วก็ล้วนน่าเบื่อทั้งสิ้น คงเป็นเหตุให้ลัลน์นั่งง่วงในห้องพิจารณา
"นิดนึงค่ะ" เสียงหัวเราะกลบเกลื่อนความรู้สึกในใจ ดีแล้วที่พี่กวางคิดเช่นนั้น เธอจะได้ไม่ต้องนั่งคิดเหตุผลมาโกหกพี่เขา
"แล้วเราจะกลับหอพักเลยไหมพี่จะได้เลยไปส่งเราด้วย"
"ไม่เป็นไรค่ะพี่กวาง เดี๋ยวลัลน์ต้องเข้าสำนักงานไปเก็บของอีกไม่รบกวนพี่กวางค่ะ"
"ขยันฝึกไปไหนจ้ะหนูลูก ค่อยๆเป็นค่อยๆไปก็ได้ รีบไปก็เครียดเปล่านะจ้ะ"
"คิกๆ พี่กวางก็ว่าไปนั่น" หญิงสาวหัวเราะร่อกับการหยอกล้อของกุลธิดาอย่างขำขัน ถึงแม้ชีวิตรักไม่สมหวังแต่คนรอบข้างเมตตาเอ็นดูเธอก็รู้สึกว่าชีวิตนี้แสนจะโชคดีแล้ว
ลัลน์ถึงหอพักเป็นเวลาบ่ายสามโมงกว่า เมื่อกลับจากศาลมาถึงสำนักงานพี่ๆต่างบอกให้เธอกลับไปพักผ่อน ไม่มีงานอะไรให้เธอทำแล้ว พี่เจษเองก็คะยั้นคะยอให้เธอกลับไม่งั้นเขาจะไปส่งถึงหอ เมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธได้จึงจำใจที่จะต้องเลิกงานแล้วนั่งรถกลับหอมาก่อนเวลาเลิกงาน
หญิงสาวทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาแหงนหน้ามองเพดานห้องสีขาวอย่างใช้ความคิดราวกับว่าจะพบคำตอบบนเพดาน ในความเงียบงันของห้องมีเพียงเสียงพัดลมเปิดให้ความเย็นแก่ร่างบางเท่านั้น น้ำตาเอ่อคลอด้วยความรู้สึกไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
Pkinn: เลิกงานกี่โมง เดี๋ยวไปรับ
เสียงข้อความจากบุคคลที่เธอไม่อยากติดต่อด้วยในตอนนี้แจ้งเตือนบนหน้าจอ ในเมื่อเขามีคนรักอยู่แล้วทำไมไม่ไปส่งท่านนันท์จะมาวอแวให้เธอหัวใจสั่นไหวทำไม
ลัลน์ปิดเสียงโทรศัพท์ก่อนที่จะหลับตาเอนหลังราบไปกับโซฟา น้ำตาที่พยายามอดกลั้นไว้ไม่ให้ไหลออกมา บัดนี้ได้ไหลนองอาบสองแก้มจนหมอนตรงนี้นเป็นวงเล็กๆ ก่อนที่หญิงสาวจะผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย