"ระหว่างเป็นผู้พิพากษากับเป็นเมียผู้พิพากษาอันไหนเป็นง่ายกว่ากันคะ?" "...เอาเวลาที่จีบฉันไปอ่านหนังสือจะดีกว่าไหม..."
รัก,ชาย-หญิง,ยุคปัจจุบัน,ไทย,ผู้ใหญ่,nc,เย็นชา,เด็กฝึกงาน,ผู้พิพากษา ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก"ระหว่างเป็นผู้พิพากษากับเป็นเมียผู้พิพากษาอันไหนเป็นง่ายกว่ากันคะ?" "...เอาเวลาที่จีบฉันไปอ่านหนังสือจะดีกว่าไหม..."
เมื่อมาถึงสำนักงาน เจษฎาและลัลน์ช่วยกันหิ้วทลายมะพร้าวที่ได้มาเป็นของฝากจากลูกความซึ่งเต็มท้ายรถเข้าไปในออฟฟิศอย่างทุลักทุเล ทลายหนึ่งน้ำหนักไม่ใช่น้อยสุดท้ายเจษฎาต้องเป็นคนแบกขึ้นห้องมาแต่เพียงฝ่ายเดียว
“วันนี้สำนักงานเราแจกมะพร้าวกันหรือคะพี่เจษ?” เสียงเนตรนภาแซวพลางหัวเราะเมื่อเห็นเจ้าของสำนักงานขนมะพร้าวมาหลายลูก
“ของฝากจากลูกความครับ ช่วยนำกลับบ้านไปรับประทานตอบแทนที่ผมคนนี้ต้องไปลำบากแลกด้วยหยาดเหงื่อของผมมา” เจษฎาเอ่ยอย่างหยอกเย้าตาเปล่งประกายอย่างคนเจ้าเล่ห์
“แหมๆ พูดเหมือนตัวเองไปปลูกไปสอยมางั้นแหละ” กุลธิดาอดถากถางหนุ่มรุ่นน้องที่เสนอขายอย่างเกินหน้าเกินตาราวกับเป็นมะพร้าวในสวนตัวเองอย่างไรอย่างนั้น ทุกวันนี้เห็นกะล่อนเสนอขายตัวเองไม่ว่างเว้นเช่นเดียวกัน แต่ดูเหมือนน้องชายคนนี้มันจะหมาหยอกไก่ไปอย่างนั้น
“โห่พี่กวางว่าไปนั่น ถึงไม่ได้ลงแรงเองก็เหมือนอยู่ผมอุตส่าห์พาลูกรักไปลุยถนนลูกรังมาเชียวนะพี่ ตอนนี้ลูกผมสภาพมอมแมมหมดแล้ว” เจษฎาโอดครวญถึงความยากลำบากในการได้มะพร้าวในครั้งนี้ เขารู้สึกเจ็บปวดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นสภาพลูกรักที่เปื้อนฝุ่นจนรถสีขาวกลายเป็นสีแดงทั้งคัน!
“พี่จะเห็นแก่ความยากลำบากของเราในครั้งนี้พี่จะแบกกลับบ้านไปกินให้อร่อยเลย” กุลธิดายังคงไม่หยุดเย้าเจษฎาที่ตอนนี้หน้าบอกบุญไม่รับไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อทุกคนหยอกเย้ากันพอประมาณและทำการแจกจ่ายมะพร้าวเสร็จ ภายในสำนักงานกลับมาสู่บรรยากาศของการทำงานอีกครั้งทุกคนต่างแยกย้ายไปทำงานของตนเอง ในขณะที่ลัลน์เตรียมเอกสารเพื่อออกไปส่งโนติสก์ที่ไปรษณีย์ หญิงสาวแทบไม่มีเวลาได้พักมือเล็ก ๆ ของเธอยังคงระวิงกับการเตรียมเอกสารให้พร้อมรวมถึงเตรียมเอกสารเพื่อไปคัดทะเบียนบ้าน เมื่อพิจารณาถึงจำนวนแล้วเธอคงได้กลับเข้ามาในออฟฟิศอีกทีคงเย็นย่ำพอดี
ความเร่งรีบทำให้เธอแทบไม่ได้แตะโทรศัพท์ที่วางอยู่ในกระเป๋าถือ เมื่อกลับมาถึงสำนักงานลัลน์จึงคว้าโทรศัพท์เช็คดูข้อความเผื่อชายหนุ่มคนรักจะส่งข้อความมาหาเธอ แต่ผิดคาดคนที่ส่งมานั้นคือหนูนาเพื่อนรักของเธอ
Nunaคนสวย: เย็นนี้ว่างไหมไปหาอะไรกินด้วยกันเถอะนะ
คิ้วเรียงสวยขมวดเป็นปมถึงแม้จะดูเหมือนข้อความชวนหาอะไรกินทั่วไปแต่กลับดูอ้อนวอนจนผิดปกติ แต่เธอยังไม่ทันได้ตอบเสียงทักทายของกุลธิดาทักขึ้นท่ามกลางความวุ่นวายของเพื่อนร่วมงานที่กำลังเก็บของและเตรียมตัวกลับบ้าน
“อ้าว ท่านมาที่นี่อะไรหรือเปล่าคะ?” เสียงกุลธิดาเอ่ยทักทายคนตัวโตที่เธอไม่เคยพบเจอที่อื่นนอกจากในศาลเท่านั้นสร้างความงงงวยให้กับกุลธิดาและเนตรนภาเป็นอย่างยิ่ง
หญิงสาวเงยหน้าจากโทรศัพท์ตรงหน้าพร้อมกับเลิกคิ้วอย่างสงสัยว่าใครมาจึงทำให้สำนักงานวุ่นวายนัก เมื่อดวงตากลมโตของเธอหันไปตามต้นเสียงต้องถึงกับชะงัก คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ใช่ใครอื่นใดเขาคือคิณณ์ณภัทรคนรักของเธอนั่นเอง
คิณณ์ผงกหัวรับคำทักทายจากสองสาวก่อนจะตรงดิ่งเข้ามาหาเธอที่ยืนอยู่ด้านในสุดของสำนักงาน สายตาคมเจือแววอ่อนโยนที่สงวนไว้สำหรับเธอเพียงคนเดียว
“พี่ขึ้นมาที่นี่ทำไมคะ?” ลัลน์ที่ตอนนี้ลุกขึ้นยืนมองหน้าชายหนุ่มอย่างตกใจไม่คาดว่าเขาจะเดินขึ้นมารับเธอถึงในสำนักงาน ใบหน้าหวานแดงก่ำไปด้วยความเขินอายหลบสายตาของกุลธิดาและเนตรนภาที่จ้องมองมาอย่างสงสัยใคร่รู้
“ก็พี่ขึ้นมารับหนูไงคะ” ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ ขณะที่เดินเข้ามาใกล้
“ไม่เห็นต้องมาถึงข้างในเลยนี่คะ พี่ทักมาก็ได้หนูจะได้รีบลง” หญิงสาวก้มหน้างุดเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่ว
“เอ๊ะยังไงกันคะคู่นี้ อย่าบอกนะว่า...” เนตรนภาเมื่อเห็นอาการเขินอายและท่าทีอ่อนโยนของคิณณ์ทำให้เธอพอจะรับรู้ความสัมพันธ์พิเศษของสองคนนี้ก่อนจะเอ่ยปากแซวคนตัวเล็กที่เขินอายไม่กล้าซบตา
“ใช่ครับ ลัลน์เธอเป็นคนรักผม” คิณณ์หันมาตอบรับเนตรนภา พลางโอบเอวบางเข้ามาประชิดตัว ลัลน์เก้อเขินเกินกว่าที่จะสู้หน้าพี่ๆในสำนักงานได้เมื่ออยู่ๆชายหนุ่มผีเข้าประกาศความสัมพันธ์โดยที่ไม่ให้เธอได้ตั้งตัวเสียก่อน
“ว้าว นี่ลัลน์ไปคว้าเอาผู้พิพากษามาจากไหน บอกบุญพี่บ้างเพื่อพี่ได้มาสักคน” เนตรนภายังคงหยอกล้อลัลน์จนใบหน้าแดงระเรื่ออย่างปิดไม่มิด ตัวต้นเรื่องก็ช่างกระไรเอาหัวเราะเบา ๆ พร้อมเอียงคอมองเธอด้วยสายตาขี้เล่นแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ปล่อยให้เธอกระอักกระอ่วนใจอยู่คนเดียว
“ไหนๆมึงก็ขึ้นมาแล้วไปแบกทลายมะพร้าวกลับไปด้วย” เจษฎาเอ่ยบอกเพื่อนรักพลางส่ายหน้าให้กับความอยากเปิดตัวของมันถ้าไม่ติดว่าเด็กสาวฝึกอยู่ที่สำนักงานเขาแล้วมันคงพาไปเปิดตัวศาลเป็นแน่แท้ อายุอานามห่างกันจนจะครบรอบหรือตอนนี้มันเป็นเทรนด์กินเด็กเขาก็ไม่แน่ใจ ตัวเขาไม่ค่อยนิยมจะกินเด็กที่ห่างกับตัวเองขนาดนั้นห่างกันสักห้าปีเขายังพอได้ แต่ถ้าจะให้ห่างกันเหมือนคิณณ์แล้วก็สู้ไม่มีเมียกินไปเรื่อยเสียดีกว่า
“อืม ได้มาจากสวนลุงสมพงษ์เรอะ” ชายหนุ่มร่างกำยำเดินเข้าไปด้านหลังสำนักงานก่อนจะถือทลายมะพร้าวออกมาราวกับถือถุงหิ้วของธรรมดาอย่างไรอย่างนั้น ลัลน์มองอย่างอัศจรรย์ใจเธอแทบจะลากทลายมะพร้าวเสียด้วยซ้ำ คนงานของลุงสมพงษ์ยังต้องใช้แรงเหวี่ยงในการยกขึ้นเลยแต่เขาทำเหมือนกับมันเบาเสียอย่างงั้น
“เออ เฉาะมะพร้าวเป็นใช่ไหม ถ้าเฉาะให้เมียกินไม่ได้ก็ไปตายซะ” เจษฎาอดแขวะชายหนุ่มไม่ได้ รู้ว่ามันเฉาะให้เมียมันกินได้นั่นแหละ ถึงมันจะดูเป็นคุณชายที่มีคนคอยประเคนทุกอย่างให้ก็ตาม จนมันไปเที่ยวบ้านเขาไปคอยเรียนรู้ช่วยเหลือที่ไร่เขา ช่างน่าเหลือเชื่อไม่รู้ว่ามันลูกรักพระเจ้าหรืออย่างไรมันเรียนรู้ทำเป็นเสียทุกอย่างจนน่าหมั่นไส้
“เสือก” คิณณ์ไม่เอ่ยให้มากความด่าเพื่อนรักต่อหน้าทุกคนอย่างไม่มีความเกรงใจหรือไว้หน้าต่อกัน
“นี่เจษกับท่านคิณณ์สนิทกันขนาดนี้เลยหรือคะ” กุลธิดามองหน้าชายหนุ่มร่างโตทั้งสองที่ยืนด่ากันราวกับอยู่กันเพียงสองคน เธอกับเนตรนภาต่างมองหน้ากันอย่างตกใจในความสัมพันธ์ของท่านคิณณ์กับเด็กฝึกงานแล้ว เธอยังต้องตกใจกับความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้าเธอกับผู้พิพากษาหนุ่มคนนี้อีกถึงแม้เธอจะพอเดาได้ลางๆแต่ก็ยังถามให้รู้แน่ชัดกันไปเลย
“ครับพี่กวางเป็นเพื่อนสมัยมัธยมแต่ก็จำใจคบมันมานี่แหละคบ”
“คิดว่ากูอยากคบกับมึงนักรึไง” คิณณ์ไม่แคล้วหันไปด่าเพื่อนที่ปากมาก ถึงเขาจะกัดกันเป็นประจำแต่พวกเขาทั้งสองก็รักกันดี อาจจะเป็นเพราะว่าลึกๆแล้วทั้งสองคนมีอะไรคล้ายๆกันก็เป็นได้
“หนูทำงานกับพี่มาหลายปีไม่เคยเห็นพี่พูดถึงเลยว่าสนิทกับท่านคิณณ์เลย” เนตรนภาเอ่ยปากถามขึ้นบ้างทำงานกับเจษฎามานานหลายปี อย่าว่าแต่พูดถึงเลยเธอไม่เคยเห็นทั้งสองทักทายกันเสียด้วยซ้ำ แล้วที่พวกเธอนินทาท่านคิณณ์ให้เขาฟังไม่เอาความไปเล่าให้หมดแล้วหรือ
“อืม พี่แยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานออกจากกันเลยไม่อยากให้ใครรู้เดี๋ยวจะพาลมองไม่ดี แต่วันนี้มันดันเสนอหน้ามาเองก็ช่วยไม่ได้” เจษฎาหันไปตอบเนตรนภาแต่ก็อดกระแนะกระแหนเพื่อนรักไม่ได้
“ไร้สาระ! เรากลับบ้านกันเถอะนะคะ” คิณณ์เอ่ยอย่างรำคาญ ก่อนจะหันไปพูดกับคนตัวเล็กข้างกายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนผิดแผกกับที่พูดกับเพื่อนเขาอย่างสิ้นเชิง
“ค่ะ” ลัลน์ที่นิ่งเงียบมองชายตัวโตสองคนตีกันราวกับเด็กๆทั้งที่อายุอานามทั้งสองก็เข้าเลขสามกันแล้ว หญิงสาวได้แต่ส่ายหน้าให้กับทั้งสอง เมื่อคิณณ์หันมาชวนเธอกลับจึงรีบตกปากรับคำก่อนจะศึกน้ำลายขึ้นเป็นครั้งที่สอง
“กูล่ะเหม็นความรัก”
“ก็หาเมียซะสิ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพลางยิ้มเยาะเพื่อน ก่อนจะเดินหิ้วกระเป๋าพร้อมแบกทลายมะพร้าวไปอย่างไม่กลัวเสื้อเปื้อน
“ใครจะไปหาง่ายเหมือนมึงล่ะ” เจษฎาตะโกนไล่หลังชายหนุ่มไปเมื่อมันปากดีจี้ปมเขา ตอนแรกก็นึกว่ามันจะอยู่เป็นโสดเป็นเพื่อน เขาจึงไม่ได้เดือดร้อนอะไรแต่พอมันมีเท่านั้นแหละมันดันอวดเมียหลงเมียจนเขาหมั่นไส้ รู้อย่างนี้ปล่อยให้มันเป็นหมาหงอยแบบเดิมเสียดีกว่า
ชายหนุ่มเดินจูงมือเดินเคียงข้างลัลน์ออกมาจากสำนักงาน ความอุ่นจากมือที่มือหนากอบกุมไว้ส่งผ่านมาถึงเธอเมื่อมาถึงรถหรูสีดำคันใหญ่ซึ่งจอกทิ้งไว้หน้าสำนักงาน คิณณ์ปล่อยมือเธอเบา ๆ ก่อนจะหันไปเปิดท้ายรถยกทลายมะพร้าวน้ำหอมอย่างคล่องแคล่ว
“ไม่คิดเลยนะคะว่าพี่จะดูคล่องแคล่วแบบนี้” เธออดที่จะแซวเขาไม่ได้ ถึงแม้เขาจะร่างกายใหญ่โตแต่เขาก็ไม่น่าจะเคยเข้าไร่เขาสวนที่จะต้องใช้แรงแบบนี้
“ไม่ใช่แค่ยกของนะ เรื่องอื่นพี่ก็คล่องแคล่วเหมือนกัน” สายตาคมกริบจ้องมองเธออย่างมีเลศนัย คำพูดแสนกำกวมของเขาพาหญิงสาวหน้าแดงเขินอายให้กับความกะล่อนของเขา ก่อนจะรีบเปิดประตูรถเข้าไปนั่งรอชายหนุ่มในรถ
“ฟอดด เหนื่อยไหมคะวันนี้หน้าซีดเชียว” คิณณ์ขึ้นรถมาหันไปหอมแก้มนวลที่ขึ้นสีระเรื่อพลางเอ่ยถามคนตัวเล็กอย่างเป็นห่วง
“พี่ไม่เหม็นเหงื่อหนูหรือไงคะ วันนี้หนูไปตากแดดอาบเหงื่อมาครึ่งค่อนวัน”
“หนูเนื้อตัวหอมหวานขนาดนี้ ใครจะกล้าว่าเหม็น” เขาพูดพร้อมสบตาเธอพร้อมกับหอมแก้มเธออีกครั้งเพื่อยืนยันในสิ่งที่เขาพูดไป
“โรคจิตรึไงคะ! ขับรถไปเลยค่ะไม่งั้นหนูไปขึ้นรถเมล์แน่” ลัลน์เสียงแหวใส่ชายหนุ่มโรคจิตข้างกาย ก่อนจะรู้จักกันก็ดูเป็นคนปกติดี แต่พอได้รู้จักเท่านั้นเธอนึกว่าคนโรคจิตหื่นกาม
“หึๆ” ชายหนุ่มหัวเราะในลำคออย่างมีความสุขเมื่อได้แกล้งร่างบางพอหอมปากหอมคอก่อนจะค่อยๆออกตัวออกไปจากสำนักงาน เสียงพูดคุยไหลลื่นต่อไปตลอดทางกลิ่นอายของความรักแผ่ซ่านไปทั่วทั้งรถรวมทั้งในหัวใจของคนทั้งสองจนหญิงสาวลืมแม้กระทั่งข้อความที่หนูนาส่งมาราวกับขอความช่วยเหลือ
ขอบคุณที่ติดตามและสนับสนุนไรท์คนนี้เสมอมา ขอให้ปีใหม่นี้เป็นปีแห่งการเริ่มต้นใหม่ๆ ที่ดีของนักอ่าน มีความสุข สุขภาพแข็งแรง และประสบความสำเร็จในทุกๆ ด้าน และขอให้ปีใหม่นี้เป็นปีที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความสุขนะคะ Happy New Year นักอ่านที่น่ารักทุกคนนะคะ 🎆🎉🎊