นายกฯหนุ่มสบตาเขา แล้วก็ถามขึ้นมาตรงๆว่า “ผมอยากรู้ว่าคุณต้องการอะไร” นายทหารหนุ่มหัวเราะออกมา “ผมจูบคุณขนาดนั้นแล้ว คุณยังไม่รู้อีกหรือว่าผมต้องการอะไร” เมื่อเห็นอีกฝ่ายชะงักและกำลังจะโกรธ ชายหนุ่มจึงตอบอย่างจริงจังว่า “ผมสนใจคุณ ผมชอบคุณ” อี้หมิงซือชะงัก หน้าแดงขึ้นมาด้วยความโกรธและอายผสมกัน **อี้หมิงซือ นายกเทศมนตรีที่หล่อและเก่งที่สุด ชีวิตนี้มีแต่งาน จนเขาได้ช่วยชีวิตเว่ยหมิงซือ นายทหารหนุ่มอนาคตไกลเอาไว้ การต่อสู้ฝ่าฟันทั้งเรื่องรักและเรื่องงานเพื่อให้ได้ใช้ชีวิตด้วยกันจึงเริ่มต้นขึ้น**

กลยุทธ์คว้าใจนายกฯอี้หมิงซือ (มี E-book ที่เด็กดี meb ปิ่นโต)) - 3 ผมชื่อเว่ยซีหลง โดย Clear Clouds @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-ชาย,จีน,ยุคปัจจุบัน,ผู้ใหญ่,นิยายวาย,โรแมนติค ,18+,จบดี ,พระเอกเก่ง,พระเอกหล่อ,นายเอกเก่ง,นายกเทศมนตรี,กลยุทธ์คว้าใจนายกฯอี้หมิงซือ,การเมือง,พระเอกเป็นทหาร,นิยายจีนปัจจุบัน,ชิงไหวชิงพริบ,อี้หมิงซือ,เว่ยซีหลง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

กลยุทธ์คว้าใจนายกฯอี้หมิงซือ (มี E-book ที่เด็กดี meb ปิ่นโต))

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-ชาย,จีน,ยุคปัจจุบัน,ผู้ใหญ่

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายวาย,โรแมนติค ,18+,จบดี ,พระเอกเก่ง,พระเอกหล่อ,นายเอกเก่ง,นายกเทศมนตรี,กลยุทธ์คว้าใจนายกฯอี้หมิงซือ,การเมือง,พระเอกเป็นทหาร,นิยายจีนปัจจุบัน,ชิงไหวชิงพริบ,อี้หมิงซือ,เว่ยซีหลง

รายละเอียด

กลยุทธ์คว้าใจนายกฯอี้หมิงซือ (มี E-book ที่เด็กดี meb ปิ่นโต)) โดย Clear Clouds  @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

นายกฯหนุ่มสบตาเขา แล้วก็ถามขึ้นมาตรงๆว่า “ผมอยากรู้ว่าคุณต้องการอะไร” นายทหารหนุ่มหัวเราะออกมา “ผมจูบคุณขนาดนั้นแล้ว คุณยังไม่รู้อีกหรือว่าผมต้องการอะไร” เมื่อเห็นอีกฝ่ายชะงักและกำลังจะโกรธ ชายหนุ่มจึงตอบอย่างจริงจังว่า “ผมสนใจคุณ ผมชอบคุณ” อี้หมิงซือชะงัก หน้าแดงขึ้นมาด้วยความโกรธและอายผสมกัน **อี้หมิงซือ นายกเทศมนตรีที่หล่อและเก่งที่สุด ชีวิตนี้มีแต่งาน จนเขาได้ช่วยชีวิตเว่ยหมิงซือ นายทหารหนุ่มอนาคตไกลเอาไว้ การต่อสู้ฝ่าฟันทั้งเรื่องรักและเรื่องงานเพื่อให้ได้ใช้ชีวิตด้วยกันจึงเริ่มต้นขึ้น**

ผู้แต่ง

Clear Clouds

เรื่องย่อ

      อี้หมิงซือเป็นนายกเทศมนตรีเมืองชิงต่าว ที่หนุ่มและหล่อที่สุด ชีวิตของเขามีแต่การทำงาน จนวันหนึ่งได้ไปพบกับนายทหารหนุ่มรูปหล่อ เว่ยหมิงซือ และรักแรกพบก็มีจริง เว่ยหมิงซือทำทุกทางเพื่อให้ได้อยู่ใกล้ชิดกับนายกเทศมนตรีที่ถือตัวและยังเก่งกาจคนนี้ แต่ความรักของพวกเขาก็ไม่ง่าย พวกเขาต้องพบเจอกับอุปสรรคจากหน้าที่การงานและจากครอบครัว ที่ไม่อยากให้พวกเขาเอาหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์นี้ ไปเสี่ยงกับความรักระหว่างผู้ชายสองคน  และยังต้องต่อสู้กับความเข้าใจผิดจากตัวพวกเขาเองอีกด้วย ในนี้จะมีทั้งการต่อสู้เรื่องงานการเมือง การทหาร และความรัก เพื่อให้ครบรสตามที่ควรจะเป็น

สารบัญ

กลยุทธ์คว้าใจนายกฯอี้หมิงซือ (มี E-book ที่เด็กดี meb ปิ่นโต))-1 เมื่อเราพบกัน,กลยุทธ์คว้าใจนายกฯอี้หมิงซือ (มี E-book ที่เด็กดี meb ปิ่นโต))-2 พบกันอีกครั้ง,กลยุทธ์คว้าใจนายกฯอี้หมิงซือ (มี E-book ที่เด็กดี meb ปิ่นโต))-3 ผมชื่อเว่ยซีหลง ,กลยุทธ์คว้าใจนายกฯอี้หมิงซือ (มี E-book ที่เด็กดี meb ปิ่นโต))-4 กินข้าวด้วยกันไหม,กลยุทธ์คว้าใจนายกฯอี้หมิงซือ (มี E-book ที่เด็กดี meb ปิ่นโต))-5 เรามีเรื่องต้องคุยกันนะ,กลยุทธ์คว้าใจนายกฯอี้หมิงซือ (มี E-book ที่เด็กดี meb ปิ่นโต))-6 เราอยู่ห่างไกลกันเหลือเกิน,กลยุทธ์คว้าใจนายกฯอี้หมิงซือ (มี E-book ที่เด็กดี meb ปิ่นโต))-7 วิธีพิชิตใจเธอ,กลยุทธ์คว้าใจนายกฯอี้หมิงซือ (มี E-book ที่เด็กดี meb ปิ่นโต))-8 พ่อหนุ่มเจอคนสำคัญคนนั้นแล้วนะ,กลยุทธ์คว้าใจนายกฯอี้หมิงซือ (มี E-book ที่เด็กดี meb ปิ่นโต))-9 คุณอยู่ที่ไหน,กลยุทธ์คว้าใจนายกฯอี้หมิงซือ (มี E-book ที่เด็กดี meb ปิ่นโต))-10 ปล่อยให้มันเป็นไป,กลยุทธ์คว้าใจนายกฯอี้หมิงซือ (มี E-book ที่เด็กดี meb ปิ่นโต))-11 ยังไงกันนะ,กลยุทธ์คว้าใจนายกฯอี้หมิงซือ (มี E-book ที่เด็กดี meb ปิ่นโต))-12 คุณคือใคร,กลยุทธ์คว้าใจนายกฯอี้หมิงซือ (มี E-book ที่เด็กดี meb ปิ่นโต))-13 ห้องนี้มีสองเตียงนะ (NC 18)

เนื้อหา

3 ผมชื่อเว่ยซีหลง

อี้หมิงซือเหลือบมองเขา แต่ก็ไม่พูดอะไร เขาหยิบของที่ต้องการใส่ลงไปในตะกร้า จากนั้นก็เดินไปที่ช่องจ่ายเงิน และเมื่อเดินออกมาจากซูเปอร์มาร์เก็ต ก็เดินกลับไปยังที่พัก เว่ยซีหลงดึงถุงใส่ของจากมือไปถือให้ และยังคงเดินตามอย่างไม่รู้ไม่ชี้

ในที่สุด อี้หมิงซือก็ทนไม่ได้ เขาหยุดเดินแล้วหันมาถามชายหนุ่มว่า “คุณว่างมากหรือ จะเดินตามผมไปอีกนานแค่ไหน” 

ชายหนุ่มยิ้มนิด เขาก้มศีรษะลงเขาไปใกล้ใบหน้าของอี้หมิงซือ และพูดช้าๆ ใส่ตาของอีกฝ่ายว่า “ผมอยากรู้ว่าบ้านคุณอยู่ที่ไหน”

อี้หมิงซือไม่หลบตา แต่ถามกลับด้วยน้ำเสียงท้าทายว่า  “รู้ไปแล้วจะได้อะไร”

“เราสนใจใคร ก็ควรจะรู้รายละเอียดของคนคนนั้นด้วยสิ”

เมื่อได้ยินคำตอบแบบหน้าไม่อายนี้ อี้หมิงซือต้องหัวเราะออกมา เขารู้ว่าชายหนุ่มคนนี้น่าจะมาจากครอบครัวที่ดี ถึงอีกฝ่ายจะเดินตาม ก็ไม่ทำให้อี้หมิงซือรู้สึกอึดอัดหรือหวาดระแวง เขารู้ว่าชายคนนี้ที่ช่วยชีวิตเอาไว้ในคืนนั้น จะต้องเป็นตำรวจหรือทหารที่ออกมาปฏิบัติการบางอย่างจนได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ไม่ใช่หน้าที่ของเขาที่จะไปตามสืบเช่นกัน

พวกเขาเดินไปด้วยกัน จนมาถึงอพาร์ทเมนท์ขนาดใหญ่สูงสิบกว่าชั้น อี้หมิงซือหยุดอยู่ที่หน้าประตูเข้าออกตึกที่ตอนนี้เงียบสงบ และหันไปพูดกับเว่ยซีหลงว่า “ผมอยู่ตึกนี้”

เว่ยซีหลงกวาดตามองไปทั่วตึก จากนั้นก็พูดว่า “โอเค”

อี้หมิงซือส่ายหัว เขาหยิบคีย์การ์ดออกมาจากกระเป๋ากางเกง แต่แล้วชายหนุ่มที่เดินตามมา ก็พูดด้วยเสียงทุ้มนุ่มว่า “ผมชื่อเว่ยซีหลง แล้วคุณล่ะชื่ออะไร” 

อี้หมิงซือหันไปมองเขา และพูดยิ้มๆ ว่า “ผมชื่ออี้หมิงซือ” จากนั้นเขาก็หยิบถุงจากมือของอีกฝ่าย เดินเข้าไปในตึก จากนั้นประตูกระจกก็ปิดสนิทลง

เว่ยซีหลงหัวเราะเบาๆ เขาเดินกลับออกมาตามทางเดิม ผ่านตลาดกลางคืนที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คน ความคิดย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้น

เขาประทับใจชายหนุ่มคนนี้หลายอย่าง ทั้งการที่หยุดรถช่วยเขาท่ามกลางฝนตกหนัก ตอนที่ช่วยประคองขึ้นรถ และความรู้สึกในระหว่างนั่งรถไปโรงพยาบาล ที่ทำให้เขารู้สึกสงบและผ่อนคลาย จนทำให้เขาประทับใจและนึกถึงมาตลอด ชีวิตที่ต้องเสี่ยงภัยของเขา ยากมากที่จะพบกับความสงบสุข แต่อี้หมิงซือทำให้เขารู้สึกได้

สำหรับเว่ยซีหลงแล้ว ไม่ใช่เรื่องยากที่จะสืบหาว่า ชายหนุ่มท่าทางสง่างามคนนี้เป็นใคร เขามีความจำแม่นยำ เมื่อเห็นยี่ห้อรถ ทะเบียนรถ และใบหน้าของชายหนุ่มที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ เว่ยซีหลงจึงสืบหาในภายหลังได้ง่ายดาย และก็ต้องทึ่งเมื่อค้นพบว่า เขาคือนายกเทศมนตรีเมืองชิงต่าวที่อายุน้อยที่สุด และยังเป็นนักการเมืองที่หน้าตาดีที่สุดอีกด้วย

แล้วเว่ยซีหลงคือใคร  เขาคือนายทหารยศพันโท จบจากโรงเรียนนายร้อยทหารบกจีน ได้รับปริญญาโทด้านความมั่นคงระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยกลาโหมแห่งชาติจีน ตอนนี้เป็นผู้บังคับหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ที่ทำหน้าที่ในการปฏิบัติภารกิจพิเศษภาคสนาม สังกัดกองกำลังปฏิบัติการพิเศษ (Special Operations Forces - SOF) ของทหารบก ภายใต้กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (People's Liberation Army - PLA) [1] ซึ่งเป็นกองทัพของประชาชนรูปแบบใหม่ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน

ประมาณ 2-3 เดือนก่อนหน้านั้น เขาได้รับข้อมูลเบื้องต้นว่า มีกลุ่มบุคคลวางแผนแทรกซึมเข้าสู่ท่าเรือสำคัญของเมืองชิงต่าว  เพื่อลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย ด้วยการปลอมแปลงเอกสารนำเข้า และยังมีการติดต่อกับเจ้าหน้าที่บางคนในท่าเรือเพื่อขอความร่วมมือ หลังจากได้ข่าวนี้มา ทีมของเขาจึงเริ่มสืบหาข้อมูล เพื่อวางแผนการปฏิบัติงาน และจะลงมือดำเนินกาจับกุมในอีกสองเดือนต่อมา

ถึงแม้ทีมของเขาจะรู้ตัวผู้ที่เกี่ยวข้อง ว่าเป็นกลุ่มองค์กรค้าของผิดกฎหมายข้ามชาติ ที่ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ท่าเรือบางคน และยังมีผู้ประสานงานในท้องถิ่นที่รู้จักพื้นที่เป็นอย่างดี แต่เขาตระหนักดีว่าข้อมูลที่ได้มานี้ยังไม่สมบูรณ์ จำเป็นจะต้องสืบสวนข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อยืนยันรายละเอียดและหาหลักฐาน ก่อนที่จะลงมือปฏิบัติการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เขารู้ว่าเวลาเป็นสิ่งสำคัญ จะต้องรีบหาข้อมูลให้ผู้บังคับบัญชาทราบโดยด่วนเพื่อวางแผนขั้นต่อไป

เมื่อได้รับอนุมัติแล้ว เจ้าหน้าที่ที่คอยจับตาดูก็รายงานว่า กลุ่มคนดังกล่าวเลื่อนแผนให้เร็วขึ้นมาอีก เว่ยซีหลงจึงเป็นคนเดียวที่เดินทางมาชิงต่าว เพื่อสำรวจสถานที่ก่อนจะส่งข้อมูลกลับไปยังหน่วยงาน เพื่อจัดเตรียมกองกำลังปฏิบัติการพิเศษในภายหลัง เขาจึงคัดสินใจปฏิบัติการสืบสวนข้อมูลเพียงคนเดียว 

ในคืนนั้น ฝนตกหนักทั้งวัน เว่ยซีหลงแฝงตัวเข้าสู่อาคารร้างชานเมืองอย่างเงียบเชียบ เขาสวมชุดพรางตัวสีดำเข้มกลมกลืนกับความมืด ในมือถืออุปกรณ์ดักฟังขนาดเล็ก มีหูฟังไร้สายเชื่อมต่อกับทีมสนับสนุนที่รออยู่ในอีกอาคารหนึ่ง

เขาเคลื่อนตัวอย่างระมัดระวังไปตามระเบียงทางเดิน จนมาถึงประตูห้องที่เป้าหมายกำลังประชุมกันอยู่ เขาติดตั้งอุปกรณ์ดักฟังเข้ากับผนัง และเริ่มรับฟังการสนทนา เสียงแผ่วเบาของชายสามคนดังผ่านหูฟัง พวกเขากำลังหารือแผนการอยู่

ในขณะที่เว่ยซีหลงกำลังจดจ่อกับการฟังการสนทนานั้น เสียงปืนก็ดังสนั่นมาจากด้านหลัง! เขาหันขวับไปและเห็นชายคนหนึ่งซ่อนตัวอยู่มุมกำแพง กำลังถือปืนสั้นเล็งมาทางเขา เว่ยซีหลงกระโดดหลบทันที กระสุนอีกลูกพุ่งเฉียดศีรษะไปอย่างฉิวเฉียด จากนั้นก็รีบกลิ้งตัวหลบหลังประตู

ประตูห้องประชุมเปิดผางออก ชายสามคนวิ่งออกมาพร้อมอาวุธปืนในมือ เว่ยซีหลงรู้ดีว่าเขาตกอยู่ในสถานการณ์คับขันแล้ว ตอนนี้เขาต้องหาทางหนีออกมาให้ได้ก่อน 

เว่ยซีหลงถีบประตูที่เขาซ่อนอยู่ออกเต็มแรง ประตูกระแทกโดนชายคนหนึ่งที่วิ่งออกมา ทำให้เขาล้มลงปืนหลุดออกจากมือ ในขณะที่อีกสองคนซึ่งอยู่ห่างจากประตู กระโดดหลบทัน

เว่ยซีหลงพุ่งตัวออกมาจากหลังประตู เขาใช้ทักษะการต่อสู้ระยะประชิดแย่งปืนจากชายอีกสองคน และเตะปืนที่หล่นอยู่กับพื้นให้กระเด็นออกไป เขาจะให้คนพวกนี้มีปืนไม่ได้ ไม่เช่นนั้นชีวิตของเขาจะต้องจบลงแต่เพียงเท่านี้ 

ชายคนแรกที่ยิงเขา พยายามจะยิงมาจากระยะไกลอีกครั้ง แต่เว่ยซีหลงต่อสู้อยู่กับอีก 3 สามคน ทำให้เขายิงไม่ถนัด เพราะกลัวจะพลาดไปยิงพวกเดียวกัน ซึ่งชายหนุ่มรู้จุดอ่อนนี้ดี เขาจึงต่อสู้กับชายสามคนโดยไม่หวาดกลัว

ในที่สุดเว่ยซีหลงก็สามารถล็อคคอชายคนหนึ่ง ที่น่าจะเป็นหัวหน้าของกลุ่มเอาไว้ได้ เขาใช้ปืนที่แย่งได้จ่อไปที่ขมับของตัวประกัน และพูดด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม “ถ้าไม่อยากให้หัวหน้าตาย ก็อย่าตามมา!” จากนั้นก็ค่อยๆ ถอยออกมาทางประตูหน้าอาคารร้าง ชายอีกสามคนที่เหลือ ถือปืนเล็งเอาไว้และเดินตามมาอย่างระมัดระวัง 

เว่ยซีหลงเดินมาใกล้กับรถที่จอดซ่อนเอาไว้ในป่า ตอนนี้ฝนยังคงตกลงมาเรื่อยๆ  เมื่อได้จังหวะ เขาหันปืนไปที่ชายสามคนที่ตามมาห่างๆ จากนั้นก็ลั่นไกด้วยความแม่นยำ กระสุนทะลุอกคนแรก และทะลุขาของคนที่สอง ในขณะที่อีกคนกระโดดหลบทัน ชายที่เขาล็อคคอเอาไว้ฉวยโอกาสชุลมุน สะบัดตัวออกและวิ่งหนีไปอีกทาง

เว่ยซีหลงรีบหยิบกุญแจรถจากกระเป๋ากางเกง เปิดประตูรถและขับออกไปอย่างเร็ว แต่เมื่อขับออกไปได้เพียง 50 กว่าเมตร เขาก็ต้องสะดุ้งและเผลอร้องด้วยความเจ็บปวด กระสุนลูกหนึ่งยิงทะลุมาโดนไหล่ของเขา ชายหนุ่มกัดฟันและเหยียบคันเร่งหนีโดยไม่สนใจบาดแผล

ในที่สุด รถของเขาซึ่งถูกยิงจนยางแบนก็ไปต่อไม่ได้ เว่ยซีหลงทิ้งรถเอาไว้ และวิ่งออกมาตามแสงไฟที่มองเห็น เขารู้ว่าคนพวกนี้ไม่กล้าลงมือท่ามกลางคนจำนวนมากแน่นอน เพราะในถนนในเมืองใหญ่ส่วนใหญ่จะมีกล้อง CCTV ติดเอาไว้ 

เขาวิ่งฝ่าสายฝนมาจนพบสวนสาธารณะ และวิ่งออกไปจนถึงถนนใหญ่ เขาสะดุดกับขอบถนนถลาล้มลงนอนบนพื้นที่นองไปด้วยน้ำฝน ความเหนื่อยอ่อนจากเลือดที่ไหลออกมา ทำให้เขาหมดสติไป จนได้ยินเสียงของชายคนหนึ่ง ที่ปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาจากความมืด  ชายหนุ่มที่ชื่อ...อี้หมิงซือ

ในระหว่างที่เว่ยซีหลงกำลังนึกถึงเรื่องราวของเขาอยู่นั้น อี้หมิงซือที่อยู่ในอพาร์ทเม้นท์ ก็กำลังคุยโทรศัพท์ผ่านวิดีโออยู่กับแม่ของเขาที่ตอนนี้อาศัยอยู่เมืองจี่หนาน เมืองหลวงของมณฑลซานตง อี้หมิงซือเก็บข้าวของที่ซื้อมาเข้าตู้เย็น และฟังเสียงแม่เล่าเรื่องต่างๆ ไปด้วย เขารู้ว่าแม่กำลังเหงา เพราะพ่อกำลังยุ่งอยู่กับการหาเสียง ในการลงเลือกตั้งเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำมณฑล

พ่อของเขา อี้ซือฮ่าว เป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ของเมืองจี่หนาน และต้องการจะลงแข่งขันเป็นเลขาธิการพรรคประจำมณฑลซานตง ซึ่งจะต้องได้รับการเลือกและแต่งตั้งโดยคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน และจะอยู่ในตำแหน่ง 5 ปี แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามการตัดสินใจของพรรค ตอนนี้พ่อของเขาอายุ 56 ปีแล้ว ในขณะที่แม่ของเขา หลิวอี้ตง เป็นอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์และการเงินในมหาวิทยาลัย เธอมีอายุ 56 ปี เช่นเดียวกัน

ปกติแล้วนักการเมืองมักจะมีบ้านเล็กบ้านน้อย แต่พ่อของเขาแตกต่างออกไป เขาเป็นคนที่สู้ตัวเองมาตั้งแต่หนุ่ม และพบรักกับหลิวอี้ตงที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นในมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศ

แม่ของเขามาจากครอบครัวนักธุรกิจชื่อดังในจังหวัด ในขณะที่อี้ซือฮ่าวจบด้านกฎหมาย และมาจากครอบครัวชนชั้นกลาง เขามีพ่อเป็นคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์ในระดับอำเภอ ซึ่งเป็นการปูพื้นฐานให้เส้นทางการเมืองให้กับเขาในเวลาต่อมา 

แม่ยอมแต่งงานกับพ่อท่ามกลางเสียงคัดค้าน ถึงแม้พ่อจะเรียนจบมาจากหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของประเทศ แต่ในตอนนั้น เขายังเป็นแค่นักกฎหมายจบใหม่ และมีฐานะปานกลาง ในขณะที่แม่ของเขามีฐานะดีกว่า แต่ทั้งสองก็ต่อสู้ฝ่าฟันมาด้วยกัน จนพ่อของเขาก้าวเข้าสู่ตำแหน่งเลขาธิการพรรคประจำเมืองจี่หนานในที่สุด พ่อจึงรักและนับถือแม่มากที่ยอมเสียสละความสุขสบาย อี้หมิงซือก็รักและนับถือความพยายามของพวกเขาด้วยเช่นเดียวกัน

เมื่อมีพ่อแม่ระดับนี้ อี้หมิงซือจึงได้รับการสนับสนุนและผลักดันจากครอบครัวเต็มที่ เขาเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเดียวกับพ่อแม่ และเข้ามาทำงานทางการเมืองเช่นเดียวกับพ่อ จนได้รับเลือกให้เป็นนายกเทศมนตรีเมืองชิงต่าวที่อายุน้อยที่สุด

ตำแหน่งนายกเทศมนตรีนี้ จะมีสภาประชาชนท้องถิ่น ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่เป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ เป็นผู้คัดเลือก และอยู่ในวาระ 5 ปี มักได้รับการอนุมัติล่วงหน้าจากผู้นำพรรคในระดับที่สูงกว่า  และในตอนนี้เขาอยู่ในวาระมาได้ 2 ปีแล้ว

แม่ของเขาเล่าเรื่องความยุ่งยากของพ่อ และเล่าถึงงานของเธอที่มหาวิทยาลัย ก่อนลงท้ายด้วยการถามลูกชายคนเดียวว่า 

“เสี่ยวซืออยากจะไปดูตัวกับลูกสาวของเพื่อนแม่มั้ยจ๊ะ”

อี้หมิงซือหัวเราะออกมาเสียงดัง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แม่ถามคำถามนี้ หลายคนเริ่มเข้ามาเป็นแม่สื่อแม่ชักให้เขา เพราะผู้ชายโสด หน้าตาดี หน้าที่การงานดี อนาคตไกล และยังมาจากครอบครัวที่มีเงินและอำนาจ ย่อมทำให้ใครๆ อยากได้มาเป็นลูกเขย

ชายหนุ่มรู้ว่าแม่ของเขาเหงาและเป็นห่วงเขาด้วย เขาจึงตอบตามความจริงว่า “แม่ครับ ผมอยากจะมีความรักแบบพ่อกับแม่นะครับ ที่เจอกันและรักกันเอง จากนั้นจึงค่อยแต่งงานกัน ไม่ใช่การบังคับให้มาเจอกัน แล้วก็แต่งงานกันเพราะความเหมาะสม”

หลิวอี้ตงอึ้งไปกับคำตอบของลูกชาย เธอได้แต่หัวเราะออกมา และลูกชายของเธอก็เอาตัวรอดจากการนัดบอดได้อีกครั้ง ที่จริงแล้วเธอก็ไม่ได้สนใจมากว่าลูกชายจะมีครอบครัวเร็วหรือช้า เธอเรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง เคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศอยู่หลายเดือน จึงมีความคิดที่ทันสมัย แต่เธอสงสารลูกชายที่ต้องอยู่คนเดียวและไม่มีคนมาดูแล

เธอจึงถามคำถามที่อยากรู้ที่สุดว่า “ลูกไม่มีใครที่เข้าตาบ้างเลยหรือ”

อี้หมิงซือชะงัก ใบหน้าคมเข้มของชายคนหนึ่งปรากฏขึ้นมา โชคดีที่เขาหันหลังให้กับโทรศัพท์มือถือที่วางเอาไว้บนโต๊ะในครัว หลิวอี้ตงจึงไม่เห็นสีหน้าของลูกชาย ที่ไม่เข้าใจว่าทำไมหน้าของเว่ยซีหลงจึงลอยขึ้นมาเมื่อได้ยินคำถามนี้

เขาตอบโดยหันหลังให้โทรศัพท์ว่า “ยังไม่มีเลยครับ” 

จากนั้นก็รีบเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะตอนนี้เขาไม่มีเวลาให้ใครทั้งสิ้น โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่ ซึ่งมักจะเป็นลูกดีมีตระกูลที่ได้รับความรักและตามใจมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ที่พวกเธอจะเรียกร้องวิธีการปฏิบัติแบบนั้น เพราะพวกเธอได้รับความรักและการเอาใจใส่จากครอบครัวมาตลอด จะให้แต่งงานกับคนที่ปฏิบัติต่อเธอด้วยมาตรฐานที่ต่ำกว่าได้อย่างไร 

แต่อี้หมิงซือทำแบบนั้นไม่ได้ เขาไม่มีเวลาและแรงกายแรงใจมากพอที่จะดูแลตามรับตามส่งใคร คืนนั้น เขาจึงพูดเรื่องนี้ให้แม่ฟังตรงๆ เพื่อจะได้เข้าใจเสียที หลังจากนั้นเป็นต้นมา แม่ของเขาก็เลิกนัดบอดให้ เพราะหญิงสาวรอบตัวเธอ ล้วนมาจากตระกูลผู้ดีมีเงิน และได้รับความรักจากครอบครัวมาตลอด ไม่มีใครยอมทนลูกชายบ้างานของเธอได้อย่างแน่นอน

เธอก็เห็นด้วยตาตนเองเช่นกันว่า งานของลูกชายนั้นยุ่งยากแค่ไหน คนที่เหมาะกับลูกชายเธอ น่าจะเป็นคนที่มาคอยดูแลชีวิตความเป็นอยู่ให้มากกว่า อี้หมิงซือไม่รู้เลยว่า ถึงแม้ว่าแม่ของเขาจะยอมถอยในครั้งนี้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเธอจะยอมถอยตลอดไป


 


 


[1] ขณะนี้กองทัพปลดแอกประชาชนแห่งชาติจีน ประกอบด้วยกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และกองกำลังขีปนาวุธ อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาโดยตรงของคณะกรรมาธิการกลางทหารสูงสุด มีกองกำลังทั้งสิ้น 2.3 ล้านนาย เป็นกองกำลังทางทหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ไม่รวมกองกำลังกึ่งทหารหรือกองหนุน) และมีงบประมาณกลาโหมมากเป็นอันดับสองของโลก เป็นหนึ่งในกองทัพที่พัฒนาให้ทันสมัยได้เร็วที่สุดในโลก และได้รับการขนานนามว่าเป็นมหาอำนาจทางทหารที่มีศักยภาพ