"ระหว่างเป็นผู้พิพากษากับเป็นเมียผู้พิพากษาอันไหนเป็นง่ายกว่ากันคะ?" "...เอาเวลาที่จีบฉันไปอ่านหนังสือจะดีกว่าไหม..."
รัก,ชาย-หญิง,ยุคปัจจุบัน,ไทย,ผู้ใหญ่,nc,เย็นชา,เด็กฝึกงาน,ผู้พิพากษา ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ท่านคะ ทำแบบนี้เห็นทีจะหลงรัก"ระหว่างเป็นผู้พิพากษากับเป็นเมียผู้พิพากษาอันไหนเป็นง่ายกว่ากันคะ?" "...เอาเวลาที่จีบฉันไปอ่านหนังสือจะดีกว่าไหม..."
ชายหนุ่มเหลือบมองเห็นปลายสายวางโทรศัพท์คนตัวเล็กของเขากลับนิ่งเงียบทำสีหน้าไม่สู้ดีนัก ยิ่งสายตากลมโตของเธอเหม่อลอยไปตามท้องถนนฉายชัดถึงความกังวลใจจนเขาอดเป็นห่วงไม่ได้
“มีอะไรหรือเปล่าคะ หรือรู้สึกไม่ดีที่ผิดนัดกับเพื่อน” คิณณ์เอ่ยปากถามไถ่หญิงสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เสียงของหนูนาดูไม่ค่อยดีเลยค่ะ ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไร” น้ำเสียงของเธอแฝงความกังวลอย่างปิดไม่มิด ถึงแม้หนูนาจะพยายามปกปิดอย่างไรคนเป็นเพื่อนแบบเธอก็อดกังวลไม่ได้จริงๆ
“หนูโทรหาเพื่อนไปคุยให้เคลียร์ดีไหมคะ” ตาคมเหลือบมองหญิงสาวข้างกายพร้อมเอ่ยให้คำแนะนำ ก่อนละสายตากลับมาที่ถนน
“ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้ให้หนูนาอยู่กับตัวเองไปก่อนถ้ายังไม่ดีขึ้นไว้หนูจะไปนอนกับหนูนา”
“หนูถามพี่รึยังคะ ว่าพี่จะให้ไปไหม” คนแก่กว่ายกยิ้มมุมปาก ประคองพวงมาลัยขับรถอย่างใจเย็น ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงกึ่งหยอกล้อ
“เราเป็นอะไรกันคะถึงต้องขออนุญาตพี่” คนตัวเล็กเอียงคอมองคนตัวโต ตาเปล่งประกายอย่างหยอกเย้าคนข้างกายถึงแม้ในใจจะรู้คำตอบของคำถามแล้วก็ตาม
“เป็นเมียพี่ไงคะ” ไม่ว่าเปล่าดึงมือเรียวมากุมไว้ก่อนจะจุมพิตหลังมือขาวนวลเนียน แววตาคมส่งสายตาหาเด็กน้อยอย่างออดอ้อน
“ขอรึยังคะ มาโมเมว่าหนูเป็นเมียพี่” หญิงสาวรีบชักมือกลับแต่ก็ไม่อาจทำได้ดั่งใจเมื่อชายหนุ่มกุมมือเธอไว้แน่น ใบหน้าสาวยิ่งแดงระเรื่ออย่างห้ามไม่อยู่
“พี่ว่าเมื่อคืนเราตกลงกันโดยปริยายแล้วนะคะ” พร้อมส่งสายตาแวววาวเจ้าเล่ห์พาลทำให้คนตัวเล็กใจสั่นไหวกับสายตาคู่นั้น
“เรื่องแบบนี้ต้องตกลงชัดแจ้งหรือเปล่าคะ เดี๋ยวพอวันหน้าหาว่าหนูคิดไปเองคนเดียว หนูจะทำอะไรได้คะ”
“งั้นหนูคบกับพี่เลยได้ไหมคะ ถึงพี่จะแก่กว่าหนูไปหน่อยแต่พี่อร่อยรับรองหนูติดใจ” หญิงสาวอ้าปากค้างกับคำพูดไม่คาดคิดของเขา ใบหน้าร้อนผ่าวลัลน์ยกมือซ้ายที่ว่างขึ้นแล้วตีต้นแขนเขาเบาๆ พร้อมส่งค้อนวงใหญ่ให้คนตัวโต
“ท่านคิณณ์คนพูดน้อยเย็นชานี่หายไปไหนแล้วค่ะ ตอนนี้หนูอ่อยหนูเสียจนนึกว่าเป็นคนละคน” ลัลน์หันขวับมามองชายหนุ่มข้างกายพร้อมยกคิ้วถามอย่างไม่อยากเชื่อ ก่อนหน้านี้ทำตัวเย็นชาไม่ว่าใครก็เข้าหน้าไม่ติด แต่ตอนนี้เธอนึกว่าเขาเป็นเด็กน้อยช่างออดอ้อนออเซาะเธอยิ่งนัก
“มัวแต่เงียบเมียได้ทิ้งกันพอดี” คิณณ์หัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะหันมาสบตาเธอพร้อมยิ้มออกมาจนเห็นลักยิ้มที่ข้างแก้ม รอยยิ้มของเขาทำให้เธอรู้สึกแสบตากับรอยยิ้มที่สว่างจ้าเปล่งประกายแต่ก็แสนอบอุ่นจนไม่อาจละสายตาได้ ลัลน์รู้สึกเหมือนสายลมเย็นพลิ้วไหวพัดผ่านกลางใจ รอยยิ้มที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนนี้ทำให้เธอเหมือนต้องมนตร์หลงใหลไปกับร้อยยิ้มนั้นอย่างเผลอไผล ภาพที่ชายหนุ่มยิ้มกว้าง
“อย่ายิ้มแบบนี้อีกนะคะ” ดวงตากลมโตจ้องมองเสี้ยวใบหน้าคม ก่อนจะทำหน้าเครียดเอ่ยอย่างจริง
“ทำไมหรือคะ?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างเป็นเชิงคำถาม มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยเหมือนจะหยอกหญิงสาวกลับ ถึงแม้เขาจะรู้ถึงสาเหตุแต่ก็อยากได้ยินจากปากหวานๆของเธอ
“หนูหวง” ปกติแล้วเธอเป็นคนขี้อาย แต่ไม่รู้ว่าทำไมครั้งนี้เธอถึงกล้าที่จะบอกความในใจออกมาตรงๆกับเขาหรืออาจเป็นเพราะเธออยู่กับเขาแล้วรู้สึกปลอดภัย ราวกับว่าเธอเคยรู้จักกับเขาใช้ชีวิตด้วยกันมาก่อน
“พี่ยิ้มให้เมียพี่คนเดียวอยู่แล้วพอใจไหมคะ ฟอดดด” ตอบเสียงนุ่มก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้แล้วหอมแก้มเธอเต็มแรง คำตอบสั้นๆ แต่ตรงประเด็นทำเอาคิณณ์หัวเราะเบาๆ ในลำคอ ดวงตาคมมองเธออย่างเอ็นดู
“คนบ้า! ตั้งใจขับรถไปดีๆเลยนะคะ” ลัลน์แหวเสียงดังด้วยความตกใจ ใบหน้าที่ตอนแรกรู้สึกร้อนผ่าวตอนนี้กลับรู้สึกใบหน้าเธอร้อนราวกับอังหน้าเข้ากับกองไฟทำให้ตอนนี้เนื้อตัวเธอแดงทั้งตัว
“ทำแค่นี้ทำเขิน มากกว่านี้ยังไม่เห็นเขินขนาดนี้เลย” คิณณ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า ใบหน้าคมยังคงเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มก่อนจะหัวเราะเบาๆ ขณะหันกลับมามองถนน
“พี่คิณณ์! แล้วจะพาหนูไปทีไหนคะไม่คุ้นทางเลย?” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงกึ่งตกใจกึ่งสงสัย เมื่อเธอมองออกไปนอกหน้าต่างสองข้างทางไม่คุ้นเคยในสายตาเธอสักนิด ถึงแม้เธอจะเป็นพวกหลงทิศจำทางไม่ได้แต่เธอก็มั่นใจว่าแถวนี้ไม่ใช่ทางกลับหอพักเธออย่างแน่นนอน
“ไปคอนโดพี่ไงคะ พี่ยังไม่บอกหนูเหรอ” เสียงของเขาราบเรียบราวกับว่ามิใช่เรื่องใหญ่โตอะไรพร้อมกับแสดงสีหน้าอย่างตกใจเมื่อลืมบอกเธอ เธอเกือบหลงเชื่อแล้วว่าชายหนุ่มนั้นลืมจริงแต่เมื่อสบตาคมของเขาที่เปล่งประกายพราวระยับพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เธอจึงได้รู้ว่าเธอถูกหลอกเข้าเต็มเปา!
"ไปทำไมคะ? หนูบอกตอนไหนคะว่าจะไปด้วย" ลัลน์เบิกตากว้าง เสียงของเธอเริ่มสูงขึ้นด้วยความตกใจ
"พี่ต้องบอกด้วยเหรอคะ?" คิณณ์ตอบกลับหน้าตาย แต่รอยยิ้มที่มุมปากบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเขากำลังสนุกที่ได้ปั่นหัวของเธอ
"พี่ไม่บอกหนูแล้วหนูจะเอาเสื้อผ้าที่ไหนใส่คะ?" คนบ้าชวนเธอไปอยู่ดีๆก็ได้ ไม่เห็นต้องลากเธอมาแบบนี้แล้วยังไงล่ะเธอไม่มีเสื้อผ้าใส่เลยทีนี้ คิดแล้วก็ตวัดค้อนให้คนแก่กว่าอย่างแง่งอน
“พี่เตรียมของทุกอย่างไว้หลังรถแล้วค่ะ หนูไม่ต้องเป็นห่วง”
“พี่คิณณ์หมายความว่ายังไงนะคะ” ลัลน์ย่นคิ้วสงสัย ขณะหันมาจ้องเขาเหมือนจะค้นคำตอบให้ได้ ดวงตากลมโตจ้องมองเหมือนจะประเมินความจริงของคำพูดของชายหนุ่ม
“ประโยคพี่ยังไม่ชัดอีกรึไง ของใช้หนูพี่เอามาหมดแล้ว” เสียงทุ้มนั้นฟังดูชวนเชื่อมั่น แต่กลับทำให้ลัลน์รู้สึกเหมือนว่าเขาเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าเดิม เหมือนเธอกำลังเข้าถ้ำเสืออย่างไรอย่างนั้น
“พี่ไปเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เมื่อคืน ตอนที่เด็กน้อยแถวนี้หลับ” เขาหันมามองเธอแวบหนึ่ง พร้อมรอยยิ้มที่ทำให้เธอเริ่มไม่ไว้ใจ
“แต่หนูยังไม่ได้ตกลงอะไรกับพี่เลยนะคะ” พูดพลางยกมือขึ้นปิดหน้าอย่างไม่รู้จะรับมือกับคนข้างๆอย่างไรดีกับความหน้ามึนของเขา จัดการเสร็จสรรพไม่บอกเธอสักคำแถมยังแก้ตัวหน้าตายจนเธอจนปัญญาที่จะรับมือกับเขาแล้ว
“ปฏิเสธตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วคนดี คืนนี้นอนห้องพี่นี่แหละพี่จะได้ไม่ต้องวนรถไปมา” คิณณ์ตอบพร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ แววตายังคงระยิบระยับซุกซน รีบเหยียบคันเร่งมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางไม่ให้คนตัวเล็กข้างกายปฏิเสธได้อีก
ภายในห้องกว้างขวางตกแต่งด้วยโทนสีดำและขาว ลัลน์นั่งนิ่งอยู่บนเตียงคิงไซซ์ที่ปูด้วยผ้าคลุมสีดำเนียนเรียบ สายตากวาดมองรอบๆ ห้องที่สะท้อนถึงความเรียบหรูและเป็นระเบียบของเจ้าของ ก่อนจะหันกลับมามองชายหนุ่มตัวโตที่กำลังกุลีกุจอขนเสื้อผ้าของเธอออกจากกระเป๋าใส่ไม้แขวนก่อนเก็บเข้าตู้เสื้อผ้าอย่างคล่องแคล่ว
“พี่คิณณ์คะ วางลงเลยหนูทำเองค่ะ!” ลัลน์ร้องห้ามลั่น ลืมอาการเจ็บบริเวณกรามทันทีก่อนจะวิ่งถลาลงจากเตียงรีบคว้ากระเป๋าเสื้อผ้า แต่ดูเหมือนคำพูดของเธอจะไร้ผลโดยสิ้นเชิง ชายหนุ่มดึงกระเป๋าออกจากมือเธอหน้าตาเฉยแล้วหยิบเสื้อผ้าออกมาทีละชิ้นอย่างไม่สะทกสะท้าน
“หนูไม่สบายอยู่ไปนั่งพักนะคะ พี่โทรสั่งอาหารแล้วคงไม่นานหนูรอหน่อยนะคะ” ไม่ว่าเปล่าคิณณ์ไหล่เธอเบาๆ ให้ไปนั่งบนเตียงดั่งเดิมและหันหลังกลับไปทำงานที่ค้างไว้ จนกระทั่งสายตาเธอสะดุดกับสิ่งที่เขากำลังถืออยู่ ลัลน์เบิกตากว้างก่อนจะหน้าขึ้นสีระเรื่อทันทีนั่นมันชุดชั้นในลูกไม้สีขาวของเธอ!
“พี่คิณณ์ วางเลยนะคะ!” เธอร้องลั่น พุ่งไปห้ามแต่ก็ไม่ทันชายหนุ่มกลับมองสิ่งในมืออย่างไม่สะทกสะท้าน ก่อนจะหันมาสบตาเธอด้วยสีหน้าเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติราวกับทำแบบนี้อยู่ทุกวัน
“หืมม ทำไมหรือคะ พี่กำลังเก็บเข้าตู้เสื้อผ้าไงหรือหนูจะเอาไปไว้ไหนคะเดี๋ยวพี่ไปเก็บให้” เสียงราบเรียบตอบกลับอย่างสงสัยว่าคนตัวเล็กมีปัญหาอะไร เขาเพียงแค่พับเก็บชั้นในให้เธอก็เท่านั้นเอง
“เอามาให้หนูเลยค่ะ ปล่อยนะพี่คิณณ์” ลัลน์กัดริมฝีปากแน่นจนเกือบจะร้องออกมา มือบางรีบคว้าชุดชั้นในทันทีแต่ก็ไม่อาจสู้แรงคนตัวโตกว่าได้ ยื้อยุดฉุดกระชากเป็นเวลานานลัลน์เริ่มหมดแรงเสียหลักล้มลงตัวเกือบกระแทกพื้น ดีที่ชายหนุ่มปฏิกิริยาตอบรับไวทำให้รับศีรษะเธอไว้ทันท่วงทีหญิงสาวจึงไม่บาดเจ็บอะไร
“ดื้อ! พี่บอกว่าให้ไปนั่งดีๆ เกือบเจ็บตัวแล้วเห็นไหม” คิณณ์ดุด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่มีท่าทีอ่อนโยนดังเช่นตอนแรก เด็กมันดื้อต้องปราบผยศเสียบ้างเดี๋ยวเสียระบบ
“อย่าดุหนูนะ!” คนตัวเล็กกว่าเงยหน้าขึ้นประท้วงเสียง ตาโตเบิกกว้างแสดงความไม่พอใจ น้ำเสียงติดสะบัดสะบิ้งเหมือนเด็กน้อยที่โดนผู้ใหญ่ตำหนิ
“ครับ ทูนหัวของผัวไม่กล้าแล้วครับ” เมื่อเห็นคนรักเริ่มงอนเขาจึงต้องรีบทำหน้าที่ผัวที่ดี คิณณ์ก็ก้มลงมาประทับจูบที่แก้มเบาๆทันทีโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากหยักไปทาบทับเรียวปากอวบอิ่มของเธอ
จูบของเขาหนักแน่นและแสนอ่อนโยนในคราวเดียวกันไม่ได้ร้อนแรงดังเช่นปกติ ริมฝีปากหนาค่อยๆขบเม้มไปตามเรียวปากของหญิงสาวก่อนจะส่งลิ้นร้อนเข้าสำรวจโพรงปากหวาน ดูดกลืนลิ้นเล็กของเธอที่นุ่มราวกับเยลลี่รสหวานยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ให้ร้อนแรงยิ่งขึ้น ฝ่ามือใหญ่โน้มศีรษะหญิงสาวให้แหงนหน้าเงยรับจูบได้ถนัดถนี่ขึ้น ลัลน์พยายามผลักอกเขาเบาๆ แต่เขากลับกอดกระชับแน่นขึ้นอีกพร้อมกับทวีคูณความร้อนแรงราวกับต้องการสูบวิญญาณของเธอ
“ยังจะดื้ออีกไหมคะ” เมื่อคิณณ์เห็นว่าร่างบางในอ้อมแขนเริ่มปรับลมหายใจไม่ทันจึงถอนจูบออก เขายิ้มมุมปาก พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจือหัวเราะ
“พี่จะทำอะไรก็เชิญเลยค่ะ!” ลัลน์หน้าร้อนวูบไปถึงใบหู เธอหลบตาเขาพร้อมยกมือขึ้นแตะแก้มตัวเองที่ร้อนผ่าวอย่างเขินอายจนหน้าแดงจัด ก่อนจะดันตัวเองออกมาจากอ้อมแขนอุ่นไปนั่งรอบนที่นอนอย่างเรียบร้อย
“แค่ชั้นในเมียเอง มากกว่านี้พี่ก็ทำมาแล้ว” ชายหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดูไม่วายจะหยอกหญิงสาวให้เขินอายหญิงกว่าเดิม พร้อมหันไปจัดการของชิ้นต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หญิงสาวกรีดร้องอยู่ในใจ ในตอนนี้เธอไม่รู้จะเอาชนะความหน้ามึนของเขายังอย่างไรดี ขอท่านคิณณ์คนเดิมกลับมาได้ไหมตอนนี้เหลือแต่คนหน้ามึนที่คอยหาเศษหาเลยกับเธอตลอด หรือสุดท้ายแล้วเธอคงได้แต่ทำใจยอมรับกับความหน้าหนาของเขาแบบนี้ต่อไป