นายกฯหนุ่มสบตาเขา แล้วก็ถามขึ้นมาตรงๆว่า “ผมอยากรู้ว่าคุณต้องการอะไร” นายทหารหนุ่มหัวเราะออกมา “ผมจูบคุณขนาดนั้นแล้ว คุณยังไม่รู้อีกหรือว่าผมต้องการอะไร” เมื่อเห็นอีกฝ่ายชะงักและกำลังจะโกรธ ชายหนุ่มจึงตอบอย่างจริงจังว่า “ผมสนใจคุณ ผมชอบคุณ” อี้หมิงซือชะงัก หน้าแดงขึ้นมาด้วยความโกรธและอายผสมกัน **อี้หมิงซือ นายกเทศมนตรีที่หล่อและเก่งที่สุด ชีวิตนี้มีแต่งาน จนเขาได้ช่วยชีวิตเว่ยหมิงซือ นายทหารหนุ่มอนาคตไกลเอาไว้ การต่อสู้ฝ่าฟันทั้งเรื่องรักและเรื่องงานเพื่อให้ได้ใช้ชีวิตด้วยกันจึงเริ่มต้นขึ้น**
รัก,ชาย-ชาย,จีน,ยุคปัจจุบัน,ผู้ใหญ่,นิยายวาย,โรแมนติค ,18+,จบดี ,พระเอกเก่ง,พระเอกหล่อ,นายเอกเก่ง,นายกเทศมนตรี,กลยุทธ์คว้าใจนายกฯอี้หมิงซือ,การเมือง,พระเอกเป็นทหาร,นิยายจีนปัจจุบัน,ชิงไหวชิงพริบ,อี้หมิงซือ,เว่ยซีหลง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
กลยุทธ์คว้าใจนายกฯอี้หมิงซือ (มี E-book ที่เด็กดี meb ปิ่นโต))นายกฯหนุ่มสบตาเขา แล้วก็ถามขึ้นมาตรงๆว่า “ผมอยากรู้ว่าคุณต้องการอะไร” นายทหารหนุ่มหัวเราะออกมา “ผมจูบคุณขนาดนั้นแล้ว คุณยังไม่รู้อีกหรือว่าผมต้องการอะไร” เมื่อเห็นอีกฝ่ายชะงักและกำลังจะโกรธ ชายหนุ่มจึงตอบอย่างจริงจังว่า “ผมสนใจคุณ ผมชอบคุณ” อี้หมิงซือชะงัก หน้าแดงขึ้นมาด้วยความโกรธและอายผสมกัน **อี้หมิงซือ นายกเทศมนตรีที่หล่อและเก่งที่สุด ชีวิตนี้มีแต่งาน จนเขาได้ช่วยชีวิตเว่ยหมิงซือ นายทหารหนุ่มอนาคตไกลเอาไว้ การต่อสู้ฝ่าฟันทั้งเรื่องรักและเรื่องงานเพื่อให้ได้ใช้ชีวิตด้วยกันจึงเริ่มต้นขึ้น**
อี้หมิงซือเป็นนายกเทศมนตรีเมืองชิงต่าว ที่หนุ่มและหล่อที่สุด ชีวิตของเขามีแต่การทำงาน จนวันหนึ่งได้ไปพบกับนายทหารหนุ่มรูปหล่อ เว่ยหมิงซือ และรักแรกพบก็มีจริง เว่ยหมิงซือทำทุกทางเพื่อให้ได้อยู่ใกล้ชิดกับนายกเทศมนตรีที่ถือตัวและยังเก่งกาจคนนี้ แต่ความรักของพวกเขาก็ไม่ง่าย พวกเขาต้องพบเจอกับอุปสรรคจากหน้าที่การงานและจากครอบครัว ที่ไม่อยากให้พวกเขาเอาหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์นี้ ไปเสี่ยงกับความรักระหว่างผู้ชายสองคน และยังต้องต่อสู้กับความเข้าใจผิดจากตัวพวกเขาเองอีกด้วย ในนี้จะมีทั้งการต่อสู้เรื่องงานการเมือง การทหาร และความรัก เพื่อให้ครบรสตามที่ควรจะเป็น
อี้หมิงซือได้รับโทรศัพท์จากซ่งอี้เฉิน ผู้ว่าการมณฑลซานตงในอีกเดือนต่อมา เพื่อแจ้งเขาว่า “นายกฯอี้ คณะนายทหารชั้นสูงจากกองทัพปลดแอกประชาชน จะเดินทางมาเยือนซานตงเดือนหน้านะ จากนั้นจะไปที่เมืองชิงต่าว”
ผู้ว่าการมณฑลพูดต่อว่า “การมาเยือนครั้งนี้จะเป็นการหาสถานที่ในการสร้างฐานทัพ แล้วก็ทำกิจกรรมต่างๆ เท่าที่ผมรู้มาในตอนนี้ มีความเป็นไปได้ที่จะหารือกันเพื่อพัฒนาท่าเรือชิงต่าวสำหรับรองรับเรือรบขนาดใหญ่ และในอนาคตอาจจะมีแผนการฝึกซ้อมระหว่างกองทัพเรือกับหน่วยรักษาชายฝั่งของเมืองชิงต่าวด้วย และประเด็นสุดท้ายที่ผมอยากจะให้เกิดขึ้นจริงที่สุด คือ การตั้งโรงงานผลิตอาวุธและอุปกรณ์ทางทหารในเขตอุตสาหกรรมของเรา ถ้าเป็นแบบนั้นได้ ก็อาจจะมีโครงการแลกเปลี่ยนและฝึกอบรมระหว่างเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกับทหารในฐานทัพที่ชิงต่าวตามมา”
อี้หมิงซือขมวดคิ้วและรีบจดรายละเอียดคร่าวๆ อย่างรวดเร็ว เขาบอกกับซ่งอี้เฉินว่า
“ท่านผู้ว่าฯครับ ผมจะขอรบกวนให้ท่านส่งรายละเอียดทั้งหมดมาให้ ผมจะรีบประชุมกับทีมเพื่อเตรียมข้อมูล แล้วจะเสนอให้ท่านพิจารณานะครับ”
ซ่งอี้เฉินตกลง และบอกกับเขาก่อนวางสายไปว่า “ผมต้องการให้คุณจัดเตรียมการต้อนรับอย่างสมเกียรติที่สุดนะ” เขากล่าวต่อว่า “เราต้องแสดงให้เห็นศักยภาพของชิงต่าว แล้วก็ความพร้อมในการเป็นพันธมิตรสำคัญของกองทัพด้วย!”
อี้หมิงซือรับปากอย่างจริงจัง เขารู้ว่าถ้างานนี้ประสบความสำเร็จ ถึงแม้จะแค่โครงการเดียว โอกาสที่เมืองชิงต่าวจะได้รับเงินงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลเพิ่มในปีต่อไป ก็จะมีความเป็นไปได้อย่างแน่นอน เขารู้ดีว่า เมืองชิงต่าวยังจะได้อาศัยโครงการของกองทัพ มาช่วยพัฒนาสาธารณูปโภคท้องถิ่นของชิงต่าวด้วย ซึ่งเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
แต่ก่อนหน้าที่คณะนายทหารชั้นสูงจากกองทัพปลดแอกประชาชนจะเดินทางมาที่ชิงต่าวอย่างเป็นทางการ อี้หมิงซือได้รับแจ้งจากเลขานุการส่วนตัวของซ่งอี้เฉิน ผู้ว่าการมณฑลซานตงว่า จะมีตัวแทนของคณะนายทหารเดินทางมาล่วงหน้า ซึ่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำเมืองชิงต่าว จะเป็นเจ้าภาพจัดเลี้ยงต้อนรับโดยมีนายกเทศมนตรีและข้าราชการ รวมไปถึงนักธุรกิจเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับคณะนายทหารนี้ด้วย ซึ่งงานนี้จะจัดขึ้นที่โรงแรมที่ใหญ่ที่สุดของนครชิงต่าว
เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำเมืองชิงต่าวคนปัจจุบัน คือ หวังจุนเต๋อ อายุ 57 ปี เขาเดินทางไปสำรวจสถานที่จัดงานก่อนสองวันล่วงหน้า โดยมีอี้หมิงซือไปด้วย เมื่อจัดการทุกอย่างพร้อมต้อนรับกลุ่มตัวแทนนายทหารที่เดินทางมาล่วงหน้าแล้ว ทั้งอี้หมิงซือ หวังจุนเต๋อ และทีมผู้ช่วยก็กลับไปทำงานต่อ
ในเย็นวันนั้น เมื่อได้เวลาเลิกงาน อี้หมิงซือเดินลงมาที่ลานจอดรถด้านหน้าศาลาว่าการนครชิงต่าว เพื่อขึ้นรถกลับบ้าน แต่แล้วเขาก็ชะงัก เมื่อเห็นชายร่างสูง แต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีฟ้า กางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้ม ยืนพิงรถSUV สีดำคันใหญ่ที่จอดอยู่ด้านหน้า เขาโดดเด่นออกมาจากผู้คนแถวนั้น จนอี้หมิงซือมองเห็นตั้งแต่เดินออกมาจากประตูกระจกชั้นล่าง
เมื่อเห็นอี้หมิงซือมองตรงมา เว่ยซีหลงก็ยิ้มและเดินมาหาเขาอย่างมั่นใจ เมื่อมาถึงบันไดหน้าตึก โดยอี้หมิงซือยืนอยู่ตรงกลาง เว่ยซีหลงเดินขึ้นบันไดไปสองขั้น จากนั้นเงยหน้าขึ้นสบตานายกเทศมนตรีหนุ่ม และถามด้วยเสียงทุ้มนุ่มว่า “กินข้าวเย็นด้วยกันมั้ยครับ ท่านนายกเทศมนตรี”
อี้หมิงซือยิ้ม จากนั้นเขาก็โทรศัพท์บอกให้คนขับรถกลับบ้านไปเลย ในขณะที่ตัวเขาเดินไปขึ้นรถพร้อมกับเว่ยซีหลง และขับรถออกไป ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงกว่าแล้ว รถเริ่มติด แต่ยังขยับไปได้เรื่อยๆ อี้หมิงซือเหลือบมองชายหนุ่มร่างสูงที่นั่งขับรถด้วยท่าทางสบายๆ มือเรียวยาวแต่แข็งแรงของเขาจับอยู่ที่พวงมาลัย และหมุนพวงมาลัยไปตามเส้นทางอย่างคล่องแคล่ว
เว่ยซีหลงหันมามองด้วยดวงตาคมปลาบ เขาถามชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ ว่า “คุณไม่ถามเหรอว่า ผมจะพาคุณไปไหน”
อี้หมิงซือยิ้มและถามอย่างไม่สนใจว่า “คุณจะพาผมไปไหนล่ะ”
เว่ยซีหลงตอบว่า “ไปถึงแล้วก็รู้เอง”
อี้หมิงซือหัวเราะหึหึ จากนั้นก็ขยับตัวพิงเบาะ หลับตาลง สักพักก็ผล็อยหลับไป อีกฝ่ายยิ้มด้วยความพึงพอใจที่อี้หมิงซือไว้ใจเขา จนนอนหลับในขณะที่นั่งรถไปด้วยกันได้
สักพัก อี้หมิงซือก็สะดุ้งตื่น เขาได้ยินเสียงเว่ยซีหลงคุยกับใครบางคนอยู่นอกรถ ชายหนุ่มขยับตัวหันไปมองตามเสียง และก็พบว่า ตอนนี้พวกเขาจอดรถอยู่หน้าบ้านหลังเล็กๆ แห่งหนึ่งริมชายหาด บ้านหลังนี้ตกแต่งด้วยอิฐสีแดงและปูนฉาบสีขาวสไตล์อิตาเลี่ยน เว่ยซีหลงกำลังยืนคุยกับชายร่างสูงใหญ่บึกบึนคนหนึ่ง สวมผ้ากันเปื้อนสีขาวเหมือนกับเชฟ
อี้หมิงซือเปิดประตูรถและเดินลงมาหาทั้งสองคน ลมเย็นยะเยือกจากชายหาดพัดมาเป็นระลอก โชคดีที่เขาสวมเสื้อแจ็คเก็ตกันลมมาด้วย ชิงต่าวเป็นเมืองชายทะเล แต่ก็มีลมจากทะเลพัดเข้ามาเสมอ ทำให้อากาศโดยเฉลี่ยมีความเย็น
เว่ยซีหลงหันมายิ้มให้ “นายกฯอี้ นี่คือเพื่อนของผมแล้วก็เป็นเชฟอาหารอิตาเลี่ยนด้วย ชื่อหลี่ป๋อเหวินครับ”
เชฟร่างใหญ่ยิ้มกว้าง เขามองดูชายหนุ่มใบหน้าสวยงาม ที่เพื่อนของเขาพามาด้วยอย่างสนใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เว่ยซีหลงพาใครสักคนมาที่นี่ และยังสั่งให้เขาเตรียมโต๊ะเอาไว้ล่วงหน้าด้วย เขาจับมือของอีกฝ่ายและพูดว่า “ยินดีที่ได้รู้จักครับนายกฯอี้หมิงซือ ผมได้ยินชื่อเสียงคุณมานานแล้วครับ”
ชายหนุ่มบอกว่า “ยินดีเช่นกันครับ ผมเพิ่งรู้ว่าที่นี่มีร้านอาหารอิตาลีด้วย”
หลี่ป๋อเหวินพวกเขาเดินเข้าไปในร้านที่มีอยู่ 4 โต๊ะ และยังมีชั้นบนอีกด้วย แต่ตอนนี้มีพวกเขาเป็นแขกอยู่แค่สองคนเท่านั้น
หลี่ป๋อเหวินช่วยแนะนำอาหารให้กับทั้งสอง “ผมแนะนำให้ลองโพรชูดโต้ ดิ พามา เป็นแฮมจากขาหมูหมักเกลือและบ่มด้วยวิธีพิเศษของผมเอง แล้วก็ ญ็อกกี้ คอน ซูโก ดิ คาร์เน เป็นพาสต้าทำจากแป้งและมันฝรั่งบด ปั้นให้เป็นก้อน ผัดกับซอสเนื้อมะเขือเทศเข้มข้นครับ”
ทั้งสองสั่งอาหารตามที่เชฟหลี่ป๋อเหวินแนะนำอีก 2-3 อย่าง เช่น คาสิโอเอเปเป้ ซึ่งเป็นพาสต้าแบบเส้นผัดกับชีสนมแกะและพริกไทยดำ ซึ่งเป็นเมนูโปรดของเว่ยซีหลง และยังมีอาหารทะเลชุบแป้งทอด สเต็กเนื้อย่าง และผักสลัดจานใหญ่ใส่ชีส
เมื่อได้อาหารมาแล้ว จากท่าทางที่เว่ยซีหลงคอยตักอาหารให้ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่เขาพามาด้วย ก็ทำให้หลี่ป๋อเหวินรู้ได้ว่า ชายหนุ่มคนนี้มีความพิเศษต่อเพื่อนของเขาอย่างไร และยังไม่เคยเห็นคนที่จัดการคนร้ายได้อย่างเลือดเย็นแบบเว่ยซีหลง จะปฏิบัติต่อคนอื่นได้อย่างอ่อนโยนแบบนี้มาก่อน
อี้หมิงซือกินอาหารด้วยความเอร็ดอร่อย และในระหว่างนั้น เว่ยซีหลงก็เล่าเรื่องตัวเองว่าเขาเป็นใคร แต่สาเหตุที่ทำให้ได้รับบาดเจ็บนั้นในคืนนั้น เขาไม่ได้พูดถึง ซึ่งอี้หมิงซือก็ไม่ถามด้วย เพราะรู้ดีว่านี่คือปฏิบัติการพิเศษทางทหารที่ไม่สามารถเปิดเผยได้
แต่เขาก็ถามนายทหารหนุ่มว่า “คุณอยู่ในคณะนายทหารที่มาเยือนชิงต่าวล่วงหน้าใช่มั้ยครับ”
เว่ยซีหลงพยักหน้า “ผมถึงได้แวะมาเจอคุณก่อน”
อี้หมิงซือตวัดสายตามองเขา แต่ก็ไม่ถามอะไรมาก ทั้งสองเป็นคนพูดน้อยทั้งคู่ แต่น่าแปลกที่กลับเข้าใจกัน โดยไม่ต้องพูดอะไรมากมาย
เมื่อกินข้าวเสร็จแล้ว เว่ยซีหลงเดินเข้าไปทักทายหลี่ป๋อเหวิน ที่กำลังเก็บล้างครัวแล้ว เว่ยซีหลงจ่ายเงินค่าอาหารและขอบคุณเพื่อนที่ช่วยทำอาหารให้เป็นพิเศษ หลี่ป๋อเหวินถามในสิ่งที่อยากรู้ว่า “คนนี้พิเศษเหรอ” นายทหารหนุ่มยิ้มและพยักหน้ายอมรับ จากนั้นพวกเขาก็ลากลับ
เว่ยซีหลงซึ่งเดินนำไปที่รถ ก็หยุดมองไปที่ชายหาด ตอนนี้พระจันทร์เต็มดวงส่องแสงนวลสว่างบนท้องฟ้า คลื่นทะเลที่ซัดสาดเข้ามาเป็นระลอก สะท้อนกับแสงจันทร์เป็นประกายระยิบระยับ เขาหันไปถามอี้หมิงซือว่า “เดินเล่นกันมั้ยครับ”
ชายหนุ่มเห็นความสวยงามของชายหาดที่ส่องสว่างด้วยแสงจันทร์ เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ผ่อนคลายแบบนี้มานานแล้ว เขาจึงพยักหน้าด้วยความเต็มใจ
ทั้งสองเดินเล่นอยู่ริมชายหาดเคียงข้างไปด้วยกัน นานๆ พวกเขาจึงจะคุยกัน ท่ามกลางลมเย็นๆ ที่พัดมาจากทะเล และเสียงคลื่นที่ซัดสาด พวกเขาเดินเล่นด้วยกันอยู่สักพัก จากนั้นอี้หมิงซือก็พูดว่า “จะสามทุ่มแล้ว กลับกันดีกว่า พรุ่งนี้ผมมีงานต้องทำแต่เช้า”
นายทหารหนุ่มพยักหน้าเห็นด้วย “กลับก็ดี อากาศเริ่มหนาวแล้ว โดนลมแรงๆ คุณจะไม่สบายด้วย”
ทั้งสองจึงเดินกลับไปที่รถ ก่อนจะออกรถไป เว่ยซีหลงหยิบเสื้อคลุมของเขาที่แขวนเอาไว้ในรถ มาคลุมให้ชายหนุ่มที่นั่งกอดอกด้วยความหนาว อี้หมิงซือดึงเสื้อคลุมให้กระชับกับตัวมากขึ้นก่อนจะบอกว่า “ขอบคุณครับผู้พันเว่ย”
อีกฝ่ายหัวเราะออกมา “เรียกผมว่าซีหลงก็ได้ แล้วผมก็จะได้เรียกคุณว่าหมิงซือ” อี้หมิงซือปรายตามองเขา พยักหน้ายอมรับ จากนั้นก็ขยับตัวพิงเบาะและหลับตาลง
เมื่อเว่ยซีหลงขับรถมาถึงอพาร์ทเมนท์ เขาก็กันไปเรียกอีกฝ่ายที่หลับอยู่ “หมิงซือ..ถึงแล้วครับ” อี้หมิงซือลืมตาขึ้น ขยับนั่งตัวตรง พับเสื้อคลุมส่งคืนให้อีกฝ่าย เมื่อปลดเข็มขัดนิรภัยเสร็จ เขาหันมาพูดกับนายทหารหนุ่มที่มองเขาด้วยสายตาอ่อนโยนว่า “ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับ”
เมื่ออีกฝ่ายถามว่า “วันนี้คุณมีความสุขมั้ยครับ” อี้หมิงซือพยักหน้า และยิ้มออกมาด้วยดวงตาเป็นประกาย
เว่ยซีหลงจ้องมองใบหน้าสวยงามของฝ่ายตรงข้าม ที่สว่างด้วยรอยยิ้มและดวงตาคู่นั้น เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้อี้หมิงซือ และประทับจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากอ่อนนุ่มนั้น
อี้หมิงซือสะดุ้ง ก่อนที่เขาจะขยับตัวหลบ เว่ยซีหลงใช้อ้อมแขนแข็งแรงข้างหนึ่งดึงอีกฝ่ายเข้ามาที่แผ่นอกอบอุ่น และใช้มืออีกข้างประคองศีรษะด้านหลังของอีกฝ่ายเอาไว้ จากจูบที่บางเบาอ่อนโยน กลายมาเป็นร้อนแรงในทันที
เขาบดริมฝีปากลงไป อี้หมิงซือเผยอปากอ้าออกมาเล็กน้อย และเขาก็ต้องสะท้านสั่น เมื่อลิ้นแข็งแกร่งของนายทหารหนุ่มฉกวูบเข้ามาในปากพลิกพลิ้วไปกับลิ้นของเขา บางครั้งดูดกลืนลิ้นของเขาอย่างเชี่ยวชาญ ลมหายใจของทั้งสองแรงขึ้นตามอารมณ์ที่พุ่งสูง
แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ของเว่ยซีหลงก็ดังขึ้น อี้หมิงซือสะดุ้ง เขารีบดันเว่ยซีหลงออกด้วยใบหน้าแดงก่ำ นายทหารหนุ่มจ้องมองอี้หมิงซือด้วยสายตาร้อนแรง เมื่อเห็นใบหน้าแดงก่ำและริมฝีปากเปียกชื้นที่บวมนิดๆ จากแรงจูบ
เสียงโทรศัพท์ที่หยุดลงไปก็ดังขึ้นอีกครั้ง นายทหารหนุ่มสบถในใจ เขารับโทรศัพท์ที่โทรมาไม่หยุดนั้น อี้หมิงซือรีบคว้าเสื้อคลุมของตัวเอง ผลุนผลันลงจากรถและเดินหายเข้าไปในประตูอพาร์ทเม้นท์ด้วยความเร็ว เว่ยซีหลงมองตามหลังร่างสูงโปร่งนั้นไปด้วยความเสียดาย
อี้หมิงซือไม่รู้ตัวว่าเดินขึ้นลิฟท์และเปิดประตูอพาร์ทเม้นท์อย่างไร คืนนั้น นายกเทศมนตรีหนุ่มผู้ที่ไม่เคยจูบใครมาก่อน นอนพลิกไปพลิกมาทั้งคืน ด้วยความรู้สึกหลายอย่าง เขาสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง และสถานการณ์ของเขากับเว่ยซีหลงที่ไปเร็วกว่าที่คิด แต่เมื่อนึกถึงริมฝีปากอบอุ่นของเว่ยซีหลง หัวใจของเขาก็เต้นแรงและรู้สึกวาบหวามใจไปตลอดคืนอันว้าวุ่นนั้น